พบผลลัพธ์ทั้งหมด 3,483 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 420/2493 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การอุทธรณ์คำพิพากษาที่ไม่ริบของกลาง: ปัญหาข้อเท็จจริงที่ศาลฎีกาไม่รับพิจารณา
ปืนของกลางในคดีที่หาว่าจำเลยหยิบปืนของผู้อื่นซึ่งมีไว้โดยถูกต้องตามกฎหมายไปโดบยไม่ได้รับอนุญาตนั้น เมื่อศาลล่างลงโทษปรับเพียง 100 บาท และศาลอุทธรณ์พิพากษายืนตามศาลล่างในข้อไม่ริบปืน โดยเห็นว่ายังไม่ควรริบ ดังนี้ ถือว่าเป็นปัญหาข้อเท็จจริง โจทก์ฎีกาไม่ได้ โดยต้องห้าม
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1895/2493
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การเพิกถอนการเรียกเก็บภาษีต้องอุทธรณ์ตามขั้นตอน หากไม่ทำตามสิทธิในการฟ้องศาลเป็นอันสิ้นสุด
การฟ้องศาลขอให้เพิกถอนการเรียกเก็บภาษีร้านค้า เพราะพนักงานเจ้าหน้าที่เรียกเก็บไม่ถูกต้องนั้น ผู้เสียภาษีจะต้องเสียตามที่เจ้าหน้าที่ประเมินมาก่อนแล้วจึงอุทธรณ์ต่อข้าหลวงประจำจังหวัดหรืออธิบดีแล้วแต่กรณี ต่อจากนั้นจึงจะอุทธรณ์ต่อศาลได้ ถ้าโจทก์ไม่จัดการอุทธรณ์ตามเกณฑ์และวิธีการดั่งที่กฎหมายบัญญัติไว้แล้ว สิทธิของโจทก์ที่จะนำคดีขึ้นสู่ศาลก็หามีไม่ ศาลไม่มีอำนาจจะประทับฟ้องไว้พิจารณา และในกรณีเช่นนี้ แม้จำเลยจะไม่คัดค้านมาแต่ต้น ศาลสูงก็พิพากษายกฟ้องได้ เพราะเป็นเรื่องอำนาจฟ้องอันเนื่องว่าเกี่ยวด้วยความสงบเรียบร้อยของประชาชน
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1822/2493 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
คำสั่งระหว่างพิจารณาคดีอาญาที่ไม่ทำให้คดีเสร็จสิ้น ยังไม่สามารถอุทธรณ์หรือฎีกาได้
จำเลยยื่นคำร้องขอให้ศาลสั่งว่าฟ้องของโจทก์เคลือบคลุมศาลชั้นต้นสั่งว่าไม่เป็นฟ้องเคลือบคลุม ให้ยกคำร้องของจำเลยเช่นนี้ คำสั่งของศาลชั้นต้นเป็นคำสั่งระหว่างพิจารณาที่ไม่ทำให้คดีเสร็จสำนวน, ยังอุทธรณ์คำสั่งไม่ได้ตามมาตรา 196 แห่ง ป.ม.วิ.อาญา
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1822/2493
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
คำสั่งระหว่างพิจารณาที่ไม่ทำให้คดีเสร็จสิ้น ไม่สามารถอุทธรณ์หรือฎีกาได้
จำเลยยื่นคำร้องขอให้ศาลสั่งว่าฟ้องของโจทก์เคลือบคลุม ศาลชั้นต้นสั่งว่า ไม่เป็นฟ้องเคลือบคลุม ให้ยกคำร้องของจำเลย เช่นนี้ คำสั่งของศาลชั้นต้นเป็นคำสั่งระหว่างพิจารณาที่ไม่ทำให้คดีเสร็จสำนวนยังอุทธรณ์คำสั่งไม่ได้ตามมาตรา 196 แห่งประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1682/2493
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การอุทธรณ์และฎีกาเพื่อขอลดโทษกักกัน ศาลฎีกายกรับฟังเนื่องจากเป็นดุลพินิจของศาลชั้นต้น
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืนตามคำพิพากษาศาลชั้นต้นให้ลงโทษจำคุกจำเลยไม่เกิน 5 ปี และกำหนดโทษกักกันไม่เกิน 5 ปีจำเลยจะฎีกาขอให้ลดหรืองดโทษกักกันอันเป็นเรื่องเกี่ยวแก่ดุลพินิจของศาล ซึ่งเป็นปัญหาข้อเท็จจริงนั้นไม่ได้ต้องห้ามตาม ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 218
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1669/2493 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การทิ้งฟ้องอุทธรณ์: ศาลมีอำนาจใช้ดุลยพินิจ ไม่จำกัดเฉพาะการจำหน่ายคดี
การทิ้งฟ้องตาม ป.ม.วิ.แพ่งมาตรา 174 นั้น ย่อมนำมาใช้บังคับแก่การทิ้งอุทธรณ์ได้โดยอนุโลม
(อ้างฎีกาที่ 679/2490)
ในกรณีที่โจทก์ทิ้งฟ้องตามมาตรา 174 นั้น ศาลมีอำนาจสั่งจำหน่ายคดีเสียจากสารบบความได้ตามมาตรา 132 แต่บทมาตรา 132 นี้ไม่ได้บังคับเด็ดขาดว่า ศาลต้องจำหน่ายคดีเป็นแต่ให้ศาลใช้ดุลยพินิจ ถ้าศาลไม่สั่งให้จำหน่ายคดีกรณีก็ต้องชี้ขาดตัดสินไปตามมาตรา 133
(อ้างคำสั่งคำร้องที่ 57/2493)
จำเลยอุทธรณ์คำพิพากษาศาลชั้นต้น แล้วนำเจ้าพนักงานไปส่งหมายนัดแก้อุทธรณ์ให้โจทก์เกินกำหนด 15 วันไป 1 วันนั้นศาลอาจเห็นว่า เป็นพฤติการณ์ที่ยังไม่สมควรที่จะจำหน่ายคดีของจำเลยได้
(อ้างฎีกาที่ 679/2490)
ในกรณีที่โจทก์ทิ้งฟ้องตามมาตรา 174 นั้น ศาลมีอำนาจสั่งจำหน่ายคดีเสียจากสารบบความได้ตามมาตรา 132 แต่บทมาตรา 132 นี้ไม่ได้บังคับเด็ดขาดว่า ศาลต้องจำหน่ายคดีเป็นแต่ให้ศาลใช้ดุลยพินิจ ถ้าศาลไม่สั่งให้จำหน่ายคดีกรณีก็ต้องชี้ขาดตัดสินไปตามมาตรา 133
(อ้างคำสั่งคำร้องที่ 57/2493)
จำเลยอุทธรณ์คำพิพากษาศาลชั้นต้น แล้วนำเจ้าพนักงานไปส่งหมายนัดแก้อุทธรณ์ให้โจทก์เกินกำหนด 15 วันไป 1 วันนั้นศาลอาจเห็นว่า เป็นพฤติการณ์ที่ยังไม่สมควรที่จะจำหน่ายคดีของจำเลยได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1669/2493
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การทิ้งฟ้องอุทธรณ์และการใช้ดุลพินิจของศาลในการจำหน่ายคดี
การทิ้งฟ้องตาม ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 174นั้น ย่อมนำมาใช้บังคับแก่การทิ้งอุทธรณ์ได้โดยอนุโลม(อ้างฎีกาที่ 679/2490)
ในกรณีที่โจทก์ทิ้งฟ้องตามมาตรา 174 นั้น ศาลมีอำนาจสั่งจำหน่ายคดีเสียจากสารบบความได้ตามมาตรา 132 แต่บทมาตรา 132 นี้ไม่ได้บังคับเด็ดขาดว่า ศาลต้องจำหน่ายคดีเป็นแต่ให้ศาลใช้ดุลพินิจ ถ้าศาลไม่สั่งให้จำหน่ายคดีกรณีก็ต้องชี้ขาดตัดสินไปตามมาตรา 133 (อ้างคำสั่งคำร้องที่ 57/2493)
จำเลยอุทธรณ์คำพิพากษาศาลชั้นต้น แล้วนำเจ้าพนักงานไปส่งหมายนัดแก้อุทธรณ์ให้โจทก์เกินกำหนด 15 วันไป 1 วันนั้น ศาลอาจเห็นว่า เป็นพฤติการณ์ที่ยังไม่สมควรที่จะจำหน่ายคดีของจำเลยได้
ในกรณีที่โจทก์ทิ้งฟ้องตามมาตรา 174 นั้น ศาลมีอำนาจสั่งจำหน่ายคดีเสียจากสารบบความได้ตามมาตรา 132 แต่บทมาตรา 132 นี้ไม่ได้บังคับเด็ดขาดว่า ศาลต้องจำหน่ายคดีเป็นแต่ให้ศาลใช้ดุลพินิจ ถ้าศาลไม่สั่งให้จำหน่ายคดีกรณีก็ต้องชี้ขาดตัดสินไปตามมาตรา 133 (อ้างคำสั่งคำร้องที่ 57/2493)
จำเลยอุทธรณ์คำพิพากษาศาลชั้นต้น แล้วนำเจ้าพนักงานไปส่งหมายนัดแก้อุทธรณ์ให้โจทก์เกินกำหนด 15 วันไป 1 วันนั้น ศาลอาจเห็นว่า เป็นพฤติการณ์ที่ยังไม่สมควรที่จะจำหน่ายคดีของจำเลยได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1438/2493
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ฟ้องซ้ำหลังศาลสั่งไม่บังคับตามยอม โจทก์ต้องอุทธรณ์คำสั่ง ไม่ใช่ฟ้องใหม่
โจทก์ฟ้องจำเลยขอไถ่ถอนการขายฝากที่ดิน แล้วตกลงทำสัญญาประนีประนอมยอมความยอมให้โจทก์ไถ่ถอนได้ภายในกำหนด 2 เดือน ศาลพิพากษาตามยอม ครั้นครบกำหนดแล้ว โจทก์ไม่นำเงินไปขอไถ่ถอน เพิ่งจะเอาเงินไปขอไถ่ถอนภายหลัง จำเลยจึงไม่ยอมให้ไถ่ถอน โจทก์ไปร้องต่อศาลศาลสั่งไม่บังคับให้ แต่โจทก์ก็มิได้อุทธรณ์ฎีกาคำสั่งศาล กลับนำคดีมาฟ้องขอให้ศาลบังคับให้จำเลยยอมให้โจทก์ไถ่ถอนที่ดินแปลงนี้อีก ดังนี้ ถือว่าเป็นฟ้องซ้ำ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1270/2493 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การไม่ส่งสำเนาคำฟ้องอุทธรณ์และผลกระทบต่อการฎีกา: คำสั่งระหว่างพิจารณาต้องห้ามฎีกา
โจทก์อุทธรณ์คำพิพากษาศาลชั้นต้น แต่ไม่ดำเนินการส่งสำเนาแก่จำเลย ศาลชั้นต้นเห็นว่าโจทก์ทิ้งฟ้อง (อุทธรณ์) จึงส่งสำนวนไปยังศาลอุทธรณ์มีคำสั่งแต่ศาลอุทธรณ์เห็นว่ายังไม่เข้ากรณีทิ้งฟ้องจึงสั่งให้ศาลชั้นต้นสั่งกำหนดวันให้โจทก์มานำเจ้าพนักงานศาลนำหมายนัดและสำเนาอุทธรณ์เพื่อส่งแก่จำเลย ดังนี้ถือว่าคำสั่งของศาลอุทธรณ์เป็นคำสั่งระหว่างพิจารณาต้องห้ามมิให้ฎีกาตาม ป.ม.วิ.แพ่งมาตรา 247, 226
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1270/2493
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การไม่ส่งสำเนาอุทธรณ์ให้จำเลย และผลกระทบต่อการฎีกา
โจทก์อุทธรณ์คำพิพากษาศาลชั้นต้น แต่ไม่ดำเนินการส่งสำเนาแก่จำเลยศาลชั้นต้นเห็นว่าโจทก์ทิ้งฟ้อง(อุทธรณ์)จึงส่งสำนวนไปยังศาลอุทธรณ์มีคำสั่งแต่ศาลอุทธรณ์เห็นว่ายังไม่เข้ากรณีทิ้งฟ้อง จึงสั่งให้ศาลชั้นต้นสั่งกำหนดวันให้โจทก์มานำเจ้าพนักงานศาลนำหมายนัดและสำเนาอุทธรณ์เพื่อส่งแก่จำเลย ดังนี้ ถือว่า คำสั่งของศาลอุทธรณ์เป็นคำสั่งระหว่างพิจารณาต้องห้ามมิให้ฎีกาตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 247,226