คำพิพากษาที่อยู่ใน Tags
ยาเสพติด

พบผลลัพธ์ทั้งหมด 1,473 รายการ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 8470/2544

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การล่อซื้อยาเสพติดด้วยสายลับชอบด้วยกฎหมาย หากมีเหตุผลจำเป็นและแสวงหาหลักฐานอย่างถูกต้อง
การใช้สายลับช่วยล่อซื้อเมทแอมเฟตามีนเป็นเพียงการกระทำเท่าที่จำเป็นและสมควรในการแสวงหาหลักฐานในการกระทำความผิดของจำเลยตามอำนาจใน ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญามาตรา 2(10) ชอบที่เจ้าพนักงานตำรวจจะกระทำได้เพื่อให้ได้โอกาสจับกุมจำเลยพร้อมด้วยพยานหลักฐาน ดังนี้ การใช้สายลับไปล่อซื้อเมทแอมเฟตามีนจากจำเลย จึงเป็นเพียงวิธีการพิสูจน์ความผิดของจำเลยไม่เป็นการแสวงหาหลักฐานโดยมิชอบ จึงมิใช่เป็นการใช้ให้ไปกระทำความผิดและแม้จะไม่ได้นำตัวสายลับมาเป็นพยานในชั้นศาลเนื่องจากเพื่อประโยชน์แก่ราชการในภายหน้าหรือเพื่อความปลอดภัยของสายลับก็ตาม ย่อมอยู่ในดุลพินิจของโจทก์ซึ่งหากโจทก์เห็นว่าพยานหลักฐานที่นำสืบมาเพียงพอที่จะพิสูจน์ความผิดของจำเลยได้แล้ว ก็หาจำต้องนำตัวสายลับดังกล่าวมาเป็นพยานในชั้นศาลด้วยไม่

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 8150/2544

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การพิพากษาคดีร่วมกันครอบครองยาเสพติดเพื่อจำหน่าย จำเลยที่ 2 ไม่มีส่วนร่วมโดยตรง
สิบตำรวจตรี พ. ตกลงล่อซื้อเมทแอมเฟตามีนจากจำเลยที่ 1 จำนวน 11 ถุง ถุงละ 200 เม็ด นัดส่งมอบที่บ้านของจำเลยที่ 1 ต่อมาหลังจากมีการล่อซื้อตามนัดและสายลับส่งสัญญาณแสดงว่ามีเมทแอมเฟตามีนแล้ว พยานโจทก์ทั้งสองซึ่งเป็นเจ้าพนักงานตำรวจเดินทางไปยังบ้านของจำเลยที่ 1 เมื่อจำเลยที่ 1 เห็นจึงวิ่งหลบหนีแต่ถูกจับกุมและตรวจค้นพบเมทแอมเฟตามีนรวม 11 ถุง ซุกซ่อนอยู่ในกางเกงด้านหน้าของจำเลยที่ 1 ส่วนจำเลยที่ 2 และที่ 3 เจ้าพนักงานตำรวจจับกุมได้อยู่ชั้นบนของบ้าน ดังนี้ โจทก์ไม่มีพยานคนใดเบิกความยืนยันว่าจำเลยที่ 2 มีพฤติการณ์ร่วมกับจำเลยที่ 1 มีเมทแอมเฟตามีนไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่าย เมทแอมเฟตามีนของกลางจับได้ที่ตัวจำเลยที่ 1 ซึ่งอยู่นอกบ้านส่วนจำเลยที่ 2 อยู่บนบ้าน พฤติการณ์เพียงเท่านี้ ยังไม่พอฟังว่าจำเลยที่ 2 ร่วมกับจำเลยที่ 1 มีเมทแอมเฟตามีนไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่าย

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 8148/2544

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ พยานหลักฐานไม่เพียงพอต่อการลงโทษจำเลยในข้อหานำยาเสพติดเข้าประเทศ แม้จำเลยรับสารภาพ
โจทก์มีพยานขณะจับกุม 2 ปาก คือ ร้อยตำรวจเอก ส. และจ่าสิบตำรวจ ร. พยานทั้งสองเบิกความแต่เพียงว่าได้ทราบจากสายลับว่าจำเลยจะนำเมทแอมเฟตามีนจากหมู่บ้านหมู่ที่ 10 ตำบลแม่สาย เพื่อนำไปส่งที่ภาคกลางเท่านั้น ไม่มีข้อเท็จจริงเกี่ยวกับการนำเมทแอมเฟตามีนจากนอกราชอาณาจักรเข้ามาในราชอาณาจักร ดังนั้น ตามบันทึกการจับกุมพยานทั้งสองจึงแจ้งข้อหาแก่จำเลย เพียงว่ามีเมทแอมเฟตามีนไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่าย จำเลยเพิ่งถูกตั้งข้อหาในชั้นสอบสวนว่าจำเลยนำเมทแอมเฟตามีนเข้ามาในราชอาณาจักรเพื่อจำหน่าย โดยอาศัยข้อเท็จจริงจากคำบอกเล่าของจำเลยในชั้นจับกุม โดยไม่มีพยานหลักฐานอื่นใดอีก คำรับของจำเลยในชั้นจับกุมหรือชั้นสอบสวนเป็นเพียงพยานบอกเล่าเท่านั้นมีน้ำหนักน้อย ต้องมีพยานหลักฐานอื่นประกอบจึงจะมีน้ำหนักรับฟังเพื่อลงโทษจำเลยได้ ทั้งการกระทำความผิดฐานนำเมทแอมเฟตามีนเข้ามาในราชอาณาจักรเพื่อจำหน่ายมีโทษสถานเดียวคือประหารชีวิต แม้ในกรณีที่จำเลยให้การรับสารภาพต่อศาล โจทก์ก็ยังต้องสืบพยานจนกว่าศาลจะพอใจว่าจำเลยได้กระทำผิดจริงตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 176 วรรคหนึ่งเมื่อจำเลยให้การปฏิเสธและโจทก์ไม่มีพยานแวดล้อมกรณีอื่น คงมีแต่คำรับสารภาพของจำเลยในชั้นจับกุมและชั้นสอบสวนซึ่งยังมีข้อโต้เถียงว่าจำเลยได้ให้การด้วยความสมัครใจหรือไม่ พยานหลักฐานโจทก์จึงรับฟังลงโทษจำเลยในความผิดฐานนำเมทแอมเฟตามีนเข้าในราชอาณาจักรเพื่อจำหน่ายไม่ได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 8086/2544 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การจำหน่ายยาเสพติด: การส่งมอบยาบางส่วนแล้วถูกจับกุม ถือเป็นกรรมเดียว
จำเลยตกลงจำหน่ายเมทแอมเฟตามีนจำนวน 140 เม็ด แบ่งบรรจุเป็น 2 ถุง ถุงละ 70เม็ดติดตัวมาส่งมอบให้แก่จ่าสิบตำรวจ ก. ซึ่งปลอมตัวเป็นผู้ซื้อ เมื่อจำเลยส่งมอบเมทเฟตามีนถุงแรกจำนวน 70 เม็ด แก่จ่าสิบตำรวจ ก. แล้ว แม้จำเลยจะถูกจับกุมทันทีโดยที่ยังไม่ทันได้ส่งมอบเมทแอมเฟตามีนถุงที่สอง เช่นนี้ ก็ถือได้ว่าจำเลยมีเจตนาจำหน่ายและส่งมอบเมทแอมเฟตามีนจำนวนทั้งหมด 2 ถุง ที่นำติดตัวมาแก่จ่าสิบตำรวจ . ตามที่ได้ตกลงซื้อขายในคราวเดียวกัน หาใช่กรณีจำเลยจำหน่ายเมทแอมเฟตามีนตามจำนวนที่ได้ตกลงซื้อขายกันไปแล้ว และยังคงมีเหลืออยู่ในครอบครองของจำเลยอีกจำนวนหนึ่งเพื่อจำหน่ายในคราวต่อไป เพราะเมทแอมเฟตามีนทั้ง 2 ถุง เป็นเมทแอมเฟตามีนจำนวนเดียวกับที่จำเลยได้ตกลงซื้อจขายและจำส่งมอบให้แก่จ่าสิบตำรวจ ก. ทั้งหมดในคราวเดียวกันนั้นเองการกระทำของจำเลยจึงเป็นความผิดกรรมเดียว

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 8086/2544

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การจำหน่ายยาเสพติดกรรมเดียว: เจตนาจำหน่ายทั้งหมดในคราวเดียว แม้ส่งมอบไม่ครบ
การที่จำเลยตกลงจำหน่ายเมทแอมเฟตามีนจำนวน 140 เม็ดแล้วนำเมทแอมเฟตามีนจำนวน 2 ถุง ถุงละ 70 เม็ดติดตัวมาส่งมอบให้แก่จ่าสิบตำรวจ ก. เมื่อจำเลยส่งมอบเมทแอมเฟตามีนถุงแรกแล้วก็ถูกจับกุมทันที โดยที่ยังไม่ทันส่งมอบถุงที่สอง เช่นนี้ จำเลยมีเจตนาจำหน่ายและจะส่งมอบเมทแอมเฟตามีนจำนวนทั้งหมด 2 ถุง ที่นำติดตัวมาตามที่ได้ตกลงซื้อขายในคราวเดียวกัน หาใช่กรณีจำเลยจำหน่ายเมทแอมเฟตามีนตามจำนวนที่ได้ตกลงซื้อขายกันไปแล้วและยังคงมีเหลืออยู่ในครอบครองของจำเลยอีกจำนวนหนึ่งเพื่อจำหน่ายในคราวต่อไปไม่ การกระทำของจำเลยจึงเป็นความผิดกรรมเดียว หาใช่ความผิดหลายกรรมต่างกันไม่

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 8021/2544

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การรับฟังพยานหลักฐานประกอบคำรับสารภาพในคดียาเสพติดอัตราโทษสูง ศาลต้องพิสูจน์การกระทำผิดจริง
การสืบพยานประกอบคำรับสารภาพในคดีที่มีอัตราโทษจำคุกอย่างต่ำตั้งแต่ห้าปีขึ้นไปหรือโทษสถานหนักกว่านั้นตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 176 วรรคหนึ่งศาลจะต้องฟังพยานหลักฐานโจทก์จนกว่าจะพอใจว่าจำเลยได้กระทำความผิดจริง ทั้งนี้ เพื่อเป็นหลักประกันและคุ้มครองเสรีภาพของจำเลยในคดีอาญาที่มีอัตราโทษสูงมิให้ต้องรับโทษหนักเกินกว่าความผิดที่กระทำ แม้ว่าบทบัญญัติดังกล่าวจะมิได้บัญญัติว่าพยานหลักฐานนั้นหมายถึงพยานหลักฐานในเรื่องใดบ้าง แต่ก็เป็นที่เห็นได้อยู่ในตัวว่าต้องเป็นพยานหลักฐานซึ่งน่าจะพิสูจน์ได้ว่าจำเลยมีผิดหรือบริสุทธิ์ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญามาตรา 226 นั้นเอง เพียงแต่โจทก์ไม่จำต้องนำสืบให้ได้ความชัดแจ้งปราศจากข้อสงสัยว่าจำเลยเป็นผู้กระทำผิดดังเช่นในคดีที่จำเลยให้การปฏิเสธ เพราะเป็นการนำสืบเพื่อประกอบคำรับสารภาพของจำเลยให้เห็นเป็นเค้ามูลว่าจำเลยได้กระทำผิดจริงตามที่ให้การรับสารภาพ ก็เป็นการเพียงพอแล้วที่จะลงโทษจำเลยตามคำรับสารภาพนั้น แต่พยานหลักฐานเหล่านั้นต้องมิใช่พยานหลักฐานอันเป็นส่วนหนึ่งของคำรับสารภาพนั้นเองและต้องไม่ใช่ถ้อยคำของเจ้าพนักงานผู้ได้มาซึ่งคำรับนั้น มิฉะนั้นย่อมเท่ากับเป็นการพิพากษาลงโทษจำเลยโดยอาศัยแต่คำรับสารภาพของจำเลยโดยลำพังซึ่งไม่ต้องด้วยเจตนารมณ์ของกฎหมาย
โจทก์มีแต่คำเบิกความของพนักงานสอบสวนเป็นพยานประกอบคำให้การรับสารภาพในชั้นสอบสวนของจำเลยว่า จำเลยเคยให้การต่อพนักงานสอบสวนว่าจำเลยเดินทางไปซื้อเมทแอมเฟตามีนและฝิ่นดิบของกลางจากประเทศ พ. แล้วนำเข้ามาในราชอาณาจักร ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของคำให้การรับสารภาพของจำเลยโดยไม่มีพยานหลักฐานอื่นมาสนับสนุน พยานหลักฐานที่โจทก์นำสืบประกอบคำรับสารภาพของจำเลยยังไม่เป็นที่พอใจศาลว่าจำเลยนำเมทแอมเฟตามีนและฝิ่นดิบของกลางจากประเทศ พ. เข้ามาในราชอาณาจักรโดยฝ่าฝืนต่อกฎหมาย

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 8012/2544 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ความผิดฐานขายยาเสพติด: การมีไว้เพื่อขายถือเป็นความผิดฐานขายแล้ว ไม่ใช่พยายามขาย
พ.ร.บ. วัตถุที่ออกฤทธิ์ต่อจิตและประสาท พ.ศ. 2518 มาตรา 4 ได้ให้คำนิยามของคำว่า "ขาย" ให้หมายความรวมถึง จำหน่าย จ่าย แจก แลกเปลี่ยน ส่งมอบ หรือมีไว้เพื่อขาย ดังนี้ เมื่อจำเลยมีเมทแอมเฟตามีนของกลางไว้ใน ครอบครองเพื่อขายและพยายามขายเมทแอมเฟตามีนของกลางในวันเวลาเดียวกันและต่อเนื่องกัน การกระทำของจำเลยจึงเป็นความผิดกรรมเดียวฐานขายเมทแอมเฟตามีนเท่านั้นเพราะการมีไว้เพื่อขายก็เป็นการขายแล้ว มิใช่มีความผิดฐานพยายามขายเมทแอมเฟตามีนของกลางอีก ปัญหานี้เป็นข้อกฎหมายที่เกี่ยวกับความสงบเรียบร้อยแม้ไม่มีคู่ความใดฎีกา ศาลฎีกามีอำนาจยกขึ้นวินิจฉัยเองได้ ตาม ป.วิ.อ. มาตรา 195
วรรคสอง ประกอบด้วยมาตรา 225

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 7990/2544

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ความผิดฐานนำเข้า-จำหน่ายยาเสพติด พยานหลักฐานเพียงพอ ศาลยืนตามคำพิพากษา
ร้อยตำรวจเอก ป. และนายดาบตำรวจ ว. ผู้จับกุมจำเลยเป็นผู้ร่วมวางแผนล่อซื้อยาเสพติดให้โทษตามที่สายลับได้แจ้งว่ามีพ่อค้ายาเสพติดให้โทษสัญชาติลาวจะขายฝิ่นและเมทแอมเฟตามีนให้มาตั้งแต่ต้น และได้มีการปฏิบัติตามแผนที่วางไว้จนสามารถจับกุมจำเลยซึ่งมีสัญชาติลาวได้พร้อมฝิ่นสุกและเมทแอมเฟตามีนของกลางที่ตกลงซื้อขายกัน คำเบิกความของร้อยตำรวจเอก ป. และ นายดาบตำรวจ ว. สอดคล้องต่อเนื่องเชื่อมโยงกันในข้อสาระสำคัญโดยไม่มีข้อพิรุธตั้งแต่จำเลยได้ร่วมเจรจาตกลงซื้อขายยาเสพติดให้โทษกับสายลับและเจ้าหน้าที่ปราบปรามยาเสพติดของประเทศสหรัฐอเมริกา กับเจ้าพนักงานตำรวจที่ปลอมตัวเป็นพ่อค้า และร้อยตำรวจเอก ป. ได้ถ่ายรูปจำเลยไว้ในวันดังกล่าวด้วยซึ่งจำเลยก็ยอมรับว่ามีจำเลยอยู่ในภาพถ่ายดังกล่าวจริง นอกจากนั้นจำเลยยังร่วมตรวจสอบเงินที่ใช้ล่อซื้อ เป็นผู้บอกพวกของจำเลยให้พานายดาบตำรวจ ว. ไปรับยาเสพติดให้โทษโดยจำเลยมิได้ไปด้วย แต่รออยู่ที่ห้องพักในโรงแรมกับเจ้าหน้าที่ปราบปรามยาเสพติดของประเทศสหรัฐอเมริกา เพื่อรับมอบเงิน เมื่อนายดาบตำรวจ ว. รับมอบยาเสพติดให้โทษที่ตกลงซื้อแล้วพวกของจำเลยที่พาไปเอายาเสพติดให้โทษก็ไม่กลับไปกับนายดาบตำรวจ ว. แต่บอกให้นายดาบตำรวจ ว. นำจำเลยมาส่งที่จุดรับยาเสพติดให้โทษเมื่อจำเลยรับเงินค่ายาเสพติดแล้ว พฤติกรรมของจำเลยกับพวกดังกล่าวเห็นได้ว่ามีการวางแผนเป็นอย่างดี โดยแบ่งหน้าที่กันทำเพื่อป้องกันมิให้ถูกจับกุมได้พร้อมยาเสพติดให้โทษที่ตกลงซื้อขายโดยไม่นำยาเสพติดให้โทษติดตัวมาด้วย เพื่อจำเลยจะใช้เป็นข้อต่อสู้เมื่อถูกจับกุมได้ พฤติการณ์ดังกล่าวฟังได้ว่าจำเลยกับพวกเป็นตัวการร่วมกันกระทำความผิดตามฟ้อง

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 7927/2544

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ทรัพย์สินที่ได้มาจากการกระทำผิดเกี่ยวกับยาเสพติด ศาลริบได้หากมีพฤติการณ์น่าสงสัยและเกินฐานะ
ข้อเท็จจริงตามทางนำสืบผู้คัดค้านมีรายได้เพียงพอแก่การยังชีพเท่านั้น ขณะทำงานก็ได้รับค่าจ้างเป็นรายวันวันละ 157 บาทเมื่อลาออกจากงานแล้วก็ไม่ปรากฏหลักฐานว่าบริษัทเลิกกิจการและได้จ่ายเงินค่าชดเชยให้แก่ผู้คัดค้าน หลังออกจากงานแล้วผู้คัดค้านประกอบอาชีพค้าขายไส้กรอกและแหนมย่างมีรายได้พอใช้จ่ายประจำวันโดยมีกำไรวันละประมาณ 500 บาท กับมีรายได้พิเศษจากการไปช่วยขายของให้พี่สาวอีกเล็กน้อยเท่านั้น แต่เมื่อนำไปเปรียบเทียบกับบัญชีเงินฝากของผู้คัดค้านแล้วพบว่ามีการนำเงินสดเข้าฝากถอนในบัญชีรวม11 ครั้ง และในการฝากแต่ละครั้งเป็นจำนวนเงินหลายหมื่นบาท ซึ่งเป็นช่วงเวลาที่ใกล้เคียงกับวันที่ผู้คัดค้านกับ ส. ถูกจับกุมในข้อหาฐานร่วมกันมีเมทแอมเฟตามีนไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่าย กรณีจึงเป็นที่เห็นชัดเจนว่าบัญชีเงินฝากของผู้คัดค้านมีการเคลื่อนไหวในลักษณะที่ผิดปกติและมีจำนวนเงินสูงกว่าฐานะหรือความสามารถในการประกอบอาชีพโดยสุจริตของผู้คัดค้าน เป็นทรัพย์สินที่มีอยู่หรือได้มาเกินกว่าฐานะหรือความสามารถในการประกอบอาชีพหรือกิจกรรมอย่างอื่นโดยสุจริต ดังนั้น จึงเป็นทรัพย์สินที่เกี่ยวเนื่องกับการกระทำความผิดเกี่ยวกับยาเสพติดที่พึงริบเสียได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 79/2544

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การจำหน่ายยาเสพติด การลดโทษ และอำนาจริบทรัพย์สินที่ได้จากการกระทำผิดก่อนหน้า
ศาลชั้นต้นพิพากษาลงโทษจำเลยฐานมีเฮโรอีนไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่ายจำคุก 5 ปี ฐานจำหน่ายเฮโรอีนจำคุก 5 ปี รวม 2 กระทงจำคุก 10 ปี ลดโทษให้หนึ่งในสาม คงจำคุก 6 ปี 8 เดือน ซึ่งเท่ากับศาลชั้นต้นลงโทษจำคุกกระทงละ 3 ปี 4 เดือน ศาลอุทธรณ์พิพากษายืนจึงต้องห้ามมิให้คู่ความฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริงตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 218 วรรคหนึ่ง
เงินที่จำเลยได้มาจากการจำหน่ายเฮโรอีนที่จำเลยได้กระทำผิดครั้งก่อนการกระทำผิดฐานจำหน่ายเฮโรอีนในคดีนี้ มิใช่ทรัพย์สินที่จำเลยได้มาโดยได้กระทำความผิดในคดีนี้ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 33(2)ศาลจึงไม่มีอำนาจสั่งริบเงินดังกล่าว
of 148