พบผลลัพธ์ทั้งหมด 507 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1067/2526
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การป้องกันตนเองโดยชอบด้วยกฎหมายในคดีทำร้ายร่างกายถึงแก่ความตาย
ตรงที่เกิดเหตุเป็นที่เปลี่ยวและมืด จำเลยถูกผู้ตายใช้ปืนยิง 1 นัดในระยะกระชั้นชิดถูกที่ท้องจำเลยจำเลยจึงมีสิทธิที่จะกระทำการเพื่อป้องกันตนเองได้ การที่จำเลยใช้มีดทำครัวแทงสวนผู้ตายไปเพียงครั้งเดียวผู้ตายถึงแก่ความตาย ก็แสดงว่ากระทำเพื่อยับยั้งมิให้ผู้ตายยิงจำเลยซ้ำอีก เป็นการกระทำที่พอสมควรแก่เหตุจำเลยย่อมไม่มีความผิด
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1066/2526 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การส่งประเด็นสืบพยานต่างศาลและการไม่โต้แย้งสิทธิในการซักค้านพยาน ทำให้การพิจารณาชอบด้วยกฎหมาย
เมื่อศาลที่พิจารณาคดีจะส่งประเด็นไปสืบพยานโจทก์ที่ศาลอื่น จำเลยแถลงว่าจะไม่ตามประเด็นไป และหลังจากนั้นจนถึงวันที่สืบพยานประเด็น จำเลยมิได้แถลงว่าจำเลยหรือทนายจำเลยกลับใจจะขอตามประเด็นไปฟังการพิจารณาและซักค้านพยานโจทก์ ดังนั้นการที่ศาลที่ได้รับแต่งตั้งให้สืบพยานหลักฐานแทนเลื่อนกำหนดวันนัดสืบพยานประเด็นไปและสืบพยานในวันดังกล่าวโดยมิได้แจ้งวันเวลานัดให้จำเลยทราบ จึงเป็นการดำเนินกระบวนพิจารณาที่ชอบด้วยกฎหมาย
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1066/2526
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การไม่ติดตามการสืบพยานหลักฐานและการไม่แถลงเจตนาติดตาม ทำให้การดำเนินกระบวนพิจารณาของศาลชอบด้วยกฎหมาย
เมื่อศาลที่พิจารณาคดีจะส่งประเด็นไปสืบพยานโจทก์ที่ศาลอื่น จำเลยแถลงว่าจะไม่ตามประเด็นไป และหลังจากนั้นจนถึงวันที่สืบพยานประเด็น จำเลยมิได้แถลงว่าจำเลยหรือทนายจำเลยกลับใจจะขอตามประเด็นไปฟังการพิจารณาและซักค้านพยานโจทก์ดังนั้นการที่ศาลที่ได้รับแต่งตั้งให้สืบพยานหลักฐานแทนเลื่อนกำหนดวันนัดสืบพยานประเด็นไปและสืบพยานในวันดังกล่าวโดยมิได้แจ้งวันเวลานัดให้จำเลยทราบ จึงเป็นการดำเนินกระบวนพิจารณาที่ชอบด้วยกฎหมาย
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3524/2525 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การแต่งตั้งเจ้าพนักงานบังคับคดีและการขายทอดตลาดชอบด้วยกฎหมาย แม้ราคาประเมินที่ดินจะแตกต่างจากราคาขาย
จ่าศาลเป็นเจ้าพนักงานศาลตามพระราชบัญญัติให้ใช้ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง พ.ศ. 2477 มาตรา 5 (ข) จึงมีฐานะเป็นเจ้าพนักงานบังคับคดีตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 1 (14)
ราคาประเมินที่ดินของเจ้าพนักงานฝ่ายปกครองนั้นเป็นการประเมินราคา เพื่อเรียกเก็บเงินค่าธรรมเนียมหรือค่าภาษี ไม่ใช่ราคาที่แท้จริงของที่ดิน
ในวันขายทอดตลาดได้มีผู้เข้าประมูลสู้ราคา 3 คน โดยจำเลยเองก็รู้เห็นอยู่ด้วย และการขายทอดตลาดได้เสร็จสิ้นไปโดยไม่ปรากฏว่าเป็นไปโดยไม่สุจริตแต่ประการใดการที่ศาลมีคำสั่งให้ขายให้กับผู้ให้ราคาสูงสุดจึงเป็นการชอบแล้ว
ราคาประเมินที่ดินของเจ้าพนักงานฝ่ายปกครองนั้นเป็นการประเมินราคา เพื่อเรียกเก็บเงินค่าธรรมเนียมหรือค่าภาษี ไม่ใช่ราคาที่แท้จริงของที่ดิน
ในวันขายทอดตลาดได้มีผู้เข้าประมูลสู้ราคา 3 คน โดยจำเลยเองก็รู้เห็นอยู่ด้วย และการขายทอดตลาดได้เสร็จสิ้นไปโดยไม่ปรากฏว่าเป็นไปโดยไม่สุจริตแต่ประการใดการที่ศาลมีคำสั่งให้ขายให้กับผู้ให้ราคาสูงสุดจึงเป็นการชอบแล้ว
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3524/2525
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การแต่งตั้งเจ้าพนักงานบังคับคดี, ราคาประเมินที่ดิน, และการขายทอดตลาดโดยชอบ
จ่าศาลเป็นเจ้าพนักงานศาลตามพระราชบัญญัติให้ใช้ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง พ.ศ.2477 มาตรา 5(ข)จึงมีฐานะเป็นเจ้าพนักงานบังคับคดีตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 1(14)
ราคาประเมินที่ดินของเจ้าพนักงานฝ่ายปกครองนั้นเป็นการประเมินราคาเพื่อเรียกเก็บเงินค่าธรรมเนียมหรือค่าภาษี ไม่ใช่ราคาที่แท้จริงของที่ดิน
ในวันขายทอดตลาดได้มีผู้เข้าประมูลสู้ราคา 3 คน โดยจำเลยเองก็รู้เห็นอยู่ด้วย และการขายทอดตลาดได้เสร็จสิ้นไปโดยไม่ปรากฏว่าเป็นไปโดยไม่สุจริตแต่ประการใดการที่ศาลมีคำสั่งให้ขายให้กับผู้ให้ราคาสูงสุดจึงเป็นการชอบแล้ว
ราคาประเมินที่ดินของเจ้าพนักงานฝ่ายปกครองนั้นเป็นการประเมินราคาเพื่อเรียกเก็บเงินค่าธรรมเนียมหรือค่าภาษี ไม่ใช่ราคาที่แท้จริงของที่ดิน
ในวันขายทอดตลาดได้มีผู้เข้าประมูลสู้ราคา 3 คน โดยจำเลยเองก็รู้เห็นอยู่ด้วย และการขายทอดตลาดได้เสร็จสิ้นไปโดยไม่ปรากฏว่าเป็นไปโดยไม่สุจริตแต่ประการใดการที่ศาลมีคำสั่งให้ขายให้กับผู้ให้ราคาสูงสุดจึงเป็นการชอบแล้ว
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2231-2232/2525
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การก่อสร้างในที่ดินของตนเองไม่ถือเป็นการละเมิด แม้จะกระทบต่อการใช้สิทธิของผู้อื่น หากเป็นการใช้สิทธิโดยชอบ
จำเลยปลูกสร้างตึกแถว 3 ชั้นครึ่งเพื่อขายพร้อมที่ดินโดยด้านหลังของตึกแถวหันเข้าหาด้านหลังตึกแถวของโจทก์แต่เว้นช่องว่างด้านหลังอาคารไม่ถึง 2 เมตรตามแบบแปลนจำเลยได้ก่อสร้างกำแพงติดผนังตึกห้องครัวโจทก์ด้านหลังและด้านข้าง และเทพื้นคอนกรีตสูงขึ้น ทำให้ประตูครัวด้านหลัง และประตูด้านข้างตึกแถวโจทก์ปิดเปิดไม่ได้ ทั้งช่องลมห้องครัวด้านหลังถูกปิดด้วยนั้น เป็นเรื่องที่จำเลยกระทำลงในที่ดินส่วนของจำเลยเอง เป็นการใช้สิทธิเพื่อประโยชน์ในการใช้สอยทรัพย์สินของจำเลยโดยตรง มิใช่เป็นเรื่องจงใจหรือ ประมาทเลินเล่อทำต่อโจทก์โดยผิดกฎหมาย ทั้งรับฟังไม่ได้ว่าจำเลยกระทำไปโดยไม่สุจริตกลั่นแกล้งใช้สิทธิซึ่งมีแต่จะให้เกิดเสียหายแก่โจทก์ จึงถือไม่ได้ว่าจำเลยทำละเมิด
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1320/2525 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การป้องกันตัวที่ชอบด้วยกฎหมาย: ภยันตรายใกล้ถึงและการกระทำพอสมควรแก่เหตุ
ป.และผู้ตายเดินกระแทกไหล่จำเลย จำเลยต่อว่าจึงเกิดชกกันขึ้น มีผู้ห้ามจนเลิกกันไปแล้วผู้ตายเอาปืนจี้เพื่อนจำเลยจะไปส่งผู้ช่วยผู้ใหญ่บ้าน อ้างว่าเพื่อนจำเลยยิงปืนจำเลยจึงไปขอให้พี่สาวจำเลยมาช่วยเจรจา ป. ไม่ยอมและชกจำเลย ช. กับ ก. เข้าช่วย ป. จำเลยล้มลงจึงใช้ไม้ตี ช. 1 ที แล้วจำเลยเห็นผู้ตายถือปืนเล็งมาทางจำเลย จำเลยจึงวิ่งหนีผู้ตายวิ่งไล่ตามและยิงจำเลย จำเลยรู้สึกเจ็บที่เท้าซ้ายและน่องซ้ายล้มลง หันไปดูเห็นผู้ตายยืนอยู่ห่างจำเลย 2 วา ถือปืนจ้องมาทางจำเลย จำเลยจึงยิงผู้ตาย 1 นัดถูกผู้ตายถึงแก่ความตายดังนี้ นับว่าเป็นภยันตรายที่ใกล้จะถึง จำเลยจึงมีสิทธิป้องกันชีวิตของตน การกระทำของจำเลยเป็นการป้องกันพอสมควรแก่เหตุ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1054/2525
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การแต่งตั้งกรรมการสอบสวนทางวินัยร้ายแรง ชอบด้วยกฎหมาย แม้ผู้แต่งตั้งเป็นคู่กรณีและกรรมการเป็นผู้ใต้บังคับบัญชา
นอกจากโจทก์ร้องเรียนในกรณีที่โจทก์ไม่ได้รับยศร้อยตำรวจเอกแล้ว ยังกล่าวหาผู้บังคับบัญชาชั้นสูงและจำเลยในฐานะอธิบดีกรมตำรวจว่าเป็นผู้ไม่อยู่ในศีลธรรมอันดีทำลายภาพพจน์ของกรมตำรวจให้เสื่อมทรามลงโจรผู้ร้ายชุกชุมก็ไม่มีความสามารถปราบปรามบกพร่องต่อหน้าที่อย่างร้ายแรง หย่อนสมรรถภาพในการปฏิบัติงานซึ่งไม่เกี่ยวข้องกับเรื่องของโจทก์แต่อย่างใดกรณีเช่นนี้จึงมีเหตุที่จะให้จำเลยซึ่งเป็นผู้บังคับบัญชา เห็นว่าโจทก์ได้กระทำผิดวินัยอย่างร้ายแรงจึงชอบที่จำเลยแต่งตั้งกรรมการสอบสวนโจทก์และไม่มีกฎหมายใดห้ามผู้บังคับบัญชาที่เป็นคู่กรณีตั้งผู้ใต้บังคับบัญชาสอบสวนคู่กรณีแต่อย่างใด
ศาลมีอำนาจที่จะพิพากษาให้โจทก์ซึ่งเป็นฝ่ายแพ้คดีเสียค่าฤชาธรรมเนียมทั้งปวงรวมทั้งค่าทนายความตามตาราง 6 ท้ายประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง ให้แก่จำเลยได้ตาม ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา161 แม้พนักงานอัยการจะเป็นทนายแก้ต่างให้จำเลย
ศาลมีอำนาจที่จะพิพากษาให้โจทก์ซึ่งเป็นฝ่ายแพ้คดีเสียค่าฤชาธรรมเนียมทั้งปวงรวมทั้งค่าทนายความตามตาราง 6 ท้ายประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง ให้แก่จำเลยได้ตาม ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา161 แม้พนักงานอัยการจะเป็นทนายแก้ต่างให้จำเลย
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 494/2524
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การส่งหมายเรียกและสำเนาคำฟ้องที่ชอบด้วยกฎหมาย แม้จำเลยอ้างว่าไม่ได้อยู่ภูมิลำเนาตามที่ระบุ
จำเลยทั้งสองรับแล้วว่าในระหว่างที่จำเลยทั้งสองทำสัญญากับโจทก์ จำเลยทั้งสองมีภูมิลำเนาและอาศัยปฏิบัติงานในภูมิลำเนาตามที่โจทก์ฟ้องจริง ดังนั้นการที่โจทก์ระบุภูมิลำเนาของจำเลยทั้งสอง ณ ภูมิลำเนาดังกล่าว และขอให้ส่งสำเนาคำฟ้องตลอดจนหมายนัดแจ้งกำหนดวันสืบพยานโจทก์ให้จำเลยทั้งสองทราบ ณ ภูมิลำเนาดังกล่าว จึงเป็นการชอบ
สำเนาทะเบียนบ้านเป็นเอกสารมหาชน ซึ่งพนักงานเจ้าหน้าที่ได้ทำขึ้นและรับรองว่าถูกต้อง จึงต้องสันนิษฐานไว้ก่อนว่าเป็นของแท้จริงและถูกต้อง
สำเนาทะเบียนบ้านเป็นเอกสารมหาชน ซึ่งพนักงานเจ้าหน้าที่ได้ทำขึ้นและรับรองว่าถูกต้อง จึงต้องสันนิษฐานไว้ก่อนว่าเป็นของแท้จริงและถูกต้อง
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 468/2524
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การตีความคำว่า 'บิดา' ในประกาศคณะปฏิวัติฉบับที่ 337: ต้องเป็นบิดาโดยชอบด้วยกฎหมายเท่านั้น
ประกาศของคณะปฏิวัติ ฉบับที่ 337 ข้อ 1 ลงวันที่ 13ธันวาคม 2515 มีความว่า 'ให้ถอนสัญชาติไทยของบุคคลที่เกิดในราชอาณาจักรไทย โดยบิดาเป็นคนต่างด้าวหรือมารดาเป็นคนต่างด้าว ฯลฯ' คำว่า 'บิดา' ดังกล่าวน่าจะหมายถึงบิดาโดยชอบด้วยกฎหมายซึ่งจะเห็นได้ว่า คำว่า 'บิดา'ที่ใช้ในพระราชบัญญัติสัญชาติฯ มาตรา 7,8,14,15,17,21 และ 24 ซึ่งมีความหมายถึงบิดาโดยชอบด้วยกฎหมายก็ไม่ได้ระบุใช้คำว่า 'บิดาโดยชอบด้วยกฎหมาย' ไว้แต่อย่างใด เว้นแต่กรณีใดประสงค์จะเน้นให้แตกต่างจากบิดาที่ไม่ชอบด้วยกฎหมายจึงจะบัญญัติไว้โดยชัดแจ้งเช่นในมาตรา 18 ที่ระบุว่า มารดาเป็นคนต่างด้าวแต่ไม่ปรากฏบิดาที่ชอบด้วยกฎหมายเป็นต้น ดังนั้นคำว่าบิดาเป็นคนต่างด้าวตามประกาศของคณะปฏิวัติดังกล่าวจึงหมายความถึงว่าบิดาที่เป็นคนต่างด้าวจะต้องเป็นบิดาโดยชอบด้วยกฎหมายเท่านั้น