คำพิพากษาที่อยู่ใน Tags
ฟ้องแย้ง

พบผลลัพธ์ทั้งหมด 754 รายการ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3129/2538

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การฟ้องแย้งขอเพิกถอนการประมูลที่ไม่เกี่ยวเนื่องกับคำฟ้องเดิม ศาลไม่รับฟ้องแย้ง
คำฟ้องของโจทก์อ้างว่าจำเลยอาศัยและปลูกอาคารอยู่ในที่ดินของโจทก์โจทก์ไม่ต้องการให้จำเลยอยู่อาศัยอีกต่อไปและให้จำเลยรื้อถอนสิ่งปลูกสร้างพร้อมขนย้ายทรัพย์สินและบริวารออกไปจากที่ดินของโจทก์ จำเลยยื่นคำให้การและฟ้องแย้งว่าจำเลยครอบครองที่ดินพิพาทมาโดยเปิดเผยไม่น้อยกว่า30ปีก่อนที่กรมธนารักษ์จะมีอำนาจหน้าที่ดูแลจำเลยจึงไม่ได้บุกรุกประกาศที่จังหวัดตากให้มีการประมูลปลูกสร้างอาคารในที่ดินพิพาทนั้นจังหวัดตากมีเจตนาไม่สุจริตเพราะขัดกับมติที่ประชุมของคณะกรรมการที่ราชพัสดุที่ไม่ให้ขับไล่ผู้บุกรุกและการกำหนดเงื่อนไขและเวลาของผู้เข้าประมูลเป็นการตัดสิทธิจำเลยไม่ให้เป็นผู้เข้าประมูลการประมูลดังกล่าวเป็นการไม่ชอบขอให้ยกเลิกเพิกถอนการประมูลการก่อสร้างใหม่คำฟ้องแย้งที่จำเลยขอให้เพิกถอนการประมูลการก่อสร้างของจังหวัดตากจึงเป็นเรื่องอื่นซึ่งไม่เกี่ยวกับคำฟ้องเดิม

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2958/2538 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ อำนาจศาลอุทธรณ์พิจารณาฟ้องแย้ง: ศาลมีอำนาจพิจารณาฟ้องแย้งได้หากเกี่ยวข้องกับฟ้องเดิม แม้ศาลชั้นต้นยังไม่ได้วินิจฉัย
แม้ศาลชั้นต้นวินิจฉัยฟ้องแย้งของจำเลยว่า คำขอฟ้องแย้งไม่สามารถที่จะบังคับได้โดยไม่ได้วินิจฉัยว่าฟ้องแย้งของจำเลยเกี่ยวข้องกับฟ้องเดิมหรือไม่ก็ตาม แต่ในชั้นอุทธรณ์การพิจารณาปัญหาว่า ฟ้องแย้งของจำเลยชอบที่ศาลจะรับไว้พิจารณาหรือไม่ ศาลอุทธรณ์ย่อมมีอำนาจยกบทกฎหมายดังกล่าวขึ้นปรับแก่คดีได้ เมื่อศาลอุทธรณ์เห็นว่าฟ้องแย้งของจำเลยมิใช่ฟ้องแย้งที่ไม่อาจบังคับได้ดังที่ศาลชั้นต้นวินิจฉัย การที่ศาลอุทธรณ์จะพิพากษากลับให้รับฟ้องแย้งของจำเลยไว้พิจารณา ศาลอุทธรณ์ชอบที่ยกขึ้นวินิจฉัยว่าฟ้องแย้งของจำเลยเกี่ยวข้องกับฟ้องเดิมเพื่อรับฟ้องแย้งของจำเลยต่อไปได้ ไม่เป็นการวินิจฉัยนอกประเด็นแต่อย่างใด
โจทก์ฟ้องขอให้ขับไล่จำเลยซึ่งอาศัยอยู่ในที่พิพาทของโจทก์ จำเลยให้การและฟ้องแย้งว่า ที่พิพาทเป็นของจำเลยโจทก์มิได้ฟ้องคดีภายในหนึ่งปีนับแต่โจทก์ถูกแย่งการครอบครอง และจำเลยมีคำขอบังคับตามฟ้องแย้งให้โจทก์ไปจดทะเบียนเปลี่ยนชื่อในหนังสือรับรองการทำประโยชน์ของที่พิพาทให้จำเลยเป็นผู้ได้สิทธิครอบครอง หากโจทก์ไม่ปฏิบัติตามให้ถือเอาคำพิพากษาเป็นการแสดงเจตนาของจำเลย ฟ้องแย้งของจำเลยจึงเป็นคำฟ้องที่มีคำขอบังคับโจทก์โดยครบถ้วนแล้ว ส่วนการที่จะบังคับตามฟ้องแย้งของจำเลยได้หรือไม่ย่อมเป็นเรื่องที่ศาลจะต้องพิจารณาต่อไปในชั้นที่มีคำพิพากษาหรือคำสั่งชี้ขาดตัดสินคดี เมื่อฟ้องแย้งของจำเลยเกี่ยวข้องกับฟ้องเดิมพอที่จะรวมพิจารณาและชี้ขาดตัดสินคดีเข้าด้วยกันได้เช่นนี้ ชอบที่จะรับฟ้องแย้งของจำเลยไว้พิจารณา

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2958/2538

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การวินิจฉัยฟ้องแย้งที่เกี่ยวข้องกับฟ้องเดิม ศาลอุทธรณ์มีอำนาจพิจารณา แม้ศาลชั้นต้นไม่ได้วินิจฉัยไว้
ศาลชั้นต้นสั่งว่าคำขอฟ้องแย้งไม่สามารถบังคับได้จึงไม่รับฟ้องแย้งดังนี้หากศาลอุทธรณ์เห็นว่าฟ้องแย้งมิใช่ฟ้องแย้งที่ไม่อาจบังคับได้ก็ชอบที่จะวินิจฉัยว่าฟ้องแย้งเกี่ยวข้องกับฟ้องเดิมเพื่อรับฟ้องแย้งได้ไม่เป็นการวินิจฉัยนอกประเด็น โจทก์ฟ้องขอให้ขับไล่จำเลยซึ่งอาศัยอยู่ในที่พิพาทตามหนังสือรับรองการทำประโยชน์ของโจทก์จำเลยให้การและฟ้องแย้งว่าที่พิพาทเป็นของจำเลยและมีคำขอบังคับตามฟ้องแย้งให้โจทก์ไปจดทะเบียนเปลี่ยนชื่อในหนังสือรับรองการทำประโยชน์ของที่พิพาทให้จำเลยเป็นผู้ได้สิทธิครอบครองเป็นคำฟ้องที่มีคำขอบังคับโจทก์โดยครบถ้วนแล้วส่วนการที่จะบังคับตามฟ้องแย้งได้หรือไม่จึงชอบที่จะรับฟ้องแย้งของจำเลยไว้พิจารณาเป็นเรื่องที่ต้องพิจารณาต่อไปในชั้นชี้ขาดตัดสินคดี

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2680/2538

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ อำนาจฟ้องแย้งในคดีแรงงาน: ข้อพิพาทต่างประเด็นย่อมไม่อาจรวมพิจารณา
โจทก์ฟ้องขอให้จำเลยจ่าย ค่าจ้าง สินจ้างแทนการบอกกล่าวล่วงหน้าและ ค่าชดเชยส่วนจำเลย ฟ้องแย้งขอให้โจทก์ชดใช้เงินค่ารถยนต์ของจำเลยที่โจทก์นำไปใช้งานส่วนตัวที่บ้านโดยพลการแล้วสูญหายไปและโจทก์ได้ รับสภาพหนี้ไว้แม้ทั้งฟ้องเดิมและฟ้องแย้งจะเป็นคดีแรงงานแต่ข้อเท็จจริงและพยานหลักฐานเป็นคนละประเด็นไม่เกี่ยวข้องกันจึงไม่อาจรับฟ้องแย้งไว้พิจารณารวมกับฟ้องเดิมได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2616/2538 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ฟ้องแย้งไม่ชัดเจน, เลิกจ้างโดยชอบธรรมตามสัญญา, เหตุเลิกจ้างต้องระบุในหนังสือเลิกจ้าง
ฟ้องแย้งของจำเลยบรรยายเพียงว่า ผู้ที่สั่งจองห้องพักของจำเลยไว้ ได้ยกเลิกการจองห้องพักในภายหลังเพราะไม่พอใจการกระทำของโจทก์ ค่าห้องพักที่ถูกยกเลิกการสั่งจองคิดเป็นเงินจำนวน 10,936,655.50 บาทโดยไม่มีรายละเอียดเพียงพอที่จะให้เข้าใจได้ว่า ผู้จองห้องพักและได้ยกเลิกการสั่งจองในภายหลังนั้น ได้จองห้องพักเมื่อใด จองห้องพักจำนวนมากน้อยและมีกำหนดระยะเวลาที่จองนานเท่าใด กับได้ยกเลิกการสั่งจองห้องพักเมื่อใด เป็นฟ้องแย้งที่ไม่แจ้งชัดซี่งสภาพแห่งข้อหาและข้ออ้างที่อาศัยเป็นหลักแห่งข้อหาเช่นว่านั้น เป็นฟ้องแย้งที่เคลือบคลุม
ตามสัญญาจ้างกำหนดว่าจำเลยจ้างโจทก์มีกำหนดระยะเวลา3 ปี โดยจำเลยหรือโจทก์ต่างมีสิทธิบอกเลิกสัญญาจ้างก่อนครบกำหนดระยะเวลา3 ปีดังกล่าวได้ การที่จำเลยบอกเลิกจ้างโจทก์ก่อนครบกำหนดระยะเวลา 3 ปีเป็นการใช้สิทธิเลิกสัญญาจ้างตามที่กำหนดไว้ในสัญญาจ้างดังกล่าว ถือไม่ได้ว่าเป็นการเลิกจ้างโจทก์โดยไม่เป็นธรรม
จำเลยจะมีสิทธิเลิกจ้างโจทก์โดยไม่ต้องชดใช้ค่าเสียหายหรือเงินจำนวนใด ๆ ให้โจทก์ดังคำให้การต่อสู้คดีของจำเลยทั้งสองเพียงใดหรือไม่จะต้องพิจารณาถึงเหตุของการเลิกจ้างในขณะที่เลิกจ้างเป็นสำคัญ ซึ่งตามหนังสือเลิกจ้างโจทก์ของจำเลยไม่ได้ระบุเหตุของการเลิกจ้างว่าเพราะโจทก์กระทำผิดตามประเด็นข้อพิพาทข้อ 3 ถึงข้อ 6 การที่จำเลยให้การต่อสู้ว่า จำเลยเลิกจ้างโจทก์เพราะโจทก์กระทำผิดตามประเด็นข้อพิพาทข้อ 3 ถึงข้อ 6 จึงเป็นการยกข้อต่อสู้นอกเหนือหนังสือเลิกจ้างซึ่งจำเลยจะยกขึ้นเป็นข้อต่อสู้ไม่ได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2556/2538

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การหักกลบลบหนี้จากฟ้องแย้งที่ยุติแล้ว ศาลอุทธรณ์ไม่มีอำนาจวินิจฉัยซ้ำ
ศาลชั้นต้นฟังข้อเท็จจริงว่าโจทก์ติดตั้งชุดมอเตอร์เกียร์ให้จำเลยไม่ตรงตามสัญญาจนต่อมาได้เสียหายทั้งชุดโจทก์ต้องรับผิดในความเสียหายส่วนนี้ตามฟ้องแย้งจำนวน80,000บาทโดยให้หักกับเงินจำนวน200,000บาทที่จำเลยค้างชำระแก่โจทก์ในงานงวดสุดท้ายและพิพากษาให้จำเลยใช้เงินแก่โจทก์จำนวน120,000บาทโจทก์และจำเลยมิได้อุทธรณ์เกี่ยวกับจำนวนความเสียหายตามฟ้องแย้งคำพิพากษาศาลชั้นต้นเกี่ยวกับจำนวนเงินตามฟ้องแย้งจึงยุติถึงที่สุดแล้วการที่ศาลอุทธรณ์วินิจฉัยว่าจำเลยต้องเสียหายเป็นจำนวนเงิน150,000บาทตามฟ้องแย้งและนำมาหักกลบลบหนี้กับโจทก์จึงไม่ชอบ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2552/2538 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ความสมบูรณ์ของพินัยกรรมและกรรมสิทธิ์ในสินสมรส, ฟ้องแย้งมีเงื่อนไข
ฟ้องเดิมเป็นเรื่องที่โจทก์ฟ้องให้จำเลยส่งมอบโฉนดที่ดินโดยอ้างว่านายแก้วผู้ตายทำพินัยกรรมให้แก่โจทก์ จำเลยให้การว่าพินัยกรรมไม่สมบูรณ์และผู้ตายไม่มีสิทธิทำพินัยกรรมยกที่ดินส่วนของจำเลยให้แก่โจทก์ เพราะที่ดินตามพินัยกรรมเป็นสินสมรสระหว่างผู้ตายกับจำเลย จำเลยมีกรรมสิทธิ์ร่วมด้วยดังนี้ประเด็นข้อพิพาทจึงมีว่าพินัยกรรมสมบูรณ์หรือไม่เพียงใด ส่วนฟ้องแย้งที่ขอให้บังคับโจทก์คืนเงินค่าไถ่ถอนจำนองที่ดินพิพาทแก่จำเลยจะถือเป็นฟ้องแย้ง เมื่อศาลฟังว่า พินัยกรรมสมบูรณ์และโจทก์ได้รับมรดกที่ดินพิพาทไปตามพินัยกรรม จึงเป็นฟ้องแย้งที่มีเงื่อนไขและเป็นคนละเรื่องไม่เกี่ยวกับฟ้องเดิม

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2552/2538

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ฟ้องแย้งเรื่องค่าไถ่ถอนจำนองไม่เกี่ยวเนื่องกับประเด็นความสมบูรณ์ของพินัยกรรม จึงไม่รับฟ้องแย้ง
ฟ้องเดิมเป็นเรื่องที่โจทก์ฟ้องให้จำเลยส่งมอบโฉนดที่ดินโดยอ้างว่านายแก้วผู้ตายทำพินัยกรรมให้แก่โจทก์จำเลยให้การว่าพินัยกรรมไม่สมบูรณ์และผู้ตายไม่มีสิทธิทำพินัยกรรมยกที่ดินส่วนของจำเลยให้แก่โจทก์เพราะที่ดินตามพินัยกรรมเป็นสินสมรสระหว่างผู้ตายกับจำเลยจำเลยมีกรรมสิทธิ์ร่วมด้วยดังนี้ประเด็นข้อพิพาทจึงมีว่าพินัยกรรมสมบูรณ์หรือไม่เพียงใดส่วนฟ้องแย้งที่ขอให้บังคับโจทก์คืนเงินค่าไถ่ถอนจำนองที่ดินพิพาทแก่จำเลยจะถือเป็นฟ้องแย้งเมื่อศาลฟังว่าพินัยกรรมสมบูรณ์และโจทก์ได้รับมรดกที่ดินพิพาทไปตามพินัยกรรมจึงเป็นฟ้องแย้งที่มีเงื่อนไขและเป็นคนละเรื่องไม่เกี่ยวกับฟ้องเดิม

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1359/2538 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ฟ้องแย้งไม่เกี่ยวเนื่องกับฟ้องเดิม: คดีเช่าซื้อ vs. ละเมิด
โจทก์ฟ้องให้จำเลยที่ 2 ผู้ค้ำประกันร่วมรับผิดกับจำเลยที่ 1ชดใช้ค่าเสียหายแก่โจทก์ เพราะจำเลยที่ 1 ผู้เช่าซื้อผิดสัญญาเช่าซื้อรถยนต์พิพาทแต่ฟ้องแย้งของจำเลยที่ 2 เป็นการฟ้องให้โจทก์รับผิดต่อจำเลยที่ 2 เพราะโจทก์ทำละเมิดต่อจำเลยที่ 2 โดยกล่าวอ้างว่าโจทก์นำรถยนต์พิพาทที่จำเลยที่ 1 เช่าซื้อจากโจทก์ ซึ่งเป็นของจำเลยที่ 2 ไปขายทอดตลาดโดยจำเลยที่ 2 ไม่ได้ยินยอมทำให้จำเลยที่ 2 ได้รับความเสียหาย ฟ้องแย้งของจำเลยที่ 2 จึงเป็นคนละเรื่องกับที่โจทก์ฟ้องจำเลยที่ 2 ไม่เกี่ยวกับฟ้องเดิม

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1359/2538

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ฟ้องแย้งไม่เกี่ยวเนื่องกับฟ้องเดิม ศาลไม่รับฟ้องตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง ม.177
โจทก์ฟ้องให้จำเลยทั้งสองร่วมกันรับผิดชดใช้ค่าเสียหายแก่โจทก์ตามสัญญาเช่าซื้อรถยนต์พิพาทที่จำเลยที่1เป็นผู้เช่าซื้อและจำเลยที่2เป็นผู้ค้ำประกันจำเลยที่2ฟ้องแย้งให้โจทก์รับผิดเพราะโจทก์ทำละเมิดโดยนำรถยนต์พิพาทซึ่งเป็นของจำเลยที่2ไปขายทอดตลาดเป็นคนละเรื่องกับที่โจทก์ฟ้องจึงไม่เกี่ยวกับฟ้องเดิม
of 76