พบผลลัพธ์ทั้งหมด 3,640 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 577/2492 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การใช้สิทธิไถ่ทรัพย์สิน ต้องเป็นการฟ้องร้องต่อศาล ไม่ใช่แค่การพูดคุยหรือนัดหมาย
คำว่า "ถ้าไถ่ภายในเวลา" ตามมาตรา 492 ป.ม.แพ่ง ฯ ย่อมหมายความว่า ได้มีการไถ่ถอนถูกต้องบริบูรณ์ตามแบบที่กฎหมายกำหนดไว้แล้วเท่านั้น การขอไถ่ยังหาเป็นการไถ่ไม่.
สิทธิในการไถ่ทรัพย์สินนั้นก็คือสิทธิอันหนึ่งที่ผู้ขายฝากมีอยู่ในอันที่จะเรียกร้องบังคับให้ผู้ซื้อฝากทำนิติกรรมให้กรรมสิทธิแห่งทรัพย์สินนั้น กลับคืนมาสู่ตน ฉะนั้นการใช้สิทธิไถ่ถอน จึงต้องรวมตลอดถึงการฟ้องร้องต่อศาล ขอให้ศาลบังคับให้ผู้ซื้อฝากกระทำการเช่นว่านั้น หรือให้ถือคำพิพากษาเป็นการแสดงเจตนาของผู้ซื้อฝากในนิติกรรมเช่นนั้น
การไปพูดขอไถ่ หรือนัดให้ผู้ขายฝากไปยังพนักงานเจ้าหน้าที่เพื่อทำการไถ่ถอน ยังหาเป็นการใช้สิทธิไถ่ถอนไม่ เมื่อผู้จัดการซื้อฝากไม่ไปยังพนักงานเจ้าหน้าที่ตามนัด ก็เป็นการแสดงอาการปฏิเสธไม่ยอมรับไถ่ถอนอยู่ในตัวแล้ว ผู้ขายฝากย่อมต้องจัดการฟ้องร้องขอให้บังคับตามสิทธิไถ่ถอนของตนเสีย ในกำหนดอายุความไถ่ถอนตามสัญญา.
(อ้างฎีกา 545/2490, 185/2491)
สิทธิในการไถ่ทรัพย์สินนั้นก็คือสิทธิอันหนึ่งที่ผู้ขายฝากมีอยู่ในอันที่จะเรียกร้องบังคับให้ผู้ซื้อฝากทำนิติกรรมให้กรรมสิทธิแห่งทรัพย์สินนั้น กลับคืนมาสู่ตน ฉะนั้นการใช้สิทธิไถ่ถอน จึงต้องรวมตลอดถึงการฟ้องร้องต่อศาล ขอให้ศาลบังคับให้ผู้ซื้อฝากกระทำการเช่นว่านั้น หรือให้ถือคำพิพากษาเป็นการแสดงเจตนาของผู้ซื้อฝากในนิติกรรมเช่นนั้น
การไปพูดขอไถ่ หรือนัดให้ผู้ขายฝากไปยังพนักงานเจ้าหน้าที่เพื่อทำการไถ่ถอน ยังหาเป็นการใช้สิทธิไถ่ถอนไม่ เมื่อผู้จัดการซื้อฝากไม่ไปยังพนักงานเจ้าหน้าที่ตามนัด ก็เป็นการแสดงอาการปฏิเสธไม่ยอมรับไถ่ถอนอยู่ในตัวแล้ว ผู้ขายฝากย่อมต้องจัดการฟ้องร้องขอให้บังคับตามสิทธิไถ่ถอนของตนเสีย ในกำหนดอายุความไถ่ถอนตามสัญญา.
(อ้างฎีกา 545/2490, 185/2491)
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 577/2492
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การไถ่ถอนที่ดินขายฝาก: การขอไถ่ด้วยวาจาไม่สมบูรณ์ ต้องฟ้องร้องต่อศาลเพื่อให้บังคับได้
คำว่า 'ถ้าไถ่ภายในเวลา'ตามมาตรา 492 ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ย่อมหมายความว่า ได้มีการไถ่ถอนถูกต้องบริบูรณ์ตามแบบที่กฎหมายกำหนดไว้แล้ว เท่านั้นการขอไถ่ยังหาเป็นการไถ่ไม่
สิทธิในการไถ่ทรัพย์สินนั้นก็คือสิทธิอันหนึ่งที่ผู้ขายฝากมีอยู่ในอันที่จะเรียกร้องบังคับให้ผู้ซื้อฝากทำนิติกรรมให้กรรมสิทธิ์แห่งทรัพย์สินนั้นกลับคืนมาสู่ตน ฉะนั้นการใช้สิทธิไถ่ถอน จึงต้องรวมตลอดถึงการฟ้องร้องต่อศาล ขอให้ศาลบังคับให้ผู้ซื้อฝากกระทำการเช่นว่านั้น หรือให้ถือคำพิพากษาเป็นการแสดงเจตนาของผู้ซื้อฝากในนิติกรรมเช่นนั้น
การไปพูดขอไถ่ หรือนัดให้ผู้ขายฝากไปยังพนักงานเจ้าหน้าที่เพื่อทำการไถ่ถอน ยังหาเป็นการใช้สิทธิไถ่ถอนไม่ เมื่อผู้จัดการซื้อฝากไม่ไปยังพนักงานเจ้าหน้าที่ตามนัด ก็เป็นการแสดงอาการปฏิเสธไม่ยอมรับไถ่ถอนอยู่ในตัวแล้ว ผู้ขายฝากย่อมต้องจัดการฟ้องร้องขอให้บังคับตามสิทธิไถ่ถอนของตนเสีย ในกำหนดอายุความไถ่ถอนตามสัญญา (อ้างฎีกาที่ 544/2490, 185/2491)
สิทธิในการไถ่ทรัพย์สินนั้นก็คือสิทธิอันหนึ่งที่ผู้ขายฝากมีอยู่ในอันที่จะเรียกร้องบังคับให้ผู้ซื้อฝากทำนิติกรรมให้กรรมสิทธิ์แห่งทรัพย์สินนั้นกลับคืนมาสู่ตน ฉะนั้นการใช้สิทธิไถ่ถอน จึงต้องรวมตลอดถึงการฟ้องร้องต่อศาล ขอให้ศาลบังคับให้ผู้ซื้อฝากกระทำการเช่นว่านั้น หรือให้ถือคำพิพากษาเป็นการแสดงเจตนาของผู้ซื้อฝากในนิติกรรมเช่นนั้น
การไปพูดขอไถ่ หรือนัดให้ผู้ขายฝากไปยังพนักงานเจ้าหน้าที่เพื่อทำการไถ่ถอน ยังหาเป็นการใช้สิทธิไถ่ถอนไม่ เมื่อผู้จัดการซื้อฝากไม่ไปยังพนักงานเจ้าหน้าที่ตามนัด ก็เป็นการแสดงอาการปฏิเสธไม่ยอมรับไถ่ถอนอยู่ในตัวแล้ว ผู้ขายฝากย่อมต้องจัดการฟ้องร้องขอให้บังคับตามสิทธิไถ่ถอนของตนเสีย ในกำหนดอายุความไถ่ถอนตามสัญญา (อ้างฎีกาที่ 544/2490, 185/2491)
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 409/2492
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ความผิดฐานสมรู้ร่วมคิดเจ้าพนักงานทุจริต แม้ฟ้องเป็นตัวการ ศาลลงโทษฐานสมรู้ได้
การที่เจ้าพนักงานสมคบกับราษฎรร่วมกันกระทำผิดฐานใช้อำนาจและตำแหน่งหน้าที่ในทางทุจริต ราษฎรย่อมมีผิดฐานสมรู้
คดีโจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษฐานเป็นตัวการ ทางพิจารณาได้ความว่ามีผิดฐานสมรู้ ศาลก็ลงโทษได้
(อ้างฎีกา 620/2490)
คดีโจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษฐานเป็นตัวการ ทางพิจารณาได้ความว่ามีผิดฐานสมรู้ ศาลก็ลงโทษได้
(อ้างฎีกา 620/2490)
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 399/2492
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การยอมแพ้คดีหลังแถลงต่อศาล การเปลี่ยนแปลงข้อตกลงภายหลังย่อมไม่รับฟังได้ ผู้ค้ำประกันหลุดพ้นความรับผิด
คู่ความได้แถลงต่อศาล โดยจำเลยแถลงว่า ถ้าโจทก์สาบานต่อสิ่งศักดิ์สิทธิ์ได้ว่าโจทก์ได้ให้จำเลยกู้เงินไปจริงตามฟ้องจำเลยยอมแพ้คดีถ้าโจทก์ไม่ยอมสาบานโจทก์ยอมแพ้ครั้นถึงกำหนดนัด โจทก์ไม่ยอมสาบาน ศาลชั้นต้นจดรายงานพิจารณาไว้ชัดเจนว่า ฝ่ายโจทก์ไม่ยอมสาบาน จึงเป็นอันว่าโจทก์ยอมแพ้คดีแก่จำเลย (ที่1) ในครั้งนั้นมิได้มีการกล่าวอ้างที่หลงเข้าใจผิดแต่ประการใด ต่อมาอีกหลายวัน โจทก์ยื่นคำร้องอ้างว่าเข้าใจผิดในคำสาบานดังนี้ ย่อมรับฟังไม่ได้
เมื่อลูกหนี้ไม่ต้องรับผิดต่อเจ้าหนี้แล้ว ผู้ค้ำประกันก็หลุดพ้นจากความรับผิดไปด้วย
เมื่อลูกหนี้ไม่ต้องรับผิดต่อเจ้าหนี้แล้ว ผู้ค้ำประกันก็หลุดพ้นจากความรับผิดไปด้วย
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3/2492
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ฟ้องไม่ถูกต้องตามกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา หากศาลดำเนินกระบวนการสืบพยานไปแล้ว ต้องยกฟ้อง
ฟ้องที่มิได้ลงชื่อโจทก์นั้นเป็นฟ้องไม่ถูกต้องตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 158(7)
ศาลชั้นต้นได้สั่งประทับฟ้องที่ไม่ถูกต้องไว้ และดำเนินกระบวนพิจารณาสืบพยานโจทก์ไปแล้ว คงเหลือแต่พนักงานสอบสวนอีกปากเดียว ความจึงปรากฏจากคำร้องของจำเลยว่าโจทก์ไม่ได้ลงชื่อในฟ้องดังนี้จึงมีวิธีที่ศาลจะปฏิบัติตามมาตรา 161 ได้อีกทางเดียวคือให้ยกฟ้องเสีย(ประชุมใหญ่ครั้งที่ 1/92)
ศาลชั้นต้นได้สั่งประทับฟ้องที่ไม่ถูกต้องไว้ และดำเนินกระบวนพิจารณาสืบพยานโจทก์ไปแล้ว คงเหลือแต่พนักงานสอบสวนอีกปากเดียว ความจึงปรากฏจากคำร้องของจำเลยว่าโจทก์ไม่ได้ลงชื่อในฟ้องดังนี้จึงมีวิธีที่ศาลจะปฏิบัติตามมาตรา 161 ได้อีกทางเดียวคือให้ยกฟ้องเสีย(ประชุมใหญ่ครั้งที่ 1/92)
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2009/2492
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การระบุพยาน: ศาลต้องไต่สวนก่อนตัดพยาน หากมีข้อสงสัยเรื่องการยื่นบัญชีพยาน
ในวันพิจารณาครั้งแรกปรากฏว่าทนายจำเลยได้ยื่นบัญชีพยานเพิ่มเติมครั้งที่ 1 ไว้ต่อศาล แต่ในสำนวนไม่ปรากฏว่า จำเลยได้ยื่นบัญชีระบุพยานไว้ก่อน วันนัดสืบพยาน 3 วัน ทนายจำเลยแถลงยืนยันว่าได้ยื่นบัญชีระบุพยานไว้แล้ว พนักงานศาลอาจกลัดสำนวนผิดได้ ดังนี้ศาลควรไต่สวนเรื่องระบุพยานจำเลยก่อนดำเนินการพิจารณาพิพากษาต่อไป จะตัดพยานจำเลยเสียทีเดียวไม่ได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1902/2492 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ถ้อยคำวิพากษ์วิจารณ์ระหว่างทนายในศาล ไม่ถึงขั้นหมิ่นประมาท
โจทก์เป็นนายกเทศมนตรีและเป็นทนายฝ่ายโจทก์ในคดีเรื่องหนึ่ง จำเลยเป็นทนายฝ่ายจำเลยในคดีนั้น ในระหว่างสืบพะยานจำเลยได้กล่าวว่า "ถามพะยานอย่างโง่ ถามอย่างนั้นไม่ได้ ไม่เกี่ยวกับประเด็นอะไร เป็นเทศมนตรีไม่เห็นดีอะไร" ดังนี้ เป็นถ้อยคำต่ำช้าอันสามัญชนไม่พึงกล่าว แต่ยังไม่ถึงขั้นใส่ความ หรือเป็นถ้อยคำหมิ่นประมาท.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1902/2492
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
คำพูดวิพากษ์วิจารณ์ระหว่างทนายในศาล ไม่ถึงขั้นหมิ่นประมาท
โจทก์เป็นนายกเทศมนตรีและเป็นทนายฝ่ายโจทก์ในคดีเรื่องหนึ่ง จำเลยเป็นทนายฝ่ายจำเลยในคดีนั้นในระหว่างสืบพยานจำเลยได้กล่าวว่า"ถามพยานอย่างโง่ ถามอย่างนั้นไม่ได้ไม่เกี่ยวกับประเด็นอะไร เป็นเทศมนตรีไม่เห็นดีอะไร" ดังนี้ เป็นถ้อยคำต่ำช้าอันสามัญชนไม่พึงกล่าว แต่ยังไม่ถึงขั้นใส่ความ หรือเป็นถ้อยคำหมิ่นประมาท
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1851/2492 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การเลื่อนคดีเพื่อความพยายามประนีประนอม และการอนุญาตให้ระบุพยานในวันสืบพยาน
โจทก์มิได้ยื่นระบุพะยานไว้ ได้มาร้องขอยื่นในวันนัดสืบพะยานโจทก์ ซึ่งศาลสั่งไว้ในรายงานพิจารณาว่า ในวันสืบ ควรให้จำเลยมาศาลด้วยเพื่อพูดจากัน ดังนี้ ควรให้เลื่อนคดี และให้โจทก์ระบุอ้างพะยานได้ เพราะศาลยังติดใจให้คู่ความพูดจากันอยู่
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1850/2492
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ค่าธรรมเนียมบังคับคดีกรณีทรัพย์ยึดก่อนคำพิพากษาจำหน่ายโดยความยินยอมของศาล
ทรัพย์ที่ยึดไว้ก่อนคำพิพากษาซึ่งคู่ความได้รับอนุญาตจากศาลเอาไปจำหน่ายแล้วนำเงินมาวางศาล ให้เรียกค่าธรรมเนียมชั้นบังคับคดี ร้อยละ 3.5 ตามตาราง 5หมายเลข2