คำพิพากษาที่อยู่ใน Tags
เหตุสุดวิสัย

พบผลลัพธ์ทั้งหมด 516 รายการ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3397/2529 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ความรับผิดทางละเมิดจากการชนแล้วทรัพย์สินเสียหาย การคุ้มครองทรัพย์สิน และเหตุสุดวิสัย
โจทก์บรรยายฟ้องว่า ผลแห่งการกระทำละเมิด ทำให้สังกะสีที่โจทก์บรรทุกรถมาแตกเสียหายและสูญหาย โดยบรรยายขนาดของสังกะสีแต่ละขนาดและจำนวนแผ่นของสังกะสีขนาดนั้น ๆ ที่เสียหายและสูญหาย รวมทั้งราคาของสังกะสีดังกล่าว และราคาของทรัพย์สินอื่นที่ได้รับความเสียหายดังนี้เป็นฟ้องที่แจ้งชัดแล้ว โจทก์ไม่จำต้องแสดงหลักฐานการแจ้งความแก่ตำรวจหรือแนบสำเนารายการทรัพย์สินที่เสียหายมาท้ายฟ้อง ฟ้องของโจทก์จึงไม่เคลือบคลุม
โจทก์ซึ่งเป็นผู้รับจ้างบรรทุกสินค้าย่อมจะต้องมีความรับผิดต่อผู้ว่าจ้างบรรทุกสินค้า จึงย่อมมีสิทธิเรียกค่าเสียหายจากจำเลยที่ 2 ผู้เป็นเจ้าของรถคันเกิดเหตุให้รับผิดในผลละเมิดร่วมกับจำเลยที่ 1 ลูกจ้างผู้ขับรถ สำหรับความเสียหายของสินค้าที่รับจ้างมาอยู่แล้วข้อเท็จจริงที่ว่าสินค้าจะเป็นของ ต. ตามที่โจทก์อ้างหรือไม่จึงไม่เป็นประโยชน์แก่จำเลยที่ 2
ปัญหาที่ว่ารถโจทก์บรรทุกสังกะสีมาเป็นจำนวนเท่าใดและเหตุที่เกิดขึ้นทำให้สังกะสีต้องบุบสลายเสียหายไปเป็นจำนวนตามที่โจทก์ฟ้องหรือไม่จำเลยที่ 2 ไม่ได้ให้การต่อสู้ไว้ จึงเป็นข้อที่ไม่ได้ยกขึ้นว่ากันมาแล้วในศาลชั้นต้นแม้ปัญหาดังกล่าวศาลอุทธรณ์จะได้วินิจฉัยมา ก็ไม่ชอบด้วยกระบวนพิจารณา ศาลฎีกาไม่รับวินิจฉัยตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 249
ทรัพย์สินของโจทก์ต้องบุบสลาย เสียหายและสูญหายเพราะเกิดจากผลแห่งการละเมิดของจำเลยที่ 1 ซึ่งจำเลยที่ 2 จะต้องร่วมรับผิดในฐานะนายจ้างด้วยโดยตรง แม้คนของโจทก์หรือคนของจำเลยที่ 2 ต่างก็ไม่สามารถคุ้มครองทรัพย์สินเหล่านั้นได้ความเสียหายของโจทก์ในส่วนนี้จึงเป็นผลโดยตรงจากการละเมิดไม่ใช่เหตุสุดวิสัย

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3397/2529 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ความรับผิดทางละเมิดจากการชนแล้วเกิดความเสียหายต่อสินค้าที่บรรทุก การร่วมรับผิดของนายจ้าง และเหตุสุดวิสัย
โจทก์บรรยายฟ้องว่า ผลแห่งการกระทำละเมิด ทำให้สังกะสีที่โจทก์บรรทุกรถมาแตกเสียหายและสูญหาย โดยบรรยายขนาดของสังกะสีแต่ละขนาดและจำนวนแผ่นของสังกะสีขนาดนั้น ๆ ที่เสียหายและสูญหาย รวมทั้งราคาของสังกะสีดังกล่าว และราคาของทรัพย์สินอื่นที่ได้รับความเสียหายดังนี้เป็นฟ้องที่แจ้งชัดแล้ว โจทก์ไม่จำต้องแสดงหลักฐานการแจ้งความแก่ตำรวจหรือแนบสำเนารายการทรัพย์สินที่เสียหายมาท้ายฟ้องฟ้องของโจทก์จึงไม่เคลือบคลุม
โจทก์ซึ่งเป็นผู้รับจ้างบรรทุกสินค้าย่อมจะต้องมีความรับผิดต่อผู้ว่าจ้างบรรทุกสินค้า จึงย่อมมีสิทธิเรียกค่าเสียหายจากจำเลยที่ 2 ผู้เป็นเจ้าของรถคันเกิดเหตุให้รับผิดในผลละเมิดร่วมกับจำเลยที่ 1 ลูกจ้างผู้ขับรถ สำหรับความเสียหายของสินค้าที่รับจ้างมาอยู่แล้ว ข้อเท็จจริงที่ว่าสินค้าจะเป็นของ ต. ตามที่โจทก์อ้างหรือไม่จึงไม่เป็นประโยชน์แก่จำเลยที่ 2
ปัญหาที่ว่ารถโจทก์บรรทุกสังกะสีมาเป็นจำนวนเท่าใดและเหตุที่เกิดขึ้นทำให้สังกะสีต้องบุบสลายเสียหายไปเป็นจำนวนตามที่โจทก์ฟ้องหรือไม่จำเลยที่ 2 ไม่ได้ให้การต่อสู้ไว้ จึงเป็นข้อที่ไม่ได้ยกขึ้นว่ากันมาแล้วในศาลชั้นต้นแม้ปัญหาดังกล่าวศาลอุทธรณ์จะได้วินิจฉัยมาก็ไม่ชอบด้วยกระบวนพิจารณา ศาลฎีกาไม่รับวินิจฉัยตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 249
ทรัพย์สินของโจทก์ต้องบุบสลาย เสียหายและสูญหายเพราะเกิดจากผลแห่งการละเมิดของจำเลยที่ 1 ซึ่งจำเลยที่ 2 จะต้องร่วมรับผิดในฐานะนายจ้างด้วยโดยตรง แม้คนของโจทก์หรือคนของจำเลยที่ 2 ต่างก็ไม่สามารถคุ้มครองทรัพย์สินเหล่านั้นได้ความเสียหายของโจทก์ในส่วนนี้จึงเป็นผลโดยตรงจากการละเมิดไม่ใช่เหตุสุดวิสัย

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3170/2529

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การขอพิจารณาใหม่ต้องยื่นภายใน 15 วันนับจากเหตุสุดวิสัย หรือภายใน 6 เดือนนับแต่การบังคับคดี เกินกำหนดไม่มีสิทธิ
เมื่อศาลฎีกาพิพากษาแล้วศาลชั้นต้นได้ออกคำบังคับให้จำเลยปฏิบัติตามคำพิพากษาศาลฎีกาภายใน30วันและได้ส่งคำบังคับให้แก่จำเลยโดยวิธีปิดประกาศหน้าศาลเมื่อวันที่3สิงหาคม2521หลังจากครบกำหนดตามคำบังคับแล้วโจทก์ได้ดำเนินการขอให้ศาลบังคับคดีขับไล่บริวารจำเลยออกไปจากที่ดินและสิ่งปลูกสร้างตลอดมาและเมื่อวันที่4พฤศจิกายน2526ได้ยื่นคำร้องขอให้ศาลออกหมายจับจำเลยมาเพื่อปฏิบัติตามคำพิพากษาต่อไปศาลชั้นต้นสั่งให้หมายเรียกจำเลยมาสอบถามในวันที่27ธันวาคม2526จำเลยรับหมายเรียกวันที่11ธันวาคม2527ถึงวันนัดสอบถามจำเลยก็แถลงว่ายังอยู่ในที่พิพาทและขอเวลาขนย้ายทรัพย์สินออกไปภายใน2เดือนการที่จำเลยอยู่ในที่พิพาทและแถลงยินยอมออกไปจากที่พิพาทแสดงว่าจำเลยได้ทราบถึงการถูกฟ้องการส่งคำบังคับและการบังคับตามคำพิพากษาที่กระทำกันมาแต่ต้นเป็นอย่างดีแล้วจำเลยยื่นคำขอให้พิจารณาใหม่วันที่11มกราคม2526จึงเป็นการยื่นคำขอให้พิจารณาใหม่เกินกำหนดเวลา15วันนับแต่พฤติการณ์นอกเหนือไม่อาจบังคับได้สิ้นสุดลงทั้งยังพ้นกำหนด6เดือนนับแต่วันที่มีการบังคับตามคำพิพากษาจำเลยจึงไม่มีสิทธิขอให้พิจารณาใหม่ได้.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 258-259/2529

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การพิจารณาคำร้องขอพิจารณาคดีใหม่ในคดีแรงงาน หากจำเลยไม่ทราบวันนัดเนื่องจากเหตุสุดวิสัย
จำเลยในคดีแรงงานยื่นคำร้องขอพิจารณาใหม่อ้างว่าเจ้าพนักงานศาลปิดสำเนาฟ้องและหมายเรียกจำเลยณที่อื่นซึ่งมิใช่ภูมิลำเนาของจำเลยและในช่วงวันนัดถึงวันชี้ขาดตัดสินคดีผู้แทนของจำเลยเดินทางไปต่างจังหวัดหากข้อเท็จจริงเป็นดังจำเลยอ้างจำเลยย่อมไม่สามารถจะแถลงขอให้ศาลพิจารณาใหม่ภายใน7วันนับแต่วันที่ศาลแรงงานมีคำสั่งว่าจำเลยขาดนัดตามพระราชบัญญัติจัดตั้งศาลแรงงานฯมาตรา41ได้เพื่อยังความยุติธรรมให้เกิดขึ้นโดยแท้จริงสมควรนำประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา208มาใช้บังคับโดยอนุโลมกล่าวคือศาลแรงงานกลางต้องไต่สวนคำร้องของจำเลยแล้วมีคำสั่งใหม่.(ที่มา-ส่งเสริมฯ)

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1824/2529 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ เหตุสุดวิสัยกับการรับผิดทางละเมิด: ข้อเท็จจริงในคดีอาญาผูกพันคดีแพ่ง
ศาลพิพากษาในคดีอาญาว่าเหตุที่เกิดขึ้นเป็นเพราะเหตุสุดวิสัยไม่ใช่เพราะความประมาทของจำเลยที่1เช่นนี้โจทก์ที่1และโจทก์ที่2ซึ่งเป็นผู้เสียหายในคดีอาญาดังกล่าวจึงต้องถูกผูกพันด้วยศาลจำต้องฟังในคดีแพ่งว่าจำเลยที่1มิได้ประมาทเลินเล่อจำเลยทั้งสองจึงไม่ต้องรับผิดชดใช้ค่าเสียหายให้แก่โจทก์ที่1และโจทก์ที่2.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1607/2529 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ความรับผิดของผู้ขนส่งทางทะเลกรณีเรือล่มจากคลื่น: เหตุสุดวิสัยต้องพิสูจน์ความร้ายแรงผิดปกติ
ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 616 ผู้ขนส่งจะต้องรับผิดในการที่ของอันเขาได้มอบหมายแก่ตนนั้นสูญหายหรือบุบสลาย เว้นแต่จะพิสูจน์ได้ว่าเป็นเหตุสุดวิสัย เมื่อปรากฏว่าเรือลำเลียงที่จำเลยที่ 1 ใช้ขนส่งจอดอยู่ที่ท่ากำลังบรรทุกสินค้า มีคลื่นจากเรืออื่นมาทำให้เรือลำเลียงนั้นโคลงและล่มลง เมื่อไม่ปรากฏว่าคลื่นนั้นมีความร้ายแรงผิดปกติ จนไม่อาจคาดหมายหรือไม่อาจป้องกันมิให้เรือลำเลียงล่มได้ จำเลยที่ 1 ย่อมคาดหมายได้ว่าจะมีคลื่นมากระทบเรือลำเลียง และอาจมีการระมัดระวังมิให้เรือลำเลียงล่มเพราะถูกคลื่นกระทบได้การที่เรือล่มจึงไม่ใช่ผลบังคับที่ไม่อาจป้องกันได้ และมิใช่เหตุสุดวิสัย จำเลยที่ 1 จึงต้องรับผิดตามบทกฎหมายดังกล่าว

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1277-1278/2529

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ นายจ้างต้องจ่ายค่าจ้างแม้โรงงานเสียหายจากเหตุสุดวิสัย หากไม่ได้เลิกจ้างลูกจ้าง และสิทธิลูกจ้างในการเรียกร้องค่าจ้าง
ค่าจ้างเป็นเงินซึ่งกำหนดขึ้นตามข้อตกลงของสัญญาจ้างแรงงานหรือข้อตกลงเกี่ยวกับสภาพการจ้างตราบใดที่การจ้างยังไม่ระงับนายจ้างผูกพันต้องจ่ายค่าจ้างให้ตามสัญญาจ้างแรงงานหรือข้อตกลงเกี่ยวกับสภาพการจ้างแม้จำเลยซึ่งเป็นนายจ้างจะต้องหยุดกิจการเพราะโรงงานถูกเพลิงไหม้จนไม่สามารถประกอบกิจการต่อไปได้แต่เมื่อจำเลยมิได้เลิกจ้างโจทก์ซึ่งเป็นลูกจ้างการจ้างจึงยังไม่ระงับและไม่ปรากฏตามสัญญาจ้างแรงงานหรือข้อตกลงเกี่ยวกับสภาพการจ้างกำหนดเป็นข้อยกเว้นไว้ว่าในกรณีเช่นนี้จำเลยมีสิทธิงดจ่ายค่าจ้างให้แก่ลูกจ้างจำเลยจึงจะอ้างเหตุที่จำเลยประสบภัยเป็นข้ออ้างเพื่อไม่จ่ายค่าจ้างให้แก่โจทก์ไม่ได้ โจทก์ฟ้องเรียกค่าจ้างสำหรับช่วงระยะเวลาที่จำเลยหยุดกิจการและโจทก์มิได้ทำงานให้แก่จำเลยเป็นการเรียกร้องโดยอาศัยสิทธิตามสัญญาจ้างแรงงานหรือข้อตกลงเกี่ยวกับสภาพการจ้างจึงไม่ถือว่าเป็นการฟ้องเรียกค่าเสียหายและเมื่อค่าจ้างกำหนดอัตราแน่นอนและตายตัวศาลจะใช้ดุลพินิจลดอัตราค่าจ้างที่จำเลยต้องชำระให้แก่โจทก์โดยถือเสมือนหนึ่งเป็นค่าเสียหายหาได้ไม่ คำขอท้ายฟ้องของโจทก์ระบุคลุมๆแต่เพียงว่าให้จำเลยจ่ายดอกเบี้ยของค่าจ้างแต่ละงวดนับตั้งแต่วันผิดนัดมิได้ระบุให้ชัดแจ้งว่าค่าจ้างแต่ละงวดเป็นเงินเท่าใดและจำเลยผิดนัดงวดใดตั้งแต่วันใดนั้นไม่ละเอียดชัดแจ้งเพียงพอศาลย่อมพิพากษาตามคำขอของโจทก์ไม่ได้แต่ในวันที่โจทก์ฟ้องเรียกค่าจ้างนั้นค่าจ้างถึงกำหนดจ่ายแล้วการที่จำเลยไม่จ่ายให้แก่โจทก์ตามกำหนดถือว่าจำเลยผิดนัดจำเลยจึงต้องรับผิดเรื่องดอกเบี้ยตั้งแต่วันที่โจทก์ฟ้องคดีเป็นต้นไป.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 4574/2528

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ สัญญาเช่าซื้อระงับจากเหตุสุดวิสัย (รถถูกปล้น) เช็คที่ออกก่อนเหตุไม่มีมูลหนี้
รถแทรกเตอร์ที่จำเลยที่ 1 เช่าซื้อจากโจทก์ร่วมถูกผู้ก่อการร้ายปล้นเอาไปจากจำเลยที่ 1 เป็นผลทำให้สัญญาเช่าซื้อระงับไปตั้งแต่วันก่อนถึงกำหนดที่จำเลยที่ 1ต้องชำระค่าเช่าซื้องวดแรก จำเลยที่ 1 จึงไม่ต้องรับผิดชำระค่าเช่าซื้อตามที่กำหนดไว้ในสัญญาเช่าซื้ออีก เช็คทั้งสองฉบับที่จำเลยที่ 1 ออกให้เพื่อชำระค่าเช่าซื้อให้โจทก์ร่วมจึงไม่มีมูลหนี้ ทั้งไม่ได้ความว่าโจทก์ร่วมและจำเลยที่ 1 ได้ตกลงให้เอาเช็คดังกล่าว เป็นการชำระหนี้ที่จำเลยที่ 1 ต้องรับผิดตามสัญญาเช่าซื้ออันเนื่องมาจากรถแทรกเตอร์ที่เช่าซื้อสูญหายหรือเสียหาย จำเลยที่ 1กับจำเลยที่ 2 ผู้ซึ่งเป็นกรรมการผู้ลงลายมือชื่อในเช็คแทนจำเลยที่ 1 จึงไม่มีความผิดตามพระราชบัญญัติว่าด้วยความผิดอันเกิดจากการใช้เช็ค

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 446/2527 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ค่ารักษาพยาบาลลูกจ้าง: การบาดเจ็บจากเหตุสุดวิสัย ไม่ถือเป็นการก่อให้เกิดเอง
การที่วัวของลูกจ้างจะออกลูก ลูกจ้างจึงให้สัตวแพทย์ ไป ทำคลอด สัตวแพทย์ให้ลูกจ้างช่วยจับวัว แล้ววัวเตะลูกจ้างซี่โครงหักนั้น แม้ข้อตกลงเกี่ยวกับสภาพการจ้างจะระบุว่า ลูกจ้างไม่มีสิทธิเบิกเงินค่ารักษาพยาบาลหากการเจ็บป่วยนั้นลูกจ้างก่อให้เกิดขึ้นเองก็ตาม แต่การเจ็บป่วยดังกล่าวลูกจ้างไม่อาจคาดคิดมาก่อน และมิใช่เป็นผลโดยตรงจากการที่ลูกจ้างเข้าไปจับวัว จึงหาใช่เป็นการเจ็บป่วยที่ลูกจ้างก่อให้เกิดขึ้นเองแต่อย่างใดไม่ นายจ้างต้องจ่ายค่ารักษาพยาบาลแก่ลูกจ้าง

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1379/2527 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ เหตุสุดวิสัยทำให้ไม่ต้องรับผิดตามสัญญา และการรับสภาพหนี้ที่ไม่มีมูลหนี้
จำเลยทำสัญญารับจ้างเฝ้ารักษาไม้ของกลางไว้แก่โจทก์ ถ้าไม้ขาดหายหรือเป็นอันตรายจำเลยยอมให้ปรับเป็นเงิน ต่อมาเกิดอุทกภัยพัดพาเอาไม้ของกลางสูญหายไปทั้งหมดอันถือได้ว่าเป็นเหตุสุดวิสัย จึงไม่ก่อให้เกิดหนี้ที่จำเลยต้องรับผิดตามสัญญาฉะนั้นแม้จำเลยจะทำหนังสือรับสภาพหนี้ไว้แก่โจทก์และชำระหนี้ให้แก่โจทก์ไปบางส่วนแล้ว ก็หามีผลให้จำเลยต้องรับผิดชำระหนี้ตามหนังสือรับสภาพหนี้แก่โจทก์อีกไม่เพราะเป็นการรับสภาพหนี้โดยปราศจากมูลหนี้ที่จะให้รับสภาพ จึงไม่มีผลบังคับแก่กัน(อ้างคำพิพากษาฎีกาที่ 484/2516).
of 52