คำพิพากษาที่อยู่ใน Tags
ลดโทษ

พบผลลัพธ์ทั้งหมด 919 รายการ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1423/2535 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ อำนาจศาลคดีเด็กและเยาวชนในคดีปล้นทรัพย์ของจำเลยอายุเกิน 16 ปี และการลดโทษในคดีอาญา
พระราชบัญญัติ ญญัติจัดตั้งศาลคดีเด็กและเยาวชน พ.ศ. 2494มาตรา 8(1) กำหนดให้ศาลคดีเด็กและเยาวชนมีอำนาจเช่นเดียวกับศาลจังหวัดในคดีอาญาที่มีข้อหาว่าเด็กหรือเยาวชนกระทำการอันกฎหมายบัญญัติเป็นความผิดเว้นแต่คดีอาญาที่มีข้อหาว่าเยาวชนซึ่งอายุเกินสิบหกปีบริบูรณ์กระทำความผิดในเหตุฉกรรจ์บางประเภทตามที่ระบุไว้รวมทั้งความผิดฐานปล้นทรัพย์ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 340จำเลยที่ 5 มีอายุเกินกว่าสิบหกปีบริบูรณ์และกระทำความผิดฐานปล้นทรัพย์ แม้จะกระทำความผิดในท้องที่ที่มีศาลคดีเด็กและเยาวชนเปิดดำเนินการแล้วก็ตาม เมื่อเป็นความผิดที่ไม่อยู่ในอำนาจของศาลคดีเด็กและเยาวชน ศาลอาญาธนบุรีจึงมีอำนาจพิจารณาพิพากษาได้ จำเลยที่ 5 ร่วมกับพวกอีก 4 คน พากันขึ้นไปบนรถยนต์โดยสารขณะที่พวกจำเลยทำการปล้นทรัพย์ผู้เสียหายอยู่จำเลยที่ 5 ยืนโหนบันไดรถบังไม่ให้คนอื่นเห็นการปล้นทรัพย์ที่พวกจำเลยกระทำเป็นการร่วมกระทำความผิดโดยแบ่งหน้าที่กันทำ จำเลยที่ 5 จึงเป็นตัวการร่วมในความผิดฐานปล้นทรัพย์ การกำหนดโทษและการไม่ลดมาตราส่วนโทษให้จำเลย สำหรับความผิดที่ร่วมกันเป็นตัวการปล้นทรัพย์ เป็นปัญหาเกี่ยวกับความสงบเรียบร้อยของประชาชนและเป็นเหตุในลักษณะคดี ศาลฎีกาพิพากษาลดมาตราส่วนโทษและลดโทษให้จำเลยที่ฎีกา และให้มีผลไปถึงจำเลยที่มิได้ฎีกาด้วย ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 213ประกอบมาตรา 225

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1423/2535

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ อำนาจศาลคดีเด็กและเยาวชน, ความผิดฐานปล้นทรัพย์, ตัวการร่วม, ลดโทษตามมาตรา 76/78
พระราชบัญญัติ ญญัติจัดตั้งศาลคดีเด็กและเยาวชน พ.ศ. 2494มาตรา 8(1) กำหนดให้ศาลคดีเด็กและเยาวชนมีอำนาจเช่นเดียวกับศาลจังหวัดในคดีอาญาที่มีข้อหาว่า เด็กหรือเยาวชนกระทำการอันกฎหมายบัญญัติเป็นความผิดเว้นแต่คดีอาญาที่มีข้อหาว่า เยาวชนซึ่งอายุเกินสิบหกปีบริบูรณ์กระทำความผิดในเหตุฉกรรจ์บางประเภทตามที่ระบุไว้รวมทั้งความผิดฐานปล้นทรัพย์ตามมาตรา 340 แห่งประมวลกฎหมายอาญา เมื่อจำเลยที่ 5 มีอายุเกินกว่าสิบหกปีบริบูรณ์และกระทำความผิดฐานปล้นทรัพย์ แม้จะกระทำความผิดในท้องที่ที่มีศาลคดีเด็กและเยาวชนเปิดดำเนินการแล้วก็ตาม เมื่อเป็นความผิดที่ไม่อยู่ในอำนาจของศาลคดีเด็กและเยาวชน ศาลชั้นต้นจึงมีอำนาจพิจารณาพิพากษาคดีนี้ จำเลยที่ 5 ร่วมกับพวกอีก 4 คน พากันขึ้นไปบนรถยนต์โดยสารขณะที่พวกจำเลยทำการปล้นทรัพย์ผู้เสียหายอยู่นั้น จำเลยที่ 5ยืนโหนบันไดรถบังไม่ให้คนอื่นเห็นการปล้นทรัพย์ที่พวกจำเลยกระทำอยู่เป็นการร่วมกระทำความผิดโดยแบ่งหน้าที่กันทำ จำเลยที่ 5จึงเป็นตัวการร่วมในความผิดฐานปล้นทรัพย์ การกำหนดโทษและการไม่ลดมาตราส่วนโทษให้จำเลย สำหรับความผิดที่ร่วมกันเป็นตัวการปล้นทรัพย์ เป็นปัญหาเกี่ยวกับความสงบเรียบร้อยของประชาชนและเป็นเหตุในลักษณะคดี เมื่อศาลฎีกาพิพากษาลดมาตราส่วนโทษและลดโทษให้จำเลยที่ฎีกา ย่อมมีอำนาจพิพากษาเลยไปถึงจำเลยที่มิได้ฎีกาด้วยตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 213 ประกอบมาตรา 225

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1422/2535 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ลักทรัพย์นายจ้าง-สูบถ่ายน้ำมัน: กรรมเดียวผิดหลายบท ศาลฎีกามีอำนาจลดโทษ
จำเลยที่ 1 ร่วมกับจำเลยอื่นสูบถ่ายน้ำมันเบนซินชนิดพิเศษจากรถยนต์บรรทุกน้ำมันของห้างหุ้นส่วนจำกัด ก. ที่จำเลยที่ 1 เป็นคนขับ อันเป็นความผิดฐานลักทรัพย์นายจ้าง และเมื่อจำเลยที่ 1 เป็นผู้ควบคุมยานพาหนะบรรทุกน้ำมันของห้างหุ้นส่วนจำกัด ก. การกระทำของจำเลยที่ 1 จึงมีความผิดฐานสูบถ่ายน้ำมันเชื้อเพลิงโดยไม่มีเหตุอันสมควรตามพระราชกำหนดแก้ไขและป้องกันภาวะการขาดแคลนน้ำมันเชื้อเพิลง พ.ศ.2516 มาตรา 3, 4,8 ประกอบคำสั่งนายกรัฐมนตรีที่ 1/2522 ข้อ 15 (1) อีกบทหนึ่งด้วย พฤติการณ์ของจำเลยที่ 1 ที่ทำการสูบถ่ายนำานดุงกล่าวชี้ชัดว่าเป็นความต้องการเดียวกันกับเอาน้ำมันของห้างหุ้นส่วนจำกัด ก.ไป และโดยลักษณะของการกระทำ คือ การสูบถ่ายน้ำมันไปดังกล่าวนั้น ย่อมเป็นการเอาน้ำมันไปด้วยในตัว จึงเป็นการกระทำโดยมีเจตนาเดียวกัน หาได้มีเจตนาให้มีผลแยกต่างหากจากกันไม่ การกระทำของจำเลยที่ 1 จึงเป็นกรรมเดียวผิดกฎหมายหลายบท
เมื่อศาลฎีกาเห็นว่า ศาลล่างทั้งอสงกำหนดโทษจำเลยไว้หนักไปศาลฎีกามีอำนาจกำหนดโทษให้เบาลงได้ และเป็นเหตุในลักษณะคดีให้มีผลตลอดถึงจำเลยอื่นซึ่งมิได้ฎีกาด้วย

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1422/2535

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ กรรมเดียวผิดหลายบท: การลักทรัพย์นายจ้างควบคู่กับการสูบถ่ายน้ำมันโดยมิชอบ ศาลลดโทษและขยายผลถึงจำเลยอื่น
จำเลยที่ 1 ร่วมกับจำเลยอื่นสูบถ่ายน้ำมันเบนซินชนิดพิเศษจากรถยนต์บรรทุกน้ำมันของห้างหุ้นส่วนจำกัด ก. ที่จำเลยที่ 1เป็นคนขับ อันเป็นความผิดฐานลักทรัพย์นายจ้าง และเมื่อจำเลยที่ 1 เป็นผู้ควบคุมยานพาหนะบรรทุกน้ำมันของห้างหุ้นส่วนจำกัดก. การกระทำของจำเลยที่ 1 จึงมีความผิดฐานสูบถ่ายน้ำมันเชื้อเพลิงโดยไม่มีเหตุอันสมควรตามพระราชกำหนดแก้ไขและป้องกันภาวะการขาดแคลนน้ำมันเชื้อเพลิง พ.ศ. 2516 มาตรา3,4,8 ประกอบคำสั่งนายกรัฐมนตรีที่ 1/2522 ข้อ 15(1)อีกบทหนึ่งด้วย พฤติการณ์ของจำเลยที่ 1 ที่ทำการสูบถ่ายน้ำมันดังกล่าวชี้ชัดว่าเป็นความต้องการเดียวกันกับเอาน้ำมันของห้างหุ้นส่วนจำกัด ก. ไป และโดยลักษณะของการกระทำ คือ การสูบถ่ายน้ำมันไปดังกล่าวนั้น ย่อมเป็นการเอาน้ำมันไปด้วยในตัวจึงเป็นการกระทำโดยมีเจตนาเดียวกัน หาได้มีเจตนาให้มีผลแยกต่างหากจากกันไม่ การกระทำของจำเลยที่ 1 จึงเป็นกรรมเดียวผิดกฎหมายหลายบท เมื่อศาลฎีกาเห็นว่า ศาลล่างทั้งสองกำหนดโทษจำเลยไว้หนักไปศาลฎีกามีอำนาจกำหนดโทษให้เบาลงได้ และเป็นเหตุในลักษณะคดีให้มีผลตลอดถึงจำเลยอื่นซึ่งมิได้ฎีกาด้วย

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1299/2535 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การลดโทษและมาตรการกำกับดูแลเยาวชนกระทำผิดอาญา
ศาลชั้นต้นพิพากษาว่า จำเลยมีความผิดตาม ป.อ. มาตรา 83,297 ลดมาตราส่วนโทษให้กึ่งหนึ่งตาม มาตรา 75 ลงโทษจำคุก 6 เดือน ให้เปลี่ยนโทษจำคุกจำเลยเป็นส่งตัวไปฝึกอบรมที่สถานพินิจและคุ้มครองเด็กกลาง ศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้ให้จัดการแก่จำเลยตาม มาตรา 74 (2) โดยมอบตัวให้บิดาจำเลยเป็นผู้ปกครองดูแลระมัดระวังมิให้จำเลยก่อเหตุร้ายหรือกระทำผิดใด ๆ ขึ้นอีกภายในกำหนด 3 ปี พร้อมกับวางเงื่อนไขคุมประพฤติ จำเลยจึงต้องห้ามมิให้ฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริงตาม ป.วิ.อ. มาตรา 218 วรรคแรก

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1249/2535

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การกระทำโดยบันดาลโทสะจากการถูกข่มเหงน้ำใจ: ศาลพิจารณาเหตุแห่งการกระทำเพื่อลดโทษ
ในวันเกิดเหตุจำเลยซึ่งเป็นภริยาผู้เสียหายนอนเฝ้าห้างนาเพียงคนเดียว ผู้เสียหายไปดื่มสุรากับเพื่อน เพิ่งไปหาจำเลยเมื่อเวลา 24 นาฬิกา และให้จำเลยไปหาข้าวมาให้ผู้เสียหายรับประทานจำเลยต้องเดินไปเอาข้าวที่บ้านซึ่งอยู่ห่างห้างนา 3 เส้น เมื่อเอามาแล้วผู้เสียหายไม่ยอมรับประทาน กลับบ่นว่าจำเลย และยังพูดถึงภรรยาน้อยอีกด้วย การกระทำของผู้เสียหายเป็นการข่มเหงน้ำใจจำเลยอย่างร้ายแรงด้วยเหตุอันไม่เป็นธรรม จำเลยใช้ปืนยิงผู้เสียหายในขณะนั้น เป็นการกระทำโดยบันดาลโทสะ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 99/2534 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ คำรับสารภาพ+พยานแวดล้อมลงโทษได้ แต่ต้องรับฟังครบถ้วน การป้องกันเกินสมควรแก่เหตุลดโทษ
โจทก์ไม่มีประจักษ์พยานรู้เห็นว่า จำเลยฆ่าผู้ตายคงมีแต่คำให้การรับสารภาพชั้นสอบสวนของจำเลยว่าเป็นผู้ใช้อาวุธปืนของกลางยิงผู้ตาย และโจทก์มีพนักงานสอบสวนมาเบิกความยืนยันว่าจำเลยให้การด้วยความสมัครใจ และได้พาพนักงานสอบสวนไปขุดหลุมที่ฝังศพของผู้ตาย นำอาวุธปืนลูกซองยาวมามอบให้เป็นของกลางรอยกระสุนปืนที่หน้าอกเสื้อของผู้ตายมีรู 3 รู สภาพศพสอดคล้องกับคำให้การรับสารภาพของจำเลยและอาวุธปืนของกลาง จึงเป็นพยานแวดล้อมอื่น ๆ ที่รับฟังประกอบคำให้การรับสารภาพชั้นสอบสวนของจำเลยลงโทษจำเลยได้ การรับฟังข้อเท็จจริงตามคำให้การรับสารภาพชั้นสอบสวนของจำเลยมาลงโทษจำเลยนั้นจะต้องรับฟังให้ครบถ้วนทั้งหมด มิใช่แต่บางส่วน เมื่อข้อเท็จจริงตามคำให้การชั้นสอบสวนของจำเลย แสดงพฤติกรรมของผู้ตายว่า จะใช้มีดขอทำร้ายจำเลย จำเลยใช้อาวุธปืนยิงผู้ตาย จึงเป็นการกระทำโดยป้องกัน แต่ผู้ตายไม่ได้จู่โจมเข้ามาทำร้ายจำเลย จำเลยอาจจะเลือกยิงอวัยวะอื่นที่ไม่เป็นอันตรายจนถึงตาย ได้ จำเลยกลับยิงที่หน้าอกของผู้ตายซึ่งเป็นอวัยวะสำคัญ จึงเป็นการป้องกันเกินสมควรแก่เหตุ.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 99/2534 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ป้องกันตนเองเกินสมควร การยิงทำร้ายถึงแก่ชีวิต ศาลลดโทษตามเหตุผล
วันเกิดเหตุจำเลยต่อว่าผู้ตายเรื่องผู้ตายทุบตีภรรยาซึ่งเป็นบุตรสาวจำเลย และกล่าวหาว่าผู้ตายลักเงินของจำเลยไป ผู้ตายท้าทายแล้วถือมีดขอเข้าไปหาจำเลยพูดว่าจะเอาอย่างไรก็เอา จำเลยร้องห้ามว่าอย่าเข้ามา แต่ผู้ตายไม่ยอมฟังกลับเดินเข้าหา จำเลยใช้อาวุธปืนลูกซองยาวยิงไปที่หน้าอกผู้ตาย 1 นัด เป็นการกระทำโดยป้องกันตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 68 แต่ผู้ตายไม่ได้จู่โจมทำร้ายจำเลยอาจเลือกยิงอวัยวะอื่นที่ไม่เป็นอันตรายถึงตายได้ การที่จำเลยยิงที่หน้าอกซึ่งเป็นอวัยวะสำคัญ จึงเป็นการป้องกันเกินสมควรแก่เหตุตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 69

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 85/2534

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ความรับผิดทางอาญาของตัวการร่วมและการลดโทษจากพฤติการณ์
จำเลยที่ 2 เพียงแต่เข้าร่วมทำร้ายผู้เสียหายชกต่อยโดยไม่มีสาเหตุโกรธเคืองกัน แม้พวกจำเลยทั้งสองคนหนึ่งใช้มีดแทงทำร้ายผู้เสียหายจนบาดเจ็บ ซึ่งจำเลยที่ 2 จะต้องร่วมรับผิดในฐานะตัวการตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 83 ก็ตาม แต่การลงโทษก็สมควรให้ลดหลั่นตามพฤติการณ์และความร้ายแรงของการกระทำความผิดเป็นรายตัวบุคคลเมื่อไม่ปรากฏว่าจำเลยที่ 2 เคยรับโทษจำคุกมาก่อนศาลชอบที่จะรอการลงโทษจำเลยที่ 2 ได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 837/2534

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ อาวุธปืนไม่มีทะเบียน, การรับคำให้การ, และเหตุปราณีในการลดโทษจำคุก
ใบอนุญาตให้มีและใช้อาวุธปืนของจำเลยตามที่อ้าง ไม่มีนายทะเบียนผู้ออกใบอนุญาตรับรองและจำเลยเพิ่งจะยื่นเข้ามาในชั้นฎีกา ถือได้ว่าเป็นข้อเท็จจริงที่มิได้ยกขึ้นว่ากล่าวมาแต่ต้นต้องห้ามมิให้ฎีกาตาม ป.วิ.พ. มาตรา 249 ประกอบด้วย ป.วิ.อ.มาตรา 15 อาวุธปืนจำนวน 5 กระบอกตามฟ้องเป็นอาวุธปืนที่ไม่มีหมายเลขทะเบียนของเจ้าพนักงานประทับไว้ หาใช่อาวุธปืนที่มีหมายเลขทะเบียนซึ่งจำเลยได้รับอนุญาตตามใบอนุญาตของจำเลยที่แนบมาท้ายฎีกาไม่ ฉะนั้น การที่ศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์มีคำพิพากษาให้ริบอาวุธปืนของกลางจำนวน 5 กระบอกดังกล่าว อันเป็นอาวุธปืนที่ผู้ใดมีไว้เป็นความผิด ซึ่งศาลต้องมีคำสั่งให้ริบเสมอไปจึงชอบด้วยกฎหมาย หลักฐานที่จำเลยอ้างมาเพื่อขอให้รอการกำหนดโทษ หรือรอการลงโทษจำเลยไว้ โจทก์มิได้โต้แย้งคัดค้าน และไม่ปรากฏว่าจำเลยเคยกระทำผิดหรือได้รับโทษจำคุกมาก่อน ทั้งจำเลยได้ประกอบคุณงามความดีด้วยการปฏิบัติหน้าที่ให้แก่ประเทศชาติด้วยดีตลอดมาเป็นเวลานานถึง 30 ปี จนได้รับการยกย่อง จากทางราชการดัง ปรากฏตามหลักฐานดังกล่าว ถือได้ว่ามีเหตุอันควรปราณียังไม่สมควรที่จะให้จำเลยได้รับโทษถึงจำคุก เพื่อให้โอกาสจำเลยกลับตัวประพฤติตนเป็นพลเมืองดีของประเทศชาติต่อไป แต่ควรวางโทษปรับจำเลยอีกโสดหนึ่งด้วยเพื่อให้จำเลยเข็ดหลาบและมิให้กลับไปก่อความผิดใด ๆ ขึ้นอีก.
of 92