พบผลลัพธ์ทั้งหมด 1,032 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1125/2536
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
เจตนาการโอนหุ้น: แม้ไม่มีข้อความซื้อขาย ศาลต้องพิจารณาเจตนาของผู้โอนและผู้รับโอนเป็นสำคัญเพื่อวินิจฉัยว่าเป็นการรับโอนไว้แทนหรือไม่
แม้ในเอกสารโอนหุ้นจะไม่มีข้อความว่า ผู้ร้องรับโอนหุ้นไว้แทนแต่ก็ไม่มีข้อความว่าการโอนหุ้นรายนี้เป็นการซื้อขายหุ้น จึงต้องพิเคราะห์ถึงเจตนาของผู้โอนและผู้รับโอนเป็นสำคัญ จะฟังว่าเมื่อไม่มีคำว่ารับโอนไว้แทนย่อมเป็นการซื้อขายหาได้ไม่ เมื่อข้อเท็จจริงฟังได้ว่า ผู้ร้องรับโอนหุ้นของบริษัทลูกหนี้ไว้แทนคณะกรรมการควบคุมบริษัทลูกหนี้ ผู้ร้องจึงไม่ต้องรับผิดชำระหนี้ตามหนังสือทวงหนี้ของเจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1048/2536 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
หนังสือมอบอำนาจปลอมทำให้การซื้อขายและขายฝากเป็นโมฆะ กรรมสิทธิ์ยังเป็นของผู้มอบอำนาจ
โจทก์ลงชื่อในหนังสือมอบอำนาจเพื่อให้จำเลยที่ 1 นำที่พิพาทไปจำนอง จำเลยที่ 1 นำหนังสือมอบอำนาจไปทำนิติกรรมโอนขายที่พิพาทให้แก่ตนเอง หนังสือมอบอำนาจที่จำเลยที่ 1 นำไปใช้ทำนิติกรรมซื้อขายที่พิพาทจึงเป็นเอกสารปลอม ต้องถือว่านิติกรรมการซื้อขายที่พิพาทมิได้เกิดขึ้น กรรมสิทธิ์ในที่พิพาทคงเป็นของโจทก์ จำเลยที่ 1 ไม่มีสิทธิขายฝากที่พิพาท แม้จำเลยที่ 2 และที่ 3 จะจดทะเบียนรับซื้อฝากที่พิพาทจากจำเลยที่ 1 ไว้โดยสุจริตและเสียค่าตอบแทนหรือไม่ก็ตาม จำเลยที่ 2 และที่ 3 ก็ไม่ได้กรรมสิทธิ์โจทก์จึงมีสิทธิขอให้เพิกถอนนิติกรรมซื้อขายและขายฝากที่จำเลยที่ 1ทำไปได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1048/2536
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
หนังสือมอบอำนาจปลอมและการซื้อขาย/ขายฝากที่ไร้ผลทางกฎหมาย กรรมสิทธิ์ยังคงเป็นของเจ้าของเดิม
โจทก์ลงชื่อในหนังสือมอบอำนาจ เพื่อให้จำเลยที่ 1 นำที่พิพาทไปจำนองธนาคารโดยมิได้กรอกข้อความ จำเลยที่ 1 นำหนังสือมอบอำนาจดังกล่าวไปทำนิติกรรมซื้อขายที่พิพาท หนังสือมอบอำนาจดังกล่าวจึงเป็นเอกสารปลอม ต้องถือว่านิติกรรมการซื้อขายที่พิพาทมิได้เกิดขึ้น กรรมสิทธิ์ในที่พิพาทคงเป็นของโจทก์ ไม่ตกเป็นของจำเลยที่ 1 จำเลยที่ 1 ไม่มีสิทธิขายฝากที่พิพาท แม้จำเลยที่ 2และที่ 3 จะจดทะเบียนรับซื้อฝากที่พิพาทจากจำเลยที่ 1 ไว้โดยสุจริตและเสียค่าตอบแทนหรือไม่ก็ตาม จำเลยที่ 2 และที่ 3ก็ไม่ได้กรรมสิทธิ์ โจทก์มีสิทธิขอให้เพิกถอนนิติกรรมซื้อขายและขายฝากที่จำเลยที่ 1 ทำไปได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 768/2535 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การริบเงินวางซื้อทรัพย์จากการผิดสัญญาซื้อขายและการคืนเงินเมื่อชำระหนี้ครบถ้วน
ตามประกาศขายทอดตลาดเจ้าพนักงานบังคับคดีกำหนดเงื่อนไขในการขายว่า เมื่อตกลงรับซื้อแล้วผู้ซื้อจะต้องชำระเงินทันทีแต่ถ้าทรัพย์สินนั้นเป็นที่ดินหรือทรัพย์อย่างอื่นซึ่งมีราคาตั้งแต่ 10,000 บาท ขึ้นไปเจ้าพนักงานบังคับคดีอาจให้ผู้ซื้อวางเงินก่อนไม่น้อยกว่าร้อยละ 25 ของราคาซื้อ และทำสัญญาใช้เงินที่ค้างชำระกับค่าใช้จ่ายในการเก็บรักษาทรัพย์สินนั้นถ้าหากมีภายในเวลาไม่เกิน 15 วันก็ได้ และตามรายงานของเจ้าพนักงานบังคับคดีก็ไม่ได้ระบุว่าเป็นเงินมัดจำ แสดงว่าเงินจำนวน 50,000 บาทที่โจทก์วางไว้ในวันขายสำหรับการซื้อทรัพย์ครั้งก่อนเป็นการชำระหนี้ส่วนหนึ่งของราคาค่าซื้อ ไม่ใช่มัดจำ เมื่อโจทก์ผิดสัญญาไม่ชำระราคาส่วนที่เหลือ ศาลจึงสั่งริบไม่ได้ ในการขายทอดตลาดครั้งหลัง โจทก์เป็นผู้ชำระค่าฤชาธรรมเนียมที่เพิ่มขึ้น และเป็นผู้ซื้อทรัพย์ได้ในราคา 195,000 บาท เท่าเดิมทั้งโจทก์ได้ชำระราคาครบถ้วนแล้ว กรณีจึงไม่มีความเสียหายใด ๆต้องคืนเงินที่โจทก์วางไว้ในการซื้อทรัพย์ครั้งก่อนทั้งหมดให้โจทก์ การที่ต้องมีการขายทอดตลาดครั้งหลังเพราะโจทก์ไม่ชำระราคาภายในเวลาที่กำหนด โจทก์จึงเป็นฝ่ายที่ทำให้ต้องเสียค่าฤชาธรรมเนียมในกระบวนพิจารณาใด ๆ ที่ได้ดำเนินไปโดยไม่จำเป็น จึงต้องรับผิดในค่าฤชาธรรมเนียมส่วนนี้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 603/2535 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
อายุความรอนสิทธิซื้อขาย: การประนีประนอมยอมความและข้อยกเว้นตามมาตรา 481
แม้คำให้การของจำเลยจะไม่ระบุระยะเวลาที่เป็นอายุความตามข้อต่อสู้ไว้แต่ ป.พ.พ. บัญญัติเรื่องอายุความรับผิดในการรอนสิทธิไว้ในลักษณะซื้อขายมาตรา 481 เพียงมาตราเดียว โดยกำหนดอายุความไว้สามเดือน ตามคำให้การของจำเลยจึงพอถือได้ว่าจำเลยต่อสู้ว่าคดีของโจทก์ขาดอายุความในเรื่องความรับผิดในการรอนสิทธิตามนัยกฎหมายดังกล่าวแล้ว การที่จะนำอายุความสามเดือน ตาม ป.พ.พ. มาตรา 481 มาใช้บังคับนั้นข้อเท็จจริงต้องได้ความว่าโจทก์ได้ประนีประนอมยอมความคืนทรัพย์ให้แก่บุคคลภายนอกหรือยอมคืนทรัพย์ให้ตามที่บุคคลภายนอกเรียกร้อง การที่รถยนต์ถูกเจ้าพนักงานตำรวจยึดเนื่องจากเป็นรถยนต์ของผู้อื่นที่ถูกลักมาจึงถือไม่ได้ว่าโจทก์ยอมตามที่บุคคลภายนอกเรียกร้อง ความรับผิดของจำเลยผู้ขายจึงไม่ตกอยู่ในบังคับอายุความมาตรา 481 แต่ต้องตกอยู่ในอายุความทั่วไปตามมาตรา 164.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 4050/2535 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
อายุความซื้อขาย - คำสั่งไม่รับฟ้องมีผลเช่นยกฟ้อง - ขยายอายุความ 6 เดือน
การที่ศาลแพ่งมีคำสั่งไม่รับฟ้องโจทก์เพราะคดีไม่อยู่ในอำนาจพิจารณาพิพากษาของศาลแพ่ง เนื่องจากจำเลยมีภูมิลำเนาอยู่นอกเขตศาลแพ่งและมูลคดีมิได้เกิดในเขตศาลแพ่ง คำสั่งของศาลแพ่งดังกล่าวย่อมมีความหมายเป็นอย่างเดียวกันกับคำว่าศาลยกคดีเสียเพราะเหตุคดีไม่อยู่ในอำนาจศาลตาม ป.พ.พ. มาตรา 176(เดิม)หาใช่ต้องเป็นกรณีที่ศาลรับฟ้องไว้แล้ว ภายหลังต่อมาจึงพิพากษายกฟ้องเพราะเหตุคดีไม่อยู่ในอำนาจพิจารณาพิพากษาไม่ เมื่อศาลแพ่งมีคำสั่งไม่รับฟ้องโจทก์ก่อนครบกำหนดอายุความสองวัน จึงต้องขยายอายุความออกไปถึงหกเดือนภายหลังคำพิพากษาหรือคำสั่งนั้น.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 4050/2535
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
อายุความฟ้องคดีซื้อขาย, การยอมรับข้อกล่าวหา, และการยกเว้นอายุความกรณีศาลไม่รับฟ้อง
จำเลยให้การปฏิเสธลอย ๆ ว่า จำเลยไม่รับรองว่าลายมือชื่อและตราประทับในใบมอบอำนาจให้ฟ้องคดีจะเป็นลายมือชื่อของกรรมการผู้มีอำนาจทำการแทนโจทก์และเป็นตราสารสำคัญที่จดทะเบียนไว้ต่อสำนักงานทะเบียนหุ้นส่วนบริษัทกรุงเทพมหานคร หรือไม่ คำให้การของจำเลยดังกล่าวไม่ได้แสดงเหตุแห่งการปฏิเสธ จึงไม่เป็นประเด็นที่ศาลจะต้องวินิจฉัย แม้ศาลล่างทั้งสองจะได้วินิจฉัยให้ก็เป็นการนอกประเด็น ศาลฎีกาไม่รับวินิจฉัย จำเลยไม่ได้ให้การปฏิเสธโดยแจ้งชัดว่าจำเลยไม่ได้ตกลงทำสัญญากับโจทก์และไม่ได้ชำระหนี้บางส่วนให้แก่โจทก์ ตามที่ปรากฏในคำฟ้อง จึงต้องถือว่าจำเลยยอมรับว่าได้มีการ ตกลงทำสัญญาซื้อขายกันโดยโจทก์ได้ส่งมอบและตอกเสาเข็มคอนกรีตให้แก่จำเลย และจำเลยได้ชำระหนี้บางส่วนให้แก่โจทก์แล้วจำเลยไม่มีประเด็นที่จะนำสืบหักล้างเป็นอย่างอื่น ดังนั้นข้อที่จำเลยฎีกาว่าจำเลยไม่ได้เป็นผู้ชำระหนี้บางส่วนจึงเป็นเรื่องที่จำเลยมิได้ยกขึ้นว่ากันมาแล้วในศาลชั้นต้นแม้ศาลล่างทั้งสองจะวินิจฉัยให้ก็เป็นการนอกประเด็นศาลฎีกาไม่รับวินิจฉัย ครบกำหนดชำระราคาเสาเข็มภายในวันที่ 19 กรกฎาคม 2526 แต่จำเลยไม่ชำระ อายุความย่อมเริ่มนับตั้งแต่วันที่20 กรกฎาคม 2526 โจทก์ยื่นฟ้องจำเลยต่อศาลแพ่งเมื่อวันที่18 กรกฎาคม 2528 จึงยังไม่พ้นกำหนดอายุความ 2 ปี ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 165(1) เดิม แต่ศาลแพ่งมีคำสั่งไม่รับฟ้องโจทก์เพราะคดีไม่อยู่ในอำนาจพิจารณาพิพากษาของศาลแพ่ง เนื่องจากจำเลยมีภูมิลำเนาอยู่นอกเขตศาลแพ่งและมูลคดีมิได้เกิดในเขตศาลแพ่ง คำสั่งของศาลแพ่งดังกล่าวย่อมมีความหมายเป็นอย่างเดียวกันกับคำว่าศาลยกคดีเสียเพราะเหตุคดีไม่อยู่ในอำนาจศาล ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 176(เดิม) หาใช่ต้องเป็นกรณีที่ศาลรับฟ้องไว้แล้ว ภายหลังต่อมาจึงพิพากษายกฟ้องเพราะเหตุคดีไม่อยู่ในอำนาจพิจารณาพิพากษาไม่ ดังนั้นเมื่อกำหนดอายุความในคดีของโจทก์จะครบ 2 ปี ในวันที่20 กรกฎาคม 2528 จึงเป็นกรณีที่อายุความจะสิ้นลงในระหว่างหกเดือนภายหลังที่คำพิพากษาหรือคำสั่งที่ไม่รับฟ้องถึงที่สุดจึงต้องขยายอายุความออกไปถึงหกเดือนภายหลังคำพิพากษาหรือคำสั่งนั้น ปรากฏว่าศาลแพ่งมีคำสั่งไม่รับฟ้องโจทก์เมื่อวันที่ 18 กรกฎาคม 2528 โจทก์ฟ้องคดีนี้ต่อศาลชั้นต้นเมื่อวันที่ 23 สิงหาคม 2528 ฟ้องโจทก์จึงไม่ขาดอายุความ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 4048/2535 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ราคาอันแท้จริงในท้องตลาดตามกฎหมายศุลกากร ต้องพิจารณาจากราคาซื้อขายปกติ ไม่ใช่ราคาที่ผู้ซื้อผู้ขายตกลงกันเอง
คำว่า "ราคาอันแท้จริงในท้องตลาด" ตามพระราชบัญญัติศุลกากรพ.ศ. 2469 มาตรา 2 หมายความว่า "ราคาขายส่งเงินสด"(ในส่วนของขาเข้าไม่รวมค่าอากร) ซึ่งจะพึงขายของประเภทและชนิดเดียวกันได้โดยไม่ขาดทุน ณ เวลาที่นำของเข้าหรือส่งของออก แล้วแต่กรณีโดยไม่มีหักทอนหรือลดหย่อนราคาอย่างใด" ราคาที่ผู้ซื้อกับผู้ขายตกลงซื้อขายกันนั้นอาจเป็นราคาที่ลดหย่อนให้แก่กัน ราคาที่ซื้อขายกันจริงจึงไม่อาจถือเป็นราคาอันแท้จริงในท้องตลาดเสมอไป การคิดราคาแท้จริงในท้องตลาดสำหรับของที่นำเข้าจึงต้องคิดเปรียบเทียบกับราคาซึ่งจะซื้อขายของประเภทและชนิดเดียวกันได้โดยไม่ขาดทุนณ เวลาและที่ที่นำของเข้าด้วย
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 387/2535
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สิทธิในที่ดิน: การครอบครองแทน การซื้อขาย และผลกระทบต่อสิทธิของผู้ครอบครองเดิม
ที่ดินพิพาทตาม น.ส.3 เลขที่ 114 เป็นของ ป. สามีโจทก์และโจทก์ร่วมกันโดย ป. ซื้อมาจาก น. และเมื่อซื้อมาแล้วป. มอบให้ ส. สามี จำเลยครอบครองแทน แม้ต่อมา น. จะยื่นคำขอออก น.ส.3 ก็เป็นการกระทำภายหลังจากที่ น. ได้ขายที่ดินพิพาทให้ ป. และโจทก์ไปแล้ว จึงหาทำให้ น. กลับเป็นผู้มีสิทธิครอบครองที่ดินพิพาทอีกไม่ เมื่อ น. ไม่มีสิทธิในที่ดินพิพาทต่อมาแม้ น. จะได้จดทะเบียนโอนขายที่ดินพิพาทให้ ส. ก็หาทำให้ส.มีสิทธิดีไปกว่าน.ผู้โอนไม่กรณีที่ส. กระทำการดังกล่าว ก็ถือไม่ได้ว่าเป็นการแย่งการครอบครองโดยเปลี่ยนลักษณะแห่งการยึดถือไปยัง ป. และโจทก์ ที่ดินพิพาทยังคงเป็นของ ป. และโจทก์ โดย ส. เป็นผู้ครอบครองแทน ส่วนที่ดินพิพาทตาม น.ส.3 ก. เลขที่ 229 ที่จำเลยไปขอออก น.ส.3 ก. ในนามจำเลยนั้นก็มิได้หมายความว่า ส. หรือจำเลยได้เปลี่ยนลักษณะแห่งการยึดถือไปยัง ป. หรือโจทก์การที่จำเลยครอบครองที่ดินตามน.ส.3 เลขที่ 114 ก็ดี ตาม น.ส.3 ก. เลขที่ 229 ก็ดี เป็นการสืบสิทธิของ ส. จึงเป็นการครอบครองแทนโจทก์ แม้จะครอบครองนานเท่าใดก็ไม่ได้สิทธิครอบครอง ศาลอุทธรณ์พิพากษาให้เพิกถอนนิติกรรมการจดทะเบียนการขายที่ดินพิพาท น.ส.3 เลขที่ 114 ระหว่าง น. กับ ส. ซึ่งแม้จะเป็นนิติกรรมที่ใช้ยันโจทก์ไม่ได้ก็ตาม แต่ก็เป็นการพิพากษาเกินคำขอและเป็นการกระทบสิทธิของ น. ซึ่งเป็นบุคคลภายนอกคดีซึ่งเป็นเรื่องที่โจทก์ต้องไปดำเนินการเองศาลฎีกาเห็นสมควรแก้ไขเสียให้ถูกต้องโดยไม่พิพากษาเพิกถอนนิติกรรมการจดทะเบียนดังกล่าว
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3783/2535
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
กรรมสิทธิ์รถยนต์โอนเมื่อตกลงซื้อขาย แม้ยังมิได้ส่งมอบหรือจดทะเบียน ผู้ให้เช่าซื้อไม่ต้องรับผิดกับความผิดของผู้เช่าซื้อ
ป. ขายรถยนต์ของกลางให้จำเลยที่ 1 แต่ยังมิได้โอนกรรมสิทธิ์การที่ ป. กับจำเลยที่ 1 ไปทำคำเสนอใช้บริการของผู้ร้องโดยให้ผู้ร้องตกลงชำระราคารถยนต์ของกลางให้แก่ ป. และให้จำเลยที่ 1 ทำสัญญาเช่าซื้อรถยนต์ของกลางจากผู้ร้อง เป็นพฤติการณ์ที่แสดงว่า ป. ตกลงขายรถยนต์ของกลางให้แก่ผู้ร้องโดยความยินยอมของจำเลยที่ 1 แม้ผู้ร้องจะมิได้ครอบครองรถยนต์ของกลางเลยก็ถือได้ว่าเป็นการส่งมอบกันโดยปริยาย กรรมสิทธิ์รถยนต์ของกลางตกเป็นของผู้ร้องในทันทีที่ตกลงซื้อขายกัน แม้จะจดทะเบียนโอนกันในภายหลังการซื้อขายก็สมบูรณ์เพราะใบคู่มือการจดทะเบียนมิใช่หลักฐานแสดงกรรมสิทธิ์รถยนต์ของกลาง ผู้ร้องเป็นนิติบุคคล มีวัตถุประสงค์ประกอบธุรกิจเงินทุนลงทุนในกิจการต่าง ๆ รวมทั้งการให้เช่าซื้อ มิได้มีวัตถุประสงค์ในการประกอบธุรกิจเกี่ยวกับการค้าไม้ อันเป็นเหตุให้มีการจับกุมจำเลยที่ 1 มาดำเนินคดีแต่อย่างใด เมื่อไม่ปรากฏว่ามีพนักงานของผู้ร่วมร้องในการกระทำความผิดด้วย จึงไม่อาจถือได้ว่าผู้ร้องมีส่วนรู้เห็นเป็นใจในการกระทำความผิด ต้องคืนรถยนต์ของกลางให้แก่ผู้ร้อง