คำพิพากษาที่อยู่ใน Tags
โทษจำคุก

พบผลลัพธ์ทั้งหมด 507 รายการ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 756/2520

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การแก้ไขโทษจำคุกในศาลอุทธรณ์ และข้อจำกัดในการฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริง
ศาลชั้นต้นพิพากษาลงโทษจำเลย 2 กระทง ฐานมีเฮโรอีนจำคุก 1 ปี ฐานจำหน่ายเฮโรอีน จำคุก 5 ปี ศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้ให้ลงโทษฐานจำหน่ายเฮโรอีนกระทงเดียว จำคุก 5 ปี จึงเป็นการพิพากษายืนในความผิดกระทงนี้ ต้องห้ามฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริงตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 218

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2064/2520

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การลดโทษจำคุกก่อนประกาศคณะปฏิวัติ: ใช้กฎหมายเดิม
จำเลยทำผิดก่อนประกาศคณะปฏิวัติ ฉบับที่ 11 ลงวันที่21 พฤศจิกายน 2514 การลดโทษประหารชีวิตตาม มาตรา 52 เดิมลดลงเป็นจำคุกตลอดชีวิต หรือจำคุกตั้งแต่ 16 ปี ถึง 20 ปี เป็นคุณยิ่งกว่าประกาศคณะปฏิวัติ ข้อ 1 ซึ่งให้ลดเป็นโทษจำคุกตลอดชีวิตสถานเดียว ศาลต้องใช้ มาตรา 52 เดิม

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1238-1239/2518 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การรวมสำนวนคดีและการรอการลงโทษตามมาตรา 56 ประมวลกฎหมายอาญา กรณีโทษแต่ละสำนวนไม่เกิน 2 ปี
ในกรณีที่ศาลรวมการพิจารณาพิพากษาคดีที่จำเลยคนเดียวกันถูกฟ้องตั้งแต่ 2 สำนวนขึ้นไป คำว่า "ในคดีนั้น" ในตอนต้นของมาตรา 56 แห่งประมวลกฎหมายอาญา หมายถึงคดีแต่ละสำนวนเป็นรายคดี เมื่อกำหนดโทษจำคุกที่ศาลลงแก่จำเลยในแต่ละสำนวนตามที่ได้ลดโทษให้แล้วไม่เกิน 2 ปี และไม่ปรากฏว่าจำเลยได้รับโทษจำคุกมาก่อน ศาลย่อมมีอำนาจพิพากษาให้รอการลงโทษได้ถ้าเห็นเป็นการสมควร
( ประชุมใหญ่ ครั้งที่ 7/2518 )

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1238-1239/2518

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การรวมสำนวนคดีและการรอการลงโทษ: โทษจำคุกไม่เกิน 2 ปีต่อสำนวน
ในกรณีที่ศาลรวมการพิจารณาพิพากษาคดีที่จำเลยคนเดียวกันถูกฟ้องตั้งแต่ 2 สำนวนขึ้นไป คำว่า "ในคดีนั้น" ในตอนต้นของมาตรา 56 แห่งประมวลกฎหมายอาญา หมายถึงคดีแต่ละสำนวนเป็นรายคดี เมื่อกำหนดโทษจำคุกที่ศาลลงแก่จำเลยในแต่ละสำนวนตามที่ได้ลดโทษให้แล้วไม่เกิน 2 ปี และไม่ปรากฏว่าจำเลยได้รับโทษจำคุกมาก่อน ศาลย่อมมีอำนาจพิพากษาให้รอการลงโทษได้ถ้าเห็นเป็นการสมควร (ประชุมใหญ่ครั้งที่ 7/2518)

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 403/2517

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การเปลี่ยนโทษกักขังเป็นจำคุก: พิจารณาพฤติการณ์และระยะเวลาการกักขัง
คดีมีแต่ปัญหาข้อกฎหมาย ในการวินิจฉัยปัญหาข้อกฎหมายนั้นศาลฎีกาจะต้องฟังข้อเท็จจริงตามที่ศาลอุทธรณ์ได้วินิจฉัยมาแล้วจากพยานหลักฐานในสำนวนตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญามาตรา 222 แต่ถ้าศาลอุทธรณ์ยังมิได้วินิจฉัยข้อเท็จจริงมา ศาลฎีกาเห็นสมควรก็วินิจฉัยข้อเท็จจริงโดยไม่จำต้องย้อนสำนวนไปให้ศาลอุทธรณ์วินิจฉัยก่อน
ผู้ต้องโทษกักขังแทนค่าปรับตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 29ในระหว่างรับโทษกักขังอยู่ทำผิดข้อกำหนดตามมาตรา 27 ศาลอาจเปลี่ยนโทษกักขังเป็นโทษจำคุกได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 393/2517

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การพิจารณาโทษจำคุกต่อเนื่องจากคดีอื่น แม้จำเลยปฏิเสธการรับสารภาพ
แม้ศาลจะพิพากษาลงโทษจำคุกจำเลยตลอดชีวิตแล้ว ศาลก็อาจให้นับโทษจำเลยต่อจากโทษคดีอื่นได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2651/2517

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การเปลี่ยนแปลงโทษกักขังเป็นโทษจำคุกรอการลงโทษไม่ถือเป็นการเพิ่มเติมโทษ และฎีกาคัดค้านดุลพินิจศาลอุทธรณ์เป็นฎีกาต้องห้าม
ศาลชั้นต้นพิพากษาลงโทษจำคุกจำเลย 5 วัน ปรับ 200บาทโทษจำคุกเปลี่ยนเป็นกักขัง จำเลยฝ่ายเดียวอุทธรณ์ การที่ศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้ให้รอการลงโทษไว้มีกำหนด 1ปี โดยไม่ลงโทษกักขังแทนจำคุกนอกจากที่แก้ให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลชั้นต้นนั้น เป็นการกำหนดโทษจำคุกโดยมีเงื่อนไขให้เป็นคุณแก่จำเลย เพื่อให้จำเลยไม่ต้องรับโทษกักขังไม่เป็นการเพิ่มเติมโทษอันต้องห้ามตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 212
ฎีกาโจทก์ที่ขอให้ลงโทษจำเลยตามคำพิพากษาศาลชั้นต้นดังกล่าวเป็นฎีกาคัดค้านดุลพินิจในการวางโทษของศาลอุทธรณ์ เป็นฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริง ต้องห้ามตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 220 (ปัญหาข้อแรกตัดสินโดยมติที่ประชุมใหญ่ ครั้งที่ 13/2517)

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 243/2517 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ จำกัดโทษอาวุธปืน: แม้ศาลชั้นต้นไม่กำหนดโทษ แต่ต้องไม่เกิน 5 ปี จำเลยจึงฎีกาข้อเท็จจริงในข้อหานี้ไม่ได้
ศาลชั้นต้นพิพากษาว่าจำเลยมีความผิดฐานพยายามฆ่าผู้อื่นและฐานมีอาวุธปืนและเครื่องกระสุนปืนไว้โดยไม่ได้รับอนุญาต แต่ให้ลงโทษจำเลยในความผิดฐานพยายามฆ่าผู้อื่นซึ่งเป็นกระทงหนักที่สุดจำคุก 12 ปี ศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้แต่ความผิดฐานพยายามฆ่าผู้อื่นและลงโทษเท่าเดิม ส่วนข้อหาตามพระราชบัญญัติอาวุธปืนฯ นั้นคงยืนตามศาลชั้นต้น แม้ศาลล่างจะมิได้กำหนดโทษในความผิดฐานนี้ไว้ แต่ความผิดฐานนี้มีโทษจำคุกตั้งแต่ 6 เดือนถึง 5 ปีจะกำหนดโทษเกิน 5 ปีย่อมไม่ได้ จำเลยจึงต้องห้ามฎีกาข้อเท็จจริงในข้อหานี้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1413/2517 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ฎีกาต้องห้ามเรื่องรอการลงโทษ: การอุทธรณ์แก้โทษจำคุกโดยไม่รอการลงโทษ ทำให้ฎีกาขอรอการลงโทษเป็นฎีกาข้อเท็จจริงต้องห้าม
ศาลชั้นต้นพิพากษาให้ลงโทษจำคุกจำเลยแต่ละกระทงความผิดจำคุกไม่เกิน 1 ปี และปรับไม่เกิน 1,000 บาท โดยให้รอการลงโทษจำคุกไว้ เมื่อศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้เป็นว่าไม่รอการลงโทษจำคุกให้แม้จะเป็นการแก้ไขมาก จำเลยก็จะฎีกาขอให้รอการลงโทษจำคุกซึ่งเป็นฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริงไม่ได้ ต้องห้ามตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 220

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2188/2516

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การพิจารณาโทษจำคุกเพื่อการฎีกา: โทษแต่ละกระทงมิใช่โทษรวม
โทษจำคุกไม่เกิน 5 ปี ที่ต้องห้ามฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริงตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 218 นั้น หมายถึงโทษแต่ละกระทง มิใช่หมายถึงเอาโทษของแต่ละกระทงมารวมกัน
of 51