คำพิพากษาที่อยู่ใน Tags
ความผิดอาญา

พบผลลัพธ์ทั้งหมด 671 รายการ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 47/2519

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การยักยอกโฉนดและการฟ้องคดีอาญาฐานยักยอก จำเลยต้องคืนโฉนด แต่ไม่พอฟังว่ามีการทุจริตเบียดบัง
น. ให้จำเลยจัดการทรัพย์สิน มอบโฉนดให้ ต่อมาได้ถอนอำนาจ จำเลยไม่คืนโฉนด แต่ร้องขอต่อศาลให้แสดงกรรมสิทธิ์ตาม ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1382 เป็นแต่จำเลยแสดงว่าประสงค์จะได้กรรมสิทธิ์ยังไม่เป็นการเบียดบังเอาเป็นของตน ยังไม่เป็นความผิดฐานยักยอกโฉนด
น. ถอนจำเลยจากผู้จัดการทรัพย์สิน จำเลยมีหน้าที่คืนโฉนด ไม่มีหน้าที่จัดการต่อไปแล้ว จึงไม่ใช่ผู้รับมอบหมายให้จัดการทรัพย์ การไม่คืนโฉนดไม่เป็นความผิดตาม มาตรา 353
ผู้จัดการมรดกฟ้องว่าจำเลยยักยอกโฉนดของเจ้ามรดกระหว่างที่ศาลตั้งให้โจทก์เป็นผู้จัดการมรดกแล้ว โจทก์เป็นผู้เสียหายฟ้องตาม มาตรา 352 ได้
ศาลสั่งให้โจทก์เสียค่าขึ้นศาลให้ครบในคำขอให้คืนโฉนดก่อนมีคำพิพากษา ศาลสั่งได้ตาม ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา18
จำเลยอุทธรณ์ว่าโจทก์ไม่มีอำนาจฟ้องความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 352 เพราะไม่ใช่ผู้เสียหาย แต่ศาลไม่รับเพราะอุทธรณ์เกิน 15 วันเมื่อโจทก์ยังฎีกาให้ลงโทษจำเลย จำเลยฎีกาว่าโจทก์ไม่มีอำนาจฟ้องอีกได้ แม้ถือว่าไม่ได้ว่ากล่าวในชั้นอุทธรณ์เพราะเกี่ยวด้วยความสงบเรียบร้อยของประชาชนแต่เมื่อศาลฎีกายกฟ้องโจทก์อยู่แล้ว ก็ไม่มีประโยชน์ที่ศาลฎีกาจะวินิจฉัยในข้อนี้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2752/2519 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ แจ้งความเท็จและจดข้อความเท็จลงในเอกสารราชการ: ความผิดแยกกระทง
ในการสมัครรับเลือกตั้งเป็นสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร จำเลยกรอกใบสมัครด้วยตนเองว่าจำเลยมียศร้อยโทยื่นต่อผู้ว่าราชการจังหวัด กับแจ้งต่อผู้ว่าราชการจังหวัดซึ่งมีหน้าที่สอบสวนคุณสมบัติให้จดข้อความอันเป็นเท็จลงในบันทึกการสอบสวนว่า จำเลยมียศร้อยโท โดยจำเลยรู้อยู่แล้วว่าเป็นความเท็จ ดังนี้ การกระทำของจำเลยแยกได้เป็น 2 ตอน คือจำเลยเอาใบสมัครมายื่นต่อผู้ว่าราชการจังหวัดตอนหนึ่ง กับเมื่อผู้ว่าราชการจังหวัดรับใบสมัครของจำเลยแล้วทำการสอบสวนปากคำจำเลยถึงเรื่องคุณสมบัติของจำเลยอีกตอนหนึ่ง การที่จำเลยเขียนใบสมัครว่ามียศร้อยโทมายื่นต่อผู้ว่าราชการจังหวัดนั้น เป็นการแจ้งข้อความอันเป็นเท็จแก่เจ้าพนักงานแล้ว และการกระทำของจำเลยในตอนยื่นใบสมัครนี้เป็นคนละกรรมกับการกระทำในตอนที่ผู้ว่าราชการจังหวัดสอบสวนคุณสมบัติของจำเลยแล้วจำเลยแจ้งว่ามียศร้อยโท อันเป็นความผิดฐานแจ้งให้เจ้าพนักงานจดข้อความเท็จลงในเอกสารราชการ หาใช่เป็นการกระทำกรรมเดียวไม่

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1462/2519 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ความชัดเจนของฟ้องอาญา: การระบุตัวผู้รับแจ้งความไม่จำเป็นต้องระบุชื่อเฉพาะ
โจทก์บรรยายฟ้องว่า เมื่อวันที่ 20 มกราคม 2516 เวลากลางวัน จำเลยได้นำเอาความอันเป็นเท็จไปแจ้งต่อพนักงานสอบสวน สถานีตำรวจภูธรอำเภอดอนเจดีย์ว่า โจทก์เมาสุราอาละวาดและต่อสู้ขัดขวางเจ้าพนักงานเป็นการบรรยายฟ้องที่ได้ระบุบุคคลที่เกี่ยวข้องพอสมควรเท่าที่ จะทำให้จำเลยเข้าใจข้อหาได้ดี แม้จะไม่ได้ระบุชื่อพนักงานสอบสวนว่าเป็นคนใด จำเลยเป็นผู้บังคับกองสถานีตำรวจภูธรอำเภอดอนเจดีย์ ย่อมทราบดีว่า ตามวันเวลาที่โจทก์กล่าวหา พนักงานสอบสวนคนใดเป็นผู้รับแจ้งความของตนไว้ ฟ้องโจทก์ไม่เคลือบคลุม

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1311/2519

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การบรรยายฟ้องความผิดอาญา การทำร้ายร่างกายด้วยอาวุธ การกระทำโดยเจตนา
โจทก์บรรยายฟ้องว่า จำเลยได้ร่วมกันใช้ขวานเป็นอาวุธฟันทำร้าย อ. ถูกตามบริเวณร่างกายหลายทีจนเป็นเหตุให้ อ. ได้รับอันตรายแก่กายดังนี้ ย่อมเป็นที่เข้าใจได้ดีแล้วว่าจำเลยทำร้ายผู้อื่น เป็นการกระทำโดยเจตนา ดังที่บัญญัติไว้ในประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 59 ฟ้องของโจทก์จึงเป็นฟ้องที่สมบูรณ์แล้ว

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 755/2518 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ โกงเจ้าหนี้: 'หนี้' ไม่จำกัดเฉพาะเงิน, เจตนาไม่ชำระหนี้สำคัญ, ข้อพิพาทสัญญาไม่ใช่ความผิดอาญา
คำว่า "หนี้" ที่บัญญัติไว้ในตอนต้นของมาตรา 350 แห่งประมวลกฎหมายอาญา มิได้หมายถึงเฉพาะหนี้เงินเท่านั้น แต่ยังรวมถึงหนี้อื่น ๆ ด้วย
จำเลยที่ 1 ที่ 2 ทำสัญญาขายที่ดินมีโฉนดให้แก่โจทก์ โจทก์เข้าครอบครองที่ดินนั้นและชำระราคาครบถ้วนแล้ว เหลือแต่การโอนโฉนด โจทก์ย่อมได้ชื่อว่าอยู่ในฐานะอันจะจดทะเบียนสิทธิได้ก่อน โจทก์จึงเป็นเจ้าหนี้แน่นอนของจำเลยที่ 1 ที่ 2 ซึ่งจำเลยทั้งสองมีหนี้ที่จะต้องโอนที่ดินให้โจทก์จำเลยที่ 1 ที่ 2 กลับโอนขายที่ดินนั้นให้จำเลยที่ 3 ไปเสีย โดยจำเลยทั้งสามทราบอยู่แล้วว่าโจทก์กำลังจะฟ้องจำเลยที่ 1 ที่ 2 แต่ได้ความว่า จำเลยที่ 1 ที่ 2 เป็นผู้มีทรัพย์สินมากพอที่จะชำระหนี้ค่าเสียหายให้โจทก์ได้ แม้หนี้สินอื่นที่จำเลยที่ 1 ที่ 2 เป็นหนี้โจทก์อยู่เป็นจำนวนมาก จำเลยก็ชำระให้โดยไม่บิดพลิ้ว การที่จำเลยทั้งสองไม่ยอมโอนที่ดินดังกล่าวให้โจทก์นั้น เป็นเพราะโจทก์กับจำเลยแปลความในสัญญากันคนละทาง มิใช่เพราะมีเจตนาที่จะไม่ชำระหนี้ให้โจทก์ จึงเป็นเรื่องผิดสัญญาในทางแพ่ง ไม่เป็นความผิดทางอาญาฐานโกงเจ้าหนี้ และจำเลยที่ 3 ผู้รับซื้อที่ดินนั้นไว้ก็ย่อมไม่มีความผิดทางอาญาดุจกัน
(ประชุมใหญ่ครั้งที่ 13/2517 และครั้งที่ 2/2518)

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1287/2518

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การผิดสัญญาซื้อขายข้าวสารไม่ใช่ความผิดอาญา หากไม่มีเจตนาหลอกลวงเพื่อให้ได้ทรัพย์สิน
การที่จำเลยมอบอำนาจให้โจทก์เจรจาซื้อข้าวสารจากรัฐบาลไทยให้รัฐบาลคูเวทโดยตกลงจะให้สินจ้างแก่โจทก์ แล้วไม่ให้ เป็นเพียงจำเลยรับว่าจะทำการอย่างใดอย่างหนึ่งให้โจทก์แล้วไม่ทำตามที่ตกลงไว้ ไม่ใช่เพื่อให้ได้ไปซึ่งทรัพย์สินของโจทก์หรือบุคคลที่สาม หรือ เป็นเหตุให้ได้ไปซึ่งสัญญาขายข้าวอันเป็นเอกสารสิทธิตามฟ้อง การกระทำของจำเลยเป็นเพียงผิดสัญญาทางแพ่ง ไม่มีมูลเป็นความผิดทางอาญา
ศาลชั้นต้นสั่งรับอุทธรณ์ฎีกาของโจทก์ในปัญหาที่ว่าการยื่นและการรับฟังพยานเอกสารของจำเลยในชั้นไต่สวนมูลฟ้องนั้นเป็นการชอบหรือไม่ เมื่อศาลอุทธรณ์ศาลฎีกาเห็นว่าการกระทำของจำเลยไม่เป็นความผิดทางอาญา ก็พิพากษายืนโดยให้ยกฟ้องเพราะเหตุนี้ได้ไม่จำต้องวินิจฉัยปัญหาที่โจทก์อุทธรณ์ฎีกา

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 11/2518 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ สิทธิถอนฟ้องในคดีอาญา ความผิดฐานทำให้เสียทรัพย์ ผู้ตายมอบสิทธิให้ทายาทได้ ทำให้สิทธิฟ้องระงับ
การถอนคำร้องทุกข์เป็นสิทธิซึ่งประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 126 วรรค 1 บัญญัติให้ไว้แก่ผู้ร้องทุกข์ที่จะถอนคำร้องทุกข์เสียเมื่อใดก็ได้ และสิทธิถอนคำร้องทุกข์ในคดีความผิดฐานทำให้เสียทรัพย์เป็นสิทธิเกี่ยวกับทรัพย์สินเมื่อผู้ร้องทุกข์ตายย่อมตก ทอดแก่ทายาท ฉะนั้นเมื่อผู้ร้องทุกข์ในคดีดังกล่าวตาย มารดาผู้ร้องทุกข์ซึ่งเป็นทายาทจึงมีสิทธิถอนคำร้องทุกข์นั้นได้แม้คดีอยู่ในระหว่างการพิจารณาของศาลฎีกา (อ้างคำพิพากษาฎีกาที่ 206/2488)
โจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 358 ซึ่งมาตรา 361 บัญญัติว่าเป็นความผิดอันยอมความได้ เมื่อได้ถอนคำร้องทุกข์โดยชอบด้วยกฎหมาย สิทธินำคดีอาญามาฟ้องย่อมระงับไปตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญามาตรา 39 (2) คำพิพากษาของศาลล่างก็ย่อมระงับไปในตัวไม่มีผลบังคับต่อไป ศาลฎีกาจึงมีคำสั่งในจำหน่ายคดี

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 569/2517 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ เช็คไม่มีวันที่ออก ไม่ถือเป็นความผิดอาญาตาม พ.ร.บ. เช็ค แม้ธนาคารปฏิเสธจ่าย
จำเลยออกเช็คให้โจทก์เพื่อชำระหนี้ แต่ไม่ได้ลงวันที่สั่งจ่ายในขณะที่ออกให้ โดยจำเลยตกลงว่า ถ้าจำเลยไม่นำเงินมาชำระภายในวันที่ 30 มีนาคม 2514 ก็ให้โจทย์นำเช็คไปขึ้นเงินได้ วันที่ 5 เมษายน 2514 โจทก์นำเช็คไปขอรับเงิน เจ้าหน้าที่ธนาคารเป็นผู้ลงวันที่ในขณะนั้น ธนาคารปฏิเสธการจ่ายเงิน โดยระบุว่าเงินในบัญชีไม่พอจ่าย การที่จำเลยออกเช็คโดยไม่ได้ลงวันที่สั่งจ่ายเช่นนี้ ย่อมถือได้ว่าไม่มีวันที่ผู้อออกเช็คกระทำผิด แม้ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 910 ประกอบกับมาตรา 989 จะให้สิทธิผู้ทรงเช็คไว้ว่า ถ้าเช็ครายใดมิได้ลงวันที่ออกเช็ค ผู้ทรงโดยชอบด้วยกฎหมายคนหนึ่งคนใดกระทำการโดยสุจริตจะจดวันที่ถูกต้องแท้จริงลงก็ได้นั้น กฎหมายเพียงแต่ให้เช็คฉบับนั้นเป็นเช็คที่มีรายการสมบูรณ์ตามกฎหมาย ฟ้องร้องบังคับคดีกันได้ในทางแพ่งเท่านั้น หามีผลที่จะลงโทษผู้ออกเช็คในทางอาญาตามพระราชบัญญัติว่าด้วยความผิดอันเกิดจากการใช้เช็ค พ.ศ. 2497 มาตรา 3(2) (3) ไม่ (อ้างนับคำพิพากษาฎีกาที่ 89-90/2513)

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 569/2517

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ เช็คไม่มีวันที่ออก ไม่ถือเป็นความผิดอาญาตาม พ.ร.บ. เช็ค แม้ผู้ทรงเช็คจะลงวันที่เอง
จำเลยออกเช็คโดยไม่มีวันที่สั่งจ่าย ถือได้ว่าไม่มีวันที่จำเลยกระทำผิด แม้ผู้ทรงโดยชอบด้วยกฎหมายคนหนึ่งคนใดกระทำการโดยสุจริตจะจดวันที่ถูกต้องแท้จริงลงได้ ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 910, 989 ก็มีผลแต่เพียงเช็คนั้นมีรายการสมบูรณ์ตามกฎหมายฟ้องร้องบังคับคดีกันได้ในทางแพ่งเท่านั้น หามีผลที่จะลงโทษจำเลยทางอาญาตาม พระราชบัญญัติว่าด้วยความผิดอันเกิดจากการใช้เช็คพ.ศ. 2497 มาตรา 3(2)(3) ไม่

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 549/2517 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การขู่เข็ญด้วยการทำลายทรัพย์สินและการข่มขู่ทางวาจาเข้าข่ายความผิดฐานปล้นทรัพย์
การขู่เข็ญว่าในทันใดนั้นจะใช้กำลังประทุษร้าย เพื่อให้ยื่นให้ซึ่งทรัพย์ อันจะเป็นความผิดฐานปล้นทรัพย์นั้น อาจขู่ตรงๆ ก็ได้หรือใช้ถ้อยคำทำกิริยา หรือทำประการใด อันเป็นการแสดงให้ผู้ถูกขู่เข็ญเข้าใจได้ว่าจะได้รับภัยจากการกระทำของผู้ขู่เข็ญก็ได้
จำเลยกับพวกอีก 3 คนซึ่งไม่ปรากฏว่าเป็นคนที่คุ้นเคยรักชอบพอกับผู้เสียหายพอที่จะขอเงินกันได้ มาเตะรั้วสังกะสีและระเบียงเรือนของผู้เสียหาย ผู้เสียหายออกมาดู จำเลยขอเงิน12 บาท ผู้เสียหายว่าไม่มี จำเลยกับพวกช่วยกันเตะรั้วและระเบียงเรือนจนสังกะสีรั้วหลุดออก 3 แผ่น และไม้ระแนงระเบียงเรือนหลุดหลายอันถือได้ว่าเป็นการขู่เข็ญว่าในทันใดนั้นจะใช้กำลังประทุษร้าย ผู้เสียหายกลัวรั้วจะพังและกลัวจะถูกทำร้าย จึงต้องยอมให้เงินแก่จำเลยไป10 บาท จำเลยรับเงินแล้งยังพูดขู่เข็ญอีกว่า'ทีหลังถ้ากูมาอยากได้อะไร ให้ตามใจกูนะ' ซึ่งเข้าใจได้ว่าถ้าไม่ให้จะต้องถูกทำร้ายการกระทำของจำเลยครบองค์ความผิดฐานปล้นทรัพย์แล้ว
of 68