พบผลลัพธ์ทั้งหมด 361 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 714/2493 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สิทธิของเจ้าหนี้ในการคัดค้านการถอนการยึดทรัพย์ในคดีล้มละลาย
การที่มีผู้คัดค้านให้ถอนการยึดทรัพย์ที่เจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์ยึดไว้ และเจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์สั่งให้ถอนการยึด ดังนี้โจทก์ย่อมร้องต่อศาลได้ตาม ม. 146
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 641/2492
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การบังคับชำระหนี้จากเงินขายทรัพย์สิน: ศาลต้องไต่สวนและให้โอกาสคัดค้านก่อนมีคำสั่ง
การร้องขอบังคับชำระหนี้เอาจากเงินที่ขายทรัพย์สินของลูกหนี้ตามคำพิพากษา โดยอาศัยอำนาจแห่งบุริมสิทธิ ให้ศาลเอาเงินที่ได้มานั้นชำระให้แก่ผู้ร้องก่อนโจทก์ตามความใน ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา 289 คำร้องเช่นนี้ต้องด้วยมาตรา 21(2) ซึ่งห้ามมิให้ศาลทำคำสั่งในเรื่องนั้นๆ โดยมิให้โจทก์มีโอกาสคัดค้านก่อน
ผู้ร้องได้ยื่นคำร้องขอให้ศาลจ่ายเงินจากการขายทรัพย์สินของลูกหนี้ตามคำพิพากษาโดยอาศัยอำนาจบุริมสิทธิ ศาลได้จดรายงานไว้แต่เพียงว่าโจทก์และผู้ร้องต่างแถลงโต้แย้งกันว่า ตนควรได้รับชำระหนี้จากเงินที่ได้จากการขายทอดตลาดแต่ฝ่ายเดียว แล้วศาลก็สั่งว่าให้รอฟังคำสั่งต่อไป และมีคำสั่งคำร้องของผู้ร้องในวันเดียวกันนั้น ดังนี้ แสดงให้เห็นว่า ศาลมีคำสั่งในกรณีนี้โดยมิได้ทำการไต่สวนคำร้องของผู้ร้องนั้นแต่ประการใดจึงสมควรที่ศาลสูงจะเพิกถอนกระบวนพิจารณาดังกล่าวเสีย
ผู้ร้องได้ยื่นคำร้องขอให้ศาลจ่ายเงินจากการขายทรัพย์สินของลูกหนี้ตามคำพิพากษาโดยอาศัยอำนาจบุริมสิทธิ ศาลได้จดรายงานไว้แต่เพียงว่าโจทก์และผู้ร้องต่างแถลงโต้แย้งกันว่า ตนควรได้รับชำระหนี้จากเงินที่ได้จากการขายทอดตลาดแต่ฝ่ายเดียว แล้วศาลก็สั่งว่าให้รอฟังคำสั่งต่อไป และมีคำสั่งคำร้องของผู้ร้องในวันเดียวกันนั้น ดังนี้ แสดงให้เห็นว่า ศาลมีคำสั่งในกรณีนี้โดยมิได้ทำการไต่สวนคำร้องของผู้ร้องนั้นแต่ประการใดจึงสมควรที่ศาลสูงจะเพิกถอนกระบวนพิจารณาดังกล่าวเสีย
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2017/2492 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
เอกสารสำคัญคดี: อนุโลมส่งสำเนาภายหลังได้ หากจำเลยไม่คัดค้าน และจำกัดค่าขึ้นศาลตามทุนที่ชนะ
เอกสารที่โจทก์ระบุอ้างว่าต้นฉะบับอยู่ที่จำเลยสำเนาอยู่ที่โจทก์และได้ขอหมายเรียกจากจำเลย แต่จำเลยว่าค้นไม่พบ ในวันเบิกความโจทก์ได้ส่งสำเนาที่อยู่ที่โจทก์และจำเลยได้ซักค้านถึงเอกสารเหล่านี้แล้ว โดยไม่ได้แถลงคัดค้านอย่างใด ดังนี้ แม้โจทก์ไม่ได้ส่งสำเนาเอกสารดังกล่าวให้จำเลยก่อนพิจารณาก็อนุโลมเข้า ป.ม.วิ.แพ่งมาตรา 90 ข้อ 2.
คดีที่โจทก์ชนะคดีไม่เต็มตามทุนทรัพย์ที่ฟ้อง ควรให้จำเลยใช้ค่าขึ้นศาลเพียงเท่าทุนทรัพย์ที่โจทก์ชนะ.
คดีที่โจทก์ชนะคดีไม่เต็มตามทุนทรัพย์ที่ฟ้อง ควรให้จำเลยใช้ค่าขึ้นศาลเพียงเท่าทุนทรัพย์ที่โจทก์ชนะ.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 802/2491 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สิทธิของบุคคลภายนอกคัดค้านการบังคับคดี กรณีอ้างกรรมสิทธิไม่ถูกต้อง ศาลต้องพิจารณา ไม่ต้องฟ้องใหม่
ในชั้นบังคับคดี บุคคลภายนอกผู้มีส่วนได้เสียในการบังคับคดีที่อ้างว่า จำเลยไม่มีกรรมสิทธิในที่ดิน ซึ่งศาลสั่งบังคับคดีไปตามคำพิพากษา ชอบที่จะยื่นคำร้องขอต่อศาลได้ตามนัยแห่งบทบัญญัติ มาตรา 7(2), 288, และ 296 ป.วิ.แพ่ง ซึ่งศาลจะต้องดำเนินกระบวนพิจารณาต่อไป ไม่จำเป็นต้องให้ผู้ร้องจะต้องไปฟ้องเป็นคดีเรื่องใหม่
การร้องคัดค้านว่าศาลสั่งบังคับคดีเอาทรัพย์สินของตน ซึ่งเป็นคนภายนอกนั้น ต้องเสียค่าธรรมเนียมศาลตามคำร้องขอ
ศาลมีอำจานสั่งคืนค่าธรรมเนียมศาลชั้นอุทธรณ์ฎีกาได้
การร้องคัดค้านว่าศาลสั่งบังคับคดีเอาทรัพย์สินของตน ซึ่งเป็นคนภายนอกนั้น ต้องเสียค่าธรรมเนียมศาลตามคำร้องขอ
ศาลมีอำจานสั่งคืนค่าธรรมเนียมศาลชั้นอุทธรณ์ฎีกาได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 910/2490 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การใช้เครื่องหมายการค้า การแจ้งความเท็จ และสิทธิในการคัดค้านการจดทะเบียนเครื่องหมายการค้า
เครื่องหมายการค้าที่ ก.ม.ลักษณะอาญา ม. 237 คุ้มครองไว้นั้น ย่อมหมายถึงเครื่องหมายที่ได้ใช้แล้วกับสินค้าที่ได้ใช้แล้วกับสินค้า รอยรูปขีดเขียนที่ประดิษฐ์ขึ้นแล้ว เก็บไว้โดยยังมิได้ใช้ในการค้าอย่างใด ๆ นั้น หาได้รับความคุ้มครองตาม ก.ม.ไม่
ในคดีมูลละเมิดฐานะทำให้โจทก์เสียหายต่อร่างกายและเสรีภาพนั้น โจทก์จะต้องสืบให้ได้ความว่า จำเลยได้จงใจหรือประมาทเลินเล่อกระทำให้โจทก์ต้องเสียหายต่อร่างกายและเสรีภาพ เพียงแต่ได้ความว่าโจทก์ถูกตำรวจจับไป เนื่องจากคำซักทอดของผู้อื่นซึ่งจำเลยแจ้งความให้จับ โดยจำเลยไม่ทราบว่าเกี่ยวเนื่องถึงโจทก์ด้วยนั้น ยังถือไม่ได้ว่าจำเลยกระทำละเมิดต่อโจทก์
ยื่นคำคัดค้านการขอจดทะเบียนเครื่องหมายการค้า ต่อนายทะเบียนโดยเชื่อว่าตนมีสิทธิในเครื่องหมายดีกว่าผู้ขอจดทะเบียนนั้น เป็นการใช้สิทธิในการคัดค้านโดยสุจริต
ในคดีมูลละเมิดฐานะทำให้โจทก์เสียหายต่อร่างกายและเสรีภาพนั้น โจทก์จะต้องสืบให้ได้ความว่า จำเลยได้จงใจหรือประมาทเลินเล่อกระทำให้โจทก์ต้องเสียหายต่อร่างกายและเสรีภาพ เพียงแต่ได้ความว่าโจทก์ถูกตำรวจจับไป เนื่องจากคำซักทอดของผู้อื่นซึ่งจำเลยแจ้งความให้จับ โดยจำเลยไม่ทราบว่าเกี่ยวเนื่องถึงโจทก์ด้วยนั้น ยังถือไม่ได้ว่าจำเลยกระทำละเมิดต่อโจทก์
ยื่นคำคัดค้านการขอจดทะเบียนเครื่องหมายการค้า ต่อนายทะเบียนโดยเชื่อว่าตนมีสิทธิในเครื่องหมายดีกว่าผู้ขอจดทะเบียนนั้น เป็นการใช้สิทธิในการคัดค้านโดยสุจริต
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 910/2490
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การใช้เครื่องหมายการค้า การแจ้งความ และสิทธิคัดค้านการจดทะเบียนเครื่องหมายการค้า
เครื่องหมายการค้าที่ กฎหมายลักษณะอาญา มาตรา 237 คุ้มครองไว้นั้น ย่อมหมายถึงเครื่องหมายที่ได้ใช้แล้วกับสินค้า รอยรูป,ขีดเขียนที่ประดิษฐ์ขึ้นแล้ว เก็บไว้โดยยังมิได้ใช้ในการค้าอย่างใดๆ นั้น หาได้รับความคุ้มครองตามกฎหมาย ไม่
ในคดีมูลละเมิดฐานทำให้โจทก์เสียหายต่อร่างกายและเสรีภาพนั้นโจทก์จะต้องสืบให้ได้ความว่า จำเลยได้จงใจหรือประมาทเลินเล่อกระทำให้โจทก์ต้องเสียหายต่อร่างกายและเสรีภาพ เพียงแต่ได้ความว่าโจทก์ถูกตำรวจจับไป เนื่องจากคำซัดทอดของผู้อื่นซึ่งจำเลยแจ้งความให้จับ โดยจำเลยไม่ทราบว่าเกี่ยวเนื่องถึงโจทก์ด้วยนั้น ยังถือไม่ได้ว่าจำเลยกระทำละเมิดต่อโจทก์
ยื่นคำคัดค้านการขอจดทะเบียนเครื่องหมายการค้า ต่อนายทะเบียนโดยเชื่อว่าตนมีสิทธิในเครื่องหมายดีกว่า ผู้ขอจดทะเบียนนั้น เป็นการใช้สิทธิในการคัดค้านโดยสุจริต
ในคดีมูลละเมิดฐานทำให้โจทก์เสียหายต่อร่างกายและเสรีภาพนั้นโจทก์จะต้องสืบให้ได้ความว่า จำเลยได้จงใจหรือประมาทเลินเล่อกระทำให้โจทก์ต้องเสียหายต่อร่างกายและเสรีภาพ เพียงแต่ได้ความว่าโจทก์ถูกตำรวจจับไป เนื่องจากคำซัดทอดของผู้อื่นซึ่งจำเลยแจ้งความให้จับ โดยจำเลยไม่ทราบว่าเกี่ยวเนื่องถึงโจทก์ด้วยนั้น ยังถือไม่ได้ว่าจำเลยกระทำละเมิดต่อโจทก์
ยื่นคำคัดค้านการขอจดทะเบียนเครื่องหมายการค้า ต่อนายทะเบียนโดยเชื่อว่าตนมีสิทธิในเครื่องหมายดีกว่า ผู้ขอจดทะเบียนนั้น เป็นการใช้สิทธิในการคัดค้านโดยสุจริต
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 890/2490 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
อำนาจฎีกา: การฎีกาเพื่อยืนยันคำวินิจฉัยศาลอุทธรณ์โดยไม่คัดค้าน ย่อมไม่มีอำนาจฎีกา
เมื่อโจทก์เห็นชอบด้วยคำพิพากษาศาลอุทธรณ์มิได้คัดค้านแต่อย่างใดแล้ว โจทก์จะยื่นฎีกาเพื่อให้ศาลฎีกายืนยันข้อวินิจฉัยของศาลอุทธรณ์อีกครั้งหนึ่งเพื่อเป็นแบบอย่างนั้น ย่อมไม่มีอำนาจฎีกาได้ตาม ป.ม.วิ.อาญา ม. 216
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 881/2490
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การยอมรับผิดต่อศาลแล้ว ไม่อาจอุทธรณ์คัดค้านภายหลังได้
คดีละเมิดอำนาจศาลตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 32-33 เป็นคดีมีอัตราโทษไม่ถึงจำคุก 10 ปี เมื่อจำเลยรับสารภาพ ศาลย่อมฟังข้อเท็จจริงตามนั้นและพิพากษาได้ทีเดียวตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 176 ในกรณีเช่นนี้ ผู้ถูกลงโทษจะอุทธรณ์ฎีกาขอให้ศาลรื้อฟื้นข้อเท็จจริงของตนขึ้นพิจารณาใหม่ไม่ได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 173/2490
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ฟ้องซื้อขายที่ดินไม่เคลือบคลุมแม้ไม่ส่งสำเนาสัญญา ผู้ซื้อทราบการคัดค้านถือไม่อาจอ้างสุจริต
ในฟ้องอ้างถึงสัญญาซื้อขายที่ดิน แต่มิได้คัดสำเนาสัญญาส่งให้จำเลยพร้อมสำเนาฟ้อง ดังนี้ ไม่ทำให้ฟ้องของโจทก์ซึ่งชัดเจนอยู่แล้วเป็นฟ้องเคลือบคลุม
ผู้ซื้อที่ดินได้รู้อยู่แล้ว ในขณะซื้อว่า มีผู้คัดค้านการขายแม้จะอ้างว่า เสียค่าตอบแทนก็ฟังว่า ซื้อโดยสุจริตไม่ได้
ผู้ซื้อที่ดินได้รู้อยู่แล้ว ในขณะซื้อว่า มีผู้คัดค้านการขายแม้จะอ้างว่า เสียค่าตอบแทนก็ฟังว่า ซื้อโดยสุจริตไม่ได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 621/2488
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การเพิ่มเติมฟ้อง – การไม่คัดค้านคำสั่งอนุญาตของศาล ทำให้ไม่อุทธรณ์ฎีกาข้อเท็จจริงได้
โจทก์ยื่นคำร้องขอแก้ไขเพิ่มเติมฟ้อง จำเลยยื่นคำคัดค้าน เมื่อศาลสั่งอนุญาตแล้ว จำเลยก็มิได้คัดค้านดังนี้ เมื่อศาลพิพากษาแล้ว จำเลยจะยกขึ้นอุทธรณ์ไม่ได้ตาม ป.ม.วิ.แพ่ง มาตรา 226 (2)