พบผลลัพธ์ทั้งหมด 1,021 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 6229/2538
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สัญญาบัญชีเดินสะพัดสิ้นสุดเมื่อบอกเลิกและหักทอนบัญชี ดอกเบี้ยทบต้นเป็นต้นเงินไม่อยู่ในอายุความ
โจทก์และจำเลยมิได้กำหนดระยะเวลาตัดทอนบัญชีหรือกำหนดระยะเวลาของอายุสัญญาบัญชีเดินสะพัดไว้ดังนั้นสัญญาบัญชีเดินสะพัดระหว่างโจทก์กับจำเลยจะสิ้นสุดลงต่อเมื่อมีการบอกเลิกสัญญาบัญชีเดินสะพัดและให้หักทอนบัญชีกันเสียก่อนเมื่อโจทก์หักทอนบัญชีในวันที่26กันยายน2526และทวงถามให้จำเลยชำระหนี้ดังกล่าวแล้วย่อมถือได้ว่าโจทก์บอกเลิกสัญญาบัญชีเดินสะพัดแล้วสัญญาบัญชีเดินสะพัดจึงสุดสิ้นลงในวันดังกล่าวโจทก์จึงมีสิทธิคิดดอกเบี้ยทบต้นไปถึงวันนั้น ดอกเบี้ยทบต้นที่ธนาคารโจทก์คิดเอาแก่จำเลยตามข้อตกลงในระหว่างสัญญาได้กลายเป็นต้นเงินแล้วจึงมิใช่ดอกเบี้ยค้างส่งอันจะอยู่ในอายุความ5ปีตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาตรา166เดิมหรือ193/33ใหม่
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 617/2538
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สัญญาจ้างเหมาบอกเลิกสัญญาแล้ว ผู้รับเหมาไม่สามารถเรียกร้องค่าจ้างงานที่ยังไม่แล้วเสร็จได้
สัญญาจ้างเหมามีข้อความว่า เมื่อผู้ว่าจ้างหรือจำเลยบอกเลิกสัญญา บรรดางานที่ผู้รับจ้างหรือที่โจทก์ได้ทำขึ้นหรือก่อสร้างไว้เพื่องานจ้างทั้งหมดไม่ว่าจะเป็นงานที่ก่อสร้างเสร็จแล้วหรือไม่ก็ตาม ย่อมตกเป็นกรรมสิทธิ์ของจำเลยโดยสิ้นเชิงและโจทก์จะเรียกร้องค่าตอบแทนหรือค่าเสียหายใด ๆ จากจำเลยไม่ได้ เมื่อโจทก์ก่อสร้างงานงวดที่ 8 และที่ 9 ยังไม่เสร็จบริบูรณ์ตามสัญญาในที่สุดโจทก์ได้คืนงานส่วนที่ยังสร้างไม่เสร็จแก่จำเลย และจำเลยได้บอกเลิกสัญญาต่อโจทก์แล้ว โจทก์จะเรียกเอาค่าจ้างสำหรับงานงวดที่ 8 และที่ 9 ซึ่งยังก่อสร้างไม่เสร็จจากจำเลยไม่ได้ ส่วนสัญญาจ้างเหมาอีกข้อหนึ่งระบุว่า "หากมีเงินค่าจ้างตามสัญญาที่หักไว้จ่ายเป็นค่าปรับและค่าเสียหายแล้วยังเหลืออยู่อีกเท่าใด ผู้ว่าจ้างจะคืนให้แก่ผู้รับจ้างทั้งหมด"นั้น สำหรับข้อความที่กล่าวถึงเรื่องหากมีเงินค่าจ้างตามสัญญาที่ผู้ว่าจ้างหรือจำเลยหักไว้เป็นค่าปรับและค่าเสียหายเหลืออยู่หลังจากจ้างบุคคลอื่นเข้าไปทำงานที่โจทก์ก่อสร้างค้างไว้จนเสร็จ จำเลยจะจ่ายเงินที่เหลืออยู่นั้นคืนให้แก่โจทก์ทั้งหมด เป็นเรื่องที่เกี่ยวกับเงินค่าจ้างสำหรับงานงวดที่โจทก์ได้ก่อสร้างเสร็จบริบูรณ์ตามสัญญาซึ่งโจทก์มีสิทธิจะรับไปจากจำเลยแล้ว แต่จำเลยได้หักหรือกันไว้ เป็นค่าปรับหรือค่าเสียหายที่เกิดขึ้นจากการผิดสัญญาของโจทก์ ก่อนเท่านั้น เงินดังกล่าวมิได้หมายรวมไปถึงว่าเมื่อจำเลย เลิกสัญญาต่อโจทก์แล้ว แม้โจทก์ทำงานงวดใดยังไม่แล้วเสร็จบริบูรณ์ จำเลยก็จะต้องจ่ายเงินค่าจ้างสำหรับงวดงานที่สร้างไม่แล้วเสร็จโดยจ่ายเท่าผลงานที่โจทก์ก่อสร้างไปแล้วด้วยหาได้ไม่
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 6115/2538
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การบอกเลิกสัญญาเช่ามีผลเมื่อผู้เช่าไม่ปฏิบัติตามกำหนดชำระหนี้ตามหนังสือบอกกล่าว
โจทก์มีหนังสือบอกกล่าวให้จำเลยปฏิบัติการชำระหนี้ค่าเช่าตามสัญญาถึง 2 ครั้ง โดยเฉพาะครั้งที่สองได้กำหนดเวลาให้จำเลยนำเงินไปชำระภายใน 15 วัน นับแต่วันรับหนังสือ หากพ้นกำหนดให้ถือเอาหนังสือดังกล่าวเป็นการบอกเลิกสัญญาเช่า จำเลยได้รับหนังสือแล้ว แต่ไม่นำเงินมาชำระภายในกำหนดการบอกกล่าวเลิกสัญญาจึงสมบูรณ์มีผลบังคับได้ตาม ป.พ.พ. มาตรา 387 แม้จำเลยรับว่าจะปฏิบัติตามสัญญาเมื่อพ้นกำหนดให้จำเลยปฏิบัติการชำระหนี้แล้ว หามีผลผูกพันโจทก์แต่ประการใดไม่
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 6105/2538 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การบอกเลิกสัญญาจ้างซ่อมรถยนต์และการเรียกร้องค่าปรับรายวัน
จำเลยทำสัญญารับจ้างซ่อมรถยนต์กับโจทก์โดยจำเลยต้องซ่อมให้แล้วเสร็จในวันที่ 20 ตุลาคม 2530 หากผิดนัดโจทก์มีสิทธิบอกเลิกสัญญาได้ทันทีตามที่ระบุในสัญญาจ้างข้อ 5 หากจำเลยซ่อมไม่เสร็จตามสัญญาโดยโจทก์ยังมิได้บอกเลิกสัญญา จำเลยยอมให้โจทก์ปรับเป็นรายวันวันละ 100 บาท จนกว่าจำเลยจะซ่อมเสร็จ และในระหว่างที่มีการปรับนั้นหากโจทก์เห็นว่าจำเลยไม่อาจปฏิบัติตามสัญญาต่อไปได้ โจทก์มีสิทธิบอกเลิกสัญญาและใช้สิทธิตามสัญญาข้อ 20 นอกเหนือจากการปรับจนถึงวันบอกเลิกสัญญาด้วย ตามที่ระบุในสัญญาจ้างข้อ 19 (1) และวรรคสุดท้าย ดังนี้ตามสัญญาจ้างข้อ 5 เป็นกรณีที่โจทก์บอกเลิกสัญญาเพราะไม่สามารถซ่อมรถยนต์ของโจทก์ให้เสร็จภายในกำหนดเวลาตามสัญญา แต่คดีนี้เมื่อครบกำหนดตามสัญญาแล้วโจทก์ยังให้จำเลยปฏิบัติตามสัญญาต่อไปโดยมีหนังสือแจ้งให้จำเลยปฏิบัติตามสัญญาและสงวนสิทธิเรียกค่าปรับตามสัญญา ต่อมาเมื่อจำเลยไม่อาจซ่อมรถยนต์ของโจทก์ให้เสร็จได้ โจทก์จึงบอกเลิกสัญญา จึงเป็นการบอกเลิกสัญญาตามสัญญาจ้างข้อ 19 ซึ่งนอกจากโจทก์จะมีสิทธิริบหลักประกันตามสัญญาจ้างข้อ 20 (1) แล้ว โจทก์ยังมีสิทธิที่จะเรียกค่าปรับเป็นรายวันในระหว่างที่ยังไม่ได้บอกเลิกสัญญาตามสัญญาจ้างข้อ 19 (1) และวรรคสุดท้ายได้อีก
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 6105/2538
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สิทธิเรียกร้องค่าปรับรายวันหลังขยายเวลาสัญญาและการบอกเลิกสัญญาภายใต้ข้อตกลง
จำเลยทำสัญญารับจ้างซ่อมรถยนต์กับโจทก์โดยจำเลยต้องซ่อมให้แล้วเสร็จในวันที่20ตุลาคม2530หากผิดนัดโจทก์มีสิทธิ์บอกเลิกสัญญาได้ทันทีตามที่ระบุในสัญญาจ้างข้อ5หากจำเลยซ่อมไม่เสร็จตามสัญญาโดยโจทก์ยังมิได้บอกเลิกสัญญาจำเลยยอมให้โจทก์ปรับเป็นรายวันวันละ100บาทจนกว่าจำเลยจะซ่อมเสร็จและในระหว่างที่มีการปรับนั้นหากโจทก์เห็นว่าจำเลยไม่อาจปฎิบัติตามสัญญาต่อไปได้โจทก์มีสิทธิบอกเลิกสัญญาและใช้สิทธิตามสัญญาข้อ20นอกเหนือจากการปรับจนถึงวันบอกเลิกสัญญาด้วยตามที่ระบุในสัญญาจ้างข้อ19(1)และวรรคสุดท้ายดังนี้ตามสัญญาจ้างข้อ5เป็นกรณีที่โจทก์บอกเลิกสัญญาเพราะไม่สามารถซ่อมรถยนต์ของโจทก์ให้เสร็จภายในกำหนดเวลาตามสัญญาแต่คดีนี้เมื่อครบกำหนดตามสัญญาแล้วโจทก์ยังให้จำเลยปฎิบัติตามสัญญาต่อไปโดยมีหนังสือแจ้งให้จำเลยปฎิบัติตามสัญญาและสงวนสิทธิเรียกค่าปรับตามสัญญาต่อมาเมื่อจำเลยไม่อาจซ่อมรถยนต์ของโจทก์ให้เสร็จได้โจทก์จึงบอกเลิกสัญญาจึงเป็นการบอกเลิกสัญญาตามสัญญาจ้างข้อ19ซึ่งนอกจากโจทก์จะมีสิทธิรับหลักประกันตามสัญญาจ้างข้อ20(1)แล้วโจทก์ยังมีสิทธิที่จะเรียกค่าปรับเป็นรายวันในระหว่างที่ยังไม่ได้บอกเลิกสัญญาตามสัญญาจ้างข้อ19(1)และวรรคสุดท้ายได้อีก
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 5740/2538 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ผิดสัญญาซื้อขายที่ดิน: โจทก์ผิดนัดชำระหนี้ จำเลยมีสิทธิบอกเลิกสัญญา
เดิมโจทก์เป็นฝ่ายผิดนัดไม่ไปรับโอนที่ดินพิพาทในวันนัด แต่เมื่อโจทก์จำเลยไม่ถือเอาเวลาตามที่กำหนดไว้ในสัญญาจะซื้อจะขายเป็นสาระสำคัญจำเลยผู้จะขายซึ่งเป็นคู่สัญญาฝ่ายหนึ่งจึงมีสิทธิบอกกล่าวให้โจทก์ไปรับโอนกรรมสิทธิ์และชำระราคาที่ค้างโดยกำหนดเวลาตามสมควรได้ เมื่อต่อมาโจทก์ไม่มีเงินมาชำระหนี้ตามกำหนดนัด โจทก์จึงเป็นฝ่ายผิดสัญญา โจทก์จะฟ้องขอให้จำเลยผู้จะขายปฏิบัติตามสัญญาอีกไม่ได้ เพราะการชำระหนี้จะให้สำเร็จผลเป็นอย่างไร ลูกหนี้จะต้องขอปฏิบัติชำระหนี้ต่อเจ้าหนี้เป็นอย่างนั้นโดยตรงตาม ป.พ.พ.มาตรา 208 วรรคแรกทั้งไม่มีสิทธิฟ้องขอให้เพิกถอนการโอนที่ดินพิพาท และเมื่อตามคำฟ้องคำให้การมีประเด็นว่าโจทก์หรือจำเลยที่ 2 เป็นฝ่ายผิดสัญญา ซึ่งจำเลยที่ 1 และที่ 2ให้การว่า โจทก์เป็นฝ่ายผิดนัดผิดสัญญาเพราะไม่สามารถหาเงินมาชำระค่าที่ดินที่ค้างได้ขอขยายระยะเวลาการชำระเงินอีกหลายครั้ง ครั้งสุดท้ายเมื่อวันที่ 30 ตุลาคม2532 โจทก์ก็ผิดนัดอีก ดังนี้ที่ศาลล่างทั้งสองวินิจฉัยว่าโจทก์เป็นฝ่ายผิดสัญญา จึงไม่เป็นการวินิจฉัยนอกสำนวน
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 5740/2538
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ผิดสัญญาซื้อขายที่ดิน ผู้ซื้อไม่ชำระเงินตามกำหนด ผู้ขายมีสิทธิบอกเลิกสัญญาและขายให้ผู้อื่นได้
เดิมโจทก์เป็นฝ่ายผิดนัดไม่ไปรับโอนที่ดินพิพาทในวันนัด แต่เมื่อโจทก์จำเลยไม่ถือเอาเวลาตามที่กำหนดไว้ในสัญญาจะซื้อจะขายเป็นสาระสำคัญจำเลยผู้จะขายซึ่งเป็นคู่สัญญาฝ่ายหนึ่งจึงมีสิทธิบอกกล่าวให้โจทก์ไปรับโอนกรรมสิทธิ์และชำระราคาที่ค้างโดยกำหนดเวลาตามสมควรได้เมื่อต่อมาโจทก์ไม่มีเงินมาชำระหนี้ตามกำหนดนัด โจทก์จึงเป็นฝ่ายผิดสัญญา โจทก์จะฟ้องขอให้จำเลยผู้จะขายปฏิบัติตามสัญญาอีกไม่ได้ เพราะการชำระหนี้จะให้สำเร็จผลเป็นอย่างไรลูกหนี้จะต้องขอปฏิบัติชำระหนี้ต่อเจ้าหนี้เป็นอย่างนั้นโดยตรงตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 208 วรรคแรกทั้งไม่มีสิทธิฟ้องขอให้เพิกถอนการโอนที่ดินพิพาท และเมื่อตามคำฟ้องคำให้การมีประเด็นว่าโจทก์หรือจำเลยที่ 2 เป็นฝ่ายผิดสัญญา ซึ่งจำเลยที่ 1 และที่ 2 ให้การว่า โจทก์เป็นฝ่ายผิดสัญญาเพราะไม่สามารถหาเงินมาชำระค่าที่ดินที่ค้างได้ขอขยายระยะเวลาการชำระเงินอีกหลายครั้ง ครั้งสุดท้ายเมื่อวันที่ 30 ตุลาคม 2532 โจทก์ก็ผิดนัดอีก ดังนี้ศาลล่างทั้งสองวินิจฉัยว่าโจทก์เป็นฝ่ายผิดสัญญา จึงไม่เป็นการวินิจฉัยนอกสำนวน
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 524/2538 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สิทธิในการบอกเลิกสัญญาและการปรับเนื่องจากผู้ขายไม่ปฏิบัติตามสัญญา
สัญญาซื้อขายข้อ 10 มีความว่า เมื่อครบกำหนดส่งมอบสิ่งของตามสัญญานี้แล้ว ถ้าผู้ขายไม่ส่งมอบสิ่งของที่ตกลงขายให้แก่ผู้ซื้อ หรือส่งมอบสิ่งของทั้งหมดไม่ถูกต้องหรือส่งมอบสิ่งของไม่ครบจำนวน ผู้ซื้อมีสิทธิบอกเลิกสัญญาได้ ในกรณีที่ผู้ซื้อใช้สิทธิบอกเลิกสัญญา ผู้ขายยอมให้ผู้ซื้อริบหลักประกัน หรือเรียกร้องจากธนาคารผู้ออกหนังสือค้ำประกันตามสัญญาข้อ 9 เป็นจำนวนเงินทั้งหมดหรือแต่บางส่วนก็ได้ แล้วแต่ผู้ซื้อจะเห็นสมควร และข้อ 11 มีความว่า ในกรณีที่ผู้ซื้อไม่ใช้สิทธิบอกเลิกสัญญาตามสัญญาข้อ 10 ผู้ขายยอมให้ผู้ซื้อปรับเป็นรายวันในอัตราร้อยละ 0.2 ของราคาสิ่งของที่ยังไม่ได้รับมอบ นับแต่วันถัดจากวันครบกำหนดตามสัญญา จนถึงวันที่ผู้ขายได้นำสิ่งของมาส่งให้แก่ผู้ซื้อจนถูกต้องครบถ้วนในระหว่างที่มีการปรับนั้น ถ้าผู้ซื้อเห็นว่าผู้ขายไม่อาจปฏิบัติตามสัญญาต่อไปได้ผู้ซื้อจะใช้สิทธิบอกเลิกสัญญา และริบหลักประกันหรือเรียกร้องจากธนาคารผู้ออกหนังสือค้ำประกันตามสัญญาข้อ 9 กับเรียกร้องให้ชดใช้ราคาที่เพิ่มขึ้นตามที่กำหนดไว้ในสัญญาข้อ 10 วรรคสอง นอกเหนือจากการปรับจนถึงวันบอกเลิกสัญญาด้วยก็ได้ดังนั้น แม้ครบกำหนดตามสัญญาแล้วเจ้าหนี้จะได้เร่งรัดให้ลูกหนี้ส่งมอบสิ่งของอีกก็ตาม แต่ลูกหนี้ก็มิได้ปฏิบัติตามสัญญาอย่างใดเลย จนกระทั่งเจ้าหนี้ได้มีหนังสือบอกเลิกสัญญาไปยังลูกหนี้แล้ว แม้การที่เจ้าหนี้จะได้แจ้งสงวนสิทธิการปรับตามสัญญาไปด้วยก็หาใช่เป็นการใช้สิทธิปรับลูกหนี้เป็นรายวันตามสัญญาแล้วไม่ เจ้าหนี้จึงไม่มีสิทธิที่จะเรียกค่าปรับเป็นรายวันจากลูกหนี้โดยอาศัยสัญญาซื้อขายข้อ 11ได้อีก
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 524/2538
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สิทธิเรียกร้องค่าปรับจากสัญญาซื้อขาย: การบอกเลิกสัญญาส่งผลให้สิทธิเรียกร้องค่าปรับสิ้นสุดลง
สัญญาซื้อขายข้อ10มีความว่าเมื่อครบกำหนดส่งมอบสิ่งของตามสัญญานี้แล้วถ้าผู้ขายไม่ส่งมอบสิ่งของที่ตกลงขายให้แก่ผู้ซื้อหรือส่งมอบสิ่งของทั้งหมดไม่ถูกต้องหรือส่งมอบสิ่งของไม่ครบจำนวนผู้ซื้อมีสิทธิบอกเลิกสัญญาได้ในกรณีที่ผู้ซื้อใช้สิทธิบอกเลิกสัญญาผู้ขายยอมให้ผู้ซื้อริบหลักประกันหรือเรียกร้องจากธนาคารผู้ออกหนังสือค้ำประกันตามสัญญาข้อ9เป็นจำนวนเงินทั้งหมดหรือแต่บางส่วนก็ได้แล้วแต่ผู้ซื้อจะเห็นสมควรและข้อ11มีความว่าในกรณีที่ผู้ซื้อไม่ใช้สิทธิบอกเลิกสัญญาตามสัญญาข้อ10ผู้ขายยอมให้ผู้ซื้อปรับเป็นรายวันในอัตราร้อยละ0.2ของราคาสิ่งของที่ยังไม่ได้รับมอบนับแต่วันถัดจากวันครบกำหนดตามสัญญาจนถึงวันที่ผู้ขายได้นำสิ่งของมาส่งให้แก่ผู้ซื้อจนถูกต้องครบถ้วนในระหว่างที่มีการปรับนั้นถ้าผู้ซื้อเห็นว่าผู้ขายไม่อาจปฏิบัติตามสัญญาต่อไปได้ผู้ซื้อจะใช้สิทธิบอกเลิกสัญญาและริบหลักประกันหรือเรียกร้องจากธนาคารผู้ออกหนังสือค้ำประกันตามสัญญาข้อ9กับเรียกร้องให้ชดใช้ราคาที่เพิ่มขึ้นตามที่กำหนดไว้ในสัญญาข้อ10วรรคสองนอกเหนือจากการปรับจนถึงวันบอกเลิกสัญญาด้วยก็ได้ดังนั้นแม้ครบกำหนดตามสัญญาแล้วเจ้าหนี้จะได้เร่งรัดให้ลูกหนี้ส่งมอบสิ่งของอีกก็ตามแต่ลูกหนี้ก็มิได้ปฏิบัติตามสัญญาอย่างใดเลยจนกระทั่งเจ้าหนี้ได้มีหนังสือบอกเลิกสัญญาไปยังลูกหนี้แล้วแม้การที่เจ้าหนี้จะได้แจ้งสงวนสิทธิการปรับตามสัญญาไปด้วยก็หาใช่เป็นการใช้สิทธิปรับลูกหนี้เป็นรายวันตามสัญญาแล้วไม่เจ้าหนี้จึงไม่มีสิทธิที่จะเรียกค่าปรับเป็นรายวันจากลูกหนี้โดยอาศัยสัญญาซื้อขายข้อ11ได้อีก
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3601/2538 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การบอกเลิกสัญญาซื้อขายที่ดินเนื่องจากผู้ซื้อค้างชำระราคา และสิทธิในการเรียกคืนที่ดิน
สัญญาซื้อขายที่ดินระหว่างโจทก์และจำเลยได้ทำเป็นหนังสือและจดทะเบียนต่อพนักงานเจ้าหน้าที่และกรรมสิทธิ์ในที่ดินที่ซื้อขายกันได้โอนไปยังจำเลยแล้ว แต่หากจำเลยยังชำระราคาที่ดินให้โจทก์ไม่ครบถ้วน ก็เป็นเรื่องที่จำเลย ไม่ชำระหนี้ โจทก์มีสิทธิกำหนดระยะเวลาพอสมควรแล้วบอกกล่าวให้จำเลยชำระราคาที่ยังค้างชำระให้โจทก์ภายในกำหนดระยะเวลานั้นได้ และถ้าจำเลยยังไม่ชำระ โจทก์ย่อมมีสิทธิบอกเลิกสัญญาซื้อขายแก่จำเลยได้ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 387 และเมื่อโจทก์ได้ใช้สิทธิเลิกสัญญาแล้ว โจทก์ย่อมมีสิทธิเรียกที่ดินคืนจากจำเลยตามมาตรา 391