พบผลลัพธ์ทั้งหมด 4,077 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1742/2500 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การเช่าห้องเพื่อทำการค้า: พฤติการณ์ที่แสดงเจตนาใช้เพื่อการค้า ทำให้ไม่ได้รับความคุ้มครองตาม พ.ร.บ.ควบคุมค่าเช่า
จำเลยเช่าห้องซึ่งตั้งอยู่ในทำเลการค้า สัญญาเช่าก็ระบุว่าเช่าเพื่อทำการค้า และเมื่อทำสัญญาแล้วจำเลยไปจดทะเบียนการค้าและยกป้ายร้านไว้หน้าห้อง การค้าของจำเลยคือรับผลไม้มาขายโดยนำไปขายที่แผงลอยอีกแห่งหนึ่ง และที่ห้องพิพาทก็มีการขายของอื่นอีกบ้าง แม้จำเลยจะใช้ห้องพิพาทเป็นที่อยู่อาศัยก็ต้องถือว่าเช่าเพื่อการค้า ไม่ได้รับความคุ้มครองตาม พ.ร.บ. ควบคุมค่าเช่าฯ.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1708/2500
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การขยายเวลาวางค่าธรรมเนียมอุทธรณ์: ศาลพิจารณาเจตนาจำเลยและประโยชน์แห่งความยุติธรรม
จำเลยอุทธรณ์โดยมิได้วางเงินค่าธรรมเนียมที่ต้องใช้แทนโจทก์ตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น แต่ศาลชั้นต้นก็ได้รับอุทธรณ์ไว้โดยจำเลยไม่มีเจตนาที่จะไม่วางเงินนั้น และต่อมาก็ได้นำมาวางแล้ว ศาลอุทธรณ์พิพากษายกอุทธรณ์ ศาลฎีกาถือว่าศาลได้ขยายเวลาวางเงินค่าธรรมเนียมให้แล้วให้ยกคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ ให้ศาลอุทธรณ์พิจารณาพิพากษาใหม่
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1689/2500
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
คำฟ้องอาญาต้องระบุเจตนาที่ชัดเจน หากมิได้ระบุเจตนาฆ่า แม้โจทก์อ้างมาตรา 250 ก็ลงโทษไม่ได้ และการนับโทษต่อต้องมีข้อมูลสนับสนุน
ฟ้องโจทก์กล่าวว่าจำเลยกับพวกได้สมคบกันมีอาวุธปืนและไม้ฆ้อนเป็นศาสตราวุธตียิงทำร้ายร่างกายนายกุ่นและนายมาเป็นบาดแผลถึงบาดเจ็บสาหัส ทั้งนี้โดยจำเลยประสงค์จะเอาทรัพย์แล้วจำเลยกับพวกได้ปล้นเอาทรัพย์ของนายกุ่นนายมาไป ฯลฯ นายกุ่นได้ถึงแก่ความตามโดยพิษบาดแผลที่ถูกทำร้าย ฯลฯ ดังนี้เห็นได้ชัดว่าฟ้องโจทก์บรรยายถึงแต่เรื่องปล้นทรัพย์และเจ้าทรัพย์ถูกทำร้ายมีบาดเจ็บสาหัสและถึงตาย มิได้ระบุว่าจำเลยมีเจตนาฆ่าเจ้าทรัพย์เลย จะอ้างว่าโจทก์ได้ใส่หัวเรื่องในข้อหาฐานความผิดว่าสมคบกันทำการปล้นทรัพย์และฆ่าคนตายโดยเจตนามาประกอบฟ้องให้เข้าเกณฑ์ความผิดตาม ม.250 ก็ไม่ได้ เพราะว่าหัวเรื่องนั้นไม่เรียกว่าบรรยายคำฟ้อง ดังนี้แม้โจทก์จะอ้างบทมาตรา 250 มาด้วยก็ดี ก็ลงโทษจำเลยตาม ม.250 ไม่ได้เพราะว่าจำเลยเข้าใจข้อหาแต่เพียงว่าการปล้นทรัพย์ของจำเลยได้ทำให้เจ้าทรัพย์มีบาดเจ็บสาหัส
เมื่อไม่ปรากฎในสำนวนเลยว่าจำเลยเป็นคนๆเดียวกับในคดีที่โจทก์ขอให้นับโทษต่อ ทั้งไม่ปรากฎว่าได้ต้องโทษอยู่ในคดีดังกล่าว และจำเลยก็มิได้ให้การรับ ดังนี้จึงนับโทษต่อให้ไม่ได้
เมื่อไม่ปรากฎในสำนวนเลยว่าจำเลยเป็นคนๆเดียวกับในคดีที่โจทก์ขอให้นับโทษต่อ ทั้งไม่ปรากฎว่าได้ต้องโทษอยู่ในคดีดังกล่าว และจำเลยก็มิได้ให้การรับ ดังนี้จึงนับโทษต่อให้ไม่ได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1685/2500 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การบรรยายฟ้องอาญาต้องชัดเจนถึงเจตนา หากไม่ระบุเจตนาฆ่า แม้มีหัวเรื่องความผิดฐานฆ่า ก็ลงโทษไม่ได้ และการนับโทษต่อต้องมีหลักฐานชัดเจน
ฟ้องโจทก์กล่าวว่าจำเลยกับพวกได้สมคบกันมีอาวุธปืนและไม้ฆ้อนเป็นศาสตราวุธตียิงทำร้ายร่างกายนายกุ่นและนายมาเป็นบาดแผลถึงบาดเจ็บสาหัส ทั้งนี้โดยจำเลยประสงค์จะเอาทรัพย์แล้วจำเลยกับพวกได้ปล้นเอาทรัพย์ของนายกุ่นนายมาไป ฯลฯ นายกุ่นได้ถึงแก่ความตายโดยพิษบาดแผลที่ถูกทำร้าย ฯลฯ ดังนี้เห็นได้ชัดว่าฟ้องโจทก์บรรยายถึงแต่เรื่องปล้นทรัพย์และเจ้าทรัพย์ถูกทำร้ายมีบาดเจ็บสาหัสและถึงตาย มิได้ระบุว่าจำเลยมีเจตนาฆ่าเจ้าทรัพย์เลย จะอ้างว่าโจทก์ได้ใส่หัวเรื่องในข้อหาฐานความผิดว่าสมคบกันทำการปล้นทรัพย์และฆ่าคนตายโดยเจตนามาประกอบฟ้องให้เข้าเกณฑ์ความผิดตาม ม.250 ก็ไม่ได้ เพราะหัวเรื่องนั้นไม่เรียกว่าบรรยายคำฟ้อง ดังนี้แม้โจทก์จะอ้างบทมาตรา 250 มาด้วยก็ดี ก็ลงโทษจำเลยตาม ม.250 ไม่ได้เพราะจำเลยเข้าใจข้อหาแต่เพียงว่าการปล้นทรัพย์ของจำเลยได้ทำให้เจ้าทรัพย์มีบาดเจ็บสาหัส
เมื่อไม่ปรากฎในสำนวนเลยว่าจำเลยเป็นคน ๆ เดียวกับในคดีที่โจทก์ขอให้นับโทษต่อ ทั้งไม่ปรากฎว่าได้ต้องโทษอยู่ในคดีดังกล่าว และจำเลยก็มิได้ให้การรับ ดังนี้จึงนับโทษต่อให้ไม่ได้
เมื่อไม่ปรากฎในสำนวนเลยว่าจำเลยเป็นคน ๆ เดียวกับในคดีที่โจทก์ขอให้นับโทษต่อ ทั้งไม่ปรากฎว่าได้ต้องโทษอยู่ในคดีดังกล่าว และจำเลยก็มิได้ให้การรับ ดังนี้จึงนับโทษต่อให้ไม่ได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1685/2500
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การบรรยายฟ้องอาญาต้องชัดเจนถึงเจตนา หากไม่ระบุเจตนาฆ่า แม้จะอ้างมาตรา 250 ก็ลงโทษไม่ได้ และการนับโทษต่อต้องมีหลักฐานชัดเจน
ฟ้องโจทก์กล่าวว่าจำเลยกับพวกได้สมคบกันมีอาวุธปืนและไม้ฆ้อนเป็นศาสตราวุธตียิงทำร้ายร่างกายนายกุ่นและนายมาเป็นบาดแผลถึงบาดเจ็บสาหัส ทั้งนี้โดยจำเลยประสงค์จะเอาทรัพย์แล้วจำเลยกับพวกได้ปล้นเอาทรัพย์ของนายกุ่นนายมาไป ฯลฯนายกุ่นได้ถึงแก่ความตายโดยพิษบาดแผลที่ถูกทำร้าย ฯลฯดังนี้เห็นได้ชัดว่าฟ้องโจทก์บรรยายถึงแต่เรื่องปล้นทรัพย์และเจ้าทรัพย์ถูกทำร้ายมีบาดเจ็บสาหัสและถึงตาย มิได้ระบุว่าจำเลยมีเจตนาฆ่าเจ้าทรัพย์เลย จะอ้างว่าโจทก์ได้ใส่หัวเรื่องในข้อหาฐานความผิดว่าสมคบกันทำการปล้นทรัพย์และฆ่าคนตายโดยเจตนามาประกอบฟ้องให้เข้าเกณฑ์ความผิดตามมาตรา 250 ก็ไม่ได้ เพราะหัวเรื่องนั้นไม่เรียกว่าบรรยายฟ้อง ดังนี้แม้โจทก์จะอ้างบทมาตรา 250 มาด้วยก็ดี ก็ลงโทษจำเลยตาม มาตรา 250 ไม่ได้ เพราะจำเลยเข้าใจข้อหาแต่เพียงว่าการปล้นทรัพย์ของจำเลยได้ทำให้เจ้าทรัพย์มีบาดเจ็บสาหัส
เมื่อไม่ปรากฏในสำนวนเลยว่าจำเลยเป็นคนคนเดียวกับในคดีที่โจทก์ขอให้นับโทษต่อ ทั้งไม่ปรากฏว่าได้ต้องโทษอยู่ในคดีดังกล่าว และจำเลยก็มิได้ให้การรับ ดังนี้จึงนับโทษต่อให้ไม่ได้
เมื่อไม่ปรากฏในสำนวนเลยว่าจำเลยเป็นคนคนเดียวกับในคดีที่โจทก์ขอให้นับโทษต่อ ทั้งไม่ปรากฏว่าได้ต้องโทษอยู่ในคดีดังกล่าว และจำเลยก็มิได้ให้การรับ ดังนี้จึงนับโทษต่อให้ไม่ได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1630/2500
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ความผิดฐานฆ่าคนตายโดยเจตนา: การใช้กฎหมายเก่าและกฎหมายใหม่
ประมวลกฎหมายอาญาซึ่งเป็นกฎหมายที่บัญญัติในภายหลังมิได้บัญญัติว่าการฆ่าคนตายโดยเจตนาไม่เป็นความผิด ฉะนั้นการที่จำเลยฆ่าคนเมื่อยังใช้กฎหมายลักษณะอาญาอยู่ จึงเป็นความผิดตลอดมา และศาลลงโทษจำเลยตามกฎหมายลักษณะอาญา มาตรา 249 ได้เพราะมาตรานี้กับมาตรา 288 แห่งประมวลกฎหมายอาญาซึ่งใช้บังคับอยู่ในขณะนี้มีกำหนดโทษเหมือนกัน
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1628/2500 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
หมิ่นประมาทจากการลงข่าวใส่ความเจ้าพนักงาน – กำนันและปลัดอำเภอ – เจตนาและบริบท
จำเลยลงข่าวในหนังสือพิมพ์ของจำเลยเป็นข้อความหมิ่นประมาทใส่ความกำนันตำบลหาดท่าเสา อำเภอเมือง จังหวัดชัยนาท ว่าให้สินบนพนักงานสอบสวนที่ทำการสอบสวนกำนันฐานทุจริตต่อหน้าที่ และพนักงานสอบสวนนั้นได้หน่วงเหนี่ยวสำนวนไว้เพื่อให้พยานกลับคำ เมื่อปรากฎว่ากำนันตำบลหาดท่าเสามีนายใบ โสภาสุข คนเดียว และนายใบ โสภาสุข กำลังถูกนายประโยชน์ แสงสอาด สอบสวนเรื่องทุจริตต่อหน้าที่ (สอบสวนคนเดียว) เช่นนี้จำเลยก็ย่อมมีผิดฐานหมิ่นประมาทใส่ความนายใบและนายประโยชน์ทั้งสองคน.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1626/2500
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ความผิดฐานลักทรัพย์หลังการฆ่า: เจตนาเอาทรัพย์ของผู้ตายถือเป็นความผิดฐานลักทรัพย์ได้
โจทก์ฟ้องว่าจำเลยฆ่าผู้ตายเพื่อเอาทรัพย์ตามกฎหมายลักษณะอาญา มาตรา 250 แต่ข้อเท็จจริงได้ความว่าจำเลยฆ่าผู้ตายจนถึงแก่ความตายแล้ว จำเลยจึงเกิดโลภเจตนาเอาทรัพย์ของผู้ตายในภายหลัง เช่นนี้ ถือว่าข้อเท็จจริงที่ได้ความในการพิจารณาไม่แตกต่างกับข้อเท็จจริงที่ได้กล่าวในฟ้อง ลงโทษจำเลยฐานลักทรัพย์ตามกฎหมายลักษณะอาญา มาตรา 288 ได้ (ประชุมใหญ่ครั้งที่ 3/2501)
โจทก์ฟ้องจำเลยเรื่องลักทรัพย์และขอให้จำเลยคืนหรือใช้ราคาทรัพย์ 15,400 บาท เจ้าพนักงานจับจำเลยและได้เงิน 900 บาทเป็นของกลาง แต่ข้อเท็จจริงฟังได้เพียงว่าจำเลยเอาเงินสดจากเจ้าทรัพย์ไป 500 บาท จึงควรหักเงินสดของกลางคืนให้เจ้าทรัพย์ 500 บาทเท่าที่ได้ความว่าจำเลยเอาไป เหลือนอกนั้นคืนให้จำเลย ต่อจากนั้นเป็นเรื่องของโจทก์ที่จะดำเนินการบังคับคดีต่อไป
โจทก์ฟ้องจำเลยเรื่องลักทรัพย์และขอให้จำเลยคืนหรือใช้ราคาทรัพย์ 15,400 บาท เจ้าพนักงานจับจำเลยและได้เงิน 900 บาทเป็นของกลาง แต่ข้อเท็จจริงฟังได้เพียงว่าจำเลยเอาเงินสดจากเจ้าทรัพย์ไป 500 บาท จึงควรหักเงินสดของกลางคืนให้เจ้าทรัพย์ 500 บาทเท่าที่ได้ความว่าจำเลยเอาไป เหลือนอกนั้นคืนให้จำเลย ต่อจากนั้นเป็นเรื่องของโจทก์ที่จะดำเนินการบังคับคดีต่อไป
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1617-1618/2500 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การรื้อถอนทรัพย์สินในที่เช่าเพื่อขุดคลอง แม้มิมีเจตนาทำลายทรัพย์สิน แต่ยังต้องรับผิดในละเมิด
จำเลยเป็นเวยยยาวัจจกรของวัด ได้บอกกล่าวให้โจทก์รื้อถอนสิ่งปลูกสร้างรวมทั้งต้นไม้ที่ปลูกล้ำที่เข่าวัดออกมา เพื่อทางวัดจะได้ขุดคูไปให้ทะลุคลอง ตามที่ได้ตกลงจ้างเขาไว้ โจทก์รับทราบและว่าจะจัดการ แล้วต่อมาไม่จัดการ ประวิงเวลาไว้จนสัญญาที่ทางวัดจ้างผู้ขุดจะหมด จำเลยจึงได้เข้าจัดการรื้อถอนสิ่งปลูกสร้างและตัดต้นไม้ที่ล้ำนอกเขตเช่า โดยระมัดระวังพยายามให้เกิดการเสียหายน้อยที่สุด เพื่อขุดคลองแล้วนำไปกองไว้ให้โจทก์ เช่นนี้จำเลยยังไม่มีผิดฐานทำให้เสียทรัพย์เพราะมิได้มีเจตนาทำให้เสียทรัพย์ แต่จำเลยต้องรับผิดในการละเมิดที่ทำแก่ทรัพย์ของโจทก์ ไม่ได้รับการยกเว้นตามประมวลแพ่ง มาตรา 451 นอกจากค่าเสียหายธรรมดาแล้วศาลยังคิดค่าเสียหายให้ตามประมวลแพ่งฯ มาตรา 446 อีกโสดหนึ่งด้วย.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1617-1618/2500
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การรื้อถอนทรัพย์สินในที่เช่า: เจตนาทำให้เสียทรัพย์ vs. ละเมิดและการชดใช้ค่าเสียหาย
จำเลยเป็นไวยาวัจกรของวัด ได้บอกกล่าวให้โจทก์รื้อถอนสิ่งปลูกสร้างรวมทั้งต้นไม้ที่ปลูกล้ำที่เช่าวัดออกมา เพื่อทางวัดจะได้ขุดคูไปให้ทะลุคลอง ตามที่ได้ตกลงจ้างเขาไว้ โจทก์รับทราบและว่าจะจัดการแล้วต่อมาไม่จัดการ ประวิงเวลาไว้จนสัญญาที่ทางวัดจ้างผู้ขุดจะหมดจำเลยจึงได้เข้าจัดการรื้อถอนสิ่งปลูกสร้างและตัดต้นไม้ที่ล้ำนอกเขตเช่า โดยระมัดระวังพยายามให้เกิดการเสียหายน้อยที่สุด เพื่อขุดคลองแล้วนำไปกองไว้ให้โจทก์เช่นนี้ จำเลยยังไม่มีผิดฐานทำให้เสียทรัพย์เพราะมิได้มีเจตนาทำให้เสียทรัพย์แต่จำเลยต้องรับผิดในการละเมิดที่ทำแก่ทรัพย์ของโจทก์ ไม่ได้รับการยกเว้นตามประมวลแพ่งมาตรา 451 นอกจากค่าเสียหายธรรมดาแล้วศาลยังคิดค่าเสียหายให้ตามประมวลแพ่งฯ มาตรา 446 อีกโสดหนึ่งด้วย