พบผลลัพธ์ทั้งหมด 347 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1066-1068/2499
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ข้อจำกัดการยกข้อต่อสู้ในศาลชั้นต้น และการร้องทุกข์ในคดีอาญาเกี่ยวกับเรือ
ข้อกฎหมายที่คู่ความยกขึ้นอ้างอิงนั้นจะต้องยกขึ้นเป็นข้อต่อสู้แต่ศาลชั้นต้น มิฉะนั้นศาลหารับเป็นฎีกาในข้อนั้นไม่
ผู้เช่าเรือยนต์มาทำการหาผลประโยชน์ เมื่อเรือนั้นถูกชนก็ถือว่าเป็นผู้เสียหายตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 2(4) และมีอำนาจร้องทุกข์ต่อเจ้าพนักงานได้ตามมาตรา 123124 และพนักงานสอบสวนมีอำนาจสอบสวนได้ตามมาตรา 120,121และผู้เช่าในฐานะผู้เสียหายก็ยังมีสิทธิเข้าร่วมเป็นโจทก์ กับพนักงานอัยการตามมาตรา 28(2) อีกด้วย
เมื่อข้อเท็จจริงฟังได้ว่าเจ้าของเรือยนต์ได้ร่วมกับผู้ถือท้ายควบคุมเรือแจ้งความร้องทุกข์ต่อเจ้าพนักงานกล่าวหาว่าผู้ถือท้ายเรืออีกลำหนึ่งชนเอาจนต่างฝ่ายได้ร่วมกันทำบันทึกการเสียหายกับเจ้าพนักงานเช่นนี้ย่อมถือได้ว่าเจ้าของเรือนั้นได้ร้องทุกข์ตามกฎหมายอาญา มาตรา 80 แล้ว จึงหาขาดอายุความไม่ ส่วนเรื่องการร้องทุกข์ไม่ถูกต้องเพราะไม่ลงลายมือชื่อนั้นไม่มีประเด็นที่ได้ว่ากล่าวกันมาจึงตกไป
ผู้เช่าเรือยนต์มาทำการหาผลประโยชน์ เมื่อเรือนั้นถูกชนก็ถือว่าเป็นผู้เสียหายตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 2(4) และมีอำนาจร้องทุกข์ต่อเจ้าพนักงานได้ตามมาตรา 123124 และพนักงานสอบสวนมีอำนาจสอบสวนได้ตามมาตรา 120,121และผู้เช่าในฐานะผู้เสียหายก็ยังมีสิทธิเข้าร่วมเป็นโจทก์ กับพนักงานอัยการตามมาตรา 28(2) อีกด้วย
เมื่อข้อเท็จจริงฟังได้ว่าเจ้าของเรือยนต์ได้ร่วมกับผู้ถือท้ายควบคุมเรือแจ้งความร้องทุกข์ต่อเจ้าพนักงานกล่าวหาว่าผู้ถือท้ายเรืออีกลำหนึ่งชนเอาจนต่างฝ่ายได้ร่วมกันทำบันทึกการเสียหายกับเจ้าพนักงานเช่นนี้ย่อมถือได้ว่าเจ้าของเรือนั้นได้ร้องทุกข์ตามกฎหมายอาญา มาตรา 80 แล้ว จึงหาขาดอายุความไม่ ส่วนเรื่องการร้องทุกข์ไม่ถูกต้องเพราะไม่ลงลายมือชื่อนั้นไม่มีประเด็นที่ได้ว่ากล่าวกันมาจึงตกไป
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 267/2498
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สัญญาประนีประนอมยอมความใช้บังคับได้แม้พินัยกรรมเป็นโมฆะ หากไม่มีวัตถุประสงค์ขัดต่อกฎหมาย และจำเลยไม่นำสืบข้อต่อสู้
ทายาทตามพินัยกรรมตกลงกันทำสัญญาประนีประนอมยอมความว่าให้ถือเอาตามพินัยกรรมซึ่งตามกฎหมายเป็นโมฆะตามมาตรา 1705, 1653 แล้วนั้นใช้บังคับได้สัญญานั้นย่อมสมบูรณ์มีผลบังคับได้ เพราะพินัยกรรมนั้นไม่ได้มีวัตถุประสงค์ขัดต่อความสงบเรียบร้อยหรือศีลธรรมอันดีของประชาชนและสัญญาประนีประนอมกันก็ไม่ต้องห้ามตามบทกฎหมายใดๆ
โจทก์ฟ้องว่าโจทก์มีสิทธิได้รับมรดกตามพินัยกรรมเพราะจำเลยทำสัญญาประนีประนอมยอมความให้ถือเอาตามพินัยกรรมนั้นแล้วจำเลยต่อสู้ว่าจำเลยทำสัญญาโดยสำคัญผิดว่าพินัยกรรมนั้นเป็นของแท้จริงและถูกต้องตามกฎหมายประการหนึ่ง และอีกประการหนึ่งจำเลยต่อสู้ว่าสามีจำเลยได้บอกล้างนิติกรรมที่จำเลยได้กระทำไปโดยมิได้รับความยินยอมแล้วเช่นนี้จำเลยซึ่งเป็นผู้กล่าวอ้างต้องนำสืบก่อน เมื่อไม่สืบก็ไม่มีข้อเท็จจริงจะวินิจฉัยตามข้อต่อสู้ได้
โจทก์ฟ้องว่าโจทก์มีสิทธิได้รับมรดกตามพินัยกรรมเพราะจำเลยทำสัญญาประนีประนอมยอมความให้ถือเอาตามพินัยกรรมนั้นแล้วจำเลยต่อสู้ว่าจำเลยทำสัญญาโดยสำคัญผิดว่าพินัยกรรมนั้นเป็นของแท้จริงและถูกต้องตามกฎหมายประการหนึ่ง และอีกประการหนึ่งจำเลยต่อสู้ว่าสามีจำเลยได้บอกล้างนิติกรรมที่จำเลยได้กระทำไปโดยมิได้รับความยินยอมแล้วเช่นนี้จำเลยซึ่งเป็นผู้กล่าวอ้างต้องนำสืบก่อน เมื่อไม่สืบก็ไม่มีข้อเท็จจริงจะวินิจฉัยตามข้อต่อสู้ได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1761/2498 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
อำนาจฟ้องและการนำสืบพยาน: จำเลยต้องยกเหตุไม่มีอำนาจฟ้องเป็นข้อต่อสู้ก่อน และโจทก์ไม่ต้องนำสืบข้อเท็จจริงที่จำเลยไม่โต้แย้ง
จำเลยกล่าวไว้ในตอนท้านคำให้การว่า "อย่างไรก็ดีโจทก์ไม่มีอำนาจฟ้องข้าพเจ้าเป็นจำเลย " เหตุใดจึงกล่าวว่าโจทก์ไม่มีอำนาจฟ้องหาได้แสดงข้ออ้างอิงแต่ประการใดไม่ ทั้งจำเลยมิได้ให้การตัดฟ้องว่าโจทก์ไม่มีอำนาจฟ้องจำเลย ดังนี้ศาลได้แต่เพียงแปลความหมายว่าคำกล่าวที่ว่าไม่มีอำนาจฟ้องเนื่องมาจากคำให้การของจำเลยในตอนต้น ๆ เช่นที่กล่าวว่าจำเลยเป็นตัวแทนของโจทก์ ๆ จึงไม่มีอำนาจฟ้องหาใช่เรื่องตัดฟ้องไม่ จึงไม่มีประเด็นและมิจำเป็นที่ศาลจะวินิจฉัยเลยไปถึงว่าโจทก์จะเป็นผู้มีอำนาจฟ้องคดีหรือไม่
ข้อเท็จจริงใดที่โจทก์กล่าวในฟ้องจำเลยจะต้องให้การปฏิเสธหรือคัดค้านหรือจะแก้ว่าอย่างใดก็ได้หากจำเลยมิได้ปฏิเสธหรือคัดค้านหรือแก้ว่าอย่างใดเลยถือว่าข้อเท็จจริงนั้นไม่มีประเด็นอันโจทก์จะต้องนำสืบ
ในเรื่องการบอกกล่าวล่วงหน้าการทวงหนี้โจทก์กล่าวในฟ้องว่าโจทก์ได้ทำหนังสือมอบอำนาจให้เลขาธิการคณะรัฐมนตรีแจ้งให้จำเลยจัดการชำระเงินที่ค้างจำเลยไม่ชำระ ซึ่งในข้อนี้จำเลยมิได้ปฎิเสธหรือคัดค้านหรือแก้ว่าอย่างใดเลย จึงไม่มีประเด็นอันโจทก์จะต้องนำสืบด้วย
ข้อเท็จจริงใดที่โจทก์กล่าวในฟ้องจำเลยจะต้องให้การปฏิเสธหรือคัดค้านหรือจะแก้ว่าอย่างใดก็ได้หากจำเลยมิได้ปฏิเสธหรือคัดค้านหรือแก้ว่าอย่างใดเลยถือว่าข้อเท็จจริงนั้นไม่มีประเด็นอันโจทก์จะต้องนำสืบ
ในเรื่องการบอกกล่าวล่วงหน้าการทวงหนี้โจทก์กล่าวในฟ้องว่าโจทก์ได้ทำหนังสือมอบอำนาจให้เลขาธิการคณะรัฐมนตรีแจ้งให้จำเลยจัดการชำระเงินที่ค้างจำเลยไม่ชำระ ซึ่งในข้อนี้จำเลยมิได้ปฎิเสธหรือคัดค้านหรือแก้ว่าอย่างใดเลย จึงไม่มีประเด็นอันโจทก์จะต้องนำสืบด้วย
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1446/2498 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การลดโทษจำเลยฐานบันดาลโทสะจากเหตุถูกยั่วยุโดยผู้ตาย ศาลมีอำนาจวินิจฉัยได้แม้จำเลยมิได้ยกขึ้นเป็นข้อต่อสู้
การที่ผู้ตายใช้เท้าถีบจำเลยก่อน จำเลยจึงวิ่งไปเอาหอกในเรือนห่างเพียง 1 วาเข้าทำร้ายผู้ตาย ในทันใดนั้น ย่อมเรียกได้ว่าจำเลยถูกกดขี่ข่มเหงอย่างร้ายแรงด้วยเหตุอันไม่เป็นธรรมจึงบันดาลโทษะขึ้นในขณะนั้นนั่นเอง
เมื่อทางพิจารณาได้ความว่าจำเลยถูกกดขี่ข่มเหงด้วยเหตุอันไม่เป็นธรรมก่อนเช่นนั้น ศาลย่อมมีอำนาจที่จะลดโทษจำเลยฐานบรรดาลโทษะได้+
เมื่อทางพิจารณาได้ความว่าจำเลยถูกกดขี่ข่มเหงด้วยเหตุอันไม่เป็นธรรมก่อนเช่นนั้น ศาลย่อมมีอำนาจที่จะลดโทษจำเลยฐานบรรดาลโทษะได้+
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1446/2498
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การลดโทษจำเลยฐานบันดาลโทสะ แม้มิได้ยกขึ้นเป็นข้อต่อสู้ หากพิจารณาได้จากพฤติการณ์
การที่ผู้ตายใช้เท้าถีบจำเลยก่อน จำเลยจึงวิ่งไปเอาหอกในเรือนห่างเพียง 1 วาเข้าทำร้ายผู้ตาย ในทันใดนั้น ย่อมเรียกได้ว่าจำเลยถูกกดขี่ข่มเหงอย่างร้ายแรงด้วยเหตุอันไม่เป็นธรรมจึงบันดาลโทสะขึ้นในขณะนั้นนั่นเอง
เมื่อทางพิจารณาได้ความว่าจำเลยถูกกดขี่ข่มเหงด้วยเหตุอันไม่เป็นธรรมก่อนเช่นนั้น ศาลย่อมมีอำนาจที่จะลดโทษจำเลยฐานบันดาลโทสะได้ แม้จำเลยมิได้ยกขึ้นต่อสู้
เมื่อทางพิจารณาได้ความว่าจำเลยถูกกดขี่ข่มเหงด้วยเหตุอันไม่เป็นธรรมก่อนเช่นนั้น ศาลย่อมมีอำนาจที่จะลดโทษจำเลยฐานบันดาลโทสะได้ แม้จำเลยมิได้ยกขึ้นต่อสู้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 789/2497
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
กรรมสิทธิ์ที่ดิน - การครอบครอง - การนำสืบ - ข้อต่อสู้ - เจตนายึดถือ
คดีพิพาทเรื่องกรรมสิทธิที่ดิน โจทก์บรรยายฟ้องว่าโจทก์ได้ที่ดินบางส่วนโดยทางต่างๆ กัน แต่ไม่ได้บอกว่าได้มาส่วนไหนเมื่อใด และไม่มีแผนที่สังเขปท้ายฟ้องแต่ระบุเขตติดต่อกว้างยาวมาด้วยดังนี้ไม่เป็นฟ้องเคลือบคลุม
คดีมีประเด็นโต้เถียงเรื่องการครอบครองระหว่างโจทก์จำเลยหากจำเลยจะต่อสู้ว่าจำเลยใช้สิทธิครอบครองโดยให้โจทก์เช่าทำ จำเลยจะต้องให้การให้ชัด มิฉะนั้นโจทก์ย่อมเสียเปรียบไม่อาจทราบข้อนำสืบของจำเลย
การนำสืบนอกประเด็นข้อต่อสู้ศาลย่อมไม่รับวินิจฉัยให้
คดีมีประเด็นโต้เถียงเรื่องการครอบครองระหว่างโจทก์จำเลยหากจำเลยจะต่อสู้ว่าจำเลยใช้สิทธิครอบครองโดยให้โจทก์เช่าทำ จำเลยจะต้องให้การให้ชัด มิฉะนั้นโจทก์ย่อมเสียเปรียบไม่อาจทราบข้อนำสืบของจำเลย
การนำสืบนอกประเด็นข้อต่อสู้ศาลย่อมไม่รับวินิจฉัยให้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 507/2497
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
จำเลยรับทำสัญญากู้เงิน ต้องนำสืบข้อต่อสู้ว่านิติกรรมอำพราง แม้จะอ้างว่าทำเพื่อหลอกภรรยาแต่พยานอ่อนน้ำหนัก ศาลเชื่อได้มีการกู้ยืมจริง
ฟ้องเรียกเงินตามสัญญากู้จำเลยต่อสู้ว่าเป็นนิติกรรมอำพรางความจริงไม่ได้รับเงินเลยเมื่อจำเลยรับว่าได้ทำหนังสือสัญญาซึ่งกล่าวชัดว่าได้รับเงินไปแล้ว เป็นหน้าที่จำเลยนำสืบตามข้อต่อสู้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1247-1248/2497
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
อายุความฟ้องคดีเรือชน: การยกข้อต่อสู้หลังชี้สองสถานไม่กระทบความสงบเรียบร้อย
ข้อต่อสู้ของจำเลยที่ว่าคดีโจทก์ขาดอายุความตามพระราชบัญญัติการเดินเรือในน่านน้ำไทย พ.ศ.2456 มาตรา 308 นั้น ไม่เกี่ยวกับความสงบเรียบร้อยของประชาชน จำเลยจะยกขึ้นต่อสู้หลังจากวันชี้สองสถานและสืบพยานโจทก์ไปแล้วไม่ได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 119/2497 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
หักกลบลบหนี้กับการใช้ทรัพย์แทนหนี้: การนำสืบข้อต่อสู้
โจทก์ฟ้องให้จำเลยชำระเงินกู้ ตามสัญญากู้เงิน จำเลยต่อสู้ว่าโจทก์ซื้อปืนพกจำเลยไป 1 กระบอกเป็นจำนวนเงินแน่นอน และว่าได้ตกลงกันหักกลบลบหนี้กันแล้ว ดังนี้ ได้ชื่อว่าเป็นการหักกลบลบหนี้กัน ตาม ป.ม.แพ่งฯมาตรา 341 หาใช่เป็นการใช้ทรัพย์แทนเงินกู้ตามมาตรา 321 ไม่ ฉะนั้นจำเลยจึงนำพยานมาสืบตามข้อต่อสู้ได้ ไม่ใช่กรณีตาม ป.ม.แพ่งฯมาตรา 653 วรรค 2.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1111/2496 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สัญญากู้: ข้อความในสัญญาเป็นหลักฐานเด็ดขาด หักล้างไม่ได้แม้มีข้อต่อสู้
สัญญากู้มีข้อความชัดแจ้งว่าจำเลยได้กู้และได้รับเงินไปครบถ้วนแล้ว จำเลยจะนำสืบว่าความจริงจำเลยมิได้รับเงิน ไปแต่เป็นเรื่องเช่านาโจทก์ทำ โจทก์เกรงจะไม่ได้ค่าเช่า จึงให้จำเลยทำเป็นสัญญากู้เงิน นั้น นำสืบไม่ได้ (อ้างคำ พิพากษาฎีกาที่ 246/2485 และ 799/2493)
การดำเนินคดีในทางแพ่งนั้น เมื่อฝ่ายชนะคดีมิได้แต่งตั้งทนายว่าความ ศาลก็ไม่จำต้องพิพากษาให้ฝ่ายแพ้คดีใช้ ค่าทนายแทน./
การดำเนินคดีในทางแพ่งนั้น เมื่อฝ่ายชนะคดีมิได้แต่งตั้งทนายว่าความ ศาลก็ไม่จำต้องพิพากษาให้ฝ่ายแพ้คดีใช้ ค่าทนายแทน./