คำพิพากษาที่อยู่ใน Tags
อุทธรณ์

พบผลลัพธ์ทั้งหมด 3,483 รายการ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1222/2493

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การอุทธรณ์ประเด็นที่ศาลชั้นต้นมิได้วินิจฉัย ถือเป็นอุทธรณ์ไม่เป็นประเด็น ศาลอุทธรณ์และศาลฎีกามีคำพิพากษายืน
โจทก์ฟ้องจำเลยหาว่า จำเลยสมยอมกันขายบ้านที่โจทก์เช่าอยู่แล้วยอมความกัน ให้จำเลยอีกคนหนึ่งรื้อบ้านไป จึงขอให้ศาลเพิกถอนสัญญาซื้อขาย สัญญายอมความและห้ามจำเลยรบกวนขัดขวางรอนสิทธิโจทก์ในการอยู่ในบ้านนี้
ศาลชั้นต้นตัดสินว่าโจทก์ได้รับความคุ้มครองตาม พระราชบัญญัติควบคุมค่าเช่าฯไม่จำต้องวินิจฉัยว่าจำเลยสมยอมกันหรือไม่ จึงพิพากษาห้ามจำเลยขัดขวางรบกวนสิทธิของโจทก์ในการเช่าบ้านหลังนี้ ดังนี้ สำหรับข้อที่โจทก์ได้รับความคุ้มครองตาม พระราชบัญญัติควบคุมค่าเช่าฯ ซึ่งศาลชั้นต้นยกขึ้นชี้ขาดให้จำเลยแพ้คดีจำเลยหาได้อุทธรณ์ไม่ จำเลยกลับไปอุทธรณ์ว่า จำเลยทำการโดยสุจริต ไม่ได้สมยอมกัน อันเป็นประเด็นที่ศาลชั้นต้นมิได้วินิจฉัย ดังนี้ ถือว่าอุทธรณ์ของจำเลยไม่เป็นประเด็นที่ศาลอุทธรณ์จะวินิจฉัย

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1040/2493

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การพิจารณาคดีอาญาเฉพาะจำเลยที่ได้รับสำเนาอุทธรณ์ กรณีจำเลยบางส่วนไม่ได้รับ
ในคดีอาญา เมื่อศาลชั้นต้นพิพากษายกฟ้อง ปล่อยตัวจำเลยไปโจทก์อุทธรณ์ แต่ส่งสำเนาอุทธรณ์ให้จำเลยได้คนเดียว จำเลยอีกคนหนึ่งส่งสำเนาอุทธรณ์ให้ไม่ได้นั้น ศาลอุทธรณ์ชอบที่จะพิจารณาคดีเฉพาะตัวจำเลยที่รับอุทธรณ์แล้วต่อไป ไม่ควรจะสั่งจำหน่ายคดีชั่วคราว เสียทั้งหมด ถ้าศาลอุทธรณ์สั่งจำหน่ายคดีเสียทั้งสองคน ศาลฎีกามีอำนาจที่จะพิพากษาให้ศาลอุทธรณ์รับพิจารณาคดีเฉพาะตัวจำเลยที่รับอุทธรณ์แล้วต่อไปได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 753/2492

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ อำนาจฟ้องนายกเทศมนตรีในฐานะบุคคลธรรมดา กรณีภาษีโรงเรือนและการอุทธรณ์การประเมิน
โจทก์ฟ้องเรียกเงินค่าภาษีโรงเรือนที่เจ้าหน้าที่ประเมินเกินไป โดยกล่าวในฟ้องว่าโจทก์ฟ้องนายทับ ณ พัทลุง ในนามนายกเทศมนตรีเมืองพัทลุงเป็นจำเลย ย่อมเป็นการฟ้องบุคคลธรรมดาในตำแหน่งหน้าที่ของเขา
ตามพระราชบัญญัติปันรายได้บำรุงเทศบาล 2478 มาตรา 4 ซึ่งบัญญัติว่า ภาษีโรงเรือน ซึ่งจะพึงเรียกเก็บได้ในเขตเทศบาลให้โอนให้เทศบาลเรียกเก็บเป็นรายได้ของเทศบาล และให้เทศบาลมีอำนาจและหน้าที่แต่งตั้งเจ้าหน้าที่เพื่อการนี้ประกอบกับ พระราชบัญญัติเทศบาล 2481 มาตรา 36 บัญญัติว่าในการบริหารการเทศบาลทั้งหลาย ให้นายกเทศมนตรีเป็นหัวหน้าดำเนินกิจการทั้งปวงของเทศบาล ดังนี้ นายกเทศมนตรีซึ่งเป็นบุคคลธรรมดาโดยตำแหน่งหน้าที่นายกเทศมนตรีจึงอาจฟ้อง หรือถูกฟ้องเป็นคดีความในโรงศาลได้ ไม่จำเป็นต้องเอานิติบุคคลเข้ามาเป็นคู่ความเสมอไป(ประชุมใหญ่ ครั้งที่ 11/92)

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 733/2492 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ สิทธิอุทธรณ์คำสั่งศาลระหว่างพิจารณาคดี และอำนาจบังคับให้ประมูล
โจทก์ยื่นคำร้องขอให้ศาลสั่งห้ามมิให้จำเลยทำนาพิพาทระหว่างความ หรือเรียกคู่ความมาประมูลเช่านาพิพาท ศาลชั้นต้นมีคำสั่งให้คู่ความประมูลเช่านาพิพาทกัน ดังนี้ เป็นคำสั่งเกี่ยวด้วยคำขอเพื่อคุ้มครองประโยชน์ของคู่ความในระหว่างการพิจารณาตาม ป.ม.วิ.แพ่ง มาตรา 228 (2) ซึ่งคู่ความย่อมอุทธรณ์ได้ภายในกำหนด 1 เดือนนับแต่วันมีคำสั่งเป็นต้นไป.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 733/2492

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ สิทธิอุทธรณ์คำสั่งศาลระหว่างพิจารณาคดี และการบังคับให้เข้าประมูล
โจทก์ยื่นคำร้องขอให้ศาลสั่งห้ามมิให้จำเลยทำนาพิพาทระหว่างความ หรือเรียกคู่ความมาประมูลเช่านาพิพาท ศาลชั้นต้นมีคำสั่งให้คู่ความประมูลเช่านาพิพาทกันดังนี้เป็นคำสั่งเกี่ยวด้วยคำขอเพื่อคุ้มครองประโยชน์ของคู่ความในระหว่างการพิจารณาตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 228(2) ซึ่งคู่ความย่อมอุทธรณ์ได้ภายในกำหนด 1 เดือนนับแต่วันมีคำสั่งเป็นต้นไป

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 592/2492

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ฎีกาต้องห้ามเมื่อศาลอุทธรณ์แก้ไขเล็กน้อยในประเด็นข้อเท็จจริง ทำให้จำเลยไม่สามารถอุทธรณ์ข้อเท็จจริงเดิมได้
โจทก์ฟ้องขอให้ขับไล่จำเลยออกจากที่ดิน 2 แปลงอันมีราคา 1,500 บาทศาลชั้นต้นพิพากษาว่าที่ดินแปลงหนึ่งเป็นของจำเลย ให้ขับไล่จำเลยออกจากที่อีกแปลงหนึ่ง ศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้ว่าที่ดินทั้งหมดเป็นของโจทก์ ให้ขับไล่จำเลย จำเลยฎีกาและตั้งทุนทรัพย์ที่ดินที่ศาลชั้นต้นฟังว่าเป็นของจำเลยราคา 700 บาท ดังนี้ ศาลอุทธรณ์แก้ไขเล็กน้อย จำเลยฎีกาในข้อเท็จจริงไม่ได้ ต้องห้ามตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 248

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 232/2492 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ สิทธิการรับมฤดกยังคงมีอยู่ แม้มิได้อุทธรณ์คำพิพากษาศาลชั้นต้น และสามารถร้องขอเป็นโจทก์ร่วมได้ระหว่างพิจารณา
ศาลได้อนุญาตให้ผู้ร้อง ร้องขอแบ่งมฤดกในฐานทายาท ศาลชั้นต้นยกฟ้อง ผู้ร้องไม่ได้อุทธรณ์คำพิพากษาศาลชั้นต้นด้วยกับโจทก์นั้น หาใช่เป็นการสละมฤดกตาม ก.ม.หรือต้องด้วยบทบัญญัติแห่งกฎหมายใด ที่จะทำให้สิทธิในการรับมฤดกของผู้ร้องต้องเสียไปไม่.
ในระหว่างพิจารณาทายาทมีสิทธิที่จะร้องขอส่วนแบ่งมฤดกในคดีที่ทายาทคนอื่นได้ฟ้องไว้แล้ว.
ประชุมใหญ่ ครั้งที่ 6-7/2492

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1806/2492 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การวางเงินค่าธรรมเนียมหลังพ้นกำหนดอุทธรณ์ ทำให้ศาลไม่รับพิจารณาอุทธรณ์
จำเลยวางเงินค่าธรรมเนียม ซึ่งจะต้องใช้แทนโจทก์เมื่อพ้นกำหนดอายุอุทธรณ์โดยไม่ปรากฎพฤตติการณ์พิเศษ แม้ศาลชั้นต้นจะรับอุทธรณ์ไว้แล้ว ก็ขัดต่อมาตรา 229 จะรับอุทธรณ์ไว้วินิจฉัยมิได้.
(อ้างฎีกาที่ 51/2489)

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1806/2492

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การวางเงินค่าธรรมเนียมหลังพ้นกำหนดอุทธรณ์ ทำให้ศาลไม่รับพิจารณาอุทธรณ์
จำเลยวางเงินค่าธรรมเนียมซึ่งจะต้องใช้แทนโจทก์เมื่อพ้นกำหนดอายุอุทธรณ์โดยไม่ปรากฏพฤติการณ์พิเศษ แม้ศาลชั้นต้นจะรับอุทธรณ์ไว้แล้ว ก็ขัดต่อมาตรา 229 จะรับอุทธรณ์ไว้วินิจฉัยมิได้ (อ้างฎีกาที่ 51/2489)

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1472-1473/2492 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ อุทธรณ์ต้องระบุประเด็นชัดเจนต่อเนื่องจากอุทธรณ์เดิม ศาลต้องพิจารณาตามประเด็นที่อุทธรณ์
ฟ้องอุทธรณ์หรือฟ้องฎีกาจะต้องตั้งประเด็นตามมาตรา 225 และต้องแสดงเหตุผลประกอบตามมาตรา 172 ป.ม.วิ.แพ่ง
ศาลชั้นต้นสืบพะยานของ ป.สองปากแล้วสั่งงดสืบพะยานของ ป. และพิพากษาให้ ป.แพ้คดี ป.ยื่นอุทธรณ์ว่าศาลชั้นต้นสั่งงดสืบพะยานไม่ชอบ และว่าพะยานหลักฐานของ ป.เท่าที่สืบมาแล้วควรฟังได้ เพราะเหตุใด ศาลอุทธรณ์วินิจฉัยแต่เรื่องงดสืบพะยาน แล้วพิพากษาให้ศาลชั้นต้นสืบพะยานต่อไปและพิพากษาใหม่ศาลชั้นต้นสืบพะยานแล้วพิพากษาให้ ป.แพ้คดีตามเดิม ป.ยื่นอุทธรณ์เป็นครั้งที่ 2 บรรยาย การดำเนินคดีมาตั้งแต่ต้นและกล่าวว่า คำพิพากษาศาลชั้นต้นคลาดเคลื่อนต่อเหตุผลและข้อกฎหมายดังที่ ป.ได้ยกเป็นองค์อุทธรณ์ ในคำฟ้องอุทธรณ์เดิมแล้วขอศาลอุทธรณ์ได้ถือเอาคำฟ้องอุทธรณ์ฉะบับเดิมของ ป.มาเป็นองค์อุทธรณ์ในชั้นนี้ทุกประการด้วย ดังนี้เห็นได้ว่า คำฟ้องอุทธรณ์ใหม่ของ ป.ต่อเนื่องมาจากคำฟ้องอุทธรณ์เดิม ไม่ได้อ้างถึงถ้อยคำอื่นในสำนวนเช่นคำแถลงการณ์เป็นต้น แต่ต้องอ้างถึงคำฟ้องอุทธรณ์ด้วยกันและต่อเนื่องกัน จึงเป็นอุทธรณ์ที่ใช้ได้ตามกฎหมาย
of 349