คำพิพากษาที่อยู่ใน Tags
ยึดทรัพย์

พบผลลัพธ์ทั้งหมด 784 รายการ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 974/2529

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ สิทธิบุริมสิทธิค่าเช่าที่ดิน - การยึดทรัพย์ชั่วคราว - การเปลี่ยนแปลงประเด็นในฎีกา
คำร้องของผู้ร้องอ้างแต่เพียงว่าผู้ร้องมีบุริมสิทธิในค่าเช่านาเป็นข้าวเปลือก7เกวียน45ถังเหนือข้าวเปลือกที่โจทก์นำยึดประเด็นแห่งคดีที่ผู้ร้องตั้งมาจึงมีเพียงประเด็นเดียวว่าผู้ร้องมีบุริมสิทธิเหนือข้าวเปลือกจำนวน7เกวียน45ถังหรือไม่เท่านั้นที่ผู้ร้องฎีกาว่าผู้ร้องในฐานะผู้ให้เช่ายังไม่ได้รับชำระข้าวเปลือกเป็นค่าเช่านาไปจากจำเลยจึงเป็นข้อที่ไม่ได้ยกขึ้นว่ากันมาแล้วในศาลชั้นต้นแม้ศาลอุทธรณ์จะได้วินิจฉัยในปัญหาข้อนี้ก็ไม่ชอบด้วยกระบวนพิจารณาถือว่าไม่ได้ว่ากล่าวกันมาแต่ในศาลอุทธรณ์ศาลฎีกาไม่รับวินิจฉัยตามป.วิ.พ.มาตรา249. คำให้การของโจทก์ที่คัดค้านคำร้องของผู้ร้องว่าโจทก์ทราบว่าผู้ร้องได้ตวงข้าวเปลือกทำเป็นค่าเช่านาไปแล้วไม่เป็นการยืนยันข้อเท็จจริงจึงเคลือบคลุม โจทก์เพียงแต่นำยึดข้าวเปลือกของจำเลยไว้ชั่วคราวก่อนคำพิพากษายังไม่ได้ดำเนินการบังคับชำระหนี้เอากับทรัพย์ดังกล่าวแต่อย่างใดดังนั้นหากผู้ร้องมีบุริมสิทธิเหนือข้าวเปลือกที่ยึดไว้อย่างไรก็คงมีอยู่อย่างนั้นการนำยึดข้าวเปลือกไว้ชั่วคราวก่อนคำพิพากษาของโจทก์ไม่มีผลทำให้บุริมสิทธิของผู้ร้องเปลี่ยนแปลงไปเมื่อคดีถึงที่สุดหากมีการดำเนินการบังคับคดีกับทรัพย์นั้นผู้ร้องย่อมมีสิทธิร้องขอให้บังคับเหนือทรัพย์ดังกล่าวได้ตามป.วิ.พ.มาตรา287ผู้ร้องจึงยังไม่มีสิทธิขอคืนข้าวเปลือกที่โจทก์นำยึดไว้.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 610/2529 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ สัญญาประกัน-การผิดสัญญา: ศาลยืนตามสัญญาปรับเมื่อไม่สามารถส่งตัวจำเลยได้ แม้จะมีเหตุเดือดร้อน
นายประกันเมื่อเข้าทำสัญญาประกันย่อมทราบแล้วว่าหากผิดสัญญาจะต้องถูกปรับและถ้าไม่ชำระค่าปรับจะถูกยึดทรัพย์ข้ออ้างของนายประกันที่ขอลดค่าปรับว่าหากนำหลักทรัพย์ของผู้ประกันออกขายทอดตลาดแล้วผู้ประกันไม่มีทรัพย์สินทำกินและบุตรภริยาผู้ประกันจะต้องได้รับความเดือดร้อนไม่ใช่ข้ออ้างอันเป็นเหตุให้ศาลสั่งลดค่าปรับ.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 4531/2529 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การบังคับคดีเกินจำนวนหนี้ เจ้าหนี้ต้องรับผิดค่าธรรมเนียมถอนการยึด
โจทก์เป็นเจ้าหนี้จำเลยที่ 1 ตามคำพิพากษา เมื่อจำเลยที่ 1 ยังไม่ชำระหนี้ตามคำพิพากษาให้แก่โจทก์ โจทก์ย่อมมีสิทธิขอให้ศาลบังคับคดียึดทรัพย์ของจำเลยที่ 1 มาขายทอดตลาดชำระหนี้ตามคำพิพากษาได้เสมอ
จำเลยที่ 1 เป็นลูกหนี้ตามคำพิพากษาอ้างว่าทรัพย์สินของจำเลย ที่ 1 ที่ถูกเจ้าพนักงานบังคับคดียึดไว้มีราคาเกินกว่าที่พอจะชำระหนี้ให้แก่โจทก์ผู้เป็นเจ้าหนี้ตามคำพิพากษากว่าสิบเท่าเศษ โจทก์นำยึดทรัพย์สิน ของจำเลยที่ 1 มากเกินความจำเป็นจำเลยที่ 1 จึงย่อมมีอำนาจ ร้องขอให้ยึดทรัพย์สินของจำเลยที่ 1 แต่พอสมควรได้ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 284 วรรคแรก
โจทก์นำยึดทรัพย์สินเกินกว่าที่จำเป็นแก่การบังคับคดี ซึ่งมิใช่กรณีที่เจ้าพนักงานบังคับคดีได้กระทำการฝ่าฝืนบทบัญญัติเรื่องการบังคับคดีตามคำพิพากษาหรือคำสั่ง โจทก์จึงต้องรับผิดต่อจำเลยที่ 1 ผู้เป็นลูกหนี้ ตามคำพิพากษาตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา 284 วรรคสอง ชดใช้ค่าธรรมเนียมเจ้าพนักงานบังคับคดีที่ยึดทรัพย์สินแล้วไม่มีการขาย หรือจำหน่ายในอัตราร้อยละ 3 ครึ่งของราคาทรัพย์สินที่เจ้าพนักงานบังคับคดีประเมินไว้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 4531/2529 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การบังคับคดี: ยึดทรัพย์เกินจำเป็น เจ้าหนี้ต้องรับผิดค่าธรรมเนียม
โจทก์เป็นเจ้าหนี้จำเลยที่ 1 ตามคำพิพากษา เมื่อจำเลยที่ 1 ยังไม่ชำระหนี้ตามคำพิพากษาให้แก่โจทก์ โจทก์ย่อมมีสิทธิขอให้ศาลบังคับคดียึดทรัพย์ของจำเลยที่ 1 มาขายทอดตลาดชำระหนี้ตามคำพิพากษาได้เสมอ
จำเลยที่ 1 เป็นลูกหนี้ตามคำพิพากษาอ้างว่าทรัพย์สินของจำเลยที่1ที่ถูกเจ้าพนักงานบังคับคดียึดไว้มีราคาเกินกว่าที่พอจะชำระหนี้ ให้แก่โจทก์ผู้เป็นเจ้าหนี้ตามคำพิพากษากว่าสิบเท่าเศษ โจทก์นำยึดทรัพย์สิน ของจำเลยที่ 1 มากเกินความจำเป็นจำเลยที่ 1 จึงย่อมมีอำนาจ ร้องขอให้ ยึดทรัพย์สินของจำเลยที่ 1 แต่พอสมควรได้ตาม ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 284วรรคแรก
โจทก์นำยึดทรัพย์สินเกินกว่าที่จำเป็นแก่การบังคับคดี ซึ่งมิใช่กรณี ที่ เจ้าพนักงานบังคับคดีได้กระทำการฝ่าฝืนบทบัญญัติเรื่องการบังคับคดี ตามคำพิพากษาหรือคำสั่ง โจทก์จึงต้องรับผิดต่อจำเลยที่ 1 ผู้เป็นลูกหนี้ ตามคำพิพากษาตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา 284 วรรคสอง ชดใช้ค่าธรรมเนียมเจ้าพนักงานบังคับคดีที่ยึดทรัพย์สินแล้วไม่มีการขาย หรือจำหน่ายในอัตราร้อยละ 3 ครึ่งของราคาทรัพย์สินที่เจ้าพนักงานบังคับคดีประเมินไว้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3453/2529 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การแปลงหนี้ด้วยการเปลี่ยนตัวลูกหนี้และสิทธิในการรับส่วนแบ่งมรดกจากทรัพย์สินที่ถูกยึด
ข้อเท็จจริงฟังได้ว่าเดิมบิดาจำเลยเป็นหนี้โจทก์โดยเอาบ้านพิพาทค้ำประกันไว้เมื่อบิดาจำเลยตาย จำเลยได้ชำระหนี้บางส่วนแทนผู้ตายแก่โจทก์ ส่วนที่เหลือทำสัญญาไว้ จำเลยไม่ชำระหนี้และศาลพิพากษาให้จำเลยชำระหนี้ให้แก่โจทก์โดยยึดบ้านที่ค้ำประกันเพื่อขายทอดตลาดการที่จำเลยเข้าทำสัญญากู้กับโจทก์ยอมรับใช้หนี้ของบิดานั้นเป็นการแปลงหนี้ใหม่ด้วยการเปลี่ยนตัวลูกหนี้โดยจำเลยเข้ารับภาระเป็นลูกหนี้แทนบิดา ทำให้หนี้เดิมระงับและบิดาจำเลยลูกหนี้คนเก่าหลุดพ้นจากหนี้ไป การแปลงหนี้ดังกล่าวโจทก์จำเลยจะทำสัญญากันโดยลำพังไม่ต้องให้บิดาจำเลยลูกหนี้คนเก่าเข้ามาเกี่ยวข้องทำสัญญาด้วยก็ได้ เพราะการแปลงหนี้ใหม่ด้วยการเปลี่ยนตัวลูกหนี้นั้นประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 350ห้ามแต่เพียงว่าจะทำโดยขืนใจลูกหนี้เดิมไม่ได้เท่านั้นเมื่อบิดาจำเลยลูกหนี้คนเดิมตายไปแล้วกรณีที่จะถือว่าเป็นการขืนใจลูกหนี้เดิมก็ไม่มีหนี้ตามคำพิพากษาจึงเป็นหนี้ของจำเลยแต่ผู้เดียว ผู้ร้องทั้งหกและจำเลยในฐานะทายาทโดยธรรมของผู้ตายย่อมมีสิทธิรับมรดกบ้านที่ถูกยึดคนละส่วน ผู้ร้องทั้งหมดจึงมีสิทธิขอกันส่วนเงินขายบ้านที่ถูกยึดคนละส่วน รวม 6 ส่วน

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3135/2529 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ เจ้าของร่วมที่ดิน: สิทธิการขายเฉพาะส่วน, การครอบครองทำกิน, และผลของการยึดทรัพย์
ที่ดินพิพาทเป็นของโจทก์จำเลยร่วมกัน จำเลยไม่มีสิทธินำที่ดินพิพาทส่วนของโจทก์ไปขายโดยโจทก์ไม่ยินยอม จำเลยคงมีสิทธิขายได้เฉพาะส่วนของตนเท่านั้นการที่จำเลยทำสัญญาขายที่ดินพิพาทให้แก่ผู้ร้องจึงมีผลผูกพันเฉพาะส่วนของจำเลย ส่วนของโจทก์ยังคงมีอยู่ตามเดิม
ผู้ร้องเข้าครอบครองทำกินในที่ดินพิพาทก่อนจำเลยทำสัญญาขายที่ดินพิพาทให้ผู้ร้องนั้น เป็นการเข้าครอบครองทำกินต่างดอกเบี้ย ถือว่าเป็นการครอบครองแทนโจทก์จำเลย ส่วนหลังจากจำเลยทำสัญญาขายที่ดินพิพาทให้ผู้ร้องถือได้ว่า ผู้ร้องเข้าครอบครองที่ดินพิพาทตามสัญญาซื้อขายซึ่งผู้ร้องได้สิทธิเฉพาะส่วนของจำเลยเท่านั้นที่ผู้ร้องครอบครองที่ดินพิพาททั้งแปลงย่อมถือได้ว่าเป็นการครอบครองแทนโจทก์ซึ่งเป็นเจ้าของร่วม มิใช่เป็นการแย่งการครอบครองโดยมิชอบด้วยกฎหมายจะนำประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1375 มาใช้บังคับไม่ได้
ผู้ร้องขอออกหนังสือรับรองการทำประโยชน์ในที่ดินพิพาทก็ดี เสียภาษีบำรุงท้องที่ในที่ดินพิพาทก็ดี ไม่ปรากฏว่าโจทก์ซึ่งเป็นเจ้าของร่วมได้รู้เห็นในการกระทำดังกล่าวด้วย ยังถือไม่ได้ว่าเป็นการบอกกล่าวแสดงเจตนาเปลี่ยนลักษณะแห่งการครอบครองต่อโจทก์ ผู้ร้องจึงไม่ได้สิทธิครอบครองในที่ดินพิพาทส่วนของโจทก์
ข้อเท็จจริงปรากฏว่าที่ดินพิพาทตกเป็นของผู้ร้องตั้งแต่ก่อนที่โจทก์จะฟ้องขอแบ่งจากจำเลย คำพิพากษาที่ให้จำเลยแบ่งที่ดินที่พิพาทให้โจทก์ จึงไม่มีผลบังคับเอากับผู้ร้อง โจทก์จึงจะยึดที่ดินพิพาทซึ่งเจ้าของรวมคือโจทก์กับผู้ร้องมาขายทอดตลาดไม่ได้ เพราะโจทก์มิได้ฟ้องขอแบ่งจากผู้ร้อง

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2690/2529 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การยึดทรัพย์โดยสุจริตและการปฏิบัติตามคำสั่งศาลถึงที่สุด แม้การยึดทรัพย์เริ่มแรกจะชอบด้วยกฎหมาย แต่เมื่อศาลมีคำสั่งให้คืนทรัพย์ จำเลยต้องปฏิบัติตาม
การที่จำเลยนำเจ้าพนักงานบังคับคดียึดรถยนต์พิพาทเพื่อขายทอดตลาดเอาเงินชำระหนี้ตามคำพิพากษาเป็นการใช้สิทธิทางศาล จะเป็นการกระทำละเมิดต่อเมื่อกระทำโดยไม่สุจริต มีเจตนากลั่นแกล้งให้โจทก์ได้รับความเสียหาย ปรากฏว่าจำเลยมีสิทธิยึดหน่วงรถยนต์พิพาท จำเลยนำเจ้าพนักงานบังคับคดียึดทรัพย์พิพาทโดยสุจริตมิได้มีเจตนากลั่นแกล้งให้โจทก์ได้รับความเสียหาย จำเลยจึงหาได้กระทำละเมิดต่อโจทก์ตั้งแต่วันที่นำยึดทรัพย์ไม่ แต่เมื่อศาลชั้นต้นมีคำสั่งให้ถอนการยึดรถยนต์คันพิพาท คดีถึงที่สุดไปแล้ว จำเลยต้องปฏิบัติตามคำสั่งอันถึงที่สุดแล้วนั้น โดยต้องคืนรถยนต์พิพาทให้โจทก์ผู้เป็นเจ้าของไม่มีสิทธิยึดหน่วงรถยนต์คันพิพาทไว้อีกต่อไป ดังนี้คำพิพากษาอันถึงที่สุดแล้วย่อมผูกพันจำเลยซึ่งเป็นคู่ความ จำเลยจะฎีกาโต้เถียงในคดีนี้ว่าตนยังมีสิทธิ์ยึดหน่วงอีกย่อมฟังไม่ขึ้น ทั้งการที่โจทก์ขอรับรถยนต์พิพาทคืนจากจำเลย ภายหลังศาลชั้นต้นมีคำสั่งให้ถอนการยึดแล้ว แต่จำเลยไม่คืนให้ มิใช่เป็นการใช้สิทธิทางศาลอีกต่อไป

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2690/2529 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การยึดทรัพย์โดยสุจริตและเจตนา การกระทำละเมิด ความเสียหายจากการไม่ได้ใช้ทรัพย์
การนำเจ้าพนักงานบังคับคดียึดทรัพย์เพื่อขายทอดตลาดเอาเงินชำระหนี้ตามคำพิพากษาถือเป็นการใช้สิทธิทางศาลจะเป็นการกระทำละเมิดต่อเจ้าของทรัพย์ที่ยึดเมื่อเป็นการกระทำโดยไม่สุจริตมีเจตนากลั่นแกล้งให้เจ้าของได้รับความเสียหาย อ. เช่าซื้อรถยนต์พิพาทไปจากโจทก์แล้วผิดสัญญาเช่าซื้อโจทก์จึงฟ้องอ. ให้คืนรถยนต์และใช้ค่าเสียหายปรากฏว่าระหว่างครอบครองและใช้รถยนต์อ. ได้นำรถไปจ้างจำเลยซ่อมแล้วไม่ชำระค่าซ่อมจำเลยจึงยึดหน่วงรถยนต์ดังกล่าวไว้และฟ้องเรียกค่าซ่อมรถและค่าดูแลรักษาจากอ. ศาลชั้นต้นพิพากษาให้อ. ชำระค่าซ่อมรถยนต์และค่าสินค้าแก่จำเลยกับให้ส่งมอบรถยนต์ให้โจทก์พร้อมกับชำระค่าเสียหายเมื่ออ. ไม่ชำระค่าซ่อมรถยนต์ให้จำเลยๆได้นำเจ้าพนักงานบังคับคดียึดรถยนต์เพื่อขายทอดตลาดเมื่อวันที่8มีนาคม2521ต่อมาวันที่6กรกฎาคม2521โจทก์ได้ร้องขอให้ปล่อยรถยนต์ที่ยึดไว้ศาลชั้นต้นมีคำสั่งให้ถอนการยึดเมื่อวันที่2พฤษภาคม2522คดีดังกล่าวถึงที่สุดโจทก์ไปขอรับรถยนต์คืนจากจำเลยเมื่อวันที่18ตุลาคม2522แต่จำเลยไม่ยอมคืนให้จนโจทก์ต้องร้องขอต่อศาลชั้นต้นและศาลชั้นต้นมีคำสั่งให้จำเลยมอบรถยนต์ให้โจทก์จำเลยจึงคืนรถยนต์ให้โจทก์เมื่อวันที่25ธันวาคม2522พฤติการณ์ดังกล่าวแสดงว่าจำเลยนำเจ้าพนักงานบังคับคดียึดทรัพย์โดยสุจริตมิได้มีเจตนากลั่นแกล้งให้โจทก์ได้รับความเสียหายจำเลยจึงไม่ได้กระทำละเมิดต่อโจทก์ตั้งแต่นำยึดทรัพย์ในวันที่8มีนาคม2521แต่หลังจากศาลมีคำสั่งให้ถอนการยึดรถยนต์คันพิพาทและโจทก์ขอรับรถยนต์คืนจากจำเลยแล้วการที่จำเลยไม่ยอมคืนให้ถือว่าไม่ใช่เป็นการใช้สิทธิทางศาลต่อไปจำเลยได้ชื่อว่ากระทำละเมิดต่อโจทก์ตั้งแต่วันที่โจทก์ขอรับรถยนต์คืนจากจำเลย.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2690/2529

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การยึดทรัพย์บังคับคดีโดยสุจริตและการคืนทรัพย์ตามคำสั่งศาล
การที่จำเลยนำเจ้าพนักงานบังคับคดียึดรถยนต์พิพาทเพื่อขายทอดตลาดเอาเงินชำระหนี้ตามคำพิพากษาเป็นการใช้สิทธิทางศาลจะเป็นการกระทำละเมิดต่อเมื่อกระทำโดยไม่สุจริตมีเจตนากลั่นแกล้งให้โจทก์ได้รับความเสียหายปรากฏว่าจำเลยมีสิทธิยึดหน่วงรถยนต์พิพาทจำเลยนำเจ้าพนักงานบังคับคดียึดทรัพย์พิพาทโดยสุจริตมิได้มีเจตนากลั่นแกล้งให้โจทก์ได้รับความเสียหายจำเลยจึงหาได้กระทำละเมิดต่อโจทก์ตั้งแต่วันที่นำยึดทรัพย์ไม่แต่เมื่อศาลชั้นต้นมีคำสั่งให้ถอนการยึดรถยนต์คันพิพาทคดีถึงที่สุดไปแล้วจำเลยต้องปฏิบัติตามคำสั่งอันถึงที่สุดแล้วนั้นโดยต้องคืนรถยนต์พิพาทให้โจทก์ผู้เป็นเจ้าของไม่มีสิทธิยึดหน่วงรถยนต์คันพิพาทไว้อีกต่อไปดังนี้คำพิพากษาอันถึงที่สุดแล้วย่อมผูกพันจำเลยซึ่งเป็นคู่ความจำเลยจะฎีกาโต้เถียงในคดีนี้ว่าตนยังมีสิทธิ์ยึดหน่วงอีกย่อมฟังไม่ขึ้นทั้งการที่โจทก์ขอรับรถยนต์พิพาทคืนจากจำเลยภายหลังศาลชั้นต้นมีคำสั่งให้ถอนการยึดแล้วแต่จำเลยไม่คืนให้มิใช่เป็นการใช้สิทธิทางศาลอีกต่อไป.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1040/2529 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การบังคับตามคำสั่งศาลเกี่ยวกับการประมูลทำนาและการยึดทรัพย์เพื่อชำระหนี้ค่าประมูล
โจทก์จำเลยพิพาทโต้เถียงกรรมสิทธิ์ที่นา ในระหว่างคดีโจทก์ประมูลการทำนาพิพาทได้ โดยจะวางเงินจำนวนหนึ่งต่อศาลเป็นรายปีโจทก์วางเงินสำหรับการทำนาปี 2524 แล้ว ต่อมาปี 2525 โจทก์ยื่นคำแถลงขอยกเลิกการประมูล จำเลยแถลงคัดค้าน ศาลชั้นต้นสั่งว่าฝ่ายจำเลยไม่ยินยอมจะกระทำไม่ได้ ให้โจทก์นำเงินมาวางศาลภายในกำหนด โจทก์ไม่ได้อุทธรณ์คำสั่งของศาลชั้นต้นจึงถึงที่สุด โจทก์ต้องปฏิบัติตาม เมื่อโจทก์ไม่นำเงินมาวางศาลภายในกำหนด จำเลยชอบที่จะขอให้บังคับตามคำสั่งนั้นได้ ประกอบกับคดีได้ความว่าโจทก์ได้เข้าไถคราดทำนาหว่านข้าวในที่พิพาทแล้วด้วยโดยมิได้วางเงินค่าประมูลทำนา ศาลชั้นต้นจึงมีอำนาจออกหมายตั้งเจ้าพนักงานบังคับคดียึดทรัพย์ของโจทก์มาขายทอดตลาดเพื่อนำเงินตามจำนวนที่ตกลงประมูลกันมาวางศาลได้
of 79