พบผลลัพธ์ทั้งหมด 344 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1812/2506
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การได้มาซึ่งที่ดินตามพินัยกรรม, อำนาจฟ้อง, และการดำเนินกระบวนพิจารณาคดี
(1) เมื่อผู้ทำพินัยกรรมตาย ที่ดินซึ่งระบุไว้ในพินัยกรรมย่อมตกได้แก่ผู้รับพินัยกรรมทันทีตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1673 โดยมิพักต้องทำพิธีรับมรดก และหรือเข้าครอบครองที่ดินนั้น โดยเหตุนี้ เจ้าของที่ดินเช่นว่านี้ย่อมมีอำนาจฟ้องให้ศาลสั่งแสดงกรรมสิทธิ์และขับไล่ผู้อาศัย (2) ใบนำเพื่อจะไปเสียเงินบำรุงท้องที่นั้น ไม่ใช่เอกสารแสดงกรรมสิทธิ์ที่ดิน (3) เนื่องจากคำให้การต่อสู้ของจำเลยจึงเป็นเหตุให้โจทก์ขอให้ศาลเรียกจำเลยร่วมเข้ามาในคดี อันเป็นอำนาจที่โจทก์และศาลจะกระทำได้ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 57 ดังนั้นฎีกาจำเลยที่ว่าก่อนฟ้องโจทก์มิได้บอกกล่าวจำเลยร่วมและโจทก์มิได้โต้แย้งสิทธิของจำเลย จึงฟังไม่ขึ้น
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 514/2503
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การขัดทรัพย์: ศาลต้องเปิดโอกาสให้คู่ความยื่นคำให้การแก้คำร้อง มิฉะนั้นเป็นการไม่ชอบด้วยกระบวนพิจารณา
ผู้ร้องยื่นคำร้องขัดทรัพย์ ศาลสั่งส่งสำเนาให้โจทก์จำเลยและเจ้าพนักงานบังคับคดี และนัดพร้อม ครั้นถึงวันนัดพร้อม คู่ความไม่มีทางตกลงกันได้ ศาลนัดสืบพยานผู้ร้อง ในวันนัดพร้อมนั้นเองหลังแต่ทำการนัดพร้อมแล้วโจทก์ยื่นคำให้การแก้คำร้องขัดทรัพย์ ศาลชั้นต้นสั่งไม่รับคำให้การของโจทก์ เช่นนี้ เป็นการไม่ชอบด้วยกระบวนพิจารณาเพราะตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 288 บัญญัติให้ศาลพิจารณาและชี้ขาดตัดสินเหมือนอย่างคดีธรรมดาย่อมหมายความว่าเมื่อผู้ร้องขัดทรัพย์ได้ยื่นคำร้องขอแล้ว ศาลชั้นต้นชอบที่จะออกหมายเรียกให้โจทก์ยื่นคำให้การแก้คำร้องขัดทรัพย์ของผู้ร้อง แต่เรื่องนี้ศาลชั้นต้นมิได้ส่งหมายเรียกหรือกำหนดเวลาให้โจทก์ยื่นคำให้การแก้คำร้องขัดทรัพย์ของผู้ร้อง จึงไม่มีเหตุที่จะปฏิเสธไม่รับคำให้การแก้คดีของโจทก์ได้ (ประชุมใหญ่ครั้งที่ 7/2503)
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1244/2503 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ฎีกาต้องห้าม & การอุทธรณ์คำสั่งศาลชั้นต้นที่ไม่รับฎีกา: จำเลยต้องใช้วิธีการปกติคืออุทธรณ์ไปยังศาลอุทธรณ์ ไม่ใช่ร้องขอให้ศาลดำเนินการให้
การที่จำเลยขวนขวายจะให้ได้ คำรับรองเพื่อฎีกา เป็นการรับอยู่ในตัวว่าจำเลยเห็นด้วยกับศาลชั้นต้นที่ไม่รับฎีกาของจำเลย เพราะต้องห้ามตามกฎหมาย กรณีจึงไม่เข้าประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 224 ซึ่งให้ร้องอุทธรณ์คำสั่งต่อศาลฎีกา
เมื่อไม่ต้องด้วยบทบัญญัติให้ร้องตรงมายังศาลฎีกา อีกทั้งยังไม่มีการรับฎีกาอันจะถือได้ว่า คดีได้ขึ้นสู่ศาลฎีกาแล้ว หากจำเลยไม่เห็นด้วยกับคำสั่งศาลชั้นต้น จำเลยก็มีแต่ทางจะอุทธรณ์ต่อศาลอุทธรณ์ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 193 (ประชุมใหญ่ครั้งที่ 20/2503)
เมื่อไม่ต้องด้วยบทบัญญัติให้ร้องตรงมายังศาลฎีกา อีกทั้งยังไม่มีการรับฎีกาอันจะถือได้ว่า คดีได้ขึ้นสู่ศาลฎีกาแล้ว หากจำเลยไม่เห็นด้วยกับคำสั่งศาลชั้นต้น จำเลยก็มีแต่ทางจะอุทธรณ์ต่อศาลอุทธรณ์ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 193 (ประชุมใหญ่ครั้งที่ 20/2503)
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 618/2501 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การอนุญาตให้ยื่นบัญชีพยานหลังศาลนัดสืบพยาน: พิจารณาเหตุผลความจำเป็นและไม่ทำให้คู่ความเสียเปรียบ
การที่ศาลชั้นต้นสั่งรับบัญชีพยานจำเลยซึ่งยื่นก่อนหน้าวันศาลนัดสืบพยานเพียง 2 วันนั้น เมื่อปรากฎว่าจำเลยมีเหตุอ้างที่ต้องยื่นช้าพอสมควร ไม่ใช่เป็นการจงใจฝ่าฝืนระเบียบไม่ทำให้โจทก์เสียเปรียบในทางคดีอย่างไรและเพื่อประโยชน์แห่งความยุติธรรม จึงไม่เป็นการผิดกระบวนพิจารณา
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 618/2501
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การอนุญาตให้ยื่นบัญชีพยานช้าเพื่อประโยชน์แห่งความยุติธรรม ไม่ถือเป็นการผิดกระบวนพิจารณา
การที่ศาลชั้นต้นสั่งรับบัญชีพยานจำเลยซึ่งยื่นก่อนหน้าวันศาลนัดสืบพยานเพียง 2 วัน นั้น เมื่อปรากฏว่าจำเลยมีเหตุอ้างที่ต้องยื่นช้าพอสมควร ไม่ใช่เป็นการจงใจฝ่าฝืนระเบียบไม่ทำให้โจทก์เสียเปรียบในทางคดีอย่างไร และเพื่อประโยชน์แห่งความยุติธรรม จึงไม่เป็นการผิดกระบวนพิจารณา
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 235/2495 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การแถลงขอให้ยกฟ้องกับการดำเนินกระบวนพิจารณาตาม ป.วิ.แพ่ง ม.201 วรรค 2
โจทก์รับในเรื่องหน้าที่นำสืบว่า โจทก์จะนำสืบก่อนครั้นถึงวันนัดสืบพยานโจทก์ ๆไม่มาศาลตามเวลานัด คงมาแต่ฝ่ายจำเลย จำเลยได้แถลงต่อศาลว่า เมื่อโจทก์ไม่มาศาลขอให้ยกฟ้องชองโจทก์เสีย ดังนี้ ย่อมมีความหมายในทางที่จำเลยประสงค์ให้ศาลดำเนินกระบวนพิจารณาต่อไปตามความใน ป.ม.วิ.แพ่งมาตรา 201 วรรค 2 เพราะเห็นได้ว่าการที่จำเลยขอให้ศาลพิพากษาคดีนั้น ศาลจำต้องดำเนินกระบวนพิจารณาอย่างใดอย่างหนึ่ง ฉะนั้น ศาลจะไปสั่งจำหน่ายคดีเสียไม่ชอบ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 235/2495
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การขอให้ยกฟ้องเมื่อโจทก์ไม่มาศาล มิใช่การขอให้จำหน่ายคดี
โจทก์รับในเรื่องหน้าที่นำสืบว่าโจทก์จะนำสืบก่อนครั้นถึงวันนัดสืบพยานโจทก์ โจทก์ไม่มาศาลตามเวลานัดคงมาแต่ฝ่ายจำเลย จำเลยได้แถลงต่อศาลว่า เมื่อโจทก์ไม่มาศาลขอให้ยกฟ้องของโจทก์เสีย ดังนี้ ย่อมมีความหมายในทางที่จำเลยประสงค์ให้ศาลดำเนินกระบวนพิจารณาต่อไปตามความใน ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 201 วรรค 2เพราะเห็นได้ว่าการที่จำเลยขอให้ศาลพิพากษาคดีนั้นศาลจำต้องดำเนินกระบวนพิจารณาอย่างใดอย่างหนึ่ง ฉะนั้นศาลจะไปสั่งจำหน่ายคดีเสียไม่ชอบ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1184/2495 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
อำนาจศาลเมื่อรับอุทธรณ์: การดำเนินการแทนศาลอุทธรณ์และการร้องต่อศาลอุทธรณ์
เมื่อศาลชั้นต้นสั่งรับอุทธรณ์ของคู่ความแล้ว กระบวนพิจารณาต่อจากนั้นมาย่อมถือได้ว่า เป็นกระบวนพิจารณาของศาลอุทธรณ์โดยศาลชั้นต้นเป็นผู้ดำเนินแทน ฉะนั้นเมื่อคู่ความไม่พอใจคำสั่งศาลชั้นต้นที่สั่งในฐานะดำเนินการแทนศาลอุทธรณ์นี้อย่างใดแล้ว ก้จะอุทธรณ์คำสั่งนั้นต่อศาลอุทธรณ์ไม่ได้ แต่ชอบที่จะรอจนกว่าศาลชั้นต้นาจะได้ส่งสำนวนขึ้นไปยังศาลอุทธรณ์ แล้งไปร้องต่อศาลอุทธรณ์ซึ่งถ้าศาลอุทธรณ์ไม่พิใจในคำสั่งของศาลชั้นต้นก็ชอบที่าจะสั่งใหม่ได้ตามอำนาจของศาลอุทธรณ์
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 967/2494
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การยื่นอุทธรณ์นอกสถานที่: การยื่นคำร้องขอต่อศาลภูมิลำเนาเมื่อมีเหตุสุดวิสัย
การยื่นฟ้องอุทธรณ์นั้นเป็นกระบวนพิจารณาที่ผู้อุทธรณ์จะต้องดำเนินต่อศาลอย่างหนึ่งตามความหมายของประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 1(3) และ (7)ฉะนั้นจึงนำเอาประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 10มาใช้บังคับได้
ผู้อุทธรณ์ไม่สามารถไปยื่นฟ้องอุทธรณ์ต่อศาลที่พิพากษาคดีได้โดยเหตุสุดวิสัย ย่อมยื่นคำขอโดยทำเป็นคำร้องขอยื่นอุทธรณ์ ต่อศาลซึ่งตนมีภูมิลำเนาหรืออยู่ในเขตศาลในขณะนั้นได้ และในกรณีเช่นนี้ถือว่าได้ยื่นอุทธรณ์แล้วแต่วันนั้น ไม่ใช่นับแต่วันที่อุทธรณ์ส่งไปถึงศาลที่พิพากษาคดี
ผู้อุทธรณ์ไม่สามารถไปยื่นฟ้องอุทธรณ์ต่อศาลที่พิพากษาคดีได้โดยเหตุสุดวิสัย ย่อมยื่นคำขอโดยทำเป็นคำร้องขอยื่นอุทธรณ์ ต่อศาลซึ่งตนมีภูมิลำเนาหรืออยู่ในเขตศาลในขณะนั้นได้ และในกรณีเช่นนี้ถือว่าได้ยื่นอุทธรณ์แล้วแต่วันนั้น ไม่ใช่นับแต่วันที่อุทธรณ์ส่งไปถึงศาลที่พิพากษาคดี
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1059/2494 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การไม่ร้องขอแถลงการณ์เพิ่มเติมหลังได้รับหมายนัดช้า ไม่ถือเป็นกระบวนพิจารณาไม่ชอบ
โจทก์อุทธรณ์คำพิพากษาศาลชั้นต้นแล้วขอแถลงการณ์ด้วยวาจาด้วย ศาลอุทธรณ์ได้ออกหมายนัดแถลงการณ์ส่งให้โจทก์ แต่ปรากฎว่าทนายโจทก์เพื่งได้รับหมายนัดแถลงการณ์นั้น เป็นเวลาภายหลังกำหนดนัดไป 2 ชั่วโมงเศษ จึงไม่สามารถมาแถลงการณ์ตามกำหนดเวลาของศาลได้แต่ก็มิได้จัดการแถลงให้ศาลทราบหรือร้องขอแถลงการณ์อีกแต่ประการใด จนล่วงเลยมาถึง 12 วัน ศาลอุทธรณ์จึงตัดสินคดีไป ดังนี้ ยังไม่มีเหตุที่จะถือว่า ศาลอุทธรณ์ได้พิพากษาคดีไป โดยไม่ชอบด้วยกระบวนพิจารณา