คำพิพากษาที่อยู่ใน Tags
ข่มขืน

พบผลลัพธ์ทั้งหมด 436 รายการ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1130/2520 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ กรรมเดียวผิดหลายบท: บุกรุกเพื่อข่มขืนกระทำชำเรา ศาลลงโทษได้เพียงกรรมเดียว
การที่จำเลยบุกรุกเข้าไปในเคหสถานของผู้เสียหายแล้วจำเลยได้ข่มขืนกระทำชำเราผู้เสียหาย นั้น เห็นได้ว่าจำเลยได้กระทำผิดษฐานบุกรุกและข่มขืนกระทำชำเราต่อเนื่องกัน โดยมีเจตนาอันแท้จริงเพื่อข่มขืนกระทำชำเราผู้เสียหายเป็นสำคัญ การกระทำของจำเลยจึงเป็นกรรมเดียวเป็นความผิดต่อกฎหมายหลายบท แม้โจทก์จะบรรยายฟ้องว่าจำเลยได้กระทำความผิดต่อกฎหมายหลายกรรมต่างกัน และจำเลยรับสารภาพตามฟ้องก็ตาม ศาลก็ลงโทษจำเลยทุกกระทงไม่ได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1130/2520

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ความผิดต่อเนื่อง: บุกรุกเพื่อข่มขืน ถือเป็นกรรมเดียว
การที่จำเลยบุกรุกเข้าไปในเคหสถานของผู้เสียหายแล้วจำเลยได้ข่มขืนกระทำชำเราผู้เสียหาย นั้นเห็นได้ว่าจำเลยได้กระทำผิดฐานบุกรุกและฐานข่มขืนกระทำชำเราต่อเนื่องกัน โดยมีเจตนาอันแท้จริงเพื่อข่มขืนกระทำชำเราผู้เสียหายเป็นสำคัญ การกระทำของจำเลยจึงเป็นกรรมเดียวเป็นความผิดต่อกฎหมายหลายบท แม้โจทก์จะบรรยายฟ้องว่าจำเลยได้กระทำความผิดต่อกฎหมายหลายกรรมต่างกัน และจำเลยรับสารภาพตามฟ้องก็ตามศาลก็ลงโทษจำเลยทุกกระทงไม่ได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 833/2519 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ เจตนาฆ่าจากการทำร้ายหลังข่มขืน: ศาลฎีกายืนโทษจำเลย
จำเลยข่มขืนกระทำชำเราผู้เสียหายอายุ 9 ปี แล้วจึงทำร้ายเพื่อปกปิดความผิดของตน โดยใช้ไม้ไผ่ที่ปลายมีตาแหลมคมขนาดกลมโตวัดโดยรอบที่โคนไม้ 6 เซนติเมตรครึ่ง ที่ปลายไม้ 5 เซนติเมตร ยาว 1 เมตร และอีกอันหนึ่งที่โคนไม้ 4 เซนติเมตรครึ่ง ที่ปลายไม้ 4 เซนติเมตร แทงที่คอมีโลหิตไหล กระทืบที่หน้าและท้องจนสลบ ปรากฏบาดแผลรวม 10 แห่ง คือ แก้มซ้าย หางตาซ้าย ในปาก ริมฝีปาก คอ ไหปลาร้า โดยเฉพาะที่ไหปลาร้าซ้ายฉีดขาดกว้าง 0.2 เซนติเมตร ยาว 2 เซนติเมตร คอด้านซ้ายฉีดขาดกว้าง 0.5 เซนติเมตร ยาว 2 เซนติเมตร คอด้านขวาแผลที่ 1 ฉีกขาดกว้าง 0.2 เซนติเมตร ยาว 1 เซนติเมตร แผลที่ 2 กว้าง 0.2 เซนติเมตร ยาว 2 เซนติเมตร จำเลยเชื่อว่าผู้เสียหายตายจึงหลบหนีไป ดังนี้ ถือว่าจำเลยมีเจตนาฆ่า หาใช่เป็นเพียงเจตนาทำร้ายไม่
ในกระทงความผิดข้อหาข่มขืนกระทำชำเรานั้น ศาลอุทธรณ์พิพากษายืนตามศาลชั้นต้น ลงโทษจำคุกจำเลย 2 ปี จำเลยฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริงไม่ได้ ต้องห้ามตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 218

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 833/2519

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ข่มขืนกระทำชำเราและพยายามฆ่า: เจตนาทำร้าย vs. เจตนาฆ่า พิจารณาจากบาดแผลและการกระทำ
จำเลยข่มขืนกระทำชำเราผู้เสียหายอายุ 9 ปี แล้วจึงทำร้ายเพื่อปกปิดความผิดของตน โดยใช้ไม้ไผ่ที่ปลายมีตาแหลมคมขนาดกลมโตวัดโดยรอบที่โคนไม้ 6 เซนติเมตรครึ่งที่ปลายไม้ 5 เซนติเมตร ยาว 1 เมตรและอีกอันหนึ่งที่โคนไม้ 4 เซนติเมตรครึ่ง ที่ปลายไม้ 4 เซนติเมตรแทงที่คอมีโลหิตไหลกระทืบที่หน้าและท้องจนสลบ ปรากฏบาดแผลรวม 10 แห่ง คือ แก้มซ้าย หางตาซ้าย ในปากริมฝีปาก คอ ไหปลาร้าโดยเฉพาะที่ไหปลาร้าซ้ายฉีกขาดกว้าง 0.2 เซนติเมตร ยาว 2 เซนติเมตร คอด้านซ้ายฉีกขาด กว้าง 0.5 เซนติเมตร ยาว 2 เซนติเมตรคอด้านขวาแผลที่ 1 ฉีกขาดกว้าง 0.2 เซนติเมตร ยาว 1 เซนติเมตรแผลที่ 2 กว้าง 0.2 เซนติเมตรยาว 2 เซนติเมตร จำเลยเชื่อว่าผู้เสียหายตายแล้วจึงหลบหนีไป ดังนี้ถือว่าจำเลยมีเจตนาฆ่า หาใช่เป็นเพียงเจตนาทำร้ายไม่
ในกระทงความผิดข้อหาข่มขืนกระทำชำเรานั้น ศาลอุทธรณ์พิพากษายืนตามศาลชั้นต้นลงโทษจำคุกจำเลย 2 ปี จำเลยฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริงไม่ได้ต้องห้ามตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 218

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1111/2519 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ความผิดฐานพาหญิงไปเพื่อการอนาจารและการข่มขืนกระทำชำเราเป็นคนละกระทงกัน
จำเลยใช้กำลังฉุดลากพาผู้เสียหายเข้าไปในป่าห่างทางประมาณ 10 วาเศษแล้วข่มขืนกระทำชำเราผู้เสียหาย การกระทำของจำเลยดังกล่าวเป็นความผิดฐานพาหญิงไปเพื่อการอนาจารกระทงหนึ่งแล้ว และเป็นความผิดฐานข่มขืนกระทำชำเราอีกกระทงหนึ่งมิใช่เป็นความผิดฐานข่มขืนกระชำเราแต่เพียงกระทงเดียว

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1111/2519

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ความผิดฐานพาหญิงไปเพื่อการอนาจารและการข่มขืน ศาลฎีกาวินิจฉัยว่าเป็นการกระทำผิดต่างกรรมต่างวาระ
จำเลยใช้กำลังฉุดลากพาผู้เสียหายเข้าไปในป่าห่างทางประมาณ 10 วาเศษ แล้วข่มขืนกระทำชำเราผู้เสียหาย การกระทำของจำเลยดังกล่าวเป็นความผิดฐานพาหญิงไปเพื่อการอนาจารกระทงหนึ่งแล้ว และเป็นความผิดฐานข่มชืนกระทำชำเราอีกกระทงหนึ่ง มิใช่เป็นความผิดฐานข่มขืนกระทำชำเราแต่เพียงกระทงเดียว

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 796-797/2518 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การลดโทษจำเลยเยาวชนในคดีข่มขืนกระทำชำเรา ศาลอุทธรณ์แก้ไขโทษตามกฎหมายเฉพาะ ทำให้ไม่อาจฎีกาได้
ศาลชั้นต้นพิพากษาว่าจำเลยกระทำความผิดฐานข่มขืนกระทำชำเรา ให้จำคุก 10 ปี ศาลอุทธรณ์ฟังข้อเท็จจริงอย่างเดียวกับศาลชั้นต้น แต่เห็นว่าจำเลยอายุ 16 ปี พิพากษาแก้ โดยลดมาตราส่วนโทษให้กึ่งหนึ่งตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 75 ให้จำคุก 5 ปี ดังนี้เป็นการแก้ไขเล็กน้อย ต้องห้ามมิให้ฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริงตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 208

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 796-797/2518

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การแก้ไขโทษจำคุกในคดีข่มขืนกระทำชำเรา โดยศาลอุทธรณ์ลดโทษตามอายุผู้กระทำผิด ทำให้ไม่อาจฎีกาได้
ศาลชั้นต้นพิพากษาว่าจำเลยกระทำความผิดฐานข่มขืนกระทำชำเราให้จำคุก 10 ปี ศาลอุทธรณ์ฟังข้อเท็จจริงอย่างเดียวกับศาลชั้นต้นแต่เห็นว่าจำเลยอายุ 16 ปี พิพากษาแก้โดยลดมาตราส่วนโทษให้กึ่งหนึ่งตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 75 ให้จำคุก 5 ปี ดังนี้ เป็นการแก้ไขเล็กน้อย ต้องห้ามมิให้ฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริงตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 218

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 527/2518

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ข่มขืนกระทำชำเราโดยไม่มีการกระทำอนาจารอื่นเพิ่มเติม ไม่ถือเป็นความผิดฐานกระทำอนาจาร
จำเลยร่วมกันจับแขนผู้เสียหายบังคับพาไปทำการข่มขืนกระทำชำเราเพียงประการเดียวมิได้มีการกระทำอนาจารประการอื่นใดอีกย่อมไม่มีความผิดในข้อหากระทำอนาจารผู้เสียหายตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 278 ด้วย

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2573/2518 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การพิสูจน์ความสัมพันธ์ทางสายเลือดและการรับผิดชอบในบุตรจากกรณีข่มขืนกระทำชำเรา และการเรียกร้องค่าเสียหาย
โจทก์ฟ้องว่าจำเลยข่มขืนกระทำชำเราจนเป็นเหตุให้โจทก์ตั้งครรภ์และคลอดบุตรคือเด็กชาย บ. ขอให้จำเลยใช้ค่าเสียหายและรับเด็กชาย บ.เป็นบุตรรพร้อมทั้งให้มีสิทธิใช้นามสกุลของจำเลยกับเรียกค่าอุปการะเลี้ยงดูบุตรด้วยนั้น แม้บิดาโจทก์เคยฟ้องจำเลยเป็นคดีอาญาว่าจำเลยข่มขืนกระทำชำเราโจกท์และศาลพิพากษาถึงที่สุดให้ยกฟ้องเพราะบิดาโจทก์ไม่มีอำนาจฟ้อง โดยมิได้พิพากษาว่าจำเลยมิได้ข่มขืนกระทำชำเราโจทก์ ย่อมไม่ทำให้หลักฐานของคดีโจทก์ในเรื่องนี้เสียไป
เมื่อฟังได้ว่าจำเลยข่มขืนกระทำชำเราโจทก์จนเป็นเหตุให้โจทก์ตั้งครรภ์ถูกจำเลยข่มขืนกระทำชำเราจนตั้งครรภ์ ทำให้ค่าของความเป็นสาวต้องตกต่ำ และค่าใช้จ่ายในการคลอด กับแสดงว่าเด็กชาย บ. เป็นบุตรของจำเลยมีสิทธิใช้นามสกุลของจำเลยให้จำเลยจ่ายค่าอุปการะเลี้ยงดูเด็กชาย บ.ตั้งแต่คลอดจนถึงวันฟ้องและจ่ายต่อไปเป็นรายเดือนจนกว่าเด็กชาย บ.จะมีอายุครบ 20 ปี
จำเลยให้การต่อสู้ว่า ค่าเสียหายตามฟ้องเกี่ยวกับละเมิดขาดอายุความเมื่อศาลชั้นต้นพิพากษายกฟ้อง โจทก์อุทธรณ์ จำเลยมิได้ตั้งประเด็นเรื่องอายุความมาในคำแก้อุทธรณ์ และเมื่อศาลอุทธรณ์พิพากษายืน โจทก์ฎีกาต่อมา จำเลยก็มิได้ยื่นคำแก้ฎีกาจึงไม่ประเด็นเครื่องอายุความในชั้นฎีกา
of 44