คำพิพากษาที่อยู่ใน Tags
ยินยอม

พบผลลัพธ์ทั้งหมด 676 รายการ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3023/2529

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ เช็คพิพาท: การลงวันที่เช็คไม่สมบูรณ์ ผู้สั่งจ่ายยินยอมให้ผู้ทรงเช็คลงวันที่เองได้
เช็คพิพาทผู้สั่งจ่ายออกให้ใช้เงินแก่ผู้ถือโดยผู้สั่งจ่ายได้ลงวันที่ในช่องวันที่ออกเช็คและลงชื่อกำกับไว้ใต้ช่องวันที่ออกเช็คดังนี้แม้ผู้สั่งจ่ายจะมิได้ลงเดือนและปีไว้ในช่องวันที่ออกเช็คก็ต้องถือว่าผู้สั่งจ่ายเจตนาให้ผู้ทรงเช็คลงวันที่ในเช็คเอาเองในภายหลังผู้ทรงเช็คย่อมลงวันที่ในเช็คเป็นวันไหนก็ได้ผู้สั่งจ่ายจะโต้แย้งว่าผู้ทรงเช็คกระทำการโดยไม่สุจริตและเช็คนั้นไม่สมบูรณ์ตามกฎหมายหาได้ไม่ เช็คพิพาทเป็นเช็คออกให้ใช้เงินแก่ผู้ถือซึ่งโอนเปลี่ยนมือกันได้เพียงด้วยการส่งมอบให้กันเมื่อโจทก์มีเช็คไว้ในครอบครองนำเช็คไปเรียกเก็บเงินและธนาคารตามเช็คปฏิเสธการจ่ายเงินโจทก์จึงมีอำนาจฟ้องจำเลยซึ่งเป็นผู้สั่งจ่ายให้รับผิดต่อโจทก์ได้ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาตรา989ประกอบมาตรา967 อายุความที่ผู้ทรงเช็คฟ้องผู้สั่งจ่ายเช็คเรียกเงินตามเช็คห้ามมิให้ฟ้องเมื่อพ้นเวลา1ปีนับแต่วันที่เช็คถึงกำหนดตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาตรา1002.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2628/2529

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การพรากผู้เยาว์เพื่ออนาจาร แม้ได้รับอนุญาตจำกัด ย่อมไม่ถือว่าเป็นการยินยอม
แม้ในตอนแรกนางส.มารดาผู้เสียหายจะยินยอมอนุญาตให้จำเลยพาผู้เสียหายอายุ12ปีออกไปจากบ้านแต่ก็อนุญาตเพื่อให้ผู้เสียหายนำจำเลยไปพบกับสามีนางส.ที่แฮปปี้แลนด์เท่านั้นทั้งยังกำชับไม่ให้ไปนานการที่จำเลยพาผู้เสียหายเข้าไปในโรงแรมปี๊ปอินน์จึงเป็นเรื่องที่จำเลยทำไปเองตามลำพังจะถือว่านางส.รู้เห็นยินยอมไม่ได้โรงแรมปี๊ปอินน์เป็นโรงแรมม่านรูดเป็นที่รู้จักทั่วไปว่าจัดไว้เพื่อบริการชายหญิงไปหลับนอนชั่วคราวเมื่อไปถึงจำเลยลงจากรถเข้าไปในห้องหมายเลข11ทันทีและกวักมือเรียกให้ผู้เสียหายตามเข้าไปในห้องนั้นด้วยแต่ผู้เสียหายไม่ยอมเข้าไปแสดงว่าจำเลยมีเจตนาจะหลับนอนกับผู้เสียหายเพื่อร่วมประเวณีหรือกระทำมิดีมิร้ายอย่างอื่นการกระทำของจำเลยเข้าลักษณะเป็นการพรากผู้เยาว์อายุไม่เกิน13ปีไปเพื่อการอนาจารตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา317.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2162/2529 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การเลิกสัญญาก่อนฟ้องร้อง: ผลของการยินยอมคืนเงินมัดจำ ทำให้คู่สัญญาไม่ต้องรับผิดในสัญญาเดิม
โจทก์ทำสัญญาจะซื้อขายที่ดินพร้อมบ้านจากจำเลย ได้วางเงินมัดจำไว้จำนวนหนึ่ง ต่อมาโจทก์มาขอเงินมัดจำคืน จำเลยตกลงยินยอมคืนให้ ย่อมถือได้ว่าคู่สัญญาตกลงเลิกสัญญาจะซื้อขายกันแล้วฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งจะอ้างว่าอีกฝ่ายหนึ่งผิดสัญญาเพื่อเรียกร้องให้ชดใช้ค่าสินไหมทดแทนอีกไม่ได้ คู่สัญญาต้องกลับคืนสู่ฐานะดังที่เป็นอยู่แต่เดิมโดยอนุโลมตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 391

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2049/2529

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การกระทำอนาจารและการพิจารณาพยานผู้เสียหายเมื่อมีพฤติการณ์รักใคร่กันก่อนเกิดเหตุ
ประจักษ์พยานโจทก์มีผู้เสียหายเพียงผู้เดียวคำเบิกความของผู้เสียหายจึงต้องพิเคราะห์ด้วยความระมัดระวัง ผู้เสียหายกับจำเลยรักใคร่กันฉันหนุ่มสาวก่อนเกิดเหตุได้พากันซ้อนท้ายรถจักรยานยนต์ไปเที่ยวสองต่อสองเกือบทั้งวันระหว่างทางกลับบ้านผู้เสียหายไม่สบายมากจำเลยได้พาผู้เสียหายไปให้แพทย์ตรวจรักษาที่โรงพยาบาลแห่งหนึ่งแล้วกอดจูบทำอนาจารผู้เสียหายในห้องพักคนไข้แม้ผู้เสียหายจะเบิกความว่าขณะจำเลยกอดจูบนางพยาบาลได้ออกจากห้องไปแล้วแต่ภายหลังจากนั้นนางพยาบาลก็เข้ามาในห้องอีกผู้เสียหายมิได้เล่าเรื่องกอดจูบให้นางพยาบาลทราบพฤติการณ์น่าเชื่อว่าผู้เสียหายยินยอมให้จำเลยกระทำจำเลยจึงไม่มีความผิดฐานกระทำอนาจาร.(ที่มา-ส่งเสริมฯ)

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1721/2529 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ หนังสือค้ำประกันเปลี่ยนแปลงเมื่อเปลี่ยนตำแหน่ง: โจทก์ยินยอมให้ผู้ค้ำประกันใหม่มาแทนที่ ทำให้ผู้ค้ำประกันเดิมหลุดพ้นความรับผิด
จำเลยที่ 3 ทำหนังสือรับรองจะชดใช้ความเสียหายในกรณีที่จำเลยที่ 1 ทำให้ทรัพย์สินของโจทก์เสียหายตอนที่จำเลยที่ 1 เข้าทำงานกับโจทก์ในตำแหน่งคนการ ต่อมาโจทก์ให้จำเลยที่ 1 ไปทำงานในตำแหน่งพนักงานเก็บเงินในห้องอาหารและได้ให้จำเลยที่ 4 เป็นผู้ค้ำประกันจำเลยที่ 1 โดยมิได้ระบุว่าเป็นการค้ำประกันเพิ่มเติมจากหนังสือรับรองของจำเลยที่ 3 และไม่ปรากฏในทางปฏิบัติของโจทก์ว่าลูกจ้างโจทก์ต้องมีหนังสือรับรองตอนเข้าทำงานและต้องทำหนังสือค้ำประกันเพิ่มเติมเมื่อเปลี่ยนตำแหน่งแต่อย่างใด ดังนี้ แสดงว่าโจทก์ไม่ประสงค์จะให้จำเลยที่ 3 ต้องผูกพันตามหนังสือรับรองโดยให้จำเลยที่ 4 เข้าเป็นผู้ค้ำประกันจำเลยที่ 1 แทน จำเลยที่ 3 จึงไม่ต้องรับผิดต่อโจทก์ ในกรณีจำเลยที่ 1 ยักยอกเงินจากห้องอาหารโจทก์
ฎีกาในปัญหาที่มิได้ยกขึ้นว่ากันมาในศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์ ศาลฎีกาไม่อาจวินิจฉัยให้ได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1077/2529 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ คำให้การรับสารภาพที่เข้าใจผิด ไม่อาจนำมารับลงโทษได้ หากพฤติการณ์ของผู้เสียหายบ่งชี้ยินยอม
คำให้การรับสารภาพที่เกิดขึ้นโดยเข้าใจผิดไม่อาจนำมารับฟังลงโทษจำเลยได้.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 64/2528

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การยินยอมตกลงรับผิดชดใช้ค่าเสียหายจากสัญญาประนีประนอมยอมความ แม้ลงชื่อในฐานะพยาน
สัญญาประนีประนอมยอมความมีข้อความว่าลูกจ้างของจำเลยยินยอมชดใช้ค่าเสียหายโดยการซ่อมแซมรถให้ผู้เสียหาย ผู้เสียหายไม่ติดใจดำเนินคดีแก่ลูกจ้างของจำเลย โดยมีจำเลยซึ่งเป็นเจ้าของรถและเป็นนายจ้างตกลงยินยอมและลงลายมือชื่อเป็นพยานในสัญญา ย่อมถือได้ว่าจำเลยยินยอมตกลงรับผิดชดใช้ค่าเสียหายแก่ผู้เสียหายตามข้อความในสัญญาประนีประนอมยอมความนั้นด้วย

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 4787/2528

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การบังคับตามคำพิพากษาถึงบริวาร และการอ้างสิทธิพิเศษจากความเป็นหุ้นส่วนที่ไม่ได้รับการยินยอม
ผู้ร้องเป็นบุตรของจำเลยและอยู่ในที่พิพาทและสิ่งปลูกสร้างซึ่งศาลได้มีคำพิพากษาแล้วว่าที่ดินพิพาทและสิ่งปลูกสร้างดังกล่าว เป็นกรรมสิทธิ์ของโจทก์ ให้ขับไล่จำเลยและบริวารกรณีจึงถือได้ว่า ผู้ร้องเป็นบริวารของจำเลยแม้ผู้ร้องจะเป็นบุตรมิชอบด้วยกฎหมาย ของจำเลยก็หาทำให้ผู้ร้องมิได้เป็นบริวารของจำเลยแต่อย่างใด ส่วนข้อที่ผู้ร้องแสดงอำนาจพิเศษว่าที่ดินพิพาทเป็นทรัพย์สินที่นำมาลงทุนในห้างหุ้นส่วนจำกัด พ. ซึ่งมีผู้ร้องเป็นหุ้นส่วนผู้จัดการก็ไม่ปรากฏว่าโจทก์ตกลงยินยอมให้ทรัพย์พิพาทเป็นของห้างหุ้นส่วนนั้น ผู้ร้องจึงไม่มีข้ออ้างตามกฎหมายประการใดที่จะอ้างความเป็นหุ้นส่วนนั้น ขึ้นยันโจทก์ได้ และที่ผู้ร้องอ้างว่ายังมีคดีอีก 2 คดีที่พิพาทกันเกี่ยวแก่ทรัพย์สินคดีนี้และคดียังไม่ถึงที่สุดนั้น แม้ผู้ร้องจะเข้าเป็นคู่ความแทนที่ ผู้ร้องสอดซึ่งมรณะ แต่ผู้ร้องก็หามีสิทธิอย่างอื่นนอกเหนือไปกว่า สิทธิของผู้ร้องสอดก่อนมรณะไม่ซึ่งคดี 2 คดีนั้นก็ปรากฏว่าผู้ร้อง มิได้เป็นคู่ความโดยตรง และประเด็นข้อพิพาทต่างกับประเด็น ที่จะวินิจฉัยในชั้นนี้ ดังนั้นด้วยเหตุผลดังกล่าว ถือได้ว่าผู้ร้อง เป็นบริวารของจำเลยที่ไม่สามารถแสดงอำนาจพิเศษให้ศาลเห็นได้ฉะนั้น คำพิพากษาคดีนี้จึงบังคับถึงผู้ร้องด้วยตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 142(1)

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 4193/2528 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การยินยอมให้หักเงินจากบัญชีเงินฝากประจำเพื่อชำระหนี้ แม้ต่อมาจะแจ้งยกเลิกอำนาจถอนเงิน ไม่ถือเป็นการละเมิด
โจทก์บรรยายฟ้องว่า ระหว่างวันที่ 1 ตุลาคม 2523 ถึงวันที่ 3 ตุลาคม 2523 จำเลยทั้งสามรู้อยู่แล้วว่าจำเลยที่ 2 และที่ 3 พ้นจากตำแหน่งกรรมการผู้มีอำนาจกระทำการแทนโจทก์แล้ว ได้ร่วมกันลงลายมือชื่อและประทับตราสำคัญของโจทก์ในใบถอนเงินฝากประจำทำการถอนเงินจากบัญชีเงินฝากประจำของโจทก์ แล้วโอนไปเข้าบัญชีเงินฝากกระแสรายวันของจำเลยที่ 3 อันเป็นการทำเอกสารปลอมขึ้นทั้งฉบับและเป็นการยักยอกทรัพย์สินของโจทก์ เป็นเหตุให้โจทก์เสียหายต้องสูญเสียเงินฝากประจำขาดดอกเบี้ยที่จะได้รับ และต้องเสียชื่อเสียงในการดำเนินกิจการ ขอให้จำเลยทั้งสามร่วมกันชำระเงินแก่โจทก์คำฟ้องดังกล่าวได้แสดงโดยแจ้งชัด ซึ่งสภาพแห่งข้อหาและคำขอบังคับทั้งข้ออ้างที่อาศัยเป็นหลักแห่งข้อหาเช่นว่านั้นแล้ว จึงไม่เคลือบคลุมกรรมการและกรรมการผู้มีอำนาจกระทำการแทนโจทก์รู้เห็นยินยอมให้จำเลยที่ 2 และที่ 3 ทำใบถอนเงินฝากประจำของโจทก์โดยมิได้ลงวันถอนมอบให้จำเลยที่1 ยึดถือไว้เป็นประกันการชำระหนี้อันเกิดจากการขายลดตั๋วเงินของจำเลยที่ 3 เมื่อจำเลยที่งวันเดือนปีในใบถอนเงินแล้วใช้หักเงินจากบัญชีเงินฝากประจำของโจทก์โอนไปเข้าบัญชีเงินฝากกระแสรายวันของจำเลยที่ 3 เพื่อชำระหนี้ แม้จะกระทำภายหลังที่โจทก์ได้มีหนังสือถึงจำเลยที่ 1 ขอยกเลิกลายเซ็นของจำเลยที่ 2 และที่ 3 แล้วก็ตามถือได้ว่าโจทก์ยินยอมหรือสมัครใจให้ทำเช่นนั้น จึงไม่เป็นการทำละเมิด
โจทก์ไม่มีวัตถุประสงค์เพื่อค้ำประกันหนี้ผู้อื่น การที่จำเลยที่ 2 และที่ 3 ซึ่งเป็นกรรมการผู้มีอำนาจกระทำการแทนโจทก์ ทำใบถอนเงินฝากประจำของโจทก์มอบให้จำเลยที่ 1 ยึดถือไว้เป็นประกันหนี้ของจำเลยที่ 3 เป็นการกระทำนอกขอบวัตถุประสงค์ของโจทก์ จึงไม่ผูกพันโจทก์ จำเลยที่ 1 ไม่มีสิทธิหักเงินจากบัญชีเงินฝากประจำของโจทก์ได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 4193/2528

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ธนาคารไม่ต้องรับผิดชอบการหักเงินจากบัญชีฝากประจำ หากผู้ฝากยินยอมให้ใช้เป็นประกันหนี้
โจทก์บรรยายฟ้องว่า ระหว่างวันที่ 1 ตุลาคม 2523ถึงวันที่ 3 ตุลาคม 2523 จำเลยทั้งสามรู้อยู่แล้วว่าจำเลยที่ 2 และที่ 3 พ้นจากตำแหน่งกรรมการผู้มีอำนาจกระทำการแทนโจทก์แล้ว ได้ร่วมกันลงลายมือชื่อและประทับตราสำคัญของโจทก์ในใบถอนเงินฝากประจำทำการถอนเงินจากบัญชีเงินฝากประจำของโจทก์ แล้วโอนไปเข้าบัญชีเงินฝากกระแสรายวันของจำเลยที่ 3 อันเป็นการทำเอกสารปลอมขึ้นทั้งฉบับและเป็นการยักยอกทรัพย์สินของโจทก์ เป็นเหตุให้โจทก์เสียหายต้องสูญเสียเงินฝากประจำขาดดอกเบี้ยที่จะได้รับ และต้องเสียชื่อเสียงในการดำเนินกิจการ ขอให้จำเลยทั้งสามร่วมกันชำระเงินแก่โจทก์ คำฟ้องดังกล่าวได้แสดงโดยแจ้งชัดซึ่งสภาพแห่งข้อหาและคำขอบังคับทั้งข้ออ้างที่อาศัยเป็นหลักแห่งข้อหาเช่นว่านั้นแล้วจึงไม่เคลือบคลุมกรรมการและกรรมการผู้มีอำนาจกระทำการแทนโจทก์รู้เห็นยินยอมให้จำเลยที่ 2 และที่ 3 ทำใบถอนเงินฝากประจำของโจทก์โดยมิได้ลงวันถอนมอบให้จำเลยที่1ยึดถือไว้เป็นประกันการชำระหนี้อันเกิดจากการขายลดตั๋วเงินของจำเลยที่3เมื่อจำเลยที่งวันเดือนปีในใบถอนเงินแล้วใช้หักเงินจากบัญชีเงินฝากประจำของโจทก์โอนไปเข้าบัญชีเงินฝากกระแสรายวันของจำเลยที่ 3 เพื่อชำระหนี้ แม้จะกระทำภายหลังที่โจทก์ได้มีหนังสือถึงจำเลยที่ 1 ขอยกเลิกลายเซ็นของจำเลยที่ 2 และที่ 3 แล้วก็ตามถือได้ว่าโจทก์ยินยอมหรือสมัครใจให้ทำเช่นนั้น จึงไม่เป็นการทำละเมิด โจทก์ไม่มีวัตถุประสงค์เพื่อค้ำประกันหนี้ผู้อื่น การที่จำเลยที่ 2 และที่ 3 ซึ่งเป็นกรรมการผู้มีอำนาจกระทำการแทนโจทก์ ทำใบถอนเงินฝากประจำของโจทก์มอบให้จำเลยที่ 1ยึดถือไว้เป็นประกันหนี้ของจำเลยที่ 3 เป็นการกระทำนอกขอบวัตถุประสงค์ของโจทก์ จึงไม่ผูกพันโจทก์ จำเลยที่ 1ไม่มีสิทธิหักเงินจากบัญชีเงินฝากประจำของโจทก์ได้
of 68