คำพิพากษาที่อยู่ใน Tags
เบิกความเท็จ

พบผลลัพธ์ทั้งหมด 461 รายการ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1062-1065/2512

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ข้อยุติในคดีก่อนไม่ผูกมัดคดีใหม่ การเบิกความเท็จต้องพิจารณาจากข้อเท็จจริงในขณะนั้น
ในกรณีที่ผู้ใดถูกฟ้องหาว่าได้เบิกความเท็จไว้ในคดีใดที่ศาล. แม้ในที่สุดศาลจะได้ยอมรับฟังเป็นยุติไว้ในคดีนั้นโดยเชื่อตามที่ผู้นั้นได้เบิกความไว้. กรณีก็ไม่เป็นการผูกมัดในคดีใหม่นี้ว่าข้อความที่ผู้นั้นเบิกความไว้ครั้งนั้นจะต้องถือเอาเป็นยุติว่าเป็นความจริง. เพราะถ้าเป็นเช่นนั้นแล้ว หากเผอิญศาลรับฟังคำเบิกความของผู้ใดไว้เป็นยุติในคดีใด. ผู้นั้นก็ไม่อาจจะมีโทษฐานเบิกความเท็จได้เลย ทั้งๆที่ความจริงของคำเบิกความนั้นได้เป็นเท็จ.และสามารถพิสูจน์ให้เห็นชัดได้ในคดีที่ถูกฟ้องในชั้นหลังนี้. คำชี้ขาดของศาลในคดีที่พยานเบิกความไว้เป็นคำชี้ขาดที่ยุติระหว่างโจทก์กับจำเลยในคดีนั้นเท่านั้น. หาใช่เป็นการยุติระหว่างโจทก์ในคดีนั้นกับตัวพยานที่เบิกความเท็จในคดีนั้นด้วยไม่. แม้ว่าในคดีนี้ จำเลยที่ถูกฟ้องหาว่าเบิกความเท็จนั้นได้เป็นตัวจำเลยอยู่ในคดีเดิมที่มีการเบิกความดังกล่าวนั้นเอง. แต่จำเลยได้เข้าเบิกความในคดีนั้นในฐานะพยาน ซึ่งเป็นอีกฐานะหนึ่งต่างหากจากการเป็นตัวจำเลย. เมื่อจำเลยถูกฟ้องหาว่าเบิกความเท็จ. ก็จะยกเอาข้อยุติในฐานะเป็นจำเลยของคดีนั้นมาใช้บังคับด้วยหาได้ไม่.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 669/2511 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การฟ้องเท็จและการเบิกความเท็จ โดยอาศัยหลักฐานที่เกิดจากข้อสมยอมของผู้เสียหาย สิทธิฟ้องของผู้เสียหาย
จำเลยเอาข้อความที่โจทก์แจ้งต่อเจ้าพนักงานสรรพสามิตไปฟ้องโจทก์กล่าวหาว่าแจ้งความเท็จต่อเจ้าพนักงาน ซึ่งจำเลยทราบดีว่าหาใช่ความเท็จไม่ แต่ฉวยโอกาสที่โจทก์ทำหลักฐานอันไม่ตรงกันความจริงไว้ที่พนักงานสอบสวนอันเนื่องมาจากที่โจทก์จำเลยสมยอมกันเพื่อขอรับเงินรางวัลนำจับฝิ่น มาฟ้องกล่าวหาโจทก์ ข้อตกลงสมยอมเช่นนี้ จะถือว่าโจทก์ไม่ใช่ผู้เสียหายอันจะมีอำนาจฟ้องจำเลยฐานฟ้องเท็จและเบิกความเท็จในคดีนี้หาได้ไม่

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 669/2511 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การฟ้องเท็จและเบิกความเท็จ: การสมยอมกับผู้ต้องหาไม่ทำให้โจทก์เสียสิทธิฟ้อง
จำเลยเอาข้อความที่โจทก์แจ้งต่อเจ้าพนักงานสรรพสามิตไปฟ้องโจทก์กล่าวหาว่าแจ้งความเท็จต่อเจ้าพนักงานซึ่งจำเลยทราบดีว่าหาใช่ความเท็จไม่แต่ฉวยโอกาสที่โจทก์ทำหลักฐานอันไม่ตรงกันความจริงไว้ที่พนักงานสอบสวนอันเนื่องมาจากที่โจทก์จำเลยสมยอมกันเพื่อขอรับเงินรางวัลนำจับฝิ่น มาฟ้องกล่าวหาโจทก์ ข้อตกลงสมยอมเช่นนี้ จะถือว่าโจทก์ไม่ใช่ผู้เสียหายอันจะมีอำนาจฟ้องจำเลยฐานฟ้องเท็จและเบิกความเท็จในคดีนี้หาได้ไม่

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 669/2511

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การฟ้องเท็จและเบิกความเท็จ: โจทก์สมยอมทำหลักฐานเท็จ แต่จำเลยฉวยโอกาสฟ้องเท็จ โจทก์จึงมีสิทธิฟ้อง
จำเลยเอาข้อความที่โจทก์แจ้งต่อเจ้าพนักงานสรรพสามิตไปฟ้องโจทก์กล่าวหาว่าแจ้งความเท็จต่อเจ้าพนักงาน. ซึ่งจำเลยทราบดีว่าหาใช่ความเท็จไม่. แต่ฉวยโอกาสที่โจทก์ทำหลักฐานอันไม่ตรงกันความจริง.ไว้ที่พนักงานสอบสวนอันเนื่องมาจากที่โจทก์จำเลยสมยอมกันเพื่อขอรับเงินรางวัลนำจับฝิ่น มาฟ้องกล่าวหาโจทก์. ข้อตกลงสมยอมเช่นนี้ จะถือว่าโจทก์ไม่ใช่ผู้เสียหายอันจะมีอำนาจฟ้องจำเลยฐานฟ้องเท็จและเบิกความเท็จในคดีนี้หาได้ไม่.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1210/2511 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ หน้าที่การพิสูจน์ความเท็จในการแจ้งความเท็จ/เบิกความเท็จ ฝ่ายกล่าวอ้างต้องพิสูจน์ตามฟ้อง
ถ้ามีการกล่าวอ้างว่า ข้อความใดที่เกิดจากการยื่นคำให้การก็ดี เกิดจากการเบิกความก็ดี ว่าเป็นความเท็จอันจะต้องรับโทษทางอาญาแล้ว ย่อมเป็นหน้าที่ของฝ่ายที่กล่าวอ้าง จะต้องนำสืบให้ได้ความตามฟ้องว่าจำเลยให้การเท็จและเบิกความเท็จ หาไม่แล้วจะลงโทษทางอาญาไม่ได้
จำเลยย่อมนำสืบตามข้ออ้างของตน ซึ่งอาจเป็นการนำสืบหักล้างหรือเปลี่ยนแปลงหรือแก้ไขเอกสารใดๆ ได้ทั้งสิ้นตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา เพราะประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญามิได้มีข้อจำกัดห้ามมิให้นำสืบเปลี่ยนแปลงแก้ไขเอกสารในบางกรณีไว้ดังประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 94

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1171/2511 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การฟ้องเบิกความเท็จ: คำเบิกความที่เป็นเหตุให้ยึดทรัพย์ถือเป็นข้อสำคัญ แม้โจทก์มิได้บรรยายความจริง
ในคดีเบิกความเท็จ คำเบิกความของจำเลยในชั้นไต่สวนคำร้องขอให้ยึดทรัพย์ก่อนพิพากษาในคดีของศาลแพ่งที่ระบุมาในฟ้อง อันเป็นเหตุให้ศาลแพ่งเชื่อและมีคำสั่งให้ยึดทรัพย์ไว้ก่อนพิพากษา เป็นคำเบิกความในข้อสำคัญแห่งคดี แม้โจทก์จะเพียงระบุกล่าวข้อความที่จำเลยเบิกความต่อศาลว่า โจทก์ยักย้ายทรัพย์ไปที่อื่น เซ้งร้านให้คนอื่น และโจทก์ไม่มีทรัพย์ที่อื่นอีก ซึ่งเป็นข้อความเท็จ ก็เป็นที่เข้าใจได้ในตัว ไม่จำต้องกล่าวย้ำอีกชั้นหนึ่งว่า ความจริงมิใช่เป็นดังที่จำเลยเบิกความ ฟ้องโจทก์เป็นฟ้องที่สมบูรณ์ ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญามาตรา 158(5) แล้ว

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1171/2511 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ เบิกความเท็จในชั้นยึดทรัพย์: ฟ้องสมบูรณ์เมื่อความเท็จเป็นที่เข้าใจได้
ในคดีเบิกความเท็จ คำเบิกความของจำเลยในชั้นไต่สวนคำร้องขอให้ยึดทรัพย์ก่อนพิพากษาในคดีของศาลแพ่งที่ระบุมาในฟ้อง อันเป็นเหตุให้ศาลแพ่งเชื่อและมีคำสั่งให้ยึดทรัพย์ไว้ก่อนพิพากษา เป็นคำเบิกความในข้อสำคัญแห่งคดี แม้โจทก์จะเพียงระบุกล่าวข้อความที่จำเลยเบิกความต่อศาลว่า โจทก์ยักย้ายทรัพย์ไปที่อื่น เซ้งร้านให้คนอื่น และโจทก์ไม่มีทรัพย์ที่อื่นอีก ซึ่งเป็นข้อความเท็จ ก็เป็นที่เข้าใจได้ในตัว ไม่จำต้องกล่าวย้ำอีกชั้นหนึ่งว่า ความจริงมิใช่เป็นดังที่จำเลยเบิกความ ฟ้องโจทก์เป็นฟ้องที่สมบูรณ์ ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 158(5) แล้ว

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1171/2511

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ เบิกความเท็จในชั้นไต่สวนยึดทรัพย์ ฟ้องสมบูรณ์เมื่อความเท็จปรากฏชัดโดยไม่ต้องบรรยาย
ในคดีเบิกความเท็จ คำเบิกความของจำเลยในชั้นไต่สวนคำร้องขอให้ยึดทรัพย์ก่อนพิพากษาในคดีของศาลแพ่งที่ระบุมาในฟ้อง อันเป็นเหตุให้ศาลแพ่งเชื่อและมีคำสั่งให้ยึดทรัพย์ไว้ก่อนพิพากษา. เป็นคำเบิกความในข้อสำคัญแห่งคดี. แม้โจทก์จะเพียงระบุกล่าวข้อความที่จำเลยเบิกความต่อศาลว่า โจทก์ยักย้ายทรัพย์ไปที่อื่น. เซ้งร้านให้คนอื่น. และโจทก์ไม่มีทรัพย์ที่อื่นอีก. ซึ่งเป็นข้อความเท็จ ก็เป็นที่เข้าใจได้ในตัว. ไม่จำต้องกล่าวย้ำอีกชั้นหนึ่งว่า ความจริงมิใช่เป็นดังที่จำเลยเบิกความ. ฟ้องโจทก์เป็นฟ้องที่สมบูรณ์ ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญามาตรา 158(5) แล้ว.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 594/2510 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ เบิกความเท็จไม่เป็นข้อสำคัญในคดี หากไม่กระทบต่อประเด็นหลักว่ามีการกระทำความผิดจริง
จำเลยเบิกความต่อศาลเป็นพยานในคดีที่โจทก์ถูกฟ้องว่าสมคบกันวางเพลิงโดยจำเลยเบิกความว่า "โจทก์พูดว่าอ้ายหวินมันจะวิเศษขนาดไหน แล้วนายอมรพูดว่าเอาเลยเป็นไรเป็นกันพวกเราทำแบบนี้" ข้อความที่จำเลยเบิกความนี้เป็นความเท็จแต่ก็ยังห่างไกลกับข้อเท็จจริงที่กล่าวหาว่าโจทก์กระทำการวางเพลิง และไม่พอฟังได้ว่าโจทก์กับนายอมรได้คบคิดกันวางเพลิงตามที่โจทก์ฟ้อง คำเบิกความนั้นจึงมิใช่เป็นข้อสำคัญในคดี

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 594/2510

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ เบิกความเท็จในชั้นศาลต้องเป็นข้อสำคัญในคดี จึงจะมีความผิด
จำเลยเบิกความต่อศาลเป็นพยานในคดีที่โจทก์ถูกฟ้องว่าสมคบกันวางเพลิง โดยจำเลยเบิกความว่า "โจทก์พูดว่าอ้ายหวินมันจะวิเศษขนาดไหน แล้วนายอมรพูดว่าเอาเลยเป็นไรเป็นกันพวกเรา ทำแบบนี้" ข้อความที่จำเลยเบิกความนี้เป็นความเท็จแต่ก็ยังห่างไกลกับข้อเท็จจริงที่กล่าวหาว่าโจทก์กระทำการวางเพลิง และไม่พอฟังได้ว่า โจทก์กับนายอมรได้คบคิดกันวางเพลิงตามที่โจทก์ฟ้อง คำเบิกความนั้นจึงมิใช่เป็นข้อสำคัญในคดี
of 47