พบผลลัพธ์ทั้งหมด 532 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3284/2524 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การเบิกจ่ายเงินค่าเบี้ยเลี้ยงเพื่อซ่อมรถยนต์ของธนาคาร ไม่ถือเป็นการทุจริตต่อหน้าที่ หากไม่มีเจตนาส่วนตัว
โจทก์เป็นลูกจ้างประจำของธนาคารออมสิน จำเลย ตำแหน่งผู้จัดการธนาคารออมสิน สาขาพล จังหวัดขอนแก่น ได้ทำใบเบิกจ่ายเงินค่าเบี้ยเลี้ยงตำรวจรักษาการณ์ธนาคารออมสินสาขาพลโดยกรอกรายการเองและสั่งอนุญาตให้จ่ายเงินเบี้ยเลี้ยงแต่เมื่อได้ความว่า โจทก์นำเงินค่าเบี้ยเลี้ยงไปซ่อมรถยนต์ของธนาคารจำเลยโดยเจ้าหน้าที่ตำรวจรักษาการณ์ยอมมอบเงินให้และมีการซ่อมรถยนต์จริง จึงเป็นการขาดเจตนาทุจริต ถือไม่ได้ว่าการกระทำของโจทก์เป็นการทุจริตต่อหน้าที่
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3284/2524
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การเบิกจ่ายเงินค่าเบี้ยเลี้ยงเพื่อซ่อมรถยนต์ของธนาคาร ไม่ถือเป็นทุจริตต่อหน้าที่หากไม่มีเจตนาส่วนตัว
โจทก์เป็นลูกจ้างประจำของธนาคารออมสิน จำเลย ตำแหน่งผู้จัดการธนาคารออมสิน สาขาพล จังหวัดขอนแก่น ได้ทำใบเบิกจ่ายเงินค่าเบี้ยเลี้ยงตำรวจรักษาการณ์ธนาคารออมสินสาขาพลโดยกรอกรายการเองและสั่งอนุญาตให้จ่ายเงินเบี้ยเลี้ยงแต่เมื่อได้ความว่า โจทก์นำเงินค่าเบี้ยเลี้ยงไปซ่อมรถยนต์ของธนาคารจำเลยโดยเจ้าหน้าที่ตำรวจรักษาการณ์ ยอมมอบเงินให้และมีการซ่อมรถยนต์จริง จึงเป็นการขาดเจตนาทุจริต ถือไม่ได้ว่าการกระทำของโจทก์เป็นการทุจริตต่อหน้าที่
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2588/2524
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ฟ้องอาญาชำระบัญชีทุจริต: ความเคลือบคลุมของฟ้องและการพิจารณาทรัพย์สินเฉพาะ
โจทก์บรรยายฟ้องว่า จำเลยทั้งสามกับพวกผู้ชำระบัญชีที่ตายไปแล้ว ไม่ปฏิบัติให้เป็นไปตามหน้าที่ของผู้ชำระบัญชีโดยเจตนาทุจริตแสวงหาประโยชน์ที่มิควรได้โดยชอบด้วยกฎหมายและจำเลยทั้งสามกับพวกดังกล่าวได้เบียดบังทรัพย์สินของห้างซึ่งอยู่ในระหว่างการชำระบัญชีเป็นประโยชน์ของจำเลยทั้งสามกับพวกที่ตายไปแล้วและบุคคลอื่นโดยเจตนาทุจริตอันเกี่ยวกับทรัพย์สินของห้างซึ่งโจทก์และทายาทอื่นของนายซีมากาเดอร์มีส่วนอยู่ด้วย2 ประการ คือ
ประการแรก จำเลยทั้งสามกับพวกได้แบ่งทรัพย์สินของห้างที่เป็นอสังหาริมทรัพย์ สังหาริมทรัพย์กับหุ้นส่วนทั้งในและนอกประเทศที่มีมูลค่าเป็นเงิน 3,581,441 บาท 60สตางค์ให้โจทก์และทายาทอื่นเพียงบางรายการน้อยกว่า15 ส่วนใน 100 ส่วนตามที่บิดาโจทก์มีสิทธิจะได้รับเห็นว่าโจทก์มิได้บรรยายฟ้องแสดงให้เห็นว่าทรัพย์สินของห้างมีอะไรบ้างทรัพย์สินของห้างเพียงบางรายการที่จำเลยกับพวกแบ่งให้น้อยกว่า15 ใน 100 ส่วน ตามที่บิดาโจทก์มีสิทธิที่จะได้รับนั้นมีอะไรบ้างโจทก์กับทายาทอื่นได้รับส่วนแบ่งไปแล้วเท่าใด ยังขาดอีกเท่าใดจำเลยทั้งสามกับพวกได้เบียดบังทรัพย์สินของห้างซึ่งอยู่ในระหว่างการชำระบัญชีรายการใดไปเป็นประโยชน์คำบรรยายฟ้องของโจทก์ในข้อนี้จึงเคลือบคลุม
ประการที่สอง สำหรับทรัพย์สินบางรายการ เช่น (1) หุ้นของบริษัท ร. ประเทศมาเลเซีย 12,140 หุ้น (2) บริษัท ม.ประเทศสิงค์โปร์ 3,500 หุ้น (3) ที่ดินพร้อมอาคารเลขที่11/5 ตรอกตำบีซาเนื้อที่ 33.3 ตารางวา (4) ที่ดินพร้อมอาคารเลขที่160 ถนนราชบพิตรเนื้อที่ 14 ตารางวา เป็นต้นจำเลยทั้งสามกับพวกไม่ยอมแบ่งหุ้นและที่ดินดังกล่าวให้โจทก์และทายาทอื่นตามส่วนที่บิดาโจทก์มีสิทธิได้รับ 15ส่วนใน 100 ส่วนเห็นว่าแม้จะมีทรัพย์สินของห้างที่จำเลยกับพวกไม่ยอมแบ่งให้โจทก์และทายาทอื่นๆ มากกว่านี้แต่ถ้าทางพิจารณาได้ความว่าจำเลยกับพวกกระทำผิดเกี่ยวกับทรัพย์ 4 รายการนี้ตามที่โจทก์บรรยายมาในฟ้องศาลก็ชอบที่จะลงโทษจำเลยเกี่ยวกับทรัพย์ 4 รายการนี้ได้ คำบรรยายฟ้องของโจทก์เกี่ยวกับทรัพย์ 4 รายการดังกล่าวนี้ไม่เคลือบคลุม
ประการแรก จำเลยทั้งสามกับพวกได้แบ่งทรัพย์สินของห้างที่เป็นอสังหาริมทรัพย์ สังหาริมทรัพย์กับหุ้นส่วนทั้งในและนอกประเทศที่มีมูลค่าเป็นเงิน 3,581,441 บาท 60สตางค์ให้โจทก์และทายาทอื่นเพียงบางรายการน้อยกว่า15 ส่วนใน 100 ส่วนตามที่บิดาโจทก์มีสิทธิจะได้รับเห็นว่าโจทก์มิได้บรรยายฟ้องแสดงให้เห็นว่าทรัพย์สินของห้างมีอะไรบ้างทรัพย์สินของห้างเพียงบางรายการที่จำเลยกับพวกแบ่งให้น้อยกว่า15 ใน 100 ส่วน ตามที่บิดาโจทก์มีสิทธิที่จะได้รับนั้นมีอะไรบ้างโจทก์กับทายาทอื่นได้รับส่วนแบ่งไปแล้วเท่าใด ยังขาดอีกเท่าใดจำเลยทั้งสามกับพวกได้เบียดบังทรัพย์สินของห้างซึ่งอยู่ในระหว่างการชำระบัญชีรายการใดไปเป็นประโยชน์คำบรรยายฟ้องของโจทก์ในข้อนี้จึงเคลือบคลุม
ประการที่สอง สำหรับทรัพย์สินบางรายการ เช่น (1) หุ้นของบริษัท ร. ประเทศมาเลเซีย 12,140 หุ้น (2) บริษัท ม.ประเทศสิงค์โปร์ 3,500 หุ้น (3) ที่ดินพร้อมอาคารเลขที่11/5 ตรอกตำบีซาเนื้อที่ 33.3 ตารางวา (4) ที่ดินพร้อมอาคารเลขที่160 ถนนราชบพิตรเนื้อที่ 14 ตารางวา เป็นต้นจำเลยทั้งสามกับพวกไม่ยอมแบ่งหุ้นและที่ดินดังกล่าวให้โจทก์และทายาทอื่นตามส่วนที่บิดาโจทก์มีสิทธิได้รับ 15ส่วนใน 100 ส่วนเห็นว่าแม้จะมีทรัพย์สินของห้างที่จำเลยกับพวกไม่ยอมแบ่งให้โจทก์และทายาทอื่นๆ มากกว่านี้แต่ถ้าทางพิจารณาได้ความว่าจำเลยกับพวกกระทำผิดเกี่ยวกับทรัพย์ 4 รายการนี้ตามที่โจทก์บรรยายมาในฟ้องศาลก็ชอบที่จะลงโทษจำเลยเกี่ยวกับทรัพย์ 4 รายการนี้ได้ คำบรรยายฟ้องของโจทก์เกี่ยวกับทรัพย์ 4 รายการดังกล่าวนี้ไม่เคลือบคลุม
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1497/2524
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การเลิกจ้างลูกจ้างฐานทุจริตตอกบัตรเวลา ถือเป็นการฝ่าฝืนระเบียบร้ายแรง ไม่ต้องจ่ายค่าชดเชย
บริษัทจำเลยมีลูกจ้างถึง 2000 กว่าคน ตามระเบียบข้อบังคับเกี่ยวกับการทำงานมีการทำงานตามปกติในวันจันทร์ถึงวันเสาร์และมีการทำงานล่วงเวลาทุกวัน สำหรับวันเสาร์เลิกงาน 13 นาฬิกา หลังจากนั้นเป็นการทำงานล่วงเวลาวันอาทิตย์เป็นวันหยุดแต่มีการทำงานในวันหยุดมีกำหนดไม่เกิน 8 ชั่วโมง ลูกจ้างที่มาทำงานมีสิทธิได้รับค่าจ้างทำงานวันหยุดไม่เกิน 8 ชั่วโมง การเบิกค่าจ้างจะตรวจสอบเวลาทำงานตามใบเบิกกับบัตรตอกเวลาทำงานของลูกจ้าง เมื่อเห็นว่าใบเบิกมีเวลาทำงานไม่เกินไปกว่าเวลาทำงานในบัตรตอกเวลาทำงานก็จ่ายค่าจ้างให้ตามใบเบิกเงินนั้นข้อบังคับการทำงานดังกล่าวเกี่ยวกับตอกบัตรเวลาทำงานนอกจากจะเป็นหลักฐานแสดงถึงระยะเวลาที่ลูกจ้างของจำเลยแต่ละคนปฏิบัติงานในแต่ละวันแล้ว ยังเป็นหลักฐานในการเบิกจ่ายค่าจ้างและค่าทำงานล่วงเวลา ในกรณีมีการทำงานล่วงเวลาด้วย บริษัทจำเลยเคยมีปัญหาเรื่องการตอกบัตรเวลาทำงานไม่ตรงตามความจริงมาแล้ว จึงได้ประกาศเตือนลูกจ้างว่าหากมีการทุจริตเกี่ยวกับการตอกบัตรเวลาบริษัทจำเป็นจะต้องเลิกจ้างโดยไม่จ่ายค่าชดเชย โจทก์ตอกบัตรเวลาทำงานฝ่าฝืนระเบียบข้อบังคับของจำเลย โดยกลับจากทำงาน 12 นาฬิกาแต่ตอกบัตรเวลากลับ 21 นาฬิกาในวันเสาร์และได้ออกไปจากที่ทำงานตั้งแต่เวลา 9 นาฬิกา แต่ตอกบัตรเวลากลับจากทำงาน 19.02 นาฬิกา จึงเป็นการฝ่าฝืนระเบียบข้อบังคับดังกล่าวเป็นกรณีร้ายแรงจำเลยเลิกจ้างโจทก์เสียได้โดยไม่ต้องจ่ายค่าชดเชยให้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 471/2523
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
อำนาจนายอำเภอแต่งตั้งผู้ใหญ่บ้านเป็นเจ้าพนักงานจัดเก็บภาษีบำรุงท้องที่ - การทุจริตต่อหน้าที่
พระราชบัญญัติภาษีบำรุงท้องที่ พ.ศ.2508 มาตรา 24 มิได้บัญญัติให้อำนาจนายอำเภอแต่งตั้งผู้ใหญ่บ้านเป็นเจ้าพนักงานจัดเก็บภาษีบำรุงท้องที่แต่อย่างใด การที่นายอำเภอมีคำสั่งให้จำเลยซึ่งเป็นผู้ใหญ่บ้านเป็นเจ้าพนักงานสำรวจสำหรับเขตหมู่บ้านและแต่งตั้งให้มีเจ้าหน้าที่จัดเก็บภาษีบำรุงท้องที่ในหมู่บ้านที่ตนปกครองรับผิดชอบ คำสั่งดังกล่าวจึงไม่มีผลให้จำเลยเป็นเจ้าพนักงานผู้มีหน้าที่จัดเก็บภาษีบำรุงท้องที่ แม้ต่อมาจำเลยได้จัดเก็บเงินภาษีบำรุงท้องที่จากราษฎร แล้วเบียดบังเอาเงินดังกล่าวเป็นของตนโดยทุจริต จำเลยก็ไม่มีความผิดฐานเป็นเจ้าพนักงานทุจริตต่อหน้าที่
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2894/2523
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
อำนาจฟ้องคดีทุจริตของประธานกรรมการสุขาภิบาลในฐานะผู้ร้องทุกข์
นายอำเภอในฐานะประธานกรรมการสุขาภิบาลมีอำนาจร้องทุกข์ให้ดำเนินคดีกับผู้ทุจริตเบียดบังเงินของสุขาภิบาลผู้เสียหายซึ่งเป็นนิติบุคคลตาม พระราชบัญญัติสุขาภิบาล พ.ศ. 2495ได้ ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 5(3)
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2563/2523 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สถานะพนักงานชั่วคราวกับการกระทำผิดฐานทุจริต – การลงโทษตาม พ.ร.บ.พนักงานรัฐ
ขณะกระทำความผิดจำเลยอยู่ในระหว่างทดลองปฏิบัติงาน หากได้ผลเป็นที่ไม่พอใจก็ให้ออกได้โดยไม่ต้องตั้งกรรมการ ยังไม่ได้รับการบรรจุและแต่งตั้งเป็นพนักงานการไฟฟ้านครหลวง จึงลงโทษจำเลยตามพระราชบัญญัติว่าด้วยความผิดของพนักงานในองค์การหรือหน่วยงานของรัฐ พ.ศ. 2502 ไม่ได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2563/2523
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สถานะพนักงานทดลองงานกับการกระทำความผิดฐานทุจริตต่อหน้าที่ จำเลยมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา
ขณะกระทำความผิดจำเลยอยู่ในระหว่างทดลองปฏิบัติงาน หากได้ผลเป็นที่ไม่พอใจก็ให้ออกได้โดยไม่ต้องตั้งกรรมการยังไม่ได้รับการบรรจุและแต่งตั้งเป็นพนักงานการไฟฟ้านครหลวงจึงลงโทษจำเลยตามพระราชบัญญัติว่าด้วยความผิดของพนักงานในองค์การหรือหน่วยงานของรัฐ พ.ศ.2502ไม่ได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1208/2523
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ข้าราชการทุจริตการก่อสร้าง รับรองงานผิดพลาด ทำให้ราชการเสียหาย
จำเลยเป็นข้าราชการตำแหน่งหัวหน้าธุรการของโรงพยาบาลและเป็นกรรมการตรวจการจ้างการก่อสร้างตึก จำเลยทราบดีว่าการก่อสร้างผิดรายการตามแบบแปลนแต่เพิกเฉยเสีย แล้วทำบันทึกตรวจการจ้างรับรองเป็นหลักฐานว่า ผู้รับจ้างทำการก่อสร้างแล้วเสร็จบริบูรณ์ตามสัญญาจ้างจนทางราชการได้อนุมัติจ่ายค่าจ้างให้ผู้รับจ้างไปครบถ้วนซึ่งเป็นความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 157 และมาตรา 162(1) นั้น การกระทำของจำเลยดังกล่าวเป็นความผิดต่อเนื่องกัน จึงเป็นกรรมเดียวผิดต่อกฎหมายหลายบท ลงโทษตามกฎหมายที่เป็นบทหนักที่สุดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 90
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1045/2523
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สัญญาค้ำประกันความรับผิดของลูกหนี้ทุจริตยักยอกเงินธนาคาร ผู้ค้ำประกันต้องรับผิดตามสัญญา
จำเลยที่ 1 เป็นพนักงานธนาคารโจทก์จำเลยที่ 2 เป็นผู้ค้ำประกันจำเลยที่ 1 ต่อโจทก์จำเลยที่ 1 ทำหนังสือรับสภาพหนี้ให้โจทก์ยึดถือไว้เป็นผลสืบเนื่องมาจากจำเลยที่ 1 ทุจริตยักยอกเงินที่ผู้จัดการธนาคารสั่งให้จำเลยที่ 1 ไปรับเงินฝากจากลูกค้าซึ่งการรับเงินดังกล่าวเป็นการที่จำเลยที่ 1 รับไว้แทนโจทก์และจำเลยที่ 1 มีหน้าที่นำมามอบให้พนักงานธนาคารโจทก์เพื่อนำเข้าบัญชีของลูกค้าซึ่งต่อมาโจทก์ได้ชดใช้เงินดังกล่าวให้แก่ลูกค้าไปแล้วดังนี้ แม้ขณะจำเลยที่ 1 ทำหนังสือรับสภาพหนี้โจทก์ยังมิได้ใช้เงินให้แก่ลูกค้าก็ตามโจทก์ก็มีอำนาจฟ้องให้จำเลยที่ 2 รับผิดตามสัญญาค้ำประกันได้
สัญญาค้ำประกันจำเลยที่ 1 เข้าทำงานที่จำเลยที่ 2 ทำไว้ต่อโจทก์มีข้อความว่าถ้าธนาคารโจทก์รับจำเลยที่ 1 เข้าทำงานไม่ว่าในหน้าที่หรือตำแหน่งใดแล้วหากจำเลยที่ 1 ปฏิบัติงานบกพร่องต่อหน้าที่หรือประมาทเลินเล่อหรือกระทำการทุจริตหรือก่อหนี้สินผูกพันกับธนาคารโจทก์อันทำให้ธนาคารโจทก์ได้รับความเสียหายไม่ว่ากรณีใดที่กล่าวมาจำเลยที่ 2 ยอมรับผิดชดใช้ค่าเสียหายให้แก่ธนาคารโจทก์โดยตรงและทันทีทุกกรณีภายในวงเงินไม่เกิน 50,000 บาท ดังนี้ แม้จำเลยที่ 1 จะเป็นพนักงานขับรถยนต์ของธนาคารโจทก์แต่เมื่อโจทก์มอบหมายให้จำเลยที่ 1 ไปรับเงินจากลูกค้าเพื่อนำฝากเข้าบัญชีของลูกค้าจำเลยที่ 1 ก็มีหน้าที่จะต้องนำเงินจำนวนดังกล่าวมาฝากเข้าบัญชีลูกค้าเมื่อจำเลยที่ 1 ทุจริตยักยอกเงินนั้นไปจำเลยที่ 2 ก็ต้องรับผิดต่อธนาคารตามสัญญาค้ำประกัน
สัญญาค้ำประกันจำเลยที่ 1 เข้าทำงานที่จำเลยที่ 2 ทำไว้ต่อโจทก์มีข้อความว่าถ้าธนาคารโจทก์รับจำเลยที่ 1 เข้าทำงานไม่ว่าในหน้าที่หรือตำแหน่งใดแล้วหากจำเลยที่ 1 ปฏิบัติงานบกพร่องต่อหน้าที่หรือประมาทเลินเล่อหรือกระทำการทุจริตหรือก่อหนี้สินผูกพันกับธนาคารโจทก์อันทำให้ธนาคารโจทก์ได้รับความเสียหายไม่ว่ากรณีใดที่กล่าวมาจำเลยที่ 2 ยอมรับผิดชดใช้ค่าเสียหายให้แก่ธนาคารโจทก์โดยตรงและทันทีทุกกรณีภายในวงเงินไม่เกิน 50,000 บาท ดังนี้ แม้จำเลยที่ 1 จะเป็นพนักงานขับรถยนต์ของธนาคารโจทก์แต่เมื่อโจทก์มอบหมายให้จำเลยที่ 1 ไปรับเงินจากลูกค้าเพื่อนำฝากเข้าบัญชีของลูกค้าจำเลยที่ 1 ก็มีหน้าที่จะต้องนำเงินจำนวนดังกล่าวมาฝากเข้าบัญชีลูกค้าเมื่อจำเลยที่ 1 ทุจริตยักยอกเงินนั้นไปจำเลยที่ 2 ก็ต้องรับผิดต่อธนาคารตามสัญญาค้ำประกัน