คำพิพากษาที่อยู่ใน Tags
ข้อตกลง

พบผลลัพธ์ทั้งหมด 1,178 รายการ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 6954/2538 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ อายุความได้สิทธิภาระจำยอม: การใช้ทางโดยมีข้อตกลงกับเจ้าของที่ดินไม่ถือเป็นการใช้โดยความสงบ
การได้สิทธิภาระจำยอมโดยอายุความตาม ป.พ.พ. มาตรา1401 ให้นำบทบัญญัติว่าด้วยอายุความได้สิทธิมาใช้บังคับโดยอนุโลมด้วย ซึ่งได้แก่มาตรา 1382 เจ้าของอสังหาริมทรัพย์ต้องได้ใช้สอยอสังหาริมทรัพย์อื่นโดยความสงบ เปิดเผย ด้วยเจตนาจะให้ได้สิทธิภาระจำยอมในอสังหาริมทรัพย์นั้นติดต่อกันเป็นเวลา 10 ปี จึงจะได้ภาระจำยอมเหนืออสังหาริมทรัพย์นั้น
การช่วยออกเงินค่าทำท่อน้ำและดินลูกรังเพื่อให้เจ้าของที่ดินที่ทางพิพาทผ่านทำถนน เนื่องจากเจ้าของที่ดินได้ยกทางพิพาทให้เป็นทางผ่าน จึงเป็นการใช้ทางพิพาทเข้าออกโดยมีข้อตกลงกับเจ้าของที่ดิน ถือไม่ได้ว่าได้ใช้ทางพิพาทโดยไม่ได้อาศัยสิทธิของเจ้าของที่ดิน ไม่เป็นการใช้ทางพิพาทโดยความสงบและโดยเปิดเผย ด้วยเจตนาได้สิทธิภาระจำยอม จึงไม่ได้สิทธิภาระจำยอมโดยอายุความ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 6315/2538 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ สัญญาจำนองและกู้ต้องทำเป็นหนังสือ การนำสืบพยานบุคคลขัดกับข้อตกลงในสัญญา
สัญญากู้และสัญญาจำนอง ป.พ.พ. มาตรา 653 วรรคหนึ่งและมาตรา 714 บังคับให้ต้องทำเป็นหนังสือ จึงเป็นกรณีที่กฎหมายบังคับให้ต้องมีพยานเอกสารมาแสดง เมื่อโจทก์มีสัญญากู้และสัญญาจำนองมาแสดง จำเลยจะนำสืบพยานบุคคลประกอบข้ออ้างว่ายังมีข้อตกลงเพิ่มเติมไปกว่าข้อความที่มีอยู่ในสัญญาทั้งสองนั้นอยู่อีก จึงเป็นการต้องห้ามตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณา-ความแพ่ง มาตรา 94 (ข)
ปัญหาข้อกฎหมายตาม ป.วิ.พ. มาตรา 94 (ข) นี้ เป็นปัญหาเกี่ยวกับความสงบเรียบร้อยของประชาชน แม้คู่ความมิได้ยกขึ้นฎีกา ศาลฎีกามีอำนาจยกขี้นวินิจฉัยได้ ตาม ป.วิ.พ. มาตรา 142 (5) ประกอบด้วยมาตรา246 และมาตรา 247

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 6280/2538 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ธนาคารต้องรับผิดเมื่อจ่ายเช็คปลอม แม้มีข้อตกลงยกเว้นความรับผิด เหตุจากขาดความระมัดระวังในการตรวจสอบ
จำเลยประกอบธุรกิจธนาคารการจ่ายเงินตามเช็คที่มีผู้มาขอเบิกเงินเป็นธุรกิจอย่างหนึ่งของจำเลยซึ่งต้องปฏิบัติอยู่เป็นประจำจำเลยย่อมมีความชำนาญในการตรวจสอบลายมือชื่อในเช็คว่าเป็นลายมือชื่อของผู้สั่งจ่ายหรือไม่ยิ่งกว่าบุคคลธรรมดาทั้งจำเลยจะต้องมีความระมัดระวังในการจ่ายเงินตามเช็คยิ่งกว่าวิญญูชนทั่วๆไปการที่จำเลยจ่ายเงินตามเช็คพิพาทให้แก่ผู้นำมาเรียกเก็บเงินไปโดยที่ลายมือชื่อผู้สั่งจ่ายไม่ใช่ลายมือชื่อโจทก์ทั้งที่มีตัวอย่างลายมือชื่อโจทก์ที่ให้ไว้กับจำเลยกับมีเช็คอีกหลายฉบับที่โจทก์เคยสั่งจ่ายไว้อยู่ที่จำเลยจึงเป็นการขาดความระมัดระวังของจำเลยเป็นการกระทำละเมิดและผิดสัญญาฝากทรัพย์ต่อโจทก์จำเลยจะยกข้อตกลงยกเว้นความรับผิดตามที่ระบุไว้ในคำขอเปิดบัญชีกระแสรายวันมาอ้างเพื่อปฏิเสธความรับผิดไม่ได้ การที่เช็คพิพาทซึ่งอยู่ในความครอบครองของโจทก์ตกไปอยู่ในความครอบครองของบุคคลอื่นจนกระทั่งมีการปลอมลายมือชื่อโจทก์นั้นแสดงว่าโจทก์ละเลยไม่ระมัดระวังในการดูแลรักษาแบบพิมพ์เช็คดังกล่าวอันถือได้ว่าโจทก์มีส่วนก่อให้เกิดความเสียหายด้วยการกำหนดค่าเสียหายให้แก่โจทก์เพียงใดนั้นต้องอาศัยพฤติการณ์เป็นประมาณ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 6163/2538 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การผูกพันตามข้อตกลงที่สามีทำแทนภรรยา: ตัวแทนเชิด vs. ตัวแทนตามสัญญา
จำเลยมอบหมายให้สามีจำเลยทำข้อตกลงกับโจทก์เกี่ยวกับทางพิพาท การที่จำเลยยอมให้สามีจำเลยแสดงออกว่า เป็นตัวแทนของจำเลยทำข้อตกลงกับโจทก์เป็นเรื่องตัวแทนเชิดตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาตรา 821 ไม่อยู่ในบังคับมาตรา 798 ที่จะต้องมีหลักฐานเป็นหนังสือ ฉะนั้นแม้จำเลยจะมิได้มีหนังสือตั้งให้สามีจำเลยไปทำข้อตกลงกับโจทก์ จำเลยซึ่งเป็นตัวการก็ต้องผูกพันตามบันทึกข้อตกลงที่สามีจำเลยทำกับโจทก์ให้โจทก์ใช้ทางพิพาทเป็นทางเดินได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 6105/2538

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ สิทธิเรียกร้องค่าปรับรายวันหลังขยายเวลาสัญญาและการบอกเลิกสัญญาภายใต้ข้อตกลง
จำเลยทำสัญญารับจ้างซ่อมรถยนต์กับโจทก์โดยจำเลยต้องซ่อมให้แล้วเสร็จในวันที่20ตุลาคม2530หากผิดนัดโจทก์มีสิทธิ์บอกเลิกสัญญาได้ทันทีตามที่ระบุในสัญญาจ้างข้อ5หากจำเลยซ่อมไม่เสร็จตามสัญญาโดยโจทก์ยังมิได้บอกเลิกสัญญาจำเลยยอมให้โจทก์ปรับเป็นรายวันวันละ100บาทจนกว่าจำเลยจะซ่อมเสร็จและในระหว่างที่มีการปรับนั้นหากโจทก์เห็นว่าจำเลยไม่อาจปฎิบัติตามสัญญาต่อไปได้โจทก์มีสิทธิบอกเลิกสัญญาและใช้สิทธิตามสัญญาข้อ20นอกเหนือจากการปรับจนถึงวันบอกเลิกสัญญาด้วยตามที่ระบุในสัญญาจ้างข้อ19(1)และวรรคสุดท้ายดังนี้ตามสัญญาจ้างข้อ5เป็นกรณีที่โจทก์บอกเลิกสัญญาเพราะไม่สามารถซ่อมรถยนต์ของโจทก์ให้เสร็จภายในกำหนดเวลาตามสัญญาแต่คดีนี้เมื่อครบกำหนดตามสัญญาแล้วโจทก์ยังให้จำเลยปฎิบัติตามสัญญาต่อไปโดยมีหนังสือแจ้งให้จำเลยปฎิบัติตามสัญญาและสงวนสิทธิเรียกค่าปรับตามสัญญาต่อมาเมื่อจำเลยไม่อาจซ่อมรถยนต์ของโจทก์ให้เสร็จได้โจทก์จึงบอกเลิกสัญญาจึงเป็นการบอกเลิกสัญญาตามสัญญาจ้างข้อ19ซึ่งนอกจากโจทก์จะมีสิทธิรับหลักประกันตามสัญญาจ้างข้อ20(1)แล้วโจทก์ยังมีสิทธิที่จะเรียกค่าปรับเป็นรายวันในระหว่างที่ยังไม่ได้บอกเลิกสัญญาตามสัญญาจ้างข้อ19(1)และวรรคสุดท้ายได้อีก

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 6029/2538 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ข้อตกลงชำระหนี้เป็นงวดๆ ไม่ถือเป็นสัญญาประนีประนอม-ยอมความ การชำระหนี้บางส่วนยึดตามสัญญากู้ฉบับแรก
จำเลยที่ 1 สั่งจ่ายเช็คให้แก่โจทก์เพื่อชำระหนี้ตามสัญญากู้ยืมต่อมาโจทก์นำเช็คฉบับดังกล่าวมาฟ้องจำเลยที่ 2 เป็นคดีอาญา การที่โจทก์จำเลยที่ 1 ตกลงกันในคดีดังกล่าวว่า จำเลยที่ 1 ยอมชำระหนี้แก่โจทก์เป็นงวด ๆและเมื่อจำเลยที่ 1 ชำระหนี้ครบถ้วนแล้ว โจทก์จะถอนฟ้องนั้น ข้อตกลงดังกล่าวหาได้ระงับข้อพิพาทที่เกิดให้เสร็จสิ้นไปทีเดียว ยังมีเงื่อนไขว่าให้จำเลยที่ 1 ชำระหนี้จนครบถ้วนเสียก่อน โจทก์จึงจะถอนฟ้องให้ ข้อตกลงหาใช่สัญญาประนีประนอม-ยอมความอันจะเป็นเหตุให้หนี้ตามสัญญากู้ระงับไม่
จำเลยที่ 1 ทำสัญญากู้ยืมเงินโจทก์ 2 ฉบับ แต่ชำระหนี้ให้แก่โจทก์เพียงบางส่วน เมื่อไม่ปรากฏว่าเป็นการชำระหนี้ตามสัญญากู้ยืมเงินฉบับใดต้องถือว่าจำเลยที่ 1 ชำระหนี้ตามสัญญากู้ยืมเงินฉบับแรกตาม ป.พ.พ. มาตรา 328วรรคสอง

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 5/2538 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การแบ่งทรัพย์มรดก: การแบ่งที่ดินต้องได้รับความยินยอมจากเจ้าของรวมทั้งหมด ไม่สามารถบังคับแบ่งตามข้อตกลงเฉพาะระหว่างบางคนได้
ที่ดินเป็นทรัพย์มรดกของ ส. ซึ่งมีทายาทคนอื่นนอกจากโจทก์และจำเลยเป็นเจ้าของรวมอยู่ด้วย และโจทก์กับจำเลยถือกรรมสิทธิ์ในมรดกแทนทายาทคนอื่นด้วย เมื่อโจทก์ฟ้องขอให้จำเลยผู้เดียวแบ่งแยกที่ดินให้แก่โจทก์ตามข้อตกลงซึ่งจำเลยจะต้องแบ่งที่ดินด้านทิศตะวันออกให้แก่โจทก์การกำหนดส่วนแบ่งตามคำขอของโจทก์จึงอาจมีผลกระทบถึงสิทธิ ของทายาทคนอื่นซึ่งมิได้เข้ามาในคดีได้ เพราะที่ดินทุกส่วน ทายาททุกคนต่างมีส่วนเป็นเจ้าของ สมควรให้เจ้าของรวมทุกคน ได้มีส่วนรู้เห็นและตกลงในการแบ่งด้วย ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1364 วรรคสอง เมื่อโจทก์ฟ้องจำเลยคนเดียวให้แบ่งที่ดินตามที่จำเลยตกลงกับโจทก์เพียงสองคน คำขอของโจทก์จึงไม่อาจบังคับได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 5933/2538 เวอร์ชัน 5 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ข้อตกลงแบ่งเงินรางวัลแจ้งเบาะแสการเลือกตั้ง ไม่เป็นโมฆะ หากไม่มีการใช้อำนาจไม่เป็นธรรม
การที่หนังสือพิมพ์ไทยรัฐร่วมกับกระทรวงมหาดไทยและองค์กรกลางประกาศให้คำมั่นจะให้รางวัลแก่ผู้แจ้งเบาะแสผู้กระทำผิด พ.ร.บ. การเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร พ.ศ.2522 ก็โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อให้การเลือกตั้งเป็นไปโดยบริสุทธิ์ยุติธรรม คำมั่นดังกล่าวเป็นคำมั่นที่ประกาศแก่คนทั่วไป โจทก์แม้จะได้รับแต่งตั้งจากองค์กรกลางให้เป็นประธานองค์กรกลางอำเภอ หากโจทก์เป็นผู้แจ้งเบาะแสผู้กระทำผิด โจทก์ก็มีสิทธิจะได้รับรางวัลดังกล่าวได้ หาได้มีข้อบังคับห้ามไว้แต่อย่างใดไม่ จำเลยได้ทำหนังสือสัญญาจะแบ่งเงินรางวัลตามที่จำเลยจะได้รับจากการแจ้งเบาะแสผู้กระทำผิดดังกล่าวให้แก่โจทก์หนึ่งในสามส่วนการที่โจทก์กล่าวโทษ น. ต่อพนักงานสอบสวนตามที่ตกลงกับจำเลยดังกล่าวข้างต้นย่อมถือได้ว่าโจทก์เป็นผู้หนึ่งที่ได้ร่วมดำเนินการแจ้งเบาะแสผู้กระทำผิดกับจำเลยต่อพนักงานสอบสวนและการที่จำเลยตกลงให้โจทก์ดำเนินการดังกล่าวก็ไม่ปรากฏว่าโจทก์ได้ใช้อำนาจไม่เป็นธรรม หรือกระทำการขัดต่อศีลธรรม ให้จำเลยยอมตกลงกับโจทก์ ข้อตกลงตามหนังสือสัญญาแบ่งเงินรางวัลจึงไม่เป็นโมฆะตาม ป.พ.พ.มาตรา 150

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 5188/2538

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ข้อตกลงเรื่องเขตอำนาจศาลและการฟ้องคดีหนี้เหนือบุคคล
โจทก์กับจำเลยที่ 1 ตกลงกันว่า หากจำเลยที่ 1 ผิดสัญญายอมให้โจทก์ฟ้อง ณ ศาลแพ่ง อันเป็นศาลที่โจทก์จำเลยที่ 1 มีภูมิลำเนาอยู่ในเขตจึงเป็นอันผูกพันโจทก์จะต้องเสนอคำฟ้องสำหรับจำเลยที่ 1 ต่อศาลแพ่ง โจทก์จะเสนอคำฟ้องต่อศาลจังหวัดฉะเชิงเทรานอกเหนือไปจากข้อตกลงไม่ได้
การฟ้องขอให้เพิกถอนนิติกรรมระหว่างจำเลยที่ 1 และที่ 2ซึ่งทำให้โจทก์เสียเปรียบตาม ป.พ.พ. มาตรา 237 เป็นหนี้เหนือบุคคลต้องฟ้องยังศาลที่จำเลยคนใดคนหนึ่งมีภูมิลำเนา เมื่อจำเลยที่ 1 และที่ 2 มีภูมิลำเนาอยู่ในเขตศาลแพ่ง โจทก์ก็ต้องฟ้องจำเลยทั้งสองยังศาลแพ่ง จะเสนอคำฟ้องต่อศาลจังหวัดฉะเชิงเทราไม่ได้เช่นกัน

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 5177/2538 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ความผูกพันของข้อตกลงชดใช้ค่าเสียหายและการเรียกร้องค่าเสียหายจากผู้กระทำละเมิดและผู้ว่าจ้าง
จำเลยที่ 1 ขับรถยนต์ของจำเลยที่ 2 นายจ้างไปในทางการที่จ้างชนท้ายรถยนต์ของโจทก์ซึ่ง ร. ภรรยาโจทก์เป็นผู้ขับได้รับความเสียหายต่อมาจำเลยที่ 1 ทำบันทึกตกลงชดใช้ค่าเสียหายกับ ร. มีข้อความว่า จำเลยที่ 1ยอมชดใช้ค่าเสียหายที่รถยนต์โจทก์เสียหายแก่ ร. จำนวน 30,990 บาท ร.ตกลงตามข้อเสนอของจำเลยที่ 1 และมีข้อความต่อไปว่าการตกลงครั้งนี้จะยังไม่ผูกพันจำเลยที่ 1 เท่านั้น จำเลยที่ 2 จะคงผูกพันอยู่จนกว่า ร. จะได้รับเงินจำนวนดังกล่าวครบถ้วนเรียบร้อยแล้ว ร. จึงจะไม่ติดใจเรียกร้องใด ๆ กับจำเลยที่ 1 หรือจำเลยที่ 2 อีก แม้จำเลยที่ 2 มิได้ร่วมลงลายมือในบันทึกก็ตามแต่ข้อความตอนท้ายของบันทึกดังกล่าวแสดงให้เห็นถึงเจตนาของฝ่ายโจทก์ว่า หากจำเลยที่ 1 ยังไม่ชดใช้ค่าเสียหายให้โจทก์ครบถ้วน โจทก์ก็ยังมิได้สละสิทธิที่จะเรียกร้องค่าเสียหายในมูลละเมิดจากจำเลยที่ 2 เมื่อจำเลยที่ 1 ผิดนัดไม่ชำระค่าเสียหายให้โจทก์ตามที่ได้ตกลงไว้ หนี้ในมูลละเมิดจึงยังไม่ระงับ โจทก์ย่อมมีสิทธิฟ้องบังคับให้จำเลยที่ 1 ชำระค่าเสียหายแก่โจทก์ได้ และมีสิทธิฟ้องบังคับให้จำเลยที่ 2 ชดใช้ค่าเสียหายในมูลละเมิดได้
of 118