คำพิพากษาที่อยู่ใน Tags
อุทธรณ์

พบผลลัพธ์ทั้งหมด 3,483 รายการ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2081-2082/2497

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ อำนาจสั่งออกหมายจับเพื่อรับสำเนาอุทธรณ์: ศาลชั้นต้นมีอำนาจโดยตรง ศาลอุทธรณ์มีอำนาจใช้ดุลพินิจ
โจทก์ขอให้ศาลอุทธรณ์ออกหมายจับ ศาลอุทธรณ์สั่งให้ยกคำร้องเสียโจทก์ฎีกาขึ้นมาได้โดยที่ศาลอุทธรณ์ยังไม่ได้มีคำพิพากษาหรือคำสั่งให้จำหน่ายคดีนั้น เพราะไม่ใช่เป็นคำสั่งระหว่างพิจารณาตาม ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 196(ประชุมใหญ่ ครั้งที่ 7/2498)
การส่งสำเนาอุทธรณ์ให้แก่คู่ความนั้นเป็นหน้าที่ศาลชั้นต้น(อ้างฎีกาที่ 130/2482) โจทก์จึงชอบที่จะร้องขอต่อศาลชั้นต้นให้ออกหมายจับ
มาตรา 207 ไม่ใช่บทบังคับศาลอุทธรณ์ เพียงแต่ให้อำนาจศาลอุทธรณ์พิจารณาสั่งแล้วแต่กรณี ศาลฎีกาจะสั่งกลับคำพิพากษาศาลอุทธรณ์แล้ว ให้ศาลอุทธรณ์สั่งศาลชั้นต้นออกหมายจับอีกต่อหนึ่งนั้นไม่ชอบ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1867/2497 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การรับอุทธรณ์ไม่ถือเป็นการรับรองการอุทธรณ์ข้อเท็จจริง
การที่ศาลชั้นต้นสั่งรับอุทธรณ์ "รับเป็นอุทธรณ์" นั้นจะถือว่าได้รับรองให้อุทธรณ์ในปัญหาข้อเท็จจริงในคดีมโนสาเร่ยังไม่ได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1867/2497

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การรับอุทธรณ์ไม่ใช่การรับรองการวินิจฉัยข้อเท็จจริง
การที่ศาลชั้นต้นสั่งรับอุทธรณ์ว่า "รับเป็นอุทธรณ์"นั้นจะถือว่าได้รับรองให้อุทธรณ์ในปัญหาข้อเท็จจริงในคดีมโนสาเร่ยังไม่ได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 16/2497 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การนับระยะเวลาคำสั่งศาลและการยื่นอุทธรณ์: คำสั่งที่ยังไม่ได้อ่านมีผลเมื่อใด
ศาลชั้นต้นมีคำสั่งไม่รับอุทธรณ์ของจำเลย เขียนคำสั่งลงวันที่ 8 มิ.ย. 42 แต่ไม่ปรากฎว่าศาลได้นำคำสั่งนั้นออกอ่านหรือเพื่ออ่าน และไม่ปรากฎว่าได้มีการจดแจ้งว่าได้มีการอ่านคำสั่งนั้นในรายงานใด ๆ ในวันที่ 8 นั้นเลย จำเลยเพิ่งเซ็นทราบคำสั่งนั้นในวันที่ 9 ดังนี้ต้องถือว่าศาลชั้นต้นได้มีคำสั่งไม่รับอุทธรณ์ของจำเลยเมือ่วันที่ 9.
ศาลอุทธรณ์สั่งว่า จำเลยยืนคำร้องอุทธรณ์คำสั่งเกิน 10 วันตามมาตรา 234 ป.ม.วิ.แพ่ง ให้ยกคำร้องอุทธรณ์ของจำเลยเสียนั้น จำเลยฎีกาต่อศาลฎีกาว่าจำเลยยืนอุทธรณ์ภายใน 10 วัน หาเกินไม่ ดังนี้ได้ ไม่เป็นการต้องห้ามตามป.ม.วิ.แพ่งม.236

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 16/2497

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ระยะเวลาการยื่นอุทธรณ์คำสั่งไม่รับอุทธรณ์: คำสั่งมีผลเมื่อผู้ถูกอุทธรณ์ทราบ
ศาลชั้นต้นมีคำสั่งไม่รับอุทธรณ์ของจำเลยเขียนคำสั่งลงวันที่ 8 มิ.ย. 96 แต่ไม่ปรากฏว่าศาลได้นำคำสั่งนั้นออกอ่านหรือเพื่ออ่านและไม่ปรากฏว่าได้มีการจดแจ้งว่าได้มีการอ่านคำสั่งนั้นในรายงานใดๆ ในวันที่ 8 นั้นเลย จำเลยเพิ่งเซ็นทราบคำสั่งนั้นในวันที่ 9 ดังนี้ต้องถือว่าศาลชั้นต้นได้มีคำสั่งไม่รับอุทธรณ์ของจำเลยเมื่อวันที่ 9
ศาลอุทธรณ์สั่งว่า จำเลยยื่นคำร้องอุทธรณ์คำสั่งเกิน 10 วันตามมาตรา 234 ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง ให้ยกคำร้องอุทธรณ์ของจำเลยเสียนั้นจำเลยฎีกาต่อศาลฎีกาว่าจำเลยยื่นอุทธรณ์ภายใน10 วันหาเกินไม่ ดังนี้ได้ ไม่เป็นการต้องห้ามตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 236

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1587/2497 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ขอบเขตคำขอของอัยการและผู้เสียหายในการอุทธรณ์โทษอาญา: ศาลฎีกาพิจารณาจากคำขอให้ลงโทษหนักได้
อัยการและผู้เสียหายต่างอุทธรณ์ด้วยกัน โดยผู้เสียหายขอให้ศาลอุทธรณ์อย่ารอการลงโทษแก่จำเลย อัยการขอให้ศาลอุทธรณ์ลงโทษให้หนักขึ้น ดังนี้ศาลอุทธรณ์มีอำนาจพิพากษาตามคำขอของอัยการได้ ไม่เป็นการเกินคำขอ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1501/2497 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ผลของการพิพากษายกฟ้องต่อจำเลยที่ไม่ได้อุทธรณ์ในคดีหนี้ที่ไม่สามารถแบ่งแยกได้
ศาลชั้นต้นพิพากษาให้จำเลย 2 คนชำระหนี้เงินตามสัญญากู้จำเลยคนหนึ่งอุทธรณ์ ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน จำเลยคนนั้นฎีกาต่อมา ศาลฎีกาไม่เชื่อพยานหลักฐานของโจทก์พิพากษายกฟ้อง จำเลยคนที่ไม่ได้อุทธรณ์ฎีกา ก็ย่อมได้รับผลตามคำพิพากษาด้วย ตาม ป.ม.วิ.แพ่ง ม.245(1)

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1501/2497

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ผลของคำพิพากษาต่อจำเลยที่ไม่ได้อุทธรณ์ฎีกาในคดีหนี้สิน
ศาลชั้นต้นพิพากษาให้จำเลย 2 คนชำระหนี้เงินตามสัญญากู้จำเลยคนหนึ่งอุทธรณ์ ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน จำเลยคนนั้นฎีกาต่อมา ศาลฎีกาไม่เชื่อพยานหลักฐานของโจทก์พิพากษายกฟ้อง จำเลยคนที่ไม่ได้อุทธรณ์ฎีกา ก็ย่อมได้รับผลตามคำพิพากษาด้วย ตาม ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 245(1)

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1499/2497 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ คำสั่งรับอุทธรณ์เป็นที่สุด ห้ามฎีกาคัดค้านคำสั่งระหว่างพิจารณา
ในคดีแพ่งหรือคดีอาญาเมื่อศาลชั้นต้นหรือศาลอุทธรณ์ มีคำสั่งรับอุทธรณ์ของคู่ความฝ่ายหนึ่งแล้ว คู่ความอีกฝ่ายหนึ่งจะฎีกาคัดค้านว่าไม่ควรรับนั้นหาได้ไม่ เพราะเป็นคำสั่งระหว่างพิจารณาต้องห้ามตาม ป.ม.วิอาญา ม.196 ประกอบด้วย ม.215 และในคดีแพ่งคำสั่งศาลอุทธรณ์ที่ให้รับอุทธรณ์ย่อมเป็นที่สุดตาม ป.ม.วิ.แพ่ง ม.236

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1499/2497

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ คำสั่งรับอุทธรณ์เป็นที่สุด ไม่สามารถฎีกาคัดค้านได้
ในคดีแพ่งหรือคดีอาญาเมื่อศาลชั้นต้นหรือศาลอุทธรณ์ มีคำสั่งรับอุทธรณ์ของคู่ความฝ่ายหนึ่งแล้ว คู่ความอีกฝ่ายหนึ่งจะฎีกาคัดค้านว่าไม่ควรรับนั้นหาได้ไม่เพราะเป็นคำสั่งระหว่างพิจารณา ต้องห้ามตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 196 ประกอบด้วย มาตรา215 และในคดีแพ่งคำสั่งศาลอุทธรณ์ที่ได้รับอุทธรณ์ย่อมเป็นที่สุดตาม ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 236
of 349