คำพิพากษาที่อยู่ใน Tags
ฟ้องคดี

พบผลลัพธ์ทั้งหมด 831 รายการ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2394/2533

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ อำนาจฟ้องของหญิงมีสามี: ไม่ต้องได้รับความยินยอมจากสามี เว้นแต่ฟ้องคดีเกี่ยวกับสินสมรส
การที่หญิงมีสามีฟ้องคดีนั้นหาจำต้องได้รับอนุญาตจากสามีเสียก่อนทุกกรณีไม่คู่สมรสฝ่ายหนึ่งฝ่ายใดฟ้องคดีต้องได้รับอนุญาตจากอีกฝ่ายหนึ่งก็เฉพาะการฟ้องคดีเกี่ยวกับสินสมรสซึ่งเป็นทรัพย์สินที่ทั้งสองฝ่ายต้องจัดการร่วมกันตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาตรา 1476 เท่านั้น เมื่อจำเลยไม่ได้ให้การต่อสู้ว่า โจทก์ฟ้องคดีเป็นการฟ้องเกี่ยวกับสินสมรสที่โจทก์กับสามีต้องจัดการร่วมกันจึงไม่มีประเด็นข้อโต้เถียงว่าทรัพย์สินที่โจทก์ฟ้องเป็นสินสมรสหรือไม่ โจทก์ย่อมฟ้องได้โดยไม่ต้องได้รับความยินยอมจากสามีก่อน.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2340/2533 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ อายุความฟ้องคดี: การรู้ถึงการละเมิดของนิติบุคคล ต้องพิจารณาที่ผู้มีอำนาจทำการแทน
โจทก์เป็นนิติบุคคล ระหว่างเกิดเหตุมี ม.เป็นอธิบดี ม.จึงเป็นผู้มีอำนาจทำการแทนโจทก์แต่เพียงผู้เดียว การที่เจ้าหน้าที่ระดับล่างของโจทก์รู้ถึงการละเมิดและรู้ตัวผู้จะพึงต้องใช้ค่าสินไหมทดแทน จะถือว่าโจทก์ทราบไม่ได้ เพราะเจ้าหน้าที่ดังกล่าวไม่ใช่ผู้มีอำนาจทำการแทนโจทก์ เมื่อ ม. อธิบดีกรมทางหลวงรู้ถึงการละเมิดและรู้ตัวผู้จะพึงต้องชดใช้ค่าสินไหมทดแทนเมื่อวันที่ 29 พฤษภาคม 2527 โจทก์ฟ้องคดีนี้เมื่อวันที่ 19 กันยายน 2527ฟ้องของโจทก์จึงยังไม่ขาดอายุความ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2235/2533

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ อำนาจฟ้องและการปฏิบัติตามข้อกำหนดก่อนฟ้องคดี: ศาลมีอำนาจไม่รับฟ้องหากโจทก์ไม่ปฏิบัติตามขั้นตอน
ตามประกาศกระทรวงมหาดไทย เรื่อง การคุ้มครองแรงงาน ข้อ 60วรรคสี่ ที่กำหนดว่า ถ้านายจ้างเป็นฝ่ายนำคดีไปสู่ศาล นายจ้างต้องวางเงินต่อศาลตามจำนวนที่ถึงกำหนดชำระตามคำสั่งของอธิบดีจึงจะฟ้องคดีได้นั้น เป็นข้อกฎหมายที่บังคับให้โจทก์ซึ่งเป็นนายจ้างจะต้องปฏิบัติเสียก่อน จึงจะฟ้องคดีได้ซึ่งเป็นเรื่องเกี่ยวกับอำนาจฟ้องของโจทก์อันเป็นปัญหาเกี่ยวกับความสงบเรียบร้อย ดังนี้แม้มิได้กำหนดไว้เป็นประเด็นพิพาทแห่งคดี ศาลก็มีอำนาจยกขึ้นวินิจฉัยได้ การที่โจทก์ยื่นฟ้องคดีต่อศาลแรงงานกลางโดยมิได้วางเงินต่อศาลก่อนตามที่กฎหมายกำหนดในประกาศกระทรวงมหาดไทย เรื่องการคุ้มครองแรงงาน ข้อ 60 วรรคสี่ เมื่อความข้อนี้ปรากฏในภายหลังศาลแรงงานกลางจึงมีคำสั่งใหม่ให้เพิกถอนคำสั่งเป็นไม่รับฟ้องโจทก์ดังกล่าวตาม ป.วิ.พ. มาตรา 27 ประกอบด้วย พ.ร.บ.จัดตั้งศาลแรงงานฯมาตรา 31 แม้คำสั่งศาลดังกล่าวจะเพิกถอนคำสั่งเดิม เมื่อระยะเวลาที่กำหนดให้โจทก์วางเงินและยื่นฟ้องได้สิ้นสุดลงแล้วและทำให้โจทก์หมดสิทธิ์ ยื่นฟ้องใหม่ก็ตาม แต่การที่โจทก์หมดสิทธิ์ ยื่นฟ้องใหม่นั้น มิใช่เพราะการเพิกถอนคำสั่งรับฟ้องของศาลแรงงานฯ โดยตรง หากแตก เกิดจากความบกพร่องของโจทก์เองที่ไม่ปฏิบัติตามข้อบังคับของกฎหมายซึ่งได้บัญญัติไว้ชัดแจ้งแล้ว ดังนี้โจทก์จะยกเอาความบกพร่องของโจทก์มาอ้างเพื่อให้ศาลขยายกำหนดระยะเวลาการยื่นฟ้องออกไปหาได้ไม่.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1984/2533

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ความครบถ้วนของฟ้องคดีบุกรุก: รายละเอียดที่ดินไม่จำเป็นต้องระบุในฟ้อง
โจทก์บรรยายฟ้องว่า จำเลยทั้งสามได้ บุกรุกเข้าไปทำนาในที่ดินโจทก์ซึ่ง มีเนื้อที่ 33 ไร่ 3 งาน 90 ตารางวา โดย ระบุข้ออ้างที่อาศัยเป็นหลักแห่งข้อหาว่า โจทก์เป็นเจ้าของผู้ครอบครองที่ดินพิพาท และมีคำขอบังคับให้จำเลยทั้งสามและบริวารออกไปจากที่ดินโจทก์ ห้ามเกี่ยวข้องและขนย้ายรื้อถอนสิ่งของสิ่งปลูกสร้างออกไป เป็นการบรรยายฟ้องครบถ้วนตาม ที่กฎหมายบัญญัติไว้แล้ว ส่วนที่ดินของโจทก์อยู่ส่วนไหน อาณาเขตกว้างยาวเพียงใด จดที่ดินของใคร จำเลยทั้งสามบุกรุกที่ดินของโจทก์อย่างไรและเนื้อที่เท่าใด เป็นรายละเอียดที่นำสืบได้ ในชั้นพิจารณาไม่จำต้องบรรยายมาในฟ้อง.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1968/2533 เวอร์ชัน 4 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ อำนาจฟ้องคดีเลิกจ้าง: แม้ฟ้องผิดวันเลิกจ้าง แต่ฟ้องหลังมีข้อพิพาทแล้ว โจทก์มีอำนาจฟ้อง
โจทก์ฟ้องว่า จำเลยเลิกจ้างโจทก์เมื่อวันที่ 15 สิงหาคม 2532 ศาลแรงงานกลางฟังข้อเท็จจริงว่าจำเลยเลิกจ้างโจทก์เมื่อวันที่ 16 สิงหาคม 2532 แต่โจทก์ฟ้องคดีนี้เมื่อวันที่ 2 มกราคม 2533 ซึ่งเป็นเวลาภายหลังที่จำเลยเลิกจ้างโจทก์ขณะฟ้องจึงมีข้อพิพาทเกี่ยวกับสิทธิหรือหน้าที่ตามกฎหมายเรื่องจำเลยเลิกจ้างโจทก์แล้วโจทก์จึงมีอำนาจฟ้อง

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1868/2533

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ อำนาจฟ้องคดีสมาชิกภาพสหภาพแรงงาน: คุณสมบัติสมาชิกต้องคงอยู่ขณะยื่นฟ้อง หากขาดคุณสมบัติแล้ว ไม่มีอำนาจฟ้อง
อำนาจฟ้องเป็นปัญหาเกี่ยวกับความสงบเรียบร้อยของประชาชนแม้จำเลยไม่ได้ยกขึ้นต่อสู้ ศาลก็มีอำนาจหยิบยกขึ้นวินิจฉัยได้ เอง ข้อบังคับของจำเลยกำหนดว่า สมาชิกจำเลยจะต้อง มีคุณสมบัติเป็นลูกจ้างประจำของบริษัท เนชั่นแนลไทย จำกัด หรือลูกจ้างประจำของบริษัทซึ่ง ทำกิจการเกี่ยวกับอุตสาหกรรมเครื่องใช้ไฟฟ้า เมื่อขณะที่โจทก์ฟ้องได้ถูก นายจ้าง เลิกจ้างแล้ว ในขณะยื่นฟ้องโจทก์จึงไม่มีคุณสมบัติที่จะเป็นสมาชิกจำเลยได้ โจทก์จึงไม่มีอำนาจฟ้องขอให้ศาลพิพากษาว่ามติของคณะกรรมการจำเลยที่ปลดโจทก์ออกจากสมาชิกจำเลยเป็นโมฆะ อันมีผลทำให้โจทก์กลับเข้าเป็นสมาชิกของจำเลยอีก.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1361-1363/2533

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การฟ้องคดีเช็คหลังประนีประนอมยอมความ: ความผิดใหม่เกิดขึ้นเมื่อเช็คใหม่ถูกปฏิเสธ
เดิมโจทก์ฟ้องจำเลยข้อหาความผิดตาม พ.ร.บ. ว่าด้วยความผิดอันเกิดจากการใช้เช็ค ระหว่างออกหมายจับจำเลยตกลงผ่อนชำระหนี้โดยชำระเงินสดส่วนหนึ่ง และสั่งจ่ายเช็คชำระส่วนหนึ่ง โจทก์จึงถอนฟ้อง ต่อมาธนาคารปฏิเสธการจ่ายเงินตามเช็คดังกล่าวดังนี้ สิทธินำคดีอาญามาฟ้องระงับไปเฉพาะคดีเดิมเท่านั้น เมื่อธนาคารปฏิเสธการจ่ายเงินตามเช็คที่ออกใหม่วันใด ก็เป็นความผิดที่เกิดขึ้นใหม่วันนั้น โจทก์จึงมีสิทธิฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยตามพ.ร.บ. ว่าด้วยความผิดอันเกิดจากการใช้เช็คฯ ในเช็คดังกล่าวได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1279/2533 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ อายุความฟ้องละเมิด: การรู้ถึงการละเมิดและตัวผู้รับผิดชอบเป็นจุดเริ่มต้นนับอายุความ
โจทก์ทราบถึงเหตุที่สินค้าขาดจำนวนจากน้ำหนักที่จำเลยแจ้งในรายงานการตรวจสอบสินค้าว่าเป็นเพราะจำเลยคำนวณและรายงานน้ำหนักสินค้าผิดพลาด ถือได้ว่าโจทก์รู้ถึงการละเมิดของจำเลยแล้ว การที่โจทก์ว่าจ้างบริษัท ว.ทำการตรวจสอบในภายหลังนั้น เป็นเพียงการตรวจสอบเพื่อหาหลักฐานว่าจำเลยคำนวณผิดพลาดอย่างไร เพื่อนำมาเป็นพยานหลักฐานในคดีเท่านั้น การที่โจทก์ฟ้องจำเลยเมื่อพ้นกำหนด 1 ปี นับแต่รู้ถึงการละเมิดและตัวผู้จะพึงต้องใช้ค่าสินไหมทดแทนดังกล่าวแล้ว คดีโจทก์จึงขาดอายุความตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 442

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 4661/2532 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ สถานะนิติบุคคลของโจทก์และการมอบอำนาจฟ้องคดี ศาลอนุญาตแก้ไขเอกสารท้ายฟ้องได้
โจทก์บรรยายฟ้องว่า โจทก์จดทะเบียนเป็นนิติบุคคลประเภทบริษัทจำกัด แม้โจทก์จะแนบเอกสารท้ายฟ้องอันแสดงถึงการเป็นนิติบุคคลของโจทก์โดยแนบสำเนาหนังสือรับรองของนิติบุคคลอื่นอันเป็นเรื่องที่โจทก์แนบมาผิดพลาดการแนบเอกสารท้ายฟ้องก็เป็นเพียงเพื่อให้ชัดเจนถึงฐานะของโจทก์ ไม่ใช่หลักฐานอันเกี่ยวกับประเด็นแห่งคดี ทั้งจำเลยก็เคยเป็นกรรมการผู้จัดการของโจทก์มาก่อนและยังให้การยอมรับเช่นนั้น ย่อมเป็นการยอมรับว่าโจทก์เป็นนิติบุคคลแล้ว การที่โจทก์ขอแก้ไขคำฟ้องเกี่ยวกับการเป็นนิติบุคคลของโจทก์โดยแนบหนังสือรับรองการเป็นนิติบุคคลของโจทก์ฉบับที่ถูกต้องภายหลังที่โจทก์ได้สืบพยานไปแล้ว ศาลย่อมมีอำนาจที่จะอนุญาตให้โจทก์แก้ไขคำฟ้องดังกล่าวได้ กรณีไม่ต้องด้วยข้อห้ามตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 180 ประกอบด้วยพระราชบัญญัติจัดตั้งศาลแรงงานและวิธีพิจารณาคดีแรงงาน พ.ศ. 2522 มาตรา 31 โจทก์มีฐานะเป็นนิติบุคคลมาแต่ต้นการมอบอำนาจให้ฟ้องคดีชอบด้วยกฎหมายและโจทก์จึงมีอำนาจฟ้อง

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 4474/2532

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ความชัดเจนของฟ้องคดีการพนัน: แม้ระบุงวดไม่ได้ แต่จำเลยรับสารภาพ ย่อมเข้าใจข้อหา
ตามที่ศาลบันทึกการฟ้องด้วยวาจาของโจทก์ประกอบกับบันทึกการฟ้องด้วยวาจาที่โจทก์ส่งต่อศาลได้ความว่า เมื่อวันที่ 1 มีนาคม2532 จำเลยกับพวกได้ร่วมกันเล่นการพนันสลากกินรวบ พนันเอาทรัพย์สินกันโดยจำเลยเป็นเจ้ามือรับกินรับใช้และโดยไม่ได้รับอนุญาต แม้ไม่ปรากฏชัดว่าเป็นการเล่นการพนันสลากกินรวบงวดใด แต่จำเลยก็ให้การรับสารภาพตามฟ้อง แสดงว่าจำเลยย่อมเข้าใจข้อหาตามฟ้องแล้วมิได้หลงต่อสู้แต่ประการใด จึงหาทำให้ฟ้องของโจทก์ไม่ชอบด้วยประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 158(5) ไม่.
of 84