คำพิพากษาที่อยู่ใน Tags
ฉ้อโกง

พบผลลัพธ์ทั้งหมด 938 รายการ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 102/2533

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ฉ้อโกงจากการหลอกลวงลงทุนค้าทองคำ ศาลลดโทษจากความสัมพันธ์และเงินคืนบางส่วน
จำเลยมิได้ประกอบธุรกิจค้าขายทองคำ แต่หลอกลวงโจทก์ โดยการพูดจาชักชวนให้โจทก์ร่วมลงทุนเข้าหุ้นค้าทองคำกับจำเลยโจทก์หลงเชื่อมอบเงินให้แก่จำเลยไป การกระทำของจำเลยจึงเป็นความผิดฐานฉ้อโกง.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 880/2532 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ สัญญากู้ยืมและการหลอกลวงทางแพ่ง: การกระทำไม่ถึงขั้นฉ้อโกงหากมีเจตนาบังคับชำระหนี้ด้วยสัญญาและเช็ค
ผู้เสียหายยินยอมให้ ด.ภริยาจำเลยกู้ยืมเงินโดยมีอ.เป็นผู้ค้ำประกันเพราะมีเหตุจูงใจจากผลประโยชน์ตอบแทนเป็นเงินถึง 50,000 บาท และการที่คู่กรณีทำหนังสือสัญญากู้ไว้เป็นหลักฐานเพราะถ้า ด. ผิดนัดผู้เสียหายก็สามารถบังคับตามสัญญากู้ได้ ไม่ใช่ผู้เสียหายให้กู้ยืมเนื่องจากเชื่อว่า ด. กับจำเลยจะนำเงินไปชำระหนี้ค่าปลูกบ้านและหนี้สหกรณ์ตามที่ ด. กับจำเลยกล่าวอ้างทั้งกรณีที่ผู้เสียหายยอมรับเช็คซึ่งมีจำนวนเงินเท่ากับในสัญญากู้จาก ด. ไว้แทนสัญญากู้แล้วคืนสัญญากู้ให้แก่ฝ่ายจำเลยไป ก็โดยผู้ที่เสียหายเห็นว่าการออกเช็คให้ยึดถือไว้นั้นเป็นหลักประกันที่ดีกว่าสัญญากู้ เพราะนอกจากจะฟ้องบังคับตามจำนวนเงินในเช็คอันเป็นความรับผิดในทางแพ่งแล้ว ผู้เสียหายยังมีสิทธิที่จะฟ้องในทางอาญาซึ่งเป็นช่องทางที่จะบีบบังคับให้ลูกหนี้รีบขวนขวายในการชำระหนี้ได้อีกทางหนึ่งด้วย พฤติการณ์แห่งความผูกพันระหว่างผู้เสียหายกับ ด. และจำเลยจึงเป็นมูลหนี้ในทางแพ่งโดยเฉพาะ หาใช่เป็นความรับผิดในทางอาญาไม่.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 880/2532

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ความสัมพันธ์ทางแพ่งจากการกู้ยืมเงินและการรับเช็คแทนสัญญากู้ ไม่เข้าข่ายความผิดฐานฉ้อโกง
ผู้เสียหายยินยอมให้ ด.ภริยาจำเลยกู้ยืมเงินโดยมีอ.เป็นผู้ค้ำประกัน เพราะมีเหตุจูงใจจากผลประโยชน์ตอบแทนเป็นเงินถึง50,000 บาทและการที่คู่กรณีทำหนังสือสัญญากู้ไว้เป็นหลักฐานเพราะถ้า ด. ผิดนัด ผู้เสียหายก็สามารถบังคับตามสัญญากู้ได้ ไม่ใช่ผู้เสียหายให้กู้ยืมเนื่องจากเชื่อว่า ด. กับจำเลยจะนำเงินไปชำระหนี้ค่าปลูกบ้านและหนี้สหกรณ์ตามที่ ด. กับจำเลยกล่าวอ้างทั้งกรณีที่ผู้เสียหายยอมรับเช็คซึ่งมีจำนวนเงินเท่ากับในสัญญากู้จาก ด. ไว้แทนสัญญากู้แล้วคืนสัญญากู้ให้แก่ฝ่ายจำเลยไป ก็โดยที่ผู้เสียหาย เห็นว่าการออกเช็คให้ยึดถือไว้นั้นเป็นหลักประกันที่ดีกว่าสัญญากู้ เพราะนอกจากจะฟ้องบังคับตามจำนวนเงินในเช็คอันเป็นความผิดในทางแพ่งแล้ว ผู้เสียหายยังมีสิทธิที่จะฟ้องในทางอาญาซึ่งเป็นช่องทางที่จะบีบบังคับให้ลูกหนี้รีบขวนขวายในการชำระหนี้ได้อีกทางหนึ่งด้วย พฤติการณ์แห่งความผูกพันระหว่างผู้เสียหายกับ ด. และจำเลยจึงเป็นมูลหนี้ในทางแพ่งโดยเฉพาะหาใช่เป็นความรับผิดในทางอาญาไม่

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 787/2532 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ความผิดฉ้อโกง: ความแตกต่างระหว่างฉ้อโกงประชาชนกับฉ้อโกงทั่วไป และผลกระทบของอายุความ
จำเลยทั้งสองหลอกลวงว่ามีงานทำที่ องค์การโทรศัพท์ประเทศมาเลเซีย ทำให้โจทก์ทั้งเจ็ดหลงเชื่อยอมจ่ายเงินให้แก่จำเลยทั้งสอง แต่ พฤติการณ์การหลอกลวงของจำเลยไม่ได้มีลักษณะเป็นการประกาศโฆษณาแก่บุคคลทั่ว ๆ ไป เพียงแต่ ตัวแทนของจำเลยได้ ติดต่อ กับโจทก์และพวกอ้างว่ามีงานที่หน่วยงานดังกล่าวว่างอยู่ ๑๐ ตำแหน่ง เท่านั้น การกระทำของจำเลยจึงไม่เป็นความผิดฐาน ฉ้อโกงประชาชนตาม ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๓๔๓ คงเป็นความผิดฐาน ฉ้อโกงตาม มาตรา ๓๔๑ ซึ่ง เป็นความผิดอันยอมความได้ เมื่อโจทก์ทั้งเจ็ดไม่ร้องทุกข์หรือฟ้องคดีภายใน ๓ เดือน นับ แต่วันรู้เรื่องความผิดและรู้ตัวผู้กระทำความผิดดังกล่าว คดีโจทก์จึงขาดอายุความตาม ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๙๖ สิทธินำคดีอาญามาฟ้องย่อมระงับโจทก์ไม่มีอำนาจฟ้องจำเลยทั้งสองในความผิดตาม มาตรา ๓๔๑ ดังกล่าวซึ่ง เป็นเหตุในส่วนลักษณะคดี แม้จำเลยที่ ๒ ไม่ฎีกา ศาลฎีกาก็มีอำนาจพิพากษาตลอดไปถึง จำเลยที่ ๒ ให้รับผลตาม คำพิพากษาด้วย.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 787/2532 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ฉ้อโกง-อายุความ-การหลอกลวงหางาน-ไม่ถึงขั้นฉ้อโกงประชาชน
จำเลยทั้งสองหลอกลวงว่ามีงานทำที่องค์การโทรศัพท์ประเทศมาเลเซีย ทำให้โจทก์ทั้งเจ็ดหลงเชื่อยอมจ่ายเงินให้แก่จำเลยทั้งสอง แต่พฤติการณ์การหลอกลวงของจำเลยไม่ได้มีลักษณะเป็นการประกาศโฆษณาแก่บุคคลทั่ว ๆ ไป เพียงแต่ตัวแทนของจำเลยได้ติดต่อกับโจทก์และพวกอ้างว่ามีงานที่หน่วยงานดังกล่าวว่างอยู่ 10 ตำแหน่งเท่านั้น การกระทำของจำเลยจึงไม่เป็นความผิดฐานฉ้อโกงประชาชนตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 343 คงเป็นความผิดฐานฉ้อโกงตามมาตรา 341 ซึ่งเป็นความผิดอันยอมความได้ เมื่อโจทก์ทั้งเจ็ดไม่ร้องทุกข์หรือฟ้องคดีภายใน 3 เดือน นับแต่วันรู้เรื่องความผิดและรู้ตัวผู้กระทำความผิดดังกล่าว คดีโจทก์จึงขาดอายุความตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 96 สิทธินำคดีอาญามาฟ้องย่อมระงับโจทก์ไม่มีอำนาจฟ้องจำเลยทั้งสองในความผิดตามมาตรา 341 ดังกล่าวซึ่งเป็นเหตุในส่วนลักษณะคดี แม้จำเลยที่ 2 ไม่ฎีกา ศาลฎีกาก็มีอำนาจพิพากษาตลอดไปถึงจำเลยที่ 2 ให้รับผลตามคำพิพากษาด้วย

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 787/2532

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ความผิดฉ้อโกง: ความแตกต่างระหว่างฉ้อโกงประชาชนกับฉ้อโกงทั่วไป และอายุความ
จำเลยทั้งสองหลอกลวงว่ามีงานทำที่ องค์การโทรศัพท์ประเทศมาเลเซีย ทำให้โจทก์ทั้งเจ็ดหลงเชื่อยอมจ่ายเงินให้แก่จำเลยทั้งสอง แต่ พฤติการณ์การหลอกลวงของจำเลยไม่ได้มีลักษณะเป็นการประกาศโฆษณาแก่บุคคลทั่ว ๆ ไป เพียงแต่ ตัวแทนของจำเลยได้ ติดต่อ กับโจทก์และพวกอ้างว่ามีงานที่หน่วยงานดังกล่าวว่างอยู่ 10 ตำแหน่ง เท่านั้น การกระทำของจำเลยจึงไม่เป็นความผิดฐาน ฉ้อโกงประชาชนตาม ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 343 คงเป็นความผิดฐาน ฉ้อโกงตาม มาตรา 341 ซึ่ง เป็นความผิดอันยอมความได้ เมื่อโจทก์ทั้งเจ็ดไม่ร้องทุกข์หรือฟ้องคดีภายใน 3 เดือน นับ แต่วันรู้เรื่องความผิดและรู้ตัวผู้กระทำความผิดดังกล่าว คดีโจทก์จึงขาดอายุความตาม ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 96 สิทธินำคดีอาญามาฟ้องย่อมระงับโจทก์ไม่มีอำนาจฟ้องจำเลยทั้งสองในความผิดตาม มาตรา 341 ดังกล่าวซึ่ง เป็นเหตุในส่วนลักษณะคดี แม้จำเลยที่ 2 ไม่ฎีกา ศาลฎีกาก็มีอำนาจพิพากษาตลอดไปถึง จำเลยที่ 2 ให้รับผลตาม คำพิพากษาด้วย.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 599/2532 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ อำนาจศาลในการลงโทษฐานฉ้อโกง แม้ฟ้องฐานปล้นทรัพย์ – ข้อแตกต่างความผิดไม่ถึงสาระสำคัญ
โจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยในข้อหาปล้นทรัพย์ แม้ข้อเท็จจริงที่ปรากฏในการพิจารณาได้ความว่าจำเลยกระทำความผิดฐานฉ้อโกงตาม ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 341 ก็ตามแต่การกระทำผิดฐานปล้นทรัพย์ก็เป็นการลักทรัพย์โดยร่วมกันกระทำผิดตั้งแต่ 3คนขึ้นไปและกระทำการอันมีลักษณะเป็นการชิงทรัพย์ซึ่งเป็นการได้ทรัพย์ของผู้เสียหายไปเช่นเดียวกัน จึงถือไม่ได้ว่าข้อเท็จจริงตามที่ปรากฏในการพิจารณาแตกต่างกับข้อเท็จจริงที่กล่าวในฟ้องในข้อสาระสำคัญอันจะเป็นเหตุให้ศาลต้องยกฟ้อง เมื่อจำเลยให้การปฏิเสธโดยนำสืบว่าได้ทรัพย์ไปจากผู้เสียหายจริงแต่ไม่ได้กระทำความผิดตามฟ้องแสดงว่าจำเลยมิได้หลงต่อสู้ ศาลมีอำนาจลงโทษจำเลยในความผิดฐานฉ้อโกงตามที่พิจารณาได้ความได้ตาม ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญามาตรา 192 วรรคสาม.(ที่มา-ส่งเสริม)

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 599/2532

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ อำนาจศาลในการลงโทษตามความผิดฐานฉ้อโกง แม้ฟ้องในความผิดฐานปล้นทรัพย์ โดยจำเลยไม่หลงต่อสู้
โจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยในข้อหาปล้นทรัพย์ แม้ข้อเท็จจริงที่ปรากฏในการพิจารณาได้ความว่าจำเลยกระทำความผิดฐานฉ้อโกงตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 341 ก็ตาม แต่การกระทำผิดฐานปล้นทรัพย์ก็เป็นการลักทรัพย์โดยร่วมกันกระทำผิดตั้งแต่ 3 คนขึ้นไปและกระทำการอันมีลักษณะเป็นการชิงทรัพย์ซึ่งเป็นการได้ทรัพย์ของผู้เสียหายไปเช่นเดียวกัน จึงถือไม่ได้ว่าข้อเท็จจริงตามที่ปรากฏในการพิจารณาแตกต่างกับข้อเท็จจริงที่กล่าวในฟ้องในข้อสาระสำคัญอันจะเป็นเหตุให้ศาลต้องยกฟ้อง เมื่อจำเลยให้การปฏิเสธโดยนำสืบว่าได้ทรัพย์ไปจากผู้เสียหายจริง แต่ไม่ได้กระทำความผิดตามฟ้อง แสดงว่าจำเลยมิได้หลงต่อสู้ ศาลจึงมีอำนาจลงโทษจำเลยในความผิดฐานฉ้อโกงตามที่พิจารณาได้ความได้ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญามาตรา 192 วรรคสาม

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 448/2532

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ฉ้อโกงประชาชน vs. ฉ้อโกงธรรมดา และความผิดฐานจัดหางานโดยไม่ได้รับอนุญาต: การตีความเจตนาและองค์ประกอบความผิด
จำเลยไม่ได้รับใบอนุญาตจากนายทะเบียนตามกฎหมายให้ประกอบกิจการจัดหางาน แต่จำเลยได้ใช้การประกอบกิจการจัดหางานเป็นกลอุบายหลอกลวงโดยแสดงข้อความอันเป็นเท็จให้ผู้เสียหายหลงเชื่อเพื่อให้ส่งมอบเงินค่าบริการแก่จำเลย การหลอกลวงดังกล่าวไม่ปรากฏว่ามีการแสดงข้อความอันเป็นเท็จต่อประชาชนโดยทั่วไป เพียงแต่จำเลยชักชวนผู้เสียหายที่บ้าน แล้วพวกผู้เสียหายก็ชวนกันไปสมัครงานกับจำเลย การกระทำของจำเลยจึงไม่เป็นความผิดฐานฉ้อโกงประชาชนตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 343 คงมีความผิดฐานฉ้อโกงตามมาตรา 341 โจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยในข้อหาจัดหางานให้แก่คนหางานโดยเรียกและรับเงินค่าบริการจากคนหางานโดยไม่ได้รับอนุญาตจากนายทะเบียน โดยบรรยายฟ้องในข้อหาฉ้อโกงประชาชนว่า ความจริงแล้วจำเลยกับพวกไม่มีเจตนาและไม่สามารถที่จะจัดส่งผู้ใดไปทำงานได้ตามที่ได้หลอกลวงไว้แต่อย่างใด เช่นนี้แสดงว่าจำเลยไม่มีเจตนาจะจัดหางานให้แก่พวกผู้เสียหายแต่ประการใด จำเลยเพียงแต่อ้างการจัดหางานมาเป็นข้อหลอกลวงเพื่อให้ได้เงินค่าบริการจากผู้เสียหายเท่านั้น การกระทำของจำเลยจึงไม่เป็นความผิดฐานจัดหางานโดยไม่ได้รับอนุญาต แม้จำเลยให้การรับสารภาพ ก็ไม่อาจลงโทษจำเลยในความผิดฐานนี้ได้ ปัญหาข้อนี้เป็นปัญหาข้อกฎหมายเกี่ยวกับความสงบเรียบร้อยแม้คู่ความไม่ฎีกา ศาลฎีกาเห็นสมควรยกขึ้นวินิจฉัยได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3784/2532 เวอร์ชัน 4 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ สัญญาซื้อขายข้าวโพดผิดนัด ไม่เข้าข่ายฉ้อโกง
จำเลยตกลงจะขายข้าวโพดให้แก่ผู้เสียหายและผู้เสียหายได้จ่ายเงินค่าข้าวโพดให้จำเลยไปแล้ว แต่ครั้นผู้เสียหายจะไปรับมอบข้าวโพด จำเลยบอกว่าไม่ขายข้าวโพดให้ผู้เสียหายและไม่ยอมให้นำข้าวโพดไป ผู้เสียหายทวงเงินคืน จำเลยบอกว่าไม่มีเงินคืนให้เช่นนี้ เป็นเรื่องจำเลยตกลงจะขายข้าวโพดแล้วเปลี่ยนใจไม่ยอมขายให้ผู้เสียหาย ข้าวโพดที่จะขายมีอยู่จริงในขณะที่เจรจาตกลงซื้อขายกัน จึงเป็นกรณีที่จำเลยประพฤติผิดสัญญาทางแพ่งเท่านั้น จำเลยไม่มีความผิดฐานฉ้อโกงตามฟ้อง
of 94