คำพิพากษาที่อยู่ใน Tags
นายจ้าง

พบผลลัพธ์ทั้งหมด 1,104 รายการ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3558/2537

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ความรับผิดร่วมในผลละเมิดจากอุบัติเหตุทางรถยนต์ และการรับผิดของนายจ้างและผู้รับประกันภัย
ข้อที่จำเลยที่ 3 และที่ 4 ฎีกาว่า จำเลยที่ 2 ไม่ได้ขับรถโดยประมาทเลินเล่อนั้นชั้นอุทธรณ์ จำเลยที่ 3 และที่ 4 ไม่ได้อุทธรณ์ข้อนี้ คงอุทธรณ์แต่เพียงว่าเหตุรถชนกันเกิดจากความประมาทเลินเล่อของจำเลยที่ 1 มากกว่าเท่านั้น ฎีกาของจำเลยที่ 3 และที่ 4 ข้อนี้จึงเป็นฎีกาข้อที่ไม่ได้ยกขึ้นว่ากันมาแล้วในศาลอุทธรณ์ต้องห้ามมิให้ฎีกาตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 249 วรรคแรก ศาลฎีกาไม่รับวินิจฉัย เมื่อข้อเท็จจริงฟังได้ว่า เหตุรถชนกันครั้งนี้เกิดจากความประมาทเลินเล่อของจำเลยที่ 2 ด้วยเท่า ๆ กับความประมาทเลินเล่อของจำเลยที่ 1 แม้จำเลยที่ 1 และที่ 2 ต่างคนต่างประมาทเลินเล่อก็ตาม แต่ได้ก่อให้เกิดความเสียหายแก่รถยนต์ที่โจทก์ซึ่งเป็นบุคคลภายนอกได้รับประกันภัยไว้ จึงต้องถือว่าจำเลยที่ 1 และที่ 2ล้วนมีส่วนก่อให้เกิดความเสียหายดังกล่าวทั้งหมด จำเลยที่ 1และจำเลยที่ 2 จึงต้องร่วมกันรับผิดในความเสียหายที่เกิดขึ้นอย่างลูกหนี้ร่วม โดยจำเลยทั้งสองหรือคนใดคนหนึ่งต้องรับผิดต่อโจทก์ผู้รับช่วงสิทธิเต็มจำนวนความเสียหายโดยจะแบ่งความรับผิดต่อโจทก์หาได้ไม่ เมื่อจำเลยที่ 2 ต้องร่วมรับผิดในผลละเมิดทั้งหมด จำเลยที่ 3 ซึ่งเป็นนายจ้างและจำเลยที่ 4 ซึ่งเป็นผู้รับประกันภัยจึงต้องร่วมรับผิดกับจำเลยที่ 2 ในผลแห่งละเมิดดังกล่าวทั้งหมดเช่นกัน

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 340/2537 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การเลิกจ้างลูกจ้างกรณีติดประกาศดูหมิ่นนายจ้าง ศาลอนุญาตเลิกจ้างได้
กฎระเบียบข้อบังคับเกี่ยวกับการทำงานของผู้ร้องในหมวดว่าด้วยวินัยและโทษทางวินัยกำหนดไว้ว่า ความผิดเกี่ยวกับ การจัดการประชุม หรือชุมนุม เขียน แจกจ่าย ติดประกาศ หรือ พิมพ์โฆษณา ถ้อยคำหรือบทความภายในบริเวณที่ทำงานหรือโรงงาน หรือบริษัท โดยไม่รับอนุญาต จะได้รับการพิจารณาโทษปลดออก ดังนี้ การที่ผู้คัดค้านทั้งสี่เป็นลูกจ้างของผู้ร้องหากผู้คัดค้านทั้งสี่หรือลูกจ้างอื่นของผู้ร้องไม่ได้รับความเป็นธรรมจากผู้ร้อง ผู้คัดค้านทั้งสี่ในฐานะกรรมการลูกจ้างก็มีสิทธิดำเนินการใด ๆ ภายในขอบเขตของกฎหมายเพื่อให้ได้มาซึ่งความเป็นธรรมได้ แต่การที่ผู้คัดค้านทั้งสี่ได้ร่วมกันเขียนประกาศพิพาทที่มีข้อความ ดูหมิ่น เสียดสีและเหยียดหยามผู้ร้องซึ่งเป็นนายจ้างและผู้บังคับบัญชาดังกล่าวไปปิดไว้ที่บอร์ด โดยไม่ได้รับอนุญาตจากผู้ร้องย่อมทำให้พนักงานของผู้ร้องขาดความเคารพยำเกรงเป็นการส่งเสริมและยั่วยุให้พนักงานกระด้างกระเดื่องต่อผู้ร้อง ทำให้เกิดความแตกแยกระหว่างผู้ร้องกับพนักงานอันจะส่งผลเสียหายต่อผู้ร้องและพนักงานในที่สุด เมื่อผู้ร้องสั่งให้เอาออก ผู้คัดค้านทั้งสี่ก็มิได้ปฏิบัติตาม เป็นการฝ่าฝืนคำสั่งโดยชอบของผู้บังคับบัญชา กระทำตนเป็นปฏิปักษ์ต่อผู้ร้อง เป็นการฝ่าฝืนระเบียบข้อบังคับเกี่ยวกับการทำงานของผู้ร้อง และไม่เกรงกลัวความผิดที่ตนได้กระทำ จงใจให้ผู้ร้องได้รับความเสียหาย จึงมีเหตุสมควรอนุญาตให้ผู้ร้องเลิกจ้าง ผู้คัดค้านทั้งสี่ได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3131/2537

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ความรับผิดของนายจ้างต่อละเมิดของลูกจ้าง และข้อยกเว้นความรับผิดตามข้อบังคับภายใน
โจทก์ฟ้องว่าจำเลยที่ 1 เป็นลูกจ้างของจำเลยที่ 2 ซึ่งเป็นนิติบุคคลตามพระราชบัญญัติการท่าเรือแห่งประเทศไทยพ.ศ. 2494 ได้ขับรถปั้นจั่นในทางการที่จ้างของจำเลยที่ 2เฉี่ยวลังไม้บรรจุสินค้าซึ่งโจทก์ได้รับประกันภัยไว้ในระหว่างการขนส่ง และโจทก์ได้ใช้ค่าสินไหมทดแทนให้แก่ผู้รับตราส่งไปแล้ว จึงรับช่วงสิทธิมาฟ้องเรียกร้องค่าเสียหายจากจำเลยทั้งสองดังนี้ จำเลยที่ 2 จะยกข้อบังคับว่าด้วยระเบียบความปลอดภัยการใช้ท่าเรือบริการและความสะดวกต่าง ๆ ของกิจการท่าเรือลงวันที่ 21สิงหาคม 2494 ข้อ 53,57 และ 58 ซึ่งเป็นข้อกำหนดเกี่ยวกับความรับผิดของจำเลยที่ 2 ในฐานะผู้รับขนและผู้รับฝากทรัพย์ต่อบุคคลผู้มาใช้บริการของจำเลยที่ 2 โดยบุคคลดังกล่าวจะต้องปฏิบัติตามและยอมรับเงื่อนไขต่าง ๆ ที่กำหนดไว้ในข้อบังคับดังกล่าวมาอ้างเพื่อปัดความรับผิดที่มีต่อโจทก์มิได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2971/2537

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การร่วมรับผิดในละเมิด: จำเลยที่ 3 ไม่ต้องรับผิดเพราะไม่ได้เป็นนายจ้างของลูกจ้างที่ก่อละเมิด
จำเลยที่ 3 มีรถสำหรับท่องเที่ยวเป็นของตนเองเพื่อให้เช่าขณะที่ ส. ผู้แทนโจทก์และคณะทำสัญญาเช่ารถ จำเลยที่ 3 ยังไม่ทราบว่ารถมีไม่พอให้เช่า จึงต้องเช่ารถจากจำเลยที่ 2 เพื่อบริการแก่คณะของโจทก์แทน และจำเลยที่ 2 ผู้ให้เช่ารถจัดให้จำเลยที่ 1ซึ่งเป็นลูกจ้างของจำเลยที่ 2 ขับรถพาคณะของโจทก์ไปยังจุดหมายตามข้อตกลง ฟังไม่ได้ว่าจำเลยที่ 2 นำรถเข้าร่วมบริการกับจำเลยที่ 3โดยรับผลประโยชน์ร่วมกัน จึงฟังไม่ได้ว่าจำเลยที่ 1 ซึ่งเป็นลูกจ้างของจำเลยที่ 2 นั้นเป็นลูกจ้างของจำเลยที่ 3 อันจะเป็นเหตุให้จำเลยที่ 3 ต้องร่วมรับผิดกับจำเลยที่ 1 ในผลแห่งละเมิดที่จำเลยที่ 1 ก่อขึ้น

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2664/2537 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ค่าทดแทนนายจ้างต้องจ่ายเมื่อลูกจ้างเสียชีวิตจากโรคที่เกิดจากการทำงานโดยตรงเท่านั้น
โรคหรือการเจ็บป่วยอย่างอื่นที่ทำให้ลูกจ้างถึงแก่ความตายอันเป็นผลให้นายจ้างต้องจ่ายค่าทดแทนตามความในข้อ 22 แห่งประกาศกระทรวงมหาดไทย เรื่องโรคซึ่งเกิดขึ้นเกี่ยวเนื่องกับการทำงานฯ นั้น จะต้องเป็นโรคหรือการเจ็บป่วยที่เกิดขึ้นสืบเนื่องจากการทำงานของลูกจ้างโดยตรง หรืออีกนัยหนึ่งก็คือ งานที่ลูกจ้างทำนั้นเป็นมูลให้เกิดโรคหรือการเจ็บป่วยขึ้นและเป็นเหตุให้ลูกจ้างถึงแก่ความตายด้วยโรคหรือการเจ็บป่วยดังกล่าว อ. ทำงานเกี่ยวกับด้านบัญชี แม้ภายหลังนายจ้างจะมอบหมายงานให้ทำมากขึ้นโดยให้อ.เฝ้าเหมือง ดูแลคนงาน เบิกจ่ายเงินเดือนดูแลพัสดุ ติดต่อกับหน่วยงานอื่นและคุมแร่ไปขายด้วย งานที่ อ.ทำก็มิใช่งานที่ต้องใช้กำลังมากไม่อาจทำให้เกิดโรคหรือการเจ็บป่วยจนถึงแก่ความตายได้ ทั้ง อ.มิได้ทำงานตรากตรำวันเกิดเหตุอ.ไปทำงานตอนเช้า ตอนสายได้กลับมาบ้านและให้โจทก์ซึ่งเป็นภริยาพาไปส่งโรงพยาบาลเนื่องจากปวดศีรษะ แต่ อ. เป็นลมล้มฟุบลงและถึงแก่ความตายเพราะหัวใจหยุดทำงานเฉียบพลัน จึงถือไม่ได้ว่าอ.ถึงแก่ความตายด้วยโรคหรือการป่วยเจ็บเนื่องจากการทำงาน

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2499/2537

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ข้อตกลงในสัญญาจ้างที่ขัดกับกฎหมายคุ้มครองแรงงานเป็นโมฆะ นายจ้างต้องจ่ายค่าชดเชย
แม้สัญญาจ้างมีข้อความให้สิทธิผู้ว่าจ้างบอกเลิกสัญญาได้โดยผู้รับจ้างไม่มีสิทธิเรียกร้องค่าเสียหายหรือค่าตอบแทนแต่ข้อสัญญาดังกล่าวเป็นข้อสัญญาที่ผิดแผกแตกต่างไปจากประกาศกระทรวงมหาดไทย เรื่อง การคุ้มครองแรงงาน ข้อ 46 ที่กำหนดให้นายจ้างจ่ายค่าชดเชยให้แก่ลูกจ้างเมื่อเลิกจ้างซึ่งเป็นบทบัญญัติที่มีวัตถุประสงค์ในอันที่จะก่อให้เกิดความเป็นธรรมแก่ลูกจ้าง อันเป็นกฎหมายเกี่ยวกับความสงบเรียบร้อยของประชาชน จึงไม่อาจใช้บังคับแก่การจ่ายค่าชดเชย

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2202/2537

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ นายจ้างต้องรับผิดร่วมกับลูกจ้างในความเสียหายจากการขับรถประมาทในทางการที่จ้าง แม้เกินเวลาทำงาน
จำเลยที่ 1 เป็นผู้รับจ้างออกแบบและควบคุมการก่อสร้างอาคารบ้านพัก มีห้างหุ้นส่วนจำกัดพ.เป็นผู้รับเหมาก่อสร้าง จำเลยที่ 2เป็นลูกจ้างจำเลยที่ 1 มีหน้าที่ควบคุมการก่อสร้างแทนจำเลยที่ 1ห้างหุ้นส่วนจำกัดพ.ได้มอบให้อ. ลูกจ้างซึ่งเป็นผู้ควบคุมการก่อสร้างของห้างนำรถยนต์บรรทุกไปใช้ในการก่อสร้างโดยจำเลยที่ 2และ อ. ได้ใช้รถยนต์บรรทุกนั้นร่วมกัน และในวันเกิดเหตุจำเลยที่ 2 ก็ใช้อยู่ตลอดทั้งวันน่าเชื่อว่าจำเลยที่ 2 ได้ใช้รถยนต์บรรทุกนั้นในการปฏิบัติหน้าที่ในความรู้เห็นของจำเลยที่ 1 แล้วจำเลยที่ 2 ได้ขับรถยนต์บรรทุกโดยความประมาทเลินเล่อชนรถยนต์ที่โจทก์ขับสวนมาได้รับความเสียหาย โดยจุดชนห่างจากสถานที่ก่อสร้างประมาณ 30 เมตร และเป็นเวลาหลังจากเลิกงานประมาณ1 ชั่วโมง ถือได้ว่าอยู่ในระหว่างเวลาต่อเนื่องคาบเกี่ยวกับการปฏิบัติหน้าที่ของจำเลยที่ 2 ในทางการที่จ้างของจำเลยที่ 1จำเลยที่ 1 จึงต้องร่วมรับผิดกับจำเลยที่ 2 ในผลแห่งละเมิดต่อโจทก์

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1402/2537

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การแก้ไขเพิ่มเติมจำเลยร่วมในคดีแพ่ง: ศาลอนุญาตได้หากจำเลยเดิมอาจต้องรับผิดในฐานะตัวการหรือนายจ้าง
ตามคำฟ้องของโจทก์ นอกจากโจทก์จะบรรยายฟ้องว่า จำเลยเป็นเจ้าของผู้ครอบครองและผู้ประกอบการขนส่งใช้ประโยชน์ในรถยนต์บรรทุกหมายเลขทะเบียน 80-1646 นนทบุรี แล้วโจทก์ยังระบุอีกว่า จำเลยเป็นนายจ้างหรือตัวการได้ใช้จ้างวานหรือเชิดให้ผู้มีชื่อซึ่งเป็นลูกจ้าง หรือตัวแทนขับรถคันดังกล่าว ดังนั้นแม้ต่อมาโจทก์จะแถลงว่ารถคันดังกล่าวเป็นของห้างหุ้นส่วนจำกัด ส. มิใช่ของจำเลยก็ตามแต่จำเลยอาจต้องรับผิดต่อโจทก์ในฐานะนายจ้างหรือตัวการตามคำฟ้องอีกได้ จึงต้องฟังพยานหลักฐานโจทก์จำเลยก่อน การที่โจทก์ขอและศาลมีคำสั่งให้เรียกห้างหุ้นส่วนจำกัด ส.เข้ามาเป็นจำเลยร่วมนั้น เป็นการดำเนินกระบวนพิจารณาที่มีผลต่อห้างหุ้นส่วนจำกัด ส. โดยเฉพาะ และไม่ทำให้จำเลยเสียสิทธิในการต่อสู้คดีแต่อย่างใด โจทก์จึงชอบจะขอให้ศาลหมายเรียกห้างหุ้นส่วนจำกัด ส. เข้ามาเป็นจำเลยร่วมในคดีได้ หาต้องฟ้องเป็นอีกคดีต่างหากไม่

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1390/2537 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ สิทธิค่าล่วงเวลาของลูกจ้าง แม้มีข้อตกลงงดจ่าย ก็ไม่สมบูรณ์
โจทก์เป็นลูกจ้างทำหน้าที่พนักงานขับรถของจำเลย มีเวลาทำงานตามปกติแน่นอนตั้งแต่เวลา 8 นาฬิกาถึง 17 นาฬืกา ดังนั้น ระยะเวลาทำงานที่นอกเวลาปกตินี้ถือว่าเป็นการทำงานล่วงเวลา มีสิทธิได้รับเงินค่าล่วงเวลาตามประกาศกระทรวงมหาดไทย เรื่อง การคุ้มครองแรงงาน ลงวันที่ 16 เมษายน2515 ข้อ 2 ซึ่งเป็นกฎหมายเกี่ยวกับความสงบเรียบร้อย การที่นายจ้างทำสัญญางดเว้นไม่จ่ายค่าล่วงเวลาให้แก่ลูกจ้างตามกฎหมายดังกล่าวย่อมตกเป็นโมฆะ โจทก์จึงมีสิทธิได้ค่าล่วงเวลา

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1213/2537

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การเลิกจ้างลูกจ้างฐานฝ่าฝืนระเบียบความปลอดภัยของนายจ้าง มิถือเป็นการเลิกจ้างไม่เป็นธรรม
แม้จำเลยจะพิสูจน์ไม่ได้ว่าการที่คนร้ายลักข้าวสารไปนั้นเพราะความผิดของโจทก์ แต่การที่โจทก์ฝ่าฝืนระเบียบอันเกี่ยวกับความปลอดภัยในทรัพย์สินของจำเลยเป็นอาจิณและข้าวสารของจำเลยจำนวนมากถูกคนร้ายลักไปในระหว่างที่อยู่ในความดูแลรับผิดชอบของโจทก์ ถือได้ว่า โจทก์จงใจขัดคำสั่งอันชอบด้วยกฎหมายของนายจ้าง จำเลยจึงเลิกจ้างโจทก์ได้โดยไม่ต้องบอกกล่าวล่วงหน้าตาม ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 583 โจทก์จึงไม่มีสิทธิได้รับสินจ้างแทนการบอกกล่าวล่วงหน้า และพฤติการณ์ดังกล่าวย่อมทำให้จำเลยขาดความเชื่อถือและไว้วางใจโจทก์ที่จะให้ปฏิบัติหน้าที่ต่อไปแล้ว จำเลยจึงมีเหตุสมควรที่จะเลิกจ้างโจทก์ได้ถือไม่ได้ว่าเป็นการเลิกจ้างไม่เป็นธรรม
of 111