พบผลลัพธ์ทั้งหมด 823 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1130/2523
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การคำนวณค่าทนายความตามตาราง 6: ใช้ทุนทรัพย์ที่ฟ้อง ไม่ใช่ทุนทรัพย์ที่ชนะ
การกำหนดอัตราค่าทนายความให้จำเลยใช้แทนโจทก์ตามตาราง 6 ท้ายประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งนั้น คิดคำนวณจากทุนทรัพย์ตามฟ้อง มิใช่คำนวณจากทุนทรัพย์ที่ศาลพิพากษาให้โจทก์ชนะคดี
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1115/2523
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ฟ้องให้จดทะเบียนโอนที่ดินตามสัญญาซื้อขาย เป็นคดีอสังหาริมทรัพย์ให้อุทธรณ์ได้
คดีฟ้องให้จดทะเบียนโอนที่ดินตามสัญญาจะซื้อขาย เป็นคดีเกี่ยวด้วยอสังหาริมทรัพย์ไม่ต้องห้ามอุทธรณ์ในปัญหาข้อเท็จจริง
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 456/2522 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
เขตอำนาจศาล: คดีความผิดเกิดขึ้นในเขตหนึ่ง แต่มีการสอบสวนในอีกเขตหนึ่ง โจทก์มีอำนาจฟ้องที่ศาลในเขตสอบสวนได้
เมื่อความผิดเกิดขึ้นในเขตอำนาจของศาลจังหวัดปัตตานี แต่ปรากฏว่าเจ้าพนักงานตำรวจจับจำเลยได้ในท้องที่จังหวัดสงขลา และพนักงานสอบสวนในท้องที่ดังกล่าวได้ทำการสอบสวนความผิดตามที่ถูกกล่าวหานี้แล้ว โจทก์ก็มีอำนาจฟ้องที่ศาลจังหวัดสงขลาให้ชำระคดีนี้ได้ ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 22 (1) ซึ่งเป็นข้อยกเว้นของมาตรา 22 วรรคแรก
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 456/2522
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
เขตอำนาจศาล: คดีความผิดเกิดขึ้นที่ปัตตานี แต่สอบสวนที่สงขลา โจทก์มีอำนาจฟ้องที่สงขลาได้
เมื่อความผิดเกิดขึ้นในเขตอำนาจศาลจังหวัดปัตตานี แต่ปรากฏว่าเจ้าพนักงานตำรวจจับจำเลยได้ในท้องที่จังหวัดสงขลาและพนักงานสอบสวนในท้องที่ดังกล่าวได้ทำการสอบสวนความผิดตามที่ถูกกล่าวหานี้แล้ว โจทก์ก็มีอำนาจฟ้องที่ศาลจังหวัดสงขลาให้ชำระคดีนี้ได้ ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 22(1) ซึ่งเป็นข้อยกเว้นของมาตรา 22 วรรคแรก
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3221/2522
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การกระทำที่เข้าข่ายกรรโชก แม้ฟ้องในข้อหาปล้นทรัพย์ ศาลต้องยกฟ้องตามข้อหาเดิม
จำเลยที่ 2 ร่วมกับพวกขู่เข็ญผู้เสียหายเรียกเอาเงิน 6,000 บาทโดยอ้างว่ามีผู้ร้องเรียนไปทางกรมตำรวจว่าผู้เสียหายเป็นพระจรจัด จะเอาเงินไปปิดปากผู้ร้องเรียน ผู้เสียหายบอกว่าไม่มีเงิน จำเลยที่ 2ว่ามีเท่าใดให้เอามาก่อน พร้อมกับทำมือแสดงอาการฮึดฮัดไม่พอใจลักษณะจะทำร้าย ผู้เสียหายกลัว จึงชี้บอกเงิน 2,000 บาทใส่ซองวางไว้บนโต๊ะให้เอาไปก่อน เช่นนี้ กรณีเป็นความผิดฐานกรรโชกตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 337
โจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยฐานปล้นทรัพย์ตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 340, 340 ตรี แต่ข้อเท็จจริงตามทางพิจารณาได้ความว่าจำเลยกระทำผิดฐานกรรโชก ซึ่งแตกต่างกับข้อเท็จจริงดังกล่าวในฟ้อง จึงลงโทษจำเลยไม่ได้ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 192 วรรคสอง และจะลงโทษจำเลยในความผิดฐานกรรโชกตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 192 วรรคสอง และวรรคสามซึ่งแก้ไขใหม่ก็ไม่ได้ เพราะเป็นการนำเอากฎหมายที่ออกใช้ภายหลังมาลงโทษจำเลยซึ่งฟ้องไว้ก่อนแล้ว
โจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยฐานปล้นทรัพย์ตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 340, 340 ตรี แต่ข้อเท็จจริงตามทางพิจารณาได้ความว่าจำเลยกระทำผิดฐานกรรโชก ซึ่งแตกต่างกับข้อเท็จจริงดังกล่าวในฟ้อง จึงลงโทษจำเลยไม่ได้ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 192 วรรคสอง และจะลงโทษจำเลยในความผิดฐานกรรโชกตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 192 วรรคสอง และวรรคสามซึ่งแก้ไขใหม่ก็ไม่ได้ เพราะเป็นการนำเอากฎหมายที่ออกใช้ภายหลังมาลงโทษจำเลยซึ่งฟ้องไว้ก่อนแล้ว
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2903/2522
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การฟ้องฐานกระทำผิดต่างจากที่ศาลพิจารณา การลงโทษฐานอื่นที่ไม่ตรงกับฟ้องเป็นโมฆะ
โจทก์บรรยายฟ้องว่า จำเลยบังอาจทำแบบพิมพ์อันเป็นเครื่องมือสำหรับปลอมเหรียญกระษาปณ์ ขอให้ลงโทษตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 246 ทางพิจารณาไม่ได้ความว่าจำเลยทำแบบพิมพ์อันเป็นเครื่องมือสำหรับปลอมเหรียญกระษาปณ์ได้ความเพียงว่าจำเลยมีเครื่องมือหรือวัตถุสำหรับปลอมเงินตราไว้ในครอบครอง ข้อเท็จจริงที่ปรากฏในการพิจารณาจึงต่างกับข้อเท็จจริงที่โจทก์กล่าวในฟ้อง และข้อแตกต่างมิใช่เป็นเพียงรายละเอียดของการกระทำผิด แต่เป็นกรณีที่โจทก์บรรยายฟ้องถึงการกระทำคนละฐานความผิดกับที่ศาลพิจารณาได้ความ แม้ว่าการมีเครื่องมือหรือวัตถุสำหรับปลอมเงินตราไว้ในครอบครองจะเป็นความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 246 ด้วย แต่ก็เป็นความผิดคนละฐานกับที่โจทก์ฟ้องหาว่าจำเลยกระทำ จึงลงโทษจำเลยตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 246 ไม่ได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2764/2522
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การลงโทษจำเลยต้องเป็นไปตามฟ้อง หากรายละเอียดการกระทำไม่ชัดเจน ศาลไม่สามารถลงโทษเกินกว่าที่ฟ้องได้
แม้ทางพิจารณาจะได้ความว่าความผิดที่จำเลยนำใบสำคัญปลอมไปเบิกเงิน มีการกระทำหลายครั้ง เป็นเวลาหลายเดือน แต่ฟ้องโจทก์มิได้บรรยายรายละเอียดการกระทำของจำเลยให้ปรากฏพอที่จะให้เห็นว่าโจทก์ประสงค์ให้ลงโทษทุกกรรมดังที่ได้ความตามทางพิจารณา จึงลงโทษจำเลยแต่ละกรรมนอกเหนือจากฟ้องหาได้ไม่
เมื่อคดีฟังได้ว่าจำเลยมีความผิดตาม ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 341 ด้วย พนักงานอัยการก็มีสิทธิเรียกร้องทรัพย์คืนแทนผู้เสียหายได้
เมื่อคดีฟังได้ว่าจำเลยมีความผิดตาม ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 341 ด้วย พนักงานอัยการก็มีสิทธิเรียกร้องทรัพย์คืนแทนผู้เสียหายได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2564/2522
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
องค์ประกอบความผิดประกาศ คปค.ฉบับที่ 281: จำเป็นต้องระบุปริมาณการผลิต/จำหน่ายปี 2515 ในฟ้อง
องค์ประกอบความผิดตามประกาศของคณะปฏิวัติ ฉบับที่ 281 ลงวันที่ 24 พฤศจิกายน 2515 ข้อ 26,30 จะต้องมีข้อเท็จจริงเกี่ยวกับปริมาณการผลิตหรือการจำหน่ายตามหลักฐานทางบัญชีในรอบปีบัญชี พ.ศ. 2515 เป็นสาระสำคัญ โดยโจทก์ต้องบรรยายในฟ้องให้ปรากฏว่าในรอบปีบัญชี พ.ศ. 2515 จำเลยมีปริมาณการผลิตหรือการจำหน่ายของธุรกิจตามหลักฐานทางบัญชีเป็นจำนวนเท่าใด และในการที่จำเลยได้รับอนุญาตจากอธิดีกรมทะเบียนการค้าให้เพิ่มปริมาณการผลิตหรือการจำหน่ายของธุรกิจในรอบปีบัญชี พ.ศ. 2518 เป็นจำนวนเงิน 255,000,000 บาท นั้น เป็นการเกินกว่าร้อยละ 30 ของปริมาณการผลิตหรือการจำหน่ายตามหลักฐานทางบัญชีในรอบปีบัญชี พ.ศ. 2515 ซึ่งเป็นการแสดงว่าจำเลยได้ประกอบธุรกิจฝ่าฝืนเงื่อนไขตามกฎหมาย เมื่อในฟ้องไม่ปรากฏข้อเท็จจริงดังกล่าวฟ้องของโจทก์จึงขาดข้อเท็จจริงอันเป็นองค์ประกอบความผิดตามที่โจทก์ประสงค์จะให้ลงโทษตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 158
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2550/2522 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การลงชื่อในฟ้องด้วยลายพิมพ์นิ้วมือที่ไม่เป็นไปตามกฎหมาย ทำให้ฟ้องไม่ชอบ
ฟ้องโจทก์ลงชื่อโดยพิมพ์ลายนิ้วหัวแม่มือ แต่มีผู้ลงชื่อเป็นพยานรับรองเพียงผู้เดียว จะถือว่าลายพิมพ์นิ้วมือของโจทก์ดังกล่าวเสมอกับลายมือชื่อไม่ได้ ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 9 วรรค 3 ฟ้องของโจทก์จึงเป็นฟ้องที่ไม่ชอบด้วยประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 158 (7) การที่โจทก์มาเบิกความว่าเป็นโจทก์จริงก็ไม่ทำให้ฟ้องที่ไม่ชอบนั้นเป็นฟ้องที่ชอบด้วยกฎหมาย
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2550/2522
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การลงชื่อในฟ้องด้วยลายพิมพ์นิ้วมือต้องมีพยานรับรองสองคน หากมีเพียงคนเดียวถือเป็นฟ้องที่ไม่ชอบด้วยกฎหมาย
ฟ้องโจทก์ลงชื่อโดยพิมพ์ลายนิ้วหัวแม่มือ แต่มีผู้ลงชื่อเป็นพยานรับรองเพียงผู้เดียวจะถือว่าลายพิมพ์นิ้วมือของโจทก์ดังกล่าวเสมอกับลายมือชื่อไม่ได้ ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 9 วรรค 3 ฟ้องของโจทก์จึงเป็นฟ้องที่ไม่ชอบด้วยประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 158(7) การที่โจทก์มาเบิกความว่าเป็นโจทก์จริงก็ไม่ทำให้ฟ้องที่ไม่ชอบนั้นเป็นฟ้องที่ชอบด้วยกฎหมาย