พบผลลัพธ์ทั้งหมด 557 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 4670/2529 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
คำสั่งศาลอนุญาตให้ทายาทเข้ามาเป็นคู่ความแทนที่โจทก์ผู้มรณะ เป็นคำสั่งระหว่างพิจารณา ห้ามอุทธรณ์
คำสั่งของศาลชั้นต้นที่อนุญาตให้ผู้ร้องเข้ามาเป็นคู่ความ แทนที่โจทก์ผู้มรณะ ในระหว่างการพิจารณาของศาลชั้นต้นนั้น เป็นคำสั่งระหว่างพิจารณาต้องห้ามมิให้อุทธรณ์คำสั่งนั้นในระหว่าง พิจารณาของศาลชั้นต้น ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา 226
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 4670/2529
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
คำสั่งศาลอนุญาตให้ผู้ร้องเป็นคู่ความแทนที่โจทก์ผู้มรณะเป็นคำสั่งระหว่างพิจารณา ต้องห้ามอุทธรณ์จนกว่ามีคำพิพากษา
คำสั่งของศาลชั้นต้นที่อนุญาตให้ผู้ร้องเข้ามาเป็นคู่ความแทนที่โจทก์ผู้มรณะในระหว่างการพิจารณาของศาลชั้นต้นนั้นเป็นคำสั่งระหว่างพิจารณาต้องห้ามมิให้อุทธรณ์คำสั่งนั้นในระหว่างพิจารณาของศาลชั้นต้นตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา226.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3963/2529 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การแสดงความคิดเห็นในกระบวนการพิจารณาคดี ไม่ถือเป็นความผิดฐานหมิ่นประมาทตามมาตรา 331
จำเลยในฐานะคู่ความคดีอื่นได้ยื่นคำร้องอันเป็นมูลให้ถูกฟ้องคดีนี้ ไว้ในคดีนั้น แม้จะมีถ้อยคำกล่าวพาดพิงถึงโจทก์ซึ่งเป็นบุคคลนอกคดี แต่ก็เป็นข้อความที่จำเลยยื่นต่อศาลเพื่อแสดงความคิดเห็นหรือข้อความในกระบวนพิจารณาคดีในศาล เพื่อประโยชน์แก่คดีของตนตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 331 จำเลยไม่มีความผิดฐานหมิ่นประมาท
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2869/2529 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การทิ้งฟ้องเนื่องจากไม่ปฏิบัติตามคำสั่งศาลในการส่งสำเนาฎีกาให้คู่ความ
เดิมศาลชั้นต้นมีคำสั่งให้โจทก์นำส่งสำเนาฎีกาให้ผู้ร้องภายใน 7 วัน ปรากฏว่าส่งสำเนาฎีกาให้ทนายผู้ร้องไม่ได้ ต่อมาโจทก์แถลงขอให้ส่งสำเนาฎีกาแก่ผู้ร้องอีกครั้งหนึ่ง ศาลชั้นต้นจึงสั่งให้ส่งสำเนาฎีกาให้ตัวผู้ร้อง หากไม่พบตัวผู้ร้องและไม่มีผู้ใดรับแทนโดยชอบให้ปิด คำสั่ง ศาลชั้นต้นครั้งหลังเป็นคำสั่งที่ต่อเนื่องมาจากคำสั่งเดิมนั่นเอง โจทก์จึงต้องนำส่งสำเนาฎีกาให้ตัวผู้ร้องภายในระยะเวลาอันสมควร การที่โจทก์เพิกเฉยไม่นำส่งสำเนาฎีกาให้ผู้ร้องแก้ตามคำสั่งศาลชั้นต้นครั้งหลังจนล่วงเลยเวลาที่ศาลชั้นต้นมีคำสั่งถึง 2 เดือนเศษ และหลังจากนั้นก็ไม่ปรากฏว่าโจทก์ติดต่อให้ส่งสำเนาฎีกาแก่ผู้ร้องแต่อย่างใด พฤติการณ์ของโจทก์ดังกล่าวถือได้ว่าโจทก์ทิ้งฟ้องตามประมวลกฎหมายวิธิพิจารณาความแพ่ง มาตรา 1774(2), 247 แล้ว
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2869/2529 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การทิ้งฟ้องเนื่องจากไม่ปฏิบัติตามคำสั่งศาลในการส่งสำเนาฎีกาให้คู่ความ
เดิมศาลชั้นต้นมีคำสั่งให้โจทก์นำส่งสำเนาฎีกาให้ผู้ร้องภายใน 7 วัน ปรากฏว่าส่งสำเนาฎีกาให้ทนายผู้ร้องไม่ได้ ต่อมาโจทก์แถลงขอให้ส่งสำเนาฎีกาแก่ผู้ร้องอีกครั้งหนึ่ง ศาลชั้นต้นจึงสั่งให้ส่งสำเนาฎีกาให้ตัวผู้ร้อง หากไม่พบตัวผู้ร้องและไม่มีผู้ใดรับแทนโดยชอบให้ปิด คำสั่งศาลชั้นต้นครั้งหลังเป็นคำสั่งที่ต่อเนื่องมาจากคำสั่งเดิมนั่นเอง โจทก์จึงต้องนำส่งสำเนาฎีกาให้ตัวผู้ร้องภายในระยะเวลาอันสมควร การที่โจทก์เพิกเฉยไม่นำส่งสำเนาฎีกาให้ผู้ร้องแก้ตามคำสั่งศาลชั้นต้นครั้งหลังจนล่วงเลยเวลาที่ศาลชั้นต้นมีคำสั่งถึง 2เดือนเศษ และหลังจากนั้นก็ไม่ปรากฏว่าโจทก์ติดต่อให้ส่งสำเนาฎีกาแก่ผู้ร้องแต่อย่างใด พฤติการณ์ของโจทก์ดังกล่าวถือได้ว่าโจทก์ทิ้งฟ้องตามประมวลกฎหมายวิธิพิจารณาความแพ่ง มาตรา 1774(2),247 แล้ว
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2869/2529
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การทิ้งฟ้องเนื่องจากไม่ปฏิบัติตามคำสั่งศาลในการส่งสำเนาฎีกาให้คู่ความ
เดิมศาลชั้นต้นมีคำสั่งให้โจทก์นำส่งสำเนาฎีกาให้ผู้ร้องภายใน7วันปรากฏว่าส่งสำเนาฎีกาให้ทนายผู้ร้องไม่ได้ต่อมาโจทก์แถลงขอให้ส่งสำเนาฎีกาแก่ผู้ร้องอีกครั้งหนึ่งศาลชั้นต้นจึงสั่งให้ส่งสำเนาฎีกาให้ตัวผู้ร้องหากไม่พบตัวผู้ร้องและไม่มีผู้ใดรับแทนโดยชอบให้ปิดคำสั่งศาลชั้นต้นครั้งหลังเป็นคำสั่งที่ต่อเนื่องมาจากคำสั่งเดิมนั่นเองโจทก์จึงต้องนำส่งสำเนาฎีกาให้ตัวผู้ร้องภายในระยะเวลาอันสมควรการที่โจทก์เพิกเฉยไม่นำส่งสำเนาฎีกาให้ผู้ร้องแก้ตามคำสั่งศาลชั้นต้นครั้งหลังจนล่วงเลยเวลาที่ศาลชั้นต้นมีคำสั่งถึง2เดือนเศษและหลังจากนั้นก็ไม่ปรากฏว่าโจทก์ติดต่อให้ส่งสำเนาฎีกาแก่ผู้ร้องแต่อย่างใดพฤติการณ์ของโจทก์ดังกล่าวถือได้ว่าโจทก์ทิ้งฟ้องตามป.วิ.พ.มาตรา1774(2),247แล้ว.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2745/2529 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ค่าฤชาธรรมเนียม: ดุลพินิจศาลในการพิจารณาความสุจริตและพฤติการณ์ของคู่ความ
โจทก์ฟ้องให้จำเลยร่วมกันรับผิดเป็นเงิน 187,031 บาทศาลชั้นต้นพิพากษาให้จำเลยที่ 1 รับผิดเป็นเงิน 139,000 บาทโดยให้จำเลยที่ 5 ร่วมรับผิดเป็นเงิน 100,000 บาท แม้จำเลยที่5 ไม่ต้องรับผิดเต็มตามฟ้อง แต่เมื่อคำนึงเหตุสมควรและความสุจริตในการสู้ความประกอบกับพฤติการณ์ในการดำเนินคดีของจำเลยที่ 5 แล้ว ศาลให้จำเลยที่ 5 ร่วมรับผิดใช้ค่าฤชาธรรมเนียมเต็มตามฟ้องได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1356/2529
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การไม่ส่งสำเนาอุทธรณ์ตามกำหนดเวลา ถือเป็นการทิ้งฟ้อง
ผู้อุทธรณ์ที่ไม่ส่งสำเนาอุทธรณ์ให้แก่คู่ความอีกฝ่ายหนึ่งภายในกำหนดเวลาที่ศาลสั่งถือว่าทิ้งฟ้อง.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 526/2528
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
อำนาจการถอนฟ้องและการยื่นคำร้องต่อศาล ต้องกระทำโดยคู่ความหรือผู้มีอำนาจตามกฎหมาย
การยื่นคำร้องเป็นการดำเนินกระบวนพิจารณาอย่างหนึ่งตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 1(7) ประกอบด้วยประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 15 ซึ่งจะต้องกระทำโดยคู่ความในคดี บุคคลอื่นที่มิใช่คู่ความในคดีจะกระทำแทนได้ก็เฉพาะแต่กรณีที่มีใบมอบฉันทะจากตัวความหรือทนายความเท่านั้นและคำร้องขอถอนฟ้องของโจทก์ไม่ปรากฏว่ามีการมอบฉันทะให้ผู้อื่นนำมายื่นแทนโจทก์แต่อย่างใด แต่เมื่อคำร้องขอถอนฟ้องมีลายมือชื่อของทนายโจทก์ซึ่งมีอำนาจถอนฟ้องได้ตามใบแต่งทนายความและไม่ปรากฏว่าคำร้องนั้นได้ยื่นเข้ามาโดยบุคคลผู้ไม่มีอำนาจทั้งจำเลยได้รับสำเนาคำร้องแล้วโดยไม่มีข้อคัดค้าน การที่ศาลชั้นต้นอนุญาตให้โจทก์ถอนฟ้อง และมีคำสั่งให้จำหน่ายคดีจึงเป็นการชอบด้วยกระบวนพิจารณาแล้ว
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 4787/2528 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สถานะบริวารและการบังคับตามคำพิพากษา: การอ้างสิทธิพิเศษจากห้างหุ้นส่วนและการเป็นคู่ความแทน
ผู้ร้องเป็นบุตรของจำเลยและอยู่ในที่พิพาทและสิ่งปลูกสร้างซึ่งศาลได้มีคำพิพากษาแล้วว่าที่ดินพิพาทและสิ่งปลูกสร้างดังกล่าว เป็นกรรมสิทธิ์ของโจทก์ ให้ขับไล่จำเลยและบริวาร กรณีจึงถือได้ว่า ผู้ร้องเป็นบริวารของจำเลยแม้ผู้ร้องจะเป็นบุตรมิชอบด้วยกฎหมาย ของจำเลยก็หาทำให้ผู้ร้องมิได้เป็นบริวารของจำเลยแต่อย่างใด ส่วนข้อที่ผู้ร้องแสดงอำนาจพิเศษว่าที่ดินพิพาทเป็นทรัพย์สินที่นำมาลงทุนในห้างหุ้นส่วนจำกัด พ. ซึ่งมีผู้ร้องเป็นหุ้นส่วนผู้จัดการ ก็ไม่ปรากฏว่าโจทก์ตกลงยินยอมให้ทรัพย์พิพาทเป็นของห้างหุ้นส่วนนั้น ผู้ร้องจึงไม่มีข้ออ้างตามกฎหมายประการใดที่จะอ้างความเป็นหุ้นส่วนนั้น ขึ้นยันโจทก์ได้ และที่ผู้ร้องอ้างว่ายังมีคดีอีก 2 คดีที่พิพาทกันเกี่ยวแก่ทรัพย์สินคดีนี้และคดียังไม่ถึงที่สุดนั้น แม้ผู้ร้องจะเข้าเป็นคู่ความแทนที่ ผู้ร้องสอดซึ่งมรณะ แต่ผู้ร้องก็หามีสิทธิอย่างอื่นนอกเหนือไปกว่า สิทธิของผู้ร้องสอดก่อนมรณะไม่ ซึ่งคดี 2 คดีนั้นก็ปรากฏว่าผู้ร้องมิได้เป็นคู่ความโดยตรง และประเด็นข้อพิพาทต่างกับประเด็น ที่จะวินิจฉัยในชั้นนี้ ดังนั้นด้วยเหตุผลดังกล่าว ถือได้ว่าผู้ร้อง เป็นบริวารของจำเลยที่ไม่สามารถแสดงอำนาจพิเศษให้ศาลเห็นได้ฉะนั้น คำพิพากษาคดีนี้จึงบังคับถึงผู้ร้องด้วยตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 142 (1)