พบผลลัพธ์ทั้งหมด 3,640 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 423/2491 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
คำรับสารภาพประกอบพยานแวดล้อมเพียงพอ ศาลลงโทษจำเลยได้ แม้พยานไม่หนักแน่น
ในคดีที่จำเลยรับสารภาพแต่เพราะเป็นคดีมีอัตราโทษจำคุกอย่างสูงถึง 10 ปี ศาลจึงต้องฟังพยานโจทก์ต่อไปจนกว่าจะเป็นที่พอใจว่าจำเลยกระทำผิดจริงนั้นพยานที่ศาลจะต้องฟังนี้ ไม่จำเป็นที่จะต้องถึงขนาดที่จะใช้ลงโทษได้อย่างในคดีที่จำเลยปฏิเสธเพียงแต่มีเหตุผลแวดล้อมให้เป็นที่พอใจศาลว่าจำเลยให้การรับสารภาพตามความจริง ไม่มีเหตุผลสงสัยว่าจะรับแทนผู้อื่นแล้วก็พอฟังลงโทษจำเลยได้ เพราะมีคำรับของจำเลยเป็นหลักอยู่แล้ว.
โจทก์มีพยานเห็นจำเลยกับผู้ตายและผู้อื่นเกิดทุ่มเถียงกันในวงเสพสุรา ต่อมาในเวลาใกล้ชิดกันนั้น มีผู้พบศพผู้ตายในวงเสพสุรานั้น เมื่อจำเลยรับสารภาพโดยดีว่าได้เป็นผู้ทำร้ายผู้ตาย ตายศาลฟังว่าจำเลยทำร้ายผู้ตาย ตายดังคำรับสารภาพได้.
โจทก์มีพยานเห็นจำเลยกับผู้ตายและผู้อื่นเกิดทุ่มเถียงกันในวงเสพสุรา ต่อมาในเวลาใกล้ชิดกันนั้น มีผู้พบศพผู้ตายในวงเสพสุรานั้น เมื่อจำเลยรับสารภาพโดยดีว่าได้เป็นผู้ทำร้ายผู้ตาย ตายศาลฟังว่าจำเลยทำร้ายผู้ตาย ตายดังคำรับสารภาพได้.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 357/2491 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การนับโทษต่อจากคดีเดิม จำเป็นต้องมีหลักฐานยืนยันการรับโทษในคดีนั้นก่อน
โจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยและขอให้นับโทษจำเลยต่อจากคดีดำนั้น เมื่อไม่มีหลักฐานว่าจำเลยต้องรับโทษอยู่ในคดีที่ขอ+นั้นหรือไม่แล้ว ศาลจะให้นับโทษต่อมิได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 357/2491
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การนับโทษต่อจากคดีเดิม ต้องมีหลักฐานแสดงว่าจำเลยเคยได้รับโทษในคดีนั้นแล้ว
โจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยและขอให้นับโทษจำเลยต่อจากคดีดำนั้น เมื่อไม่มีหลักฐานว่าจำเลยต้องรับโทษอยู่ในคดีที่ขอต่อนั้นหรือไม่แล้วศาลจะให้นับโทษต่อมิได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 346/2491
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การนับโทษต่อจากคดีอื่นต้องระบุในใบระบุพยาน หากไม่ระบุศาลไม่สามารถนับโทษต่อได้
โจทก์ขอให้ศาลนับโทษจำเลยต่อจากคดีดำคดีหนึ่งนั้นเมื่อไม่ปรากฏว่าจำเลยต้องรับโทษอยู่ในคดีที่กล่าวนั้นหรือไม่ ดังนี้ศาลจะนับโทษต่อให้มิได้
การขอให้นับโทษต่อจากคดีอื่นจะต้องระบุคดีนั้นในใบระบุพยานด้วย
การขอให้นับโทษต่อจากคดีอื่นจะต้องระบุคดีนั้นในใบระบุพยานด้วย
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 344/2491 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การรอการลงอาญาและการเปิดเผยประวัติโทษจำเลย การเบิกความต่อศาลถือเป็นหลักฐาน
ในฟ้องโจทก์และคำให้การของจำเลยไม่มีปรากฏว่า จำเลยเคยต้องโทษมาแล้วหรือไม่ ต่อเมื่อจำเลยเบิกความเป็นพะยานตนเอง จำเลยเบิกความว่าเคยต้องโทษมาแล้ว เช่นนี้ศาลย่อมฟังว่าจำเลยเคยต้องโทษมาแล้วคดีจึงรอการลงอาญาจำเลยไม่ได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 203/2491 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ข้อตกลงปิดคดีหน้าศาลมีผลผูกพัน, การหย่า, และการสันนิษฐานเรื่องสินสมรส
วันนัดพิจารณาคู่ความโต้เถียง+ หน้าที่นำสืบแล้ว ต่างแถลง+ ว่าต่างฝ่ายไม่ติดใจสืบพยาน + ขอให้ศาลสินิจฉัยคดีตลอด + จะขอแถลงการ์ประกอบภายใน 7 วัน ถ้าถึงกำหนดไม่ + ขอให้ถือว่าไม่ติดใจแถลง+ ถือว่าคู่ความขอปิดคดีของตน+แล้ว ฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งจะแถลง+พยายในภายหลัง ศาลก็ไม่มี +ใดจะอนุญาตได้ + เลยรับว่าเป็นสามีภรรยากับ + แต่หย่ากันแล้ว จึงเป็นหน้าที่ของจำเลย +สืบ ว่าหย่ากันแล้ว เมื่อจำเลย+ ก็ต้องถือตามคำฟ้องของโจทก์ว่า +จำเลยเป็นสามีภรรยากัน + เหตุที่โจทก์จะหย่าขาดจากจำเลยได้ + ไม่นั้น โจทก์มีหน้าที่นำสืบ แต่จำเลย +ได้หย่าขาดกับโจทก์ 5 ปี และจำเลยแต่งงานกับหญิงอื่น เป็นการกระทำอัน+ปฎิปักษ์ต่อโจทก์ และทอดทิ้งขาดการ+ต่อโจทก์ ถึง 5 ปี ทั้งจำเลย+ว่าได้หย่าขาดจากโจทก์แล้วดังนี้ +มีเหตุอันควรหย่าได้ตาม ป.พ.พ.+00(3)
ต่างฝ่ายต่างอ้างว่า ตนมีสินเดิมอีกฝ่าย+ไม่มี แต่ต่างฝ่ายก็ไม่สืบพยายตามข้ออ้าง ต้องถือว่าไม่มีสินเดิมทั้ง 2 ฝ่าย โจทก์ว่านาเป็นสินสมรส จำเลยว่าเป็น+ ของจำเลย โจทก์ว่าสวนยางเป็นสินสมรส
จำเลยไม่ให้การถึงเลย ดังนี้ต้องสันนิษฐานว่า นาและสวนยางเป็นสินสมรสตาม ป.ม.แพ่งฯ มาตรา1466 วรรค 2
ต่างฝ่ายต่างอ้างว่า ตนมีสินเดิมอีกฝ่าย+ไม่มี แต่ต่างฝ่ายก็ไม่สืบพยายตามข้ออ้าง ต้องถือว่าไม่มีสินเดิมทั้ง 2 ฝ่าย โจทก์ว่านาเป็นสินสมรส จำเลยว่าเป็น+ ของจำเลย โจทก์ว่าสวนยางเป็นสินสมรส
จำเลยไม่ให้การถึงเลย ดังนี้ต้องสันนิษฐานว่า นาและสวนยางเป็นสินสมรสตาม ป.ม.แพ่งฯ มาตรา1466 วรรค 2
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 163/2491 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การถอดถอนตรัสตี: ไม่ใช่เรื่องสัญญา แต่เป็นผลจากการละเมิดหน้าที่
ผู้ก่อตั้งตรัสต์ได้มอบทรัพย์สินของตนให้แก่ตรัสตีเป็นผู้ดูแลจัดการผลประโยชน์เพื่อรับประโยชน์แห่งตรัสต์นั้น ไม่ใช่เป็นเรื่องสัญญาต่างตอบแทนที่คู่สัญญาจะต้องปฎิบัติการชำะระหนี้แต่อย่างใด ฉะนั้น เมื่อตรัสตีคนใดทำผิดหน้าที่และละเมิดตรัสต์ ศาลก็ย่อมจะพิพากษาถอดถอนตรัสตีผู้นั้นเสียได้ โดยไม่ต้องเลิกล้มทำลายหนังสือสัญญาก่อตั้งตรัสต์
การถอดถอนตรัสตีนั้นไม่มีหลัก ก.ม.ว่าทรัสตีจะต้องกระทำการถึงเป็นการทุจริตจึงจะถอดถอนได้ เพียงแต่ละเลยไม่ปฎิบัติหน้าที่ของตนถึงขนาดไม่สมควรจะดำรงตำแหน่งเป็นตรัสตีต่อไปแล้ว ศาลก็ย่อมถอดถอนได้
ฟ้องขอให้ถอดถอนตรัสตีตามตราสารก่อตั้งตรัสต์ที่ได้กระทำไว้ในประเทศไทย นั้นแม้ทรัพย์สินอันเป็นกองตรัสต์ส่วนมากจะอยู่ในต่างประเทศก็ฟ้องในศาลไทยได้ เพราะมิใช่เรื่องที่จะต้องบังคับแก่ทรัพย์สินแต่อย่างใด
การถอดถอนตรัสตีนั้นไม่มีหลัก ก.ม.ว่าทรัสตีจะต้องกระทำการถึงเป็นการทุจริตจึงจะถอดถอนได้ เพียงแต่ละเลยไม่ปฎิบัติหน้าที่ของตนถึงขนาดไม่สมควรจะดำรงตำแหน่งเป็นตรัสตีต่อไปแล้ว ศาลก็ย่อมถอดถอนได้
ฟ้องขอให้ถอดถอนตรัสตีตามตราสารก่อตั้งตรัสต์ที่ได้กระทำไว้ในประเทศไทย นั้นแม้ทรัพย์สินอันเป็นกองตรัสต์ส่วนมากจะอยู่ในต่างประเทศก็ฟ้องในศาลไทยได้ เพราะมิใช่เรื่องที่จะต้องบังคับแก่ทรัพย์สินแต่อย่างใด
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 154/2491 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
คำสั่งศาลระหว่างพิจารณาเรื่องอายุความ ไม่อุทธรณ์ฎีกาได้
จำเลยขอให้ศาลชั้นต้นชี้ขาดเบื้องต้นตามมาตรา 24 ว่าคดีโจทก์หมดอายุความ ศาลชั้นต้นสั่งยกคำร้องโดยเห็นว่า คำให้การต่อสู้เรื่องอายุความเป็นเรื่องที่จะต้องฟังข้อเท็จจริงก่อนนั้น ไม่ใช่คำสั่งวินิจฉัยชี้ขาดเบื้องต้นตามมาตรา + อันจะอุทธรณ์ฎีกาได้ หากแต่เป็นคำสั่งระหว่าพิจารณาเท่านั้น เพราะศาลยังมิได้มีคำวินิจฉัยชี้ขาดในประเด็นแห่งคดีสำหรับเรื่องอายุความนี้แต่อย่างใด
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 145/2491 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สัญญาค้ำประกันต่อศาล: สิทธิเรียกร้องและการบังคับชำระหนี้เมื่อจำเลยถึงแก่ความตาย
ผู้เข้าทำสัญญาค้ำประกันไว้ต่อศาล ยอมรับใช้เงินให้แก่โจทก์ตามคำพิพากษา หากบังคับจากจำเลยไม่ได้ ทั้งนี้เพื่อให้ศาลทุเลาการบังคับคดีตามคำพิพากษาศาลชั้นต้นไว้ในระหว่างอุทธรณ์นั้น เมื่อศาลอุทธรณ์พิพากษาให้จำเลยแพ้คดี ศาลย่อมมีอำนาจออกคำบังคับให้ผู้ค้ำประกันปฎิบัติการชำระหนี้ตามคำพิพากษาได้ ผู้ค้ำประกันจะเถียงว่าโจทก์ได้บังคับชำระหนี้เสียภายในหนึ่งปี นับแต่วันจำเลยตายและจะนำ ป.พ.พ.ม.1754 มาใช้แก่กรณีก็ไม่ได้ เพราะโจทก์มิใช่คู่สัญญากับผู้ค้ำประกัน แต่เป็นเรื่องระหว่างผู้ค้ำประกันกับศาล
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 145/2491
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สัญญาค้ำประกันต่อศาล: สิทธิเรียกร้องและการบังคับคดี
ผู้เข้าทำสัญญาค้ำประกันไว้ต่อศาล ยอมรับผิดใช้เงินให้แก่โจทก์ตามคำพิพากษาหากบังคับจากจำเลยไม่ได้ ทั้งนี้เพื่อให้ศาลทุเลาการบังคับคดีตามคำพิพากษาศาลชั้นต้นไว้ในระหว่างอุทธรณ์นั้น เมื่อศาลอุทธรณ์พิพากษาให้จำเลยแพ้คดี ศาลย่อมมีอำนาจออกคำบังคับให้ผู้ค้ำประกันปฏิบัติการชำระหนี้ตามคำพิพากษาได้ ผู้ค้ำประกันจะเถียงว่าโจทก์มิได้บังคับชำระหนี้เสียภายในหนึ่งปีนับแต่วันจำเลยตายและจะนำประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1754 มาใช้แก่กรณีนี้ก็ไม่ได้ เพราะโจทก์มิใช่คู่สัญญากับผู้ค้ำประกัน แต่เป็นเรื่องระหว่างผู้ค้ำประกันกับศาล