คำพิพากษาที่อยู่ใน Tags
ความประมาท

พบผลลัพธ์ทั้งหมด 502 รายการ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 34/2524 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ความประมาททั้งสองฝ่ายและการแบ่งความรับผิดในความเสียหายจากอุบัติเหตุทางรถยนต์
โจทก์ขับรถจักรยานยนต์ชนกับรถยนต์ที่จำเลยขับ ต่างขับด้วยความประมาทเท่ากันโจทก์ได้รับความเสียหาย 58,000 บาท ดังนี้ โจทก์จำเลยจะต้องรับผิดในความเสียหายคนละส่วนเท่ากัน โจทก์จึงควรได้รับค่าเสียจากจำเลยเป็นเงิน 29,000 บาท

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 34/2524

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ความประมาททั้งสองฝ่ายในอุบัติเหตุทางรถยนต์: การแบ่งความรับผิดและค่าเสียหาย
โจทก์ขับรถจักรยานยนต์ชนกับรถยนต์ที่จำเลยขับ ต่างขับด้วยความประมาทเท่ากัน โจทก์ได้รับความเสียหาย 58,000บาท ดังนี้ โจทก์จำเลยจะต้องรับผิดในความเสียหายคนละส่วนเท่ากัน โจทก์จึงควรได้รับค่าเสียหายจากจำเลยเป็นเงิน 29,000 บาท

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3333-3337/2524 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ความรับผิดของนายจ้างต่อการกระทำของลูกจ้างในทางการที่จ้าง แม้ไม่มีคำสั่งโดยตรง
การที่จำเลยที่ 1 ขับรถของจำเลยที่ 2 เพื่อนำไปซ่อม แม้โจทก์จะไม่มีพยานนำสืบว่าจำเลยที่ 1 ขับรถเพื่อนำไปซ่อมตามคำสั่งของผู้ใด แต่รถนั้นก็เป็นรถที่ใช้งานของจำเลยที่ 2 มีจำเลยที่ 1 เป็นคนขับประจำ และจำเลยที่ 1 เก็บรักษากุญแจรถไว้เอง จึงเป็นกิจการที่กระทำไปเพื่อประโยชน์แก่จำเลยที่ 2 โดยตรง เมื่อเกิดเหตุขึ้นย่อมถือได้ว่าจำเลยที่ 1 กระทำในทางการที่จ้างของจำเลยที่ 2 จำเลยที่ 2 ต้องร่วมรับผิดกับจำเลยที่ 1 ด้วย
ปัญหาเรื่องค่าสินไหมทดแทนศาลฎีกาเห็นพ้องด้วยตามคำวินิจฉัยของศาลชั้นต้นแต่ที่ศาลชั้นต้นให้จำเลยเสียค่าดอกเบี้ยในจำนวนเงินค่าสินไหมทดแทนแก่โจทก์ที่ 7 (โจทก์สำนวนที่ 5) ด้วยนั้นคลาดเคลื่อนไปเพราะโจทก์ที่ 7 มิได้เรียกร้องเอาดอกเบี้ย เป็นการเกินคำขอและกรณีดังกล่าวเป็นเรื่องเกี่ยวกับหนี้ร่วมอันไม่อาจแบ่งแยกได้แม้จำเลยที่ 1 จะมิได้อุทธรณ์ฎีกา ศาลฎีกาก็มีอำนาจแก้ไขให้มีผลถึงจำเลยที่ 1 ด้วยได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2961/2524

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ความรับผิดทางละเมิดจากอุบัติเหตุทางถนน: ผู้ขับขี่รถจักรยานยนต์ประมาทเป็นเหตุให้เกิดความเสียหาย
ผู้ตายขับขี่รถจักรยานยนต์ไม่ชำนาญพอ ขับออกจากทางโทโดยประมาทพุ่งเข้าชนรถยนต์จำเลยที่ขับอยู่ในทางเอกดังนี้ ความเสียหายเกิดขึ้นจากความผิดของผู้ตายฝ่ายเดียว หาใช่เป็น ผลโดยตรงที่เกิดจากการที่จำเลยขับรถยนต์เมื่อจะผ่านทางแยกด้วยความเร็วประมาณ 30-50 กิโลเมตรต่อชั่วโมง เกินอัตราที่กำหนดอันเป็นการฝ่าฝืนบทบังคับแห่งพระราชบัญญัติจราจรทางบกฯ แต่อย่างใดไม่ ฉะนั้น การกระทำของจำเลยจึงไม่เป็นการละเมิดต่อโจทก์

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2668/2524

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ความรับผิดจากอุบัติเหตุทางรถยนต์: การขับรถเร็วเกินกว่าวิสัยและการป้องกันได้
จำเลยขับรถมาด้วยความเร็วสูง เมื่อเฉี่ยวชนท้ายรถคันหนึ่งแล้วก็ไม่สามารถหยุดได้ทันท่วงทีก่อนที่จะแล่นไปไปชนท้ายรถโจทก์ ซึ่งอยู่ห่างจุดที่รถเฉี่ยวชนประมาณ 25 เมตร กรณีเป็นเรื่องที่อาจป้องกันได้ถ้าจำเลยไม่ขับรถเร็วจนเกินไป ไม่เป็นเหตุสุดวิสัยตาม ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาตรา 8 จำเลยจึงต้องรับผิดต่อโจทก์ตาม มาตรา 437

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1984/2524

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ความประมาทเลินเล่อของทั้งสองฝ่ายในอุบัติเหตุทางรถไฟ ทำให้ไม่ต้องรับผิดในความเสียหาย
แม้คดีอาญาที่จำเลยที่ 1 ถูกพนักงานอัยการเป็นโจทก์ฟ้องในข้อหาผิดพระราชบัญญัติจราจรทางบก พ.ศ. 2477 จะปรากฏว่าศาลพิพากษายกฟ้องคดีถึงที่สุดแล้วก็ตาม แต่ก็ปรากฏว่า โจทก์ในคดีนี้มิได้เข้าเป็นคู่ความด้วย ทั้งมิใช่ ผู้เสียหายในคดีดังกล่าว คำพิพากษาในคดีอาญาดังกล่าวจึงไม่ ผูกพันโจทก์ในคดีนี้ ต้องฟังข้อเท็จจริงใหม่
ข้อเท็จจริงฟังได้ว่า เหตุที่รถไฟของโจทก์ชนกับรถยนต์บรรทุกที่จำเลยที่ 1 ขับเป็นเพราะความประมาทเลินเล่อของทั้งสองฝ่ายไม่ยิ่งหย่อนไปกว่ากัน จำเลยที่ 1 จึงไม่ต้องรับผิดในความเสียหาย จำเลยที่ 3 ในฐานะนายจ้างก็ไม่ต้องรับผิดด้วย (อ้างฎีกา 676/2524)

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1552/2524

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ความรับผิดทางแพ่งจากอุบัติเหตุทางรถยนต์ การแบ่งความรับผิดตามส่วน และผลของคำพิพากษาคดีอาญา
ในคดีส่วนแพ่ง ปัญหาที่ว่าคนขับรถของฝ่ายใดประมาทนั้นคู่ความตกลงกันให้ถือข้อเท็จจริงตามที่ปรากฏในคำพิพากษาคดีส่วนอาญา หากศาลสูงพิจารณาคดีถึงที่สุดว่า จำเลยที่ 1 คนขับรถของจำเลยที่ 2 เป็นฝ่ายผิด จำเลยที่ 2 ยอมใช้ค่าเสียหายให้โจทก์ต่อมาศาลอุทธรณ์พิพากษาคดีถึงที่สุดว่าทั้งสองฝ่ายมีความผิดและลงโทษจำคุก แม้คดีส่วนอาญาศาลพิพากษาว่าเคยขับรถทั้งสองฝ่ายมีความผิด ก็ยังแสดงว่า จำเลยที่ 1 เป็นฝ่ายผิดด้วยอยู่นั่นเอง ในการพิพากษาคดีส่วนแพ่งจึงต้องถือข้อเท็จจริงตามที่ปรากฏในคำพิพากษาคดีส่วนอาญาตามที่คู่ความตกลงกันแต่ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 424 และประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 47 บัญญัติไว้ว่าในการพิพากษาคดีข้อความรับผิดเพื่อละเมิดและกำหนดค่าสินไหมทดแทนในคดีส่วนแพ่ง ต้องเป็นไปตามบทบัญญัติแห่งกฎหมายว่าด้วย ความรับผิดของบุคคลในทางแพ่งโดยไม่จำต้องคำนึงถึงว่าจำเลยต้อง คำพิพากษาว่าได้กระทำความผิดทางอาญาหรือไม่ เมื่อข้อเท็จจริงฟังได้ว่า จำเลยที่ 1 และคนขับรถของโจทก์ที่ 2 ต่างมีส่วนกระทำความผิดกรณีต้องปรับด้วยประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 442 และ มาตรา 223 ซึ่งศาลมีอำนาจกำหนดค่าสินไหมทดแทนสูงต่ำตามส่วน แห่งความยิ่งหย่อนของผู้มีส่วนก่อให้เกิดความเสียหายโดยอาศัยพฤติการณ์เป็นประมาณ แม้ในคดีส่วนอาญาพิพากษาลงโทษจำคุกจำเลยที่ 1และคนขับรถของโจทก์ที่ 2 เท่ากัน ก็เป็นการใช้ดุลพินิจกำหนดโทษในความผิดทางอาญา จะถือเป็นหลักในการวินิจฉัยความรับผิดทางแพ่งว่าทั้งสองประมาทเท่ากันหาได้ไม่

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1187/2524

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การช่วยเหลือเพื่อป้องกันเหตุร้ายจากการขับรถประมาท ไม่ถือเป็นการกระทำโดยประมาท
โจทก์บรรยายฟ้องว่าจำเลยเข้าแย่งพวงมาลัยจากนางสาว ป.ซึ่งกำลังขับรถอยู่และเร่งความเร็ว เป็นเหตุให้รถแล่นเข้าชนมุมตึกแถว แล้วจำเลยหักหลบไปยังฝั่งตรงข้าม แล่นเข้าชนคนและทรัพย์สินของผู้อื่น แม้ข้อเท็จจริงในทางพิจารณาจะได้ความว่านางสาว ป. ผู้ขับรถเป็นผู้เร่งความเร็ว จำเลยเพียงแต่ช่วยจับพวงมาลัยหันหัวรถให้พุ่งออกไป ก็ยังถือไม่ได้ว่าข้อเท็จจริงตามที่ปรากฏในการพิจารณาแตกต่างกับข้อเท็จจริงดังที่กล่าวในฟ้อง
จำเลยยินยอมให้ ป. ซึ่งมิได้รับใบอนุญาตขับขี่รถยนต์ ขับรถยนต์แทนจำเลยโดยจำเลยนั่งอยู่ด้วย ถึงที่เกิดเหตุเป็นทางโค้ง รถยนต์แล่นเฉี่ยวมุมตึกที่มุมถนนอย่างแรง เพราะ ป. ขับรถจะเลี้ยวแต่กะระยะไม่ถูกจำเลยจึงช่วยจับพวงมาลัยหันหัวรถให้พุ่งออกไป เป็นเหตุให้รถพุ่งออกไปยังฝั่งตรงข้ามและชนผู้อื่นถึงแก่ความตายดังนี้ การที่จำเลยช่วยจับพวงมาลัยหันหัวรถให้พุ่งออกไป ก็เนื่องจาก ป. ขับรถเฉี่ยวตึกมุมถนนเพราะไม่สามารถควบคุมได้ บุคคลที่ขับรถยนต์ได้และอยู่ในภาวะเช่นจำเลยย่อมจะต้องเข้าช่วยเหลือ เหตุร้ายที่เกิดขึ้นจึงถือไม่ได้ว่าเกิดจากการกระทำโดยประมาทของจำเลย

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 107-108/2524

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ความประมาทเลินเล่อของทั้งสองฝ่ายในอุบัติเหตุทางรถยนต์ ทำให้ความเสียหายเป็นพับกันไป
ความเสียหายฐานละเมิดเกิดจากความประมาทเลินเล่อของทั้ง 2 ฝ่าย ซึ่งร้ายแรงพอ ๆ กัน จึงพับกันไป

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 631/2523

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ความประมาทในการขับรถที่ทางร่วม: ผู้ขับรถทางเอกต้องระมัดระวังและลดความเร็วเมื่อมีรถจากทางโท
คนขับรถของโจทก์ที่ 1 ขับรถผ่านทางแยกด้วยความเร็วสูงเกินอัตราที่กฎหมายกำหนด ไม่ลดความเร็วและไม่ห้ามล้อเมื่อเห็นรถจำเลยแล่นผ่านทางแยกอยู่ข้างหน้าโดยถือว่ารถคันที่ตนขับแล่นอยู่ในทางเอก แม้รถจำเลยจะแล่นมาจากทางโท แต่รถจำเลยไปถึงสี่แยกที่เกิดเหตุซึ่งเป็นทางร่วมก่อนจำเลยมีสิทธิขับรถผ่านทางแยกไปก่อนได้ เมื่อรถของโจทก์ที่ 1 ชนรถจำเลยจึงถือว่าเป็นความประมาทของคนขับรถโจทก์ที่ 1 แต่ฝ่ายเดียว
of 51