พบผลลัพธ์ทั้งหมด 452 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 956/2515
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ดุลพินิจรอการลงโทษในคดีชุลมุนต่อสู้สำหรับผู้เยาว์และหญิง
ในคดีที่ฟ้องว่าจำเลยทำผิดฐานชุลมุนต่อสู้กันเป็นอันตรายสาหัสเมื่อจำเลยที่ 2 มีอายุเพียง 16 ปี และจำเลยที่ 3 และที่ 4 ก็เป็นหญิงอายุ 17 และ 19 ปี แม้จะเคยต้องคำพิพากษาให้จำคุกมาแล้ว ศาลย่อมใช้ดุลพินิจรอการลงโทษในคดีนี้ได้อีก
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 533/2515 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ผลผูกพันสัญญาประนีประนอมและความสามารถในการทำนิติกรรมของผู้เยาว์
ผู้ร้องเคยเป็นโจทก์ฟ้องขอแบ่งทรัพย์จากผู้คัดค้าน แล้วทำสัญญาประนีประนอมยอมความกันต่อหน้าศาล โดยผู้คัดค้านยอมยกที่ดินให้แก่ผู้ร้องและบุตรผู้เยาว์ และผู้ร้องให้สัญญาว่าจะไม่นำที่ดินส่วนของบุตรผู้เยาว์ไปจำหน่ายจ่ายโอนหรือจำนองทั้งนี้จนกว่าบุตรผู้เยาว์จะบรรลุนิติภาวะ สัญญาประนีประนอมยอมความและคำพิพากษาตามยอมในคดีดังกล่าวแล้วย่อมมีผลผูกพันเฉพาะคู่ความในกระบวนพิจารณา บุตรผู้เยาว์ผู้ได้รับการให้ที่ดินเป็นบุคคลนอกคดี และสัญญาประนีประนอมยอมความก็มิได้มีเงื่อนไขห้ามบุตรผู้เยาว์มิให้จำหน่ายจ่ายโอนที่ดินส่วนของตนบุตรผู้เยาว์โดยผู้ปกครองย่อมมีอำนาจร้องขอต่อศาล ขออนุญาตทำนิติกรรมขายที่ดินของผู้เยาว์ได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 533/2515
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สัญญาประนีประนอมยอมความมีผลผูกพันเฉพาะคู่ความ ผู้เยาว์มีสิทธิทำนิติกรรมได้ตามกฎหมาย
ผู้ร้องเคยเป็นโจทก์ฟ้องขอแบ่งทรัพย์จากผู้คัดค้าน แล้วทำสัญญาประนีประนอมยอมความกันต่อหน้าศาล โดยผู้คัดค้านยอมยกที่ดินให้แก่ผู้ร้องและบุตรผู้เยาว์ และผู้ร้องให้สัญญาว่าจะไม่นำที่ดินส่วนของบุตรผู้เยาว์ไปจำหน่ายจ่ายโอนหรือจำนองทั้งนี้จนกว่าบุตรผู้เยาว์จะบรรลุนิติภาวะ สัญญาประนีประนอมยอมความและคำพิพากษาตามยอมในคดีดังกล่าวแล้วย่อมมีผลผูกพันเฉพาะคู่ความในกระบวนพิจารณา บุตรผู้เยาว์ผู้ได้รับการให้ที่ดินเป็นบุคคลนอกคดี และสัญญาประนีประนอมยอมความก็มิได้มีเงื่อนไขห้ามบุตรผู้เยาว์มิให้จำหน่ายจ่ายโอนที่ดินส่วนของตนบุตรผู้เยาว์โดยผู้ปกครองย่อมมีอำนาจร้องขอต่อศาล ขออนุญาตทำนิติกรรมขายที่ดินของผู้เยาว์ได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 977/2514 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ความสมบูรณ์ของฟ้องพรากผู้เยาว์ แม้ไม่ได้ระบุเจตนาของผู้เยาว์
ฟ้องว่า จำเลยพรากผู้เยาว์โดยมีเจตนาเพื่อหากำไร แม้ไม่ได้บรรยายไว้ด้วยว่า (จำเลยพราก) โดยผู้เยาว์เต็มใจไปด้วย ก็ถือว่าเป็นฟ้องที่สมบูรณ์ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 319 แล้ว
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2155/2514 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การพาผู้เยาว์ออกจากความดูแลโดยมิใช่การพรากตัว หากผู้เยาว์ออกจากบ้านด้วยความสมัครใจ
ผู้เยาว์เป็นหญิงอายุ 17 ปี ถูกมารดาตีและไล่ออกจากบ้านผู้เยาว์จึงหลบหนีออกจากบ้านมาเอง จำเลยพบเข้าสอบถามชื่อที่อยู่ อายุ ผู้เยาว์ไม่ยอมบอก จำเลยจึงพาไปฝากไว้กับพี่สาวของจำเลย ดังนี้ การกระทำของจำเลยไม่เป็นการพรากผู้เยาว์ไปเสียจากบิดามารดาผู้ปกครองหรือผู้ดูแล
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2155/2514
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การพาผู้เยาว์ออกจากความดูแลโดยเจตนาปกป้อง ไม่ถือเป็นการพรากผู้เยาว์
ผู้เยาว์เป็นหญิงอายุ 17 ปี ถูกมารดาตีและไล่ออกจากบ้าน ผู้เยาว์จึงหลบหนีออกจากบ้านมาเอง จำเลยพบเข้าสอบถามชื่อ ที่อยู่ อายุ ผู้เยาว์ไม่ยอมบอก จำเลยจึงพาไปฝากไว้กับพี่สาวของจำเลย ดังนี้ การกระทำของจำเลยไม่เป็นการพรากผู้เยาว์ไปเสียจากบิดามารดาผู้ปกครองหรือผู้ดูแล
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2081-2087/2514
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
อำนาจจัดการทรัพย์สินบุตรผู้เยาว์ & นิติสัมพันธ์จากการมอบอำนาจ/มอบกรรมสิทธิ์
บิดาผู้ใช้อำนาจปกครองมีอำนาจจัดการและจำหน่ายทรัพย์สินอันเป็นสังหาริมทรัพย์ของบุตรผู้เยาว์ได้โดยไม่ต้องได้รับความยินยอมของบุตร เว้นแต่ในกิจการใดประโยชน์ของผู้ใช้อำนาจปกครองขัดกับประโยชน์ของผู้เยาว์ จะต้องได้รับอนุญาตของศาลก่อน มิฉะนั้นเป็นโมฆะ
บิดานำหุ้นของบุตรผู้เยาว์ไปโอนตีใช้หนี้ส่วนตัวของบิดาประโยชน์ของบิดาผู้ใช้อำนาจปกครองย่อมขัดกับประโยชน์ของบุตรผู้เยาว์หากทำโดยไม่ได้รับอนุญาตจากศาล แม้บุตรผู้เยาว์จะทำหนังสือให้ความยินยอมด้วย ก็เป็นโมฆะ
ผู้ถือหุ้นทำหนังสือมอบกรรมสิทธิ์ในหุ้นของตนให้บิดา บิดานำหุ้นนั้นไปโอนตีใช้หนี้ให้โจทก์ แต่ทำการโอนหุ้นกันไม่ได้ เพราะขัดกับข้อบังคับของบริษัท ดังนี้ ผู้ถือหุ้นนั้นไม่ต้องรับผิดคืนเงินค่าหุ้นให้โจทก์เพราะไม่มีนิติสัมพันธ์กับโจทก์
ผู้ถือหุ้นทำหนังสือมอบอำนาจให้บิดานำหุ้นของตนไปจำนำประกันเงินกู้ ขายโอนหรือจำหน่ายด้วยประการใด ๆ บิดานำหุ้นนั้นไปโอนตีใช้หนี้ให้โจทก์ ถือได้ว่าเป็นการก่อนิติสัมพันธ์ตามที่ได้รับมอบอำนาจ ซึ่งผูกพันผู้ถือหุ้นซึ่งมอบอำนาจนั้นด้วย เมื่อต่อมาปรากฏว่าโอนหุ้นให้โจทก์ไม่ได้ ผู้ถือหุ้นย่อมต้องรับผิดคืนเงินค่าหุ้นให้โจทก์
บิดานำหุ้นของบุตรผู้เยาว์ไปโอนตีใช้หนี้ส่วนตัวของบิดาประโยชน์ของบิดาผู้ใช้อำนาจปกครองย่อมขัดกับประโยชน์ของบุตรผู้เยาว์หากทำโดยไม่ได้รับอนุญาตจากศาล แม้บุตรผู้เยาว์จะทำหนังสือให้ความยินยอมด้วย ก็เป็นโมฆะ
ผู้ถือหุ้นทำหนังสือมอบกรรมสิทธิ์ในหุ้นของตนให้บิดา บิดานำหุ้นนั้นไปโอนตีใช้หนี้ให้โจทก์ แต่ทำการโอนหุ้นกันไม่ได้ เพราะขัดกับข้อบังคับของบริษัท ดังนี้ ผู้ถือหุ้นนั้นไม่ต้องรับผิดคืนเงินค่าหุ้นให้โจทก์เพราะไม่มีนิติสัมพันธ์กับโจทก์
ผู้ถือหุ้นทำหนังสือมอบอำนาจให้บิดานำหุ้นของตนไปจำนำประกันเงินกู้ ขายโอนหรือจำหน่ายด้วยประการใด ๆ บิดานำหุ้นนั้นไปโอนตีใช้หนี้ให้โจทก์ ถือได้ว่าเป็นการก่อนิติสัมพันธ์ตามที่ได้รับมอบอำนาจ ซึ่งผูกพันผู้ถือหุ้นซึ่งมอบอำนาจนั้นด้วย เมื่อต่อมาปรากฏว่าโอนหุ้นให้โจทก์ไม่ได้ ผู้ถือหุ้นย่อมต้องรับผิดคืนเงินค่าหุ้นให้โจทก์
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1988/2514 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
อำนาจฟ้องคดีอาญาแทนผู้เยาว์: บิดาไม่ได้จดทะเบียนสมรส/บุตร ไม่มีอำนาจฟ้อง
บิดาผู้เยาว์ซึ่งอยู่กินเป็นสามีภริยากับมารดาผู้เยาว์ภายหลังวันให้ใช้บทบัญญัติบรรพ 5 แห่งประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์โดยมิได้จดทะเบียนสมรสกันตามกฎหมาย และมิได้จดทะเบียนว่าผู้เยาว์เป็นบุตร หรือศาลได้พิพากษาว่าเป็นบุตร ย่อมไม่มีอำนาจฟ้องแทนผู้เสียหายซึ่งเป็นผู้เยาว์ในฐานะผู้แทนโดยชอบธรรมได้ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 5(1) และปัญหาอำนาจฟ้องในกรณีนี้เป็นปัญหาเกี่ยวด้วยความสงบเรียบร้อย ซึ่งศาลหยิบยกขึ้นวินิจฉัยเองได้ แม้จำเลยจะมิได้ต่อสู้ในข้อนี้ไว้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1988/2514
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
อำนาจฟ้องแทนผู้เยาว์: บิดาไม่ได้จดทะเบียนสมรส/บุตร ไม่มีอำนาจฟ้อง
บิดาผู้เยาว์ซึ่งอยู่กินเป็นสามีภริยากับมารดาผู้เยาว์ภายหลังวันให้ใช้บทบัญญัติบรรพ 5 แห่งประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์โดยมิได้จดทะเบียนสมรสกันตามกฎหมาย และมิได้จดทะเบียนว่าผู้เยาว์เป็นบุตร หรือศาลได้พิพากษาว่าเป็นบุตร ย่อมไม่มีอำนาจฟ้องแทนผู้เสียหายซึ่งเป็นผู้เยาว์ในฐานะผู้แทนโดยชอบธรรมได้ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 5(1) และปัญหาอำนาจฟ้องในกรณีนี้เป็นปัญหาเกี่ยวด้วยความสงบเรียบร้อย ซึ่งศาลหยิบยกขึ้นวินิจฉัยเองได้ แม้จำเลยจะมิได้ต่อสู้ในข้อนี้ไว้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1641/2514 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
อำนาจฟ้องร้องและการถอนฟ้องของเด็กผู้เยาว์ที่แต่งทนายเอง ผู้แทนโดยชอบธรรมมีอำนาจจำกัด
โจทก์ร่วมซึ่งเป็นผู้เยาว์ ลงชื่อแต่งทนายให้ดำเนินกระบวนพิจารณาและอุทธรณ์ฎีกามาโดยลำพังไม่มีผู้แทนโดยชอบธรรมดำเนินคดีแทนอุทธรณ์และฎีกาของโจทก์ร่วม ย่อมเป็นอุทธรณ์และฎีกาที่ไม่ชอบ
คำแจ้งความที่เพียงแต่แจ้งให้พนักงานตำรวจทราบไว้เป็นหลักฐานมิได้ขอให้ดำเนินคดีกับจำเลย ย่อมไม่เป็นคำร้องทุกข์ตามกฎหมาย
คำให้การของผู้เสียหายที่พนักงานสอบสวนได้จดบันทึกไว้ในตอนท้าย มีข้อความว่า "ในวันนี้....ทางข้าฯ และมารดาข้าฯ จึงมาร้องทุกข์มอบคดีให้พนักงานสอบสวน สน.พญาไทดำเนินคดีกับนายเอสวูดดี้ในข้อหากระทำอนาจาร ดังนี้ ถือได้ว่าเป็นคำร้องทุกข์ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 1(7), 123 แล้ว
เมื่อผู้เยาว์เป็นบุตรโดยชอบด้วยกฎหมายของบิดาและบิดายังมีชีวิตอยู่มารดาของผู้เยาว์จึงไม่ใช่ผู้แทนโดยชอบธรรมของผู้เยาว์ จึงไม่มีอำนาจถอนคำร้องทุกข์แทนผู้เยาว์ได้
คำแจ้งความที่เพียงแต่แจ้งให้พนักงานตำรวจทราบไว้เป็นหลักฐานมิได้ขอให้ดำเนินคดีกับจำเลย ย่อมไม่เป็นคำร้องทุกข์ตามกฎหมาย
คำให้การของผู้เสียหายที่พนักงานสอบสวนได้จดบันทึกไว้ในตอนท้าย มีข้อความว่า "ในวันนี้....ทางข้าฯ และมารดาข้าฯ จึงมาร้องทุกข์มอบคดีให้พนักงานสอบสวน สน.พญาไทดำเนินคดีกับนายเอสวูดดี้ในข้อหากระทำอนาจาร ดังนี้ ถือได้ว่าเป็นคำร้องทุกข์ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 1(7), 123 แล้ว
เมื่อผู้เยาว์เป็นบุตรโดยชอบด้วยกฎหมายของบิดาและบิดายังมีชีวิตอยู่มารดาของผู้เยาว์จึงไม่ใช่ผู้แทนโดยชอบธรรมของผู้เยาว์ จึงไม่มีอำนาจถอนคำร้องทุกข์แทนผู้เยาว์ได้