คำพิพากษาที่อยู่ใน Tags
ฟ้องร้อง

พบผลลัพธ์ทั้งหมด 993 รายการ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3397/2536

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ อายุความฟ้องเช็ค: ผลของการแก้ไขเปลี่ยนแปลงวันที่เช็คและขอบเขตความผูกพันของผู้อาวัล
โจทก์ผู้ทรงเช็คย่อมต้องห้ามมิให้ฟ้องจำเลยที่ 1 ผู้สั่งจ่ายเมื่อพ้นเวลา 1 ปี นับแต่วันเช็คถึงกำหนดหรือวันที่ลงในเช็คจำเลยที่ 2 ผู้อาวัลย่อมมีความผูกพันเป็นอย่างเดียวกับบุคคลซึ่งตนประกัน การฟ้องผู้อาวัลผู้สั่งจ่ายจึงใช้อายุความ 1 ปีเช่นเดียวกับฟ้องผู้สั่งจ่าย โจทก์จึงต้องฟ้องจำเลยที่ 2ผู้อาวัลจำเลยที่ 1 ภายในกำหนด 1 ปี นับแต่วันที่ลงในเช็คพิพาทแต่ละฉบับ การที่จำเลยที่ 1 แก้ไขวันที่ลงในเช็คพิพาทใหม่อันเป็นการแก้ไขเปลี่ยนแปลงในข้อสำคัญนั้นมีผลให้เช็คพิพาทเป็นอันเสียไป แต่ยังคงใช้ได้ต่อจำเลยที่ 1 ซึ่งเป็นผู้ทำการแก้ไขเปลี่ยนแปลงเท่านั้นเมื่อนับแต่วันที่ที่จำเลยที่ 1 แก้ไขลงไว้ในเช็คพิพาทถึงวันฟ้องยังไม่พ้นเวลา 1 ปี คดีโจทก์สำหรับจำเลยที่ 1 จึงไม่ขาดอายุความแต่โจทก์จะอ้างเอาผลของการที่เช็คพิพาททั้งหมดถูกแก้ไขเปลี่ยนแปลงวันที่ลงในเช็คโดยจำเลยที่ 2 มิได้ยินยอมด้วยกับการแก้ไขเปลี่ยนแปลงนั้นมาเป็นวันเริ่มนับอายุความ เป็นเหตุให้คดีของโจทก์ในการฟ้องจำเลยที่ 2 ไม่ขาดอายุความนั้นหาได้ไม่เพราะมีผลเท่ากับให้โจทก์ยังคงใช้เช็คพิพาทอ้างสิทธิต่อจำเลยที่ 2 ซึ่งมิได้ยินยอมด้วยกับการแก้ไขเปลี่ยนแปลงนั้นได้ต่อไปอีกเป็นการไม่ชอบด้วยประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาตรา 1007 วรรคแรก

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 338/2536

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ สิทธิทำเหมืองแร่และการขัดขวางการทำประโยชน์ในที่ดินประทานบัตร แม้ประทานบัตรเดิมสิ้นอายุ แต่ได้ยื่นขอใหม่แล้ว ยังคงมีสิทธิฟ้องได้
การได้รับประทานบัตรให้ทำเหมืองแร่นั้นไม่ทำให้ผู้นั้นได้สิทธิครอบครองที่ดินที่อยู่ในเขตประทานบัตรด้วย แต่เมื่อมีผู้ใดเข้าไปขัดขวางในการทำแร่ในเขตประทานบัตรโดยไม่มีอำนาจโดยชอบแล้วผู้ได้รับประทานบัตรก็ย่อมมีอำนาจฟ้องผู้นั้นได้ ถึงแม้ประทานบัตรเดิมขาดอายุแล้ว แต่โจทก์ก็ได้ขอประทานบัตรใหม่ก่อนที่อายุประทานบัตรจะครบกำหนด ขณะเกิดเหตุอยู่ในระหว่างดำเนินการของพนักงานเจ้าหน้าที่ ฉะนั้นเมื่อจำเลยขัดขวางโจทก์ก็ย่อมมีอำนาจฟ้องได้.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2764/2536

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ อายุความฟ้องคดีล้มละลาย: คำพิพากษาเดิมเป็นหลักฐาน
โจทก์เป็นเจ้าหนี้จำเลยตามคำพิพากษา ศาลแพ่งมีคำพิพากษาให้จำเลยชำระหนี้แก่โจทก์เมื่อวันที่ 25 มีนาคม 2524 โจทก์ฟ้องจำเลยเป็นคดีล้มละลายวันที่ 2 พฤศจิกายน 2533 ยังไม่เกินกำหนดเวลา 10 ปี ตาม ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 168(เดิม)และ ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 271 ฟ้องโจทก์จึงไม่ขาดอายุความ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2705/2536 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การแก้ไขข้อบกพร่องเรื่องอำนาจฟ้องหลังมอบอำนาจ: การยื่นใบมอบอำนาจใหม่แก้ไขชื่อศาลที่ผิดพลาดได้
การที่โจทก์มอบอำนาจให้ พ. ฟ้องคดีโดยระบุในหนังสือมอบอำนาจที่ยื่นพร้อมคำฟ้องว่าให้ฟ้องคดีต่อศาลแพ่งธนบุรี มิใช่ศาลแพ่งที่โจทก์ได้ยื่นคำฟ้องนั้น เป็นการระบุชื่อศาลที่จะฟ้องร้องผิดพลาด อันเป็นข้อบกพร่องเกี่ยวกับอำนาจฟ้องของผู้รับมอบอำนาจ แต่ต่อมาก่อนส่งหมายนัดและสำเนาคำฟ้องให้จำเลย โจทก์ได้ยื่นใบมอบอำนาจใหม่ต่อศาลระบุว่ามอบอำนาจให้ฟ้องจำเลยต่อศาลแพ่ง ถือได้ว่าโจทก์ได้แก้ไขข้อบกพร่องเกี่ยวกับอำนาจฟ้องของผู้รับมอบอำนาจดังกล่าวแล้ว โจทก์จึงมีอำนาจฟ้อง

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2705/2536 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การแก้ไขข้อบกพร่องเรื่องอำนาจฟ้องจากหนังสือมอบอำนาจที่ระบุศาลผิดพลาด โดยการยื่นหนังสือมอบอำนาจใหม่
โจทก์มอบอำนาจให้ พ. ฟ้องคดีต่อศาลแพ่งโดยระบุในหนังสือมอบอำนาจผิดพลาดไปว่าให้ฟ้องต่อศาลแพ่งธนบุรี การระบุชื่อศาลที่จะฟ้องร้องผิดพลาดเป็นข้อบกพร่องเกี่ยวกับอำนาจฟ้องของผู้รับมอบอำนาจแต่ต่อมาก่อนส่งหมายนัดและสำเนาคำฟ้องให้จำเลยโจทก์ได้ยื่นใบมอบอำนาจใหม่ระบุว่า มอบอำนาจให้ฟ้องจำเลยทั้งสองต่อศาลแพ่ง ถือได้ว่าโจทก์ได้แก้ไขข้อบกพร่องเกี่ยวกับอำนาจฟ้องของผู้รับมอบอำนาจดังกล่าวแล้วโจทก์จึงมีอำนาจฟ้อง

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2625/2536 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ผู้เสียหายจากแจ้งความเท็จ/เบิกความเท็จ ไม่จำกัดเฉพาะเจ้าพนักงาน ราษฎรที่เสียหายโดยตรงก็ฟ้องได้
ผู้เสียหายในความผิดฐานแจ้งความเท็จและฐานเบิกความเท็จตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 172 และ 177 ไม่ใช่จะมีแต่เฉพาะเจ้าพนักงานเท่านั้น ราษฎรที่ได้รับความเสียหายโดยตรงเนื่องจากการกระทำความผิดดังกล่าวก็เป็นผู้เสียหายตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 2(4)

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2476/2536 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การแย่งการครอบครองและการฟ้องแย้งเพื่อเอาคืนสิทธิ การฟ้องภายในกำหนดอายุความ
จำเลยอาศัยอยู่ในบ้านและที่ดินพิพาทซึ่งเป็นที่ดิน น.ส.3ก่อนที่โจทก์จะรับซื้อฝาก จาก ส.เมื่อส. ไม่ไถ่ถอนภายในกำหนดโจทก์จึงได้ซึ่งสิทธิครอบครองบ้านและที่ดินพิพาท การที่จำเลยยังคงอาศัยอยู่ในบ้านและที่ดินพิพาทจึงเป็นการครอบครองแทนโจทก์ การที่จำเลยฟ้องโจทก์เป็นจำเลยที่ 2 ต่อศาลชั้นต้นขอให้เพิกถอนนิติกรรมการขายฝากระหว่าง ส.กับโจทก์ ถือได้ว่าจำเลยได้เปลี่ยนลักษณะแห่งการยึดถือบ้านและที่ดินพิพาทโดยบอกกล่าวแสดงเจตนาไปยังโจทก์ว่าจะไม่ยึดถือบ้านและที่ดินพิพาทแทนโจทก์ต่อไปอันเป็นการแย่งการครอบครองบ้านและที่ดินพิพาทจากโจทก์แล้วในคดีดังกล่าวนั้นโจทก์ในฐานะจำเลยได้ยื่นคำให้การและฟ้องแย้งขอให้ขับไล่จำเลย แม้ต่อมาศาลมีคำสั่งจำหน่ายคดีของจำเลยซึ่งเป็นโจทก์ในคดีนั้น ซึ่งเป็นผลทำให้ฟ้องแย้งของโจทก์ซึ่งมีฐานะเป็นจำเลยจะตกไปด้วยผลของกฎหมายก็ตาม แต่จะถือว่าโจทก์ทิ้งฟ้องแย้งด้วยหาได้ไม่ คำสั่งดังกล่าวย่อมไม่ลบล้างผลแห่งการยื่นคำฟ้องแย้งของโจทก์ในคดีก่อน และในคดีดังกล่าวโจทก์และจำเลยต่างอุทธรณ์ ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน โดยมีการอ่านคำพิพากษาศาลอุทธรณ์เมื่อวันที่ 6 กันยายน 2531 การที่โจทก์ยื่นฟ้องจำเลยใหม่เป็นคดีนี้ เมื่อวันที่ 9 กันยายน 2531 จึงเป็นกรณีสืบเนื่องมาจากฟ้องแย้งเดิมซึ่งโจทก์ได้ใช้สิทธิฟ้องเพื่อเอาคืน ซึ่งการครอบครองภายในกำหนดหนึ่งปี นับแต่เวลาถูกแย่งการครอบครองแล้ว โจทก์จึงไม่ขาดสิทธิฟ้องร้องตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1375

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2418/2536

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ สิทธิผู้ทรงเช็ค: ไม่ต้องบรรยายรายละเอียดการรับโอนเช็คเพื่อฟ้องเรียกเงิน
เช็คพิพาทเป็นเช็คสั่งจ่ายให้แก่ผู้ถือ โจทก์ ซึ่งเป็นผู้ถือเช็คพิพาทจึงเป็นผู้ทรงตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาตรา 904 และตามมาตรา 914 บัญญัติไว้ความว่าบุคคลผู้สั่งจ่ายย่อมเป็นอันสัญญาว่า เมื่อตั๋วนั้นได้ยื่นโดยชอบแล้วจะมี ผู้ใช้เงินตามเนื้อความแห่งตั๋วถ้าและตั๋วแลกเงินนั้นเขาไม่เชื่อถือโดยไม่ยอมจ่ายเงินผู้สั่งจ่ายก็จะใช้เงินแก่ผู้ทรง ซึ่งบทบัญญัติมาตรา 914ดังกล่าวนี้มาตรา 989 บัญญัติให้นำมาบังคับให้เรื่องเช็คด้วยเมื่อโจทก์ในฐานะผู้ทรงได้นำเช็คพิพาทเข้าบัญชีเพื่อเรียกเก็บเงินและธนาคารตามเช็คปฏิเสธการจ่ายเงินโจทก์จึงมีสิทธิฟ้องจำเลยซึ่งเป็นผู้สั่งจ่ายเช็คพิพาทให้ใช้เงินแก่โจทก์โดยไม่ต้องบรรยายฟ้องว่าโจทก์เป็นผู้ทรงเช็คพิพาทในฐานะอย่างไรรับโอนมาจากใครเมื่อใด มีมูลหนี้เป็นมาอย่างไร ฟ้องโจทก์ชอบด้วยประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 172 วรรคสองแล้ว

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2407/2536

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การฟ้องล้มละลาย แม้หนี้ยังไม่ถึงกำหนดชำระ และการพิสูจน์ภาวะหนี้สินล้นพ้นตัว
ตามพระราชบัญญัติล้มละลาย พ.ศ. 2483 มาตรา 9(3)โจทก์ย่อมฟ้องให้จำเลยล้มละลายได้ไม่ว่าหนี้จะถึงกำหนดชำระแล้วหรือไม่ แม้หนี้ตามคำพิพากษาของศาลชั้นต้นจะยังไม่ถึงกำหนดชำระตามคำบังคับก็ตามโจทก์ก็นำมาฟ้องจำเลยเป็นคดีล้มละลายได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2180/2536

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การแก้ไขคำฟ้องหลังชี้สองสถาน: ข้อบกพร่องของโจทก์ในการตรวจสอบหลักฐานก่อนฟ้อง
เมื่อปรากฏจากคำร้องของโจทก์ว่า เอกสารอันเป็นหลักฐานที่แสดงว่าจำเลยยังมียอดหนี้เพิ่มเติมจากยอดหนี้ที่โจทก์ยื่นฟ้องไว้เดิมอีกจำนวนหนึ่งอยู่ในความครอบครองของโจทก์แล้วตั้งแต่ก่อนฟ้องคดี แสดงว่าโจทก์สามารถตรวจสอบหลักฐานดังกล่าวได้ตั้งแต่ก่อนฟ้องคดีแล้ว แต่โจทก์ไม่ได้ตรวจสอบหลักฐานให้ละเอียดก่อนฟ้องคดีว่าจำเลยเป็นหนี้โจทก์อยู่เท่าไรกันแน่ การที่โจทก์เพิ่งทราบยอดหนี้ที่จำเลยมีต่อโจทก์เพิ่มหลังจากโจทก์ยื่นฟ้องและศาลชั้นต้นชี้สองสถานไปแล้วนับเป็นข้อบกพร่องของโจทก์เอง ความบกพร่องดังกล่าวไม่อาจจะยกมาเป็นข้ออ้างเพื่อแก้ไขคำฟ้องหลังวันชี้สองสถานได้ ทั้งข้อเท็จจริงดังกล่าวก็หาใช้ข้อเท็จจริงที่นำไปสู่ข้อกฎหมายเรื่องอำนาจฟ้อง จึงไม่ใช่เรื่องที่เกี่ยวกับความสงบเรียบร้อยของประชาชนที่โจทก์จะยื่นคำร้องขอแก้คำฟ้องได้หลังวันชี้สองสถานตามที่ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 180 บัญญัติยกเว้นไว้
of 100