คำพิพากษาที่อยู่ใน Tags
ศาล

พบผลลัพธ์ทั้งหมด 3,640 รายการ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1581/2493

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ สัญญาซื้อขายที่ดินของผู้เยาว์ต้องได้รับอนุญาตจากศาลจึงมีผลผูกพัน
การที่มารดาเอาที่ดินของบุตร ซึ่งยังเป็นผู้เยาว์ไปทำสัญญาจะขายแก่ผู้อื่นนั้นเป็นสัญญาซึ่งตามนัยแห่งประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1546(1) เป็นที่เข้าใจกันอยู่ว่าจะผูกพันเด็กได้ก็ต่อเมื่อศาลได้อนุญาตให้ขายตามสัญญานั้นแล้ว (อ้างฎีกาที่ 462/2488)

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1571/2493 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ วิวาททำให้ถึงแก่ความตาย: ศาลลงโทษฐานทำร้ายร่างกายได้ แม้ฟ้องฆ่า
อัยการโจทก์ฟ้องหาว่าจำเลยฆ่าคนตายโดยเจตนาถ้าทางพิจารณาได้ความว่าเป็นเรื่องวิวาทที่ไม่รู้ว่าใครทำใครแล้ว ศาลก็ต้องยกฟ้องแต่ถ้าปรากฎว่าในกรณีวิวาทนั้นจำเลยเป็นผู้ทำร้ายผู้ตายมีบาดเจ็บ อันเป็นความผิดส่วนหนึ่งในข้อหาแล้ว ศาลก็ย่อมลงโทษจำเลยฐานทำร้ายผู้ตายถึงบาดเจ็บตาม ก.ม.ลักษณะอาญามาตรา 254 ได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1536/2493 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ สิทธิในการพิสูจน์สัญชาติทางศาล แม้เคยร้องต่อเจ้าพนักงานแล้ว
การร้องขอพิศูจน์สัญชาติตาม พ.ร.บ.คนเข้าเมือง พ.ศ. 2480 มาตรา 28 ว่าผู้ร้องเป็นบุคคลเกิดในประเทศไทยและมีสัญชาติเป็นไทยโดยกำเหนิดนั้น แม้ผู้ร้องจะได้ร้องทางเจ้าพนักงานตลอดจนถึงรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทยได้สั่งเสร็จไปแล้วให้ยกคำร้อง ของผู้ร้องเสียก็ดีผู้ร้องก็ยังมีสิทธิมาร้องขอพิศูจน์ทางศาลได้อีก

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1536/2493

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ สิทธิร้องขอพิสูจน์สัญชาติทางศาล แม้เคยร้องต่อเจ้าพนักงานแล้ว ศาลฎีกาวางหลักสิทธิในการพิสูจน์สัญชาติเป็นสิทธิสำคัญ
การร้องขอพิสูจน์สัญชาติตาม พ.ร.บ.คนเข้าเมือง พ.ศ.2480 มาตรา 28 ว่าผู้ร้องเป็นบุคคลเกิดในประเทศไทยและมีสัญชาติเป็นไทยโดยกำเนิดนั้นแม้ผู้ร้องจะได้ร้องทางเจ้าพนักงานตลอดจนถึงรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทยได้สั่งเสร็จไปแล้วให้ยกคำร้องของผู้ร้องเสียก็ดี ผู้ร้องก็ยังมีสิทธิมาร้องขอพิสูจน์ทางศาลได้อีก

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1398/2493 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การเลิกห้างหุ้นส่วนและการชำระบัญชีโดยความยินยอมของผู้เป็นหุ้นส่วน การวินิจฉัยศาลจำกัดเฉพาะประเด็นทางกฎหมาย
ห้างหุ้นส่วนสามัญตั้งขึ้นไม่มีกำหนดกาล เมื่อผู้เป็นหุ้นส่วนคนหนึ่งมีหนังสือมาบอกกล่าวเลิกห้างหุ้นส่วนพร้อมกับเสนอระบุชื่อผู้ชำระบัญชีไปด้วย ผู้เป็นหุ้นส่วนอื่นก็มิได้คัดค้านประการใดยังกลับตอบรับเห็นชอบและยอมตั้งผู้ชำระบัญชีผู้ที่ระบุไปนั้นด้วย เป็นแต่กำหนดเงื่อนไขไว้บางประการเท่านั้นดังนี้นับว่าการเลิกห้างหุ้นส่วนและจัดการชำระบัญชีได้กระทำไปแล้ว ตามกฎหมาย แต่การชำระบัญชีในเรื่องทรัพย์สินของห้างหุ้นส่วนจะถูกต้องหรือไม่ย่อมเป็นประเด็นหนึ่งต่างหาก ฉะนั้นผู้เป็นหุ้นส่วนอื่นจะมาฟ้องศาลขอให้ศาลสั่งเลิกห้างหุ้นส่วนนั้น และตั้งผู้ชำระบัญชีจัดการชำระบัญชีห้างหุ้นส่วนนี้อีกไม่ได้
โจทก์ฟ้องขอให้เลิกห้างหุ้นส่วนและตั้งผู้ชำระบัญชีใหม่และยังมีคำขออีกมากมายท้ายฟ้อง แต่ตั้งรูปคดีมาอย่างคดีไม่มีทุนทรัพย์ เพราะเสียค่าขึ้นศาลเพียง 15 บาท ดังนี้ศาลควรวินิจฉัยเพียงว่าการเลิกห้างหุ้นส่วน และการชำระบัญชีเป็นไปตาม ก.ม.หรือไม่เท่านั้น ส่วนทรัพย์ในห้างหุ้นส่วนจะมีเท่าใดเป็นส่วนของใครเท่าใดไม่ควรวินิจฉัยให้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1260/2493 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การฟ้องขับไล่จากห้องเช่า: ศาลมีอำนาจพิจารณาตามคำแก้ และยกกฎหมายควบคุมค่าเช่าขึ้นวินิจฉัยได้
ฟ้องให้ขับไล่จากห้องเช่าโดยอ้างว่าผู้เช่าค้างชำระค่าเช่า และอ้างเหตุว่าโจทก์ต้องการขับไล่จำเลยออกจากห้องเช่า และได้บอกกล่าวจำเลยเป็นคำรพ 2 อีกครั้งหนึ่งจำเลยก็ไม่ออก ดังนี้ แม้ข้อเท็จจริงจะได้ความว่าผู้ให้เช่าไม่ยอมรับค่าเช่าเอง แต่เมื่อปรากฎว่าได้บอกเลิกการเช่าล่วงหน้าตามกำหนดแล้ว ศาลก็ยกเหตุหลังขึ้นพิพากษาขับไล่ผู้เช่าได้ ไม่ถือว่าพิพากษานอกฟ้องนอกประเด็น
ประเด็นแห่งคดีอยู่ที่ข้อหาคำให้การ คำฟ้องอุทธรณ์และแก้อุทธรณ์ คำฟ้องฎีกาและแก้ฎีกาไม่ใช่อยู่ที่ข้อหาหรือคำฟ้องอย่างเดียว ศาลมีอำนาจพิพากษาตามข้อหาหรือคำแก้ได้ทั้ 2 สถาน
โจทก์ฟ้องขับไล่จำเลยออกจากห้องเช่าโดยอ้างว่าจำเลยค้างชำระค่าเช่า จำเลยต่อสู้ว่าโจทก์ไม่ยอมรับค่าเช่าเองจนจำเลยต้องยื่นคำร้องต่อคณะกรรมการควบคุมค่าเช่าฯ ทราบไว้โจทก์ไม่มีอำนาจฟ้องจำเลย ดังนี้แม้จำเลยจะไม่ต่อสู้โดยตรงว่าจำเลยได้รับความคุ้มครองตาม พ.ร.บ. ควบคุมค่าเช่าฯ แต่ก็ถือได้ว่าจำเลยได้ให้การเกี่ยวถึง พ.ร.บ.ควบคุมค่าเช่าฯ ในภาวะคับขันอยู่แล้ว กล่าวคือจำเลยได้ยื่นคำร้องต่อคณะกรรมการควบคุมค่าเช่าฯ และว่าโจทก์ไม่มีอำนาจฟ้องอย่างไรก็ดี พ.ร.บ.ควบคุมค่าเช่าฯ เป็นกฎหมายอันเกี่ยวด้วยความสงบเรียบร้อยของประชาชน ศาลจึงมีอำนาจยก พ.ร.บ.ขึ้นปรับคดีได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1242/2493

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ หน้าที่ศาลในการส่งสำเนาฎีกา แม้โจทก์ไม่ดำเนินการส่งเอง ศาลยังต้องดำเนินการตามกฎหมาย
การส่งสำเนาอุทธรณ์ฎีกาในคดีอาญานั้น เป็นหน้าที่ศาลส่งให้แก่คู่ความอีกฝ่ายหนึ่งตาม ป.ม.วิ.อาญามาตรา 200, 201, 216 ฉะนั้นแม้ศาลจะส่งให้ผู้อุทธรณ์ฎีกานำส่งสำเนาให้แก่คู่ความอีกฝ่ายหนึ่งภายในกำหนด พอถึงกำหนดแล้วไม่มานำส่งก็ดี จึงยังถือไม่ได้ว่าศาลส่งสำเนาอุทธรณ์ฎีกาให้จำเลยไม่ได้ตาม ป.ม.วิ.อาญามาตรา 201 ศาลจึงมีหน้าที่ต้องจัดการส่งสำเนาอุทธรณ์ฎีกาให้จำเลยต่อไป

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1240/2493 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ วันกระทำผิดไม่ตรงตามฟ้อง ทำให้ศาลลงโทษจำเลยไม่ได้ แม้มีพยานหลักฐานอื่น
โจทก์ฟ้องหาว่าจำเลยสมคบกันทำร้ายร่างกายและทำให้โจทก์เสื่อมอิสสระภาพในวันเวลาเดียวกัน ศาลชั้นต้นลงโทษจำเลยคนเดียวฐานทำให้เสื่อมเสียอิสสระภาพ และยกฟ้องปล่อยจำเลยคืน โจทก์อุทธรณ์ขอให้ลงโทษจำเลยอื่นตามฟ้อง ส่วนจำเลยคนที่ถูกลงโทษก็อุทธรณ์ขอให้ปล่อย ศาลอุทธรณ์เห็นว่าวันที่หาว่ากระทำผิดได้ความไม่ตรงกับฟ้อง จึงพิพากษาให้ยกฟ้องปล่อยจำเลยที่อุทธรณ์ไปโดยไม่พิจารณาอุทธรณ์ของโจทก์ ดังนี้ เมื่อปรากฎว่าความผิดทั้ง 2 ฐานที่กล่าวหาว่ากระทำผิดก็เป็นวันเดียวกัน ถ้าตามทางพิจารณาในเรื่องวันกระทำผิดได้ความแตกต่างกับฟ้องแล้ว ถึงอย่างไรศาลก็ย่อมลงโทษจำเลยไม่ได้ ตาม ป.ม.วิ.อาญามาตรา 192 หากเป็นเช่นนั้น คดีของโจทก์ก็ไม่จำเป็นที่ศาลจะย้อนสำนวนไปให้ศาลอุทธรณ์พิพากษาใหม่ต่อไป

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1240/2493

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ วันกระทำผิดไม่ตรงตามฟ้อง ทำให้ศาลลงโทษจำเลยไม่ได้ตามกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา
โจทก์ฟ้องหาว่าจำเลยสมคบกันทำร้ายร่างกายและทำให้โจทก์เสื่อมเสียอิสระภาพในวันเวลาเดียวกัน ศาลชั้นต้นลงโทษจำเลยคนเดียวฐานทำให้เสื่อมเสียอิสระภาพ และยกฟ้องปล่อยจำเลยอื่น โจทก์อุทธรณ์ขอให้ลงโทษจำเลยอื่นตามฟ้อง ส่วนจำเลยคนที่ถูกลงโทษก็อุทธรณ์ขอให้ปล่อย ศาลอุทธรณ์เห็นว่า วันที่หาว่ากระทำผิด ได้ความไม่ตรงกับฟ้อง จึงพิพากษาให้ยกฟ้องปล่อยจำเลยที่อุทธรณ์ไป โดยไม่พิจารณาอุทธรณ์ของโจทก์ ดังนี้ เมื่อปรากฏว่าความผิดทั้ง 2 ฐานที่กล่าวหาว่ากระทำผิดก็เป็นวันเดียวกัน ถ้าตามทางพิจารณาในเรื่องวันกระทำผิด ได้ความแตกต่างกับฟ้องแล้วถึงอย่างไรศาลก็ย่อมลงโทษจำเลยไม่ได้ ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 192 หากเป็นเช่นนั้น คดีของโจทก์ก็ไม่จำเป็นที่ศาลจะย้อนสำนวนไปให้ศาลอุทธรณ์พิพากษาใหม่ต่อไป

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1222/2493

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การอุทธรณ์ประเด็นที่ศาลชั้นต้นมิได้วินิจฉัย ถือเป็นอุทธรณ์ไม่เป็นประเด็น ศาลอุทธรณ์และศาลฎีกามีคำพิพากษายืน
โจทก์ฟ้องจำเลยหาว่า จำเลยสมยอมกันขายบ้านที่โจทก์เช่าอยู่แล้วยอมความกัน ให้จำเลยอีกคนหนึ่งรื้อบ้านไป จึงขอให้ศาลเพิกถอนสัญญาซื้อขาย สัญญายอมความและห้ามจำเลยรบกวนขัดขวางรอนสิทธิโจทก์ในการอยู่ในบ้านนี้
ศาลชั้นต้นตัดสินว่าโจทก์ได้รับความคุ้มครองตาม พระราชบัญญัติควบคุมค่าเช่าฯไม่จำต้องวินิจฉัยว่าจำเลยสมยอมกันหรือไม่ จึงพิพากษาห้ามจำเลยขัดขวางรบกวนสิทธิของโจทก์ในการเช่าบ้านหลังนี้ ดังนี้ สำหรับข้อที่โจทก์ได้รับความคุ้มครองตาม พระราชบัญญัติควบคุมค่าเช่าฯ ซึ่งศาลชั้นต้นยกขึ้นชี้ขาดให้จำเลยแพ้คดีจำเลยหาได้อุทธรณ์ไม่ จำเลยกลับไปอุทธรณ์ว่า จำเลยทำการโดยสุจริต ไม่ได้สมยอมกัน อันเป็นประเด็นที่ศาลชั้นต้นมิได้วินิจฉัย ดังนี้ ถือว่าอุทธรณ์ของจำเลยไม่เป็นประเด็นที่ศาลอุทธรณ์จะวินิจฉัย
of 364