พบผลลัพธ์ทั้งหมด 1,595 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 6825/2538
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การลักทรัพย์ในเคหสถาน: การเข้าไปในห้องโดยมีเหตุอันสมควรและการรับอนุญาตโดยปริยาย
จำเลยเข้าไปในห้องพักอาศัยของผู้เสียหายเพื่อดูแลอาการเจ็บป่วยให้ย. มารดาผู้เสียหายแล้วลักเอาเงินของผู้เสียหายไปแต่จำเลยเข้าไปในห้องของผู้เสียหายก็เนื่องจากขณะที่จำเลยเดินผ่านห้องผู้เสียหายนั้นได้ยินเสียงย.ร้องครวญครางด้วยความเจ็บปวดจำเลยจึงเข้าไปช่วยเหลือบีบนวดให้และพูดคุยเรื่องต่างๆกับย. ประมาณครึ่งชั่วโมงถือได้ว่าจำเลยเข้าไปโดยมีเหตุอันสมควรและได้รับอนุญาตให้เข้าไปได้โดยปริยายแม้ย. จะมิใช่เจ้าของห้องแต่เป็นมารดาของผู้เสียหายย่อมมีอำนาจที่จะอนุญาตให้บุคคลใดเข้าไปในห้องได้ตามสมควรการที่จำเลยพบเห็นเงินอยู่ในลิ้นชักตู้เสื้อผ้าจึงถือโอกาสเอาไปเสียจึงไม่เป็นความผิดฐานลักทรัพย์ในเคหสถานตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา335(8)
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 5985/2538 เวอร์ชัน 4 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
อำนาจศาลในการพิพากษาลงโทษตามข้อเท็จจริงที่ได้ความ แม้ต่างจากข้อกล่าวหาเดิม
โจทก์ฟ้องว่า จำเลยพยายามลักรถจักรยานยนต์ แต่ในการพิจารณาได้ความว่า จำเลยลักชิ้นส่วนของรถจักรยานยนต์ซึ่งเป็นชิ้นส่วนของรถจักรยานยนต์คันเดียวกับที่โจทก์ฟ้อง มิใช่เป็นข้อแตกต่างในข้อสาระสำคัญ และทั้งจำเลยก็ให้การปฏิเสธว่าไม่ได้กระทำผิด จึงไม่ได้หลงต่อสู้ ศาลมีอำนาจพิพากษาลงโทษจำเลยตามข้อเท็จจริงที่ได้ความนี้ได้ตาม ป.วิ.อ. มาตรา 192 วรรคสอง
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 5985/2538 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การเปลี่ยนแปลงฐานความผิดจากพยายามลักทรัพย์เป็นลักทรัพย์ชิ้นส่วน ศาลมีอำนาจพิจารณาลงโทษได้
โจทก์ฟ้องว่า จำเลยพยายามลักรถจักรยานยนต์ แต่ในการพิจารณาได้ความว่า จำเลยลักชิ้นส่วนของรถจักรยานยนต์ซึ่งเป็นชิ้นส่วนของรถจักรยานยนต์คันเดียวกับที่โจทก์ฟ้อง มิใช่เป็นข้อแตกต่างในข้อสาระสำคัญ และทั้งจำเลยก็ให้การปฏิเสธว่าไม่ได้กระทำผิด จึงไม่ได้หลงต่อสู้ ศาลมีอำนาจพิพากษาลงโทษจำเลยตามข้อเท็จจริงที่ได้ความนี้ได้ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญามาตรา 192 วรรคสอง
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 5985/2538 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ความผิดฐานลักทรัพย์ vs. พยายามลักทรัพย์: การเปลี่ยนแปลงข้อเท็จจริงในชั้นพิจารณาไม่ถือเป็นข้อแตกต่างสาระสำคัญ
โจทก์ฟ้องว่าจำเลยพยายามลักรถจักรยานยนต์แต่ในการพิจารณาได้ความว่าจำเลยลักชิ้นส่วนของรถจักรยานยนต์ซึ่งเป็นชิ้นส่วนของรถจักรยานยนต์คันเดียวกับที่โจทก์ฟ้องมิใช่เป็นข้อแตกต่างในข้อสาระสำคัญและทั้งจำเลยก็ให้การปฏิเสธว่าไม่ได้กระทำผิดจึงไม่ได้หลงต่อสู้ศาลมีอำนาจพิพากษาลงโทษจำเลยตามข้อเท็จจริงที่ได้ความนี้ได้ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญามาตรา192วรรคสอง
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 5985/2538
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การเปลี่ยนแปลงข้อกล่าวหาจากพยายามลักทรัพย์เป็นลักทรัพย์ชิ้นส่วน: ศาลมีอำนาจพิจารณาลงโทษตามข้อเท็จจริงที่ได้ความ
โจทก์ฟ้องว่าจำเลยพยายามลักรถจักรยานยนต์แต่ในการพิจารณาได้ความว่าจำเลยลักชิ้นส่วนของรถจักรยานยนต์ซึ่งเป็นชิ้นส่วนของรถจักรยานยนต์คันเดียวกับที่โจทก์ฟ้องมิใช่เป็นข้อแตกต่างในข้อสาระสำคัญและทั้งจำเลยก็ให้การปฏิเสธว่าไม่ได้กระทำผิดจึงไม่ได้หลงต่อสู้ศาลมีอำนาจพิพากษาลงโทษจำเลยตามข้อเท็จจริงที่ได้ความนี้ได้ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญามาตรา192วรรคสอง
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 5665/2538 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
อำนาจศาลในการพิพากษาคดีฉ้อโกง แม้ฟ้องฐานลักทรัพย์ และขอบเขตอำนาจเหนือจำเลยที่ไม่ฎีกา
โจทก์ฟ้องจำเลยทั้งสองในความผิดฐานร่วมกันลักทรัพย์ทางพิจารณาได้ความว่าจำเลยทั้งสองกระทำความผิดฐานร่วมกันฉ้อโกง ศาลมีอำนาจพิพากษาลงโทษจำเลยฐานร่วมกันฉ้อโกงได้ ตาม ป.วิ.อ. มาตรา 192วรรคสามและวรรคห้า และเป็นเหตุอยู่ในส่วนลักษณะคดี ศาลมีอำนาจพิพากษาตลอดไปถึงจำเลยซึ่งมิได้ฎีกาตาม ป.วิ.อ. มาตรา 213 ประกอบด้วยมาตรา 225
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 5665/2538
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
เปลี่ยนแปลงข้อหาจากลักทรัพย์เป็นฉ้อโกง: ศาลฎีกามีอำนาจพิจารณาคดีถึงจำเลยที่ไม่ฎีกา
โจทก์ฟ้องจำเลยทั้งสองในความผิดฐานร่วมกันลักทรัพย์ทางพิจารณาได้ความว่าจำเลยทั้งสองกระทำความผิดฐานร่วมกันฉ้อโกงศาลมีอำนาจพิพากษาลงโทษจำเลยฐานร่วมกันฉ้อโกงได้ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญามาตรา192วรรคสามและวรรคห้าและเป็นเหตุอยู่ในส่วนลักษณะคดีศาลมีอำนาจพิพากษาตลอดไปถึงจำเลยซึ่งมิได้ฎีกาตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญามาตรา213ประกอบด้วยมาตรา225
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 4930/2538
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
คำรับสารภาพที่ได้จากการสอบสวนมีน้ำหนักพอฟังได้หากมีพยานหลักฐานประกอบ และการใช้ยานพาหนะเพื่อความสะดวกในการลักทรัพย์
คำรับสารภาพในชั้นจับกุมและสอบสวนอาจใช้ยันจำเลยในชั้นพิจารณาได้หากมีพยานหลักฐานประกอบให้ฟังว่าจำเลยรับสารภาพโดยสมัครใจและตามความจริง แม้โจทก์ไม่มีประจักษ์พยานเห็นจำเลยกระทำความผิดแต่การที่จำเลยรับสารภาพในชั้นจับกุมและสอบสวนทั้งนำชี้ที่เกิดเหตุโดยสมัครใจไม่มีข้อต่อสู้ใดๆทั้งสิ้นเป็นเหตุให้เจ้าพนักงานตำรวจสามารถติดตามยึดรถยนต์ของกลางได้จากสถานที่ตามที่ทราบจากจำเลยว่าได้นำรถยนต์ของกลางไปขายนั้นมีน้ำหนักพอรับฟังว่าจำเลยได้ร่วมกับพวกลักรถยนต์ของกลาง จำเลยกับพวกขับรถยนต์มาที่ที่เกิดเหตุเพื่อลักรถยนต์ของผู้เสียหายหลังจากนั้นจำเลยกับพวกได้นำรถยนต์ที่ขับมาหลบหนีไปด้วยจึงเป็นการใช้ยานพาหนะเพื่อสะดวกแก่การกระทำความผิดฐานลักทรัพย์รถยนต์ของผู้เสียหายตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา336ทวิ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3727/2538
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การใช้เอกสารปลอม (ป้ายทะเบียน, ป้ายวงกลมภาษี) และรับของโจร โดยจำเลยทราบว่ารถได้มาจากการลักทรัพย์
สำเนาป้ายวงกลมแสดงการเสียภาษีเก่าเลอะเลือนเลขตัวรถในสำเนาป้ายวงกลมแสดงการเสียภาษีต่างจากเลขตัวถังอันแสดงว่าเป็นป้ายวงกลมแสดงการเสียภาษีปลอมซึ่งจำเลยตรวจเทียบดูก็จะทราบจำเลยขับรถจักรยานยนต์ที่ติดสำเนาป้ายวงกลมแสดงการเสียภาษีปลอมจึงมีเจตนาเพื่อให้ผู้อื่นเข้าใจว่าเป็นรถจักรยานยนต์ที่ได้เสียภาษีถูกต้องแล้วเป็นการใช้เอกสารปลอม จำเลยรับซื้อรถจักรยานยนต์ของกลางไว้ตั้งแต่ปี2532และใช้รถคันดังกล่าวตลอดมาโดยใช้แผ่นป้ายทะเบียนรถปลอมกับสำเนาป้ายวงกลมแสดงการเสียภาษีปลอมโดยมิได้ติดต่อทำการโอนและแก้ไขแผ่นป้ายทะเบียนและป้ายวงกลมแสดงการเสียภาษีให้ถูกต้องจนถูกจับกุมเมื่อปี2535เป็นการปกปิดซ่อนเร้นมิให้ผู้อื่นทราบว่าเป็นรถจักรยานยนต์ที่ได้จากการกระทำผิดฐานลักทรัพย์เป็นความผิดฐานรับของโจร การที่จำเลยรับรถจักรยานยนต์ไว้โดยรู้อยู่แล้วว่าเป็นทรัพย์ที่ได้มาจากการกระทำผิดฐานลักทรัพย์เป็นการกระทำเกี่ยวกับรถจักรยานยนต์ส่วนหนึ่งและการที่จำเลยใช้เอกสารปลอมนั้นเป็นการกระทำอีกส่วนหนึ่งคนละส่วนกันแม้จะได้กระทำพร้อมกันไปก็หาใช่เป็นกรรมเดียวกันไม่
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3629/2538
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การส่งมอบเงินเพื่อชำระหนี้แล้วไม่ทอนเงินคืน ไม่เป็นความผิดฐานลักทรัพย์ หากเจตนาทุจริตเกิดขึ้นภายหลังการครอบครอง
ผู้เสียหายส่งธนบัตรฉบับละ100บาทให้แก่จำเลยเพื่อชำระหนี้ค่าโดยสารรถเป็นเงิน5บาทถือว่าผู้เสียหายมอบการครอบครองธนบัตรดังกล่าวให้แก่จำเลยการที่จำเลยไม่ได้ทอนเงินให้ทันทีหรือแม้ไม่มีเจตนาจะทอนเงินให้โดยจะเอาเงินที่เหลือจำนวน95บาทเป็นประโยชน์ของตนโดยทุจริตก็ไม่เป็นความผิดฐานลักทรัพย์เพราะเจตนาทุจริตเกิดขึ้นภายหลังที่ธนบัตรอยู่ในความครอบครองของจำเลยแล้ว