พบผลลัพธ์ทั้งหมด 423 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1276/2494
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ภาระจำยอมเสื่อมประโยชน์ – การกั้นทางทำให้ใช้สิทธิไม่ได้ – การฟ้องคดีซ้ำ
ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 144 ห้ามศาลมิให้ดำเนินคดีเรื่องเดิมนั้นต่อไปอีกทั้งคดีหรือเฉพาะประเด็นบางข้อซึ่งศาลได้วินิจฉัยชี้ขาดแล้ว ส่วน มาตรา 148 เป็นเรื่องโจทก์ฟ้องคดีเรื่องใด ศาลตัดสินครั้งหนึ่งแล้ว มาฟ้องใหม่ซ้ำอีกไม่ได้
กรณีที่โจทก์ฟ้องแล้วครั้งหนึ่ง ศาลตัดสินแล้ว โจทก์มาฟ้องคดีนี้อีก ไม่ใช่เรื่องศาลดำเนินคดีเดิม กรณีไม่เข้า มาตรา 144 คงเป็นปัญหาตาม มาตรา 148 เท่านั้น
โจทก์ฟ้องจำเลยที่ 1 แล้ว ศาลชั้นต้นยกฟ้องโดยอ้างว่าภาระจำยอมที่โจทก์อ้างปราศจากรากฐานตามกฎหมายบังคับจำเลยไม่ได้ ศาลอุทธรณ์ยืนในข้อที่ยกฟ้องโดยเหตุว่าโจทก์ฟ้องจำเลยที่ 1 ไม่ได้เพราะจำเลยที่ 1 ไม่ใช่เจ้าของที่ดินอันเป็นภารยะทรัพย์ จึงไม่จำต้องวินิจฉัยประเด็นที่ว่าจำเลยกั้นทางรายนี้ให้แคบลงได้หรือไม่ ดังนี้ ต้องถือตามคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ซึ่งเป็นคำพิพากษาอันถึงที่สุด โจทก์ฟ้องคดีใหม่นี้โดยฟ้องจำเลยที่ 1 และจำเลยที่ 2 ซึ่งเป็นเจ้าของที่ดินด้วยได้ ไม่ต้องห้ามตาม มาตรา 148
โจทก์ได้ภาระจำยอมโดยอายุความตาม ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ ม 1401 อันอาจใช้ล้อหรือเกวียนและรถยนต์เข้าออกตามทางผ่านที่ดินของจำเลยแล้ว จำเลยกั้นทางให้แคบลงจนใช้ล้อหรือเกวียนและรถยนต์ไม่ได้ ย่อมเป็นการทำให้ประโยชน์แห่งภาระจำยอมเสื่อมไปขัดต่อ มาตรา 1390 แม้โจทก์จะยังใช้รถจักรยาน 3 ล้อเข้าออกได้หรือโจทก์ไม่ได้เอาเกวียนเข้าเก็บในที่ดินของโจทก์ก็ไม่เป็นข้อแก้ตัว
โจทก์มีทางเอาเกวียนและรถเข้าออกทางอื่นได้ แต่ทางนั้นไม่ใช่ทางสาธารณะและโจทก์ยังไม่มีสิทธิเหนือทางนั้นอาจถูกสั่งปิดเสียเมื่อใดก็ได้ ไม่เรียกว่าทางพิพาทหมดประโยชน์แก่โจทก์อันจะทำให้ภาระจำยอมหมดไปตาม มาตรา 1400
กรณีที่โจทก์ฟ้องแล้วครั้งหนึ่ง ศาลตัดสินแล้ว โจทก์มาฟ้องคดีนี้อีก ไม่ใช่เรื่องศาลดำเนินคดีเดิม กรณีไม่เข้า มาตรา 144 คงเป็นปัญหาตาม มาตรา 148 เท่านั้น
โจทก์ฟ้องจำเลยที่ 1 แล้ว ศาลชั้นต้นยกฟ้องโดยอ้างว่าภาระจำยอมที่โจทก์อ้างปราศจากรากฐานตามกฎหมายบังคับจำเลยไม่ได้ ศาลอุทธรณ์ยืนในข้อที่ยกฟ้องโดยเหตุว่าโจทก์ฟ้องจำเลยที่ 1 ไม่ได้เพราะจำเลยที่ 1 ไม่ใช่เจ้าของที่ดินอันเป็นภารยะทรัพย์ จึงไม่จำต้องวินิจฉัยประเด็นที่ว่าจำเลยกั้นทางรายนี้ให้แคบลงได้หรือไม่ ดังนี้ ต้องถือตามคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ซึ่งเป็นคำพิพากษาอันถึงที่สุด โจทก์ฟ้องคดีใหม่นี้โดยฟ้องจำเลยที่ 1 และจำเลยที่ 2 ซึ่งเป็นเจ้าของที่ดินด้วยได้ ไม่ต้องห้ามตาม มาตรา 148
โจทก์ได้ภาระจำยอมโดยอายุความตาม ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ ม 1401 อันอาจใช้ล้อหรือเกวียนและรถยนต์เข้าออกตามทางผ่านที่ดินของจำเลยแล้ว จำเลยกั้นทางให้แคบลงจนใช้ล้อหรือเกวียนและรถยนต์ไม่ได้ ย่อมเป็นการทำให้ประโยชน์แห่งภาระจำยอมเสื่อมไปขัดต่อ มาตรา 1390 แม้โจทก์จะยังใช้รถจักรยาน 3 ล้อเข้าออกได้หรือโจทก์ไม่ได้เอาเกวียนเข้าเก็บในที่ดินของโจทก์ก็ไม่เป็นข้อแก้ตัว
โจทก์มีทางเอาเกวียนและรถเข้าออกทางอื่นได้ แต่ทางนั้นไม่ใช่ทางสาธารณะและโจทก์ยังไม่มีสิทธิเหนือทางนั้นอาจถูกสั่งปิดเสียเมื่อใดก็ได้ ไม่เรียกว่าทางพิพาทหมดประโยชน์แก่โจทก์อันจะทำให้ภาระจำยอมหมดไปตาม มาตรา 1400
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1083/2494 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การซื้อที่ดินโดยไม่สุจริตและภาระจำยอม ผู้ซื้อไม่อาจอ้างสิทธิได้
ลำรางน้ำในนาแปลงหนึ่งตกเป็นภาระจำยอมแก่นาข้างเคียงอยู่ก่อนแล้ว เมื่อมีผู้ซื้อนาที่มีลำรางน้ำนั้นในภายหลังผู้ซื้อถมลำรางนั้นเสียเมื่อรับโอนนาแปลงนั้น ย่อมแสดงว่า ผู้ซื้อมิได้กระทำโดยสุจริต ฉะนั้นจะอ้าง ป.ม.แพ่ง ฯ มาตรา 1299 หรือ 1300 มาใช้เป็นคุณแก่ผู้ซื้อไม่ได้ เจ้าของนาข้างเคียงย่อมฟ้องผู้ซื้อขุดเปิดให้เป็นทางน้ำคงคืนตามสภาพเดิมได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1083/2494
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ภาระจำยอมทางน้ำ: การถมลำรางน้ำโดยผู้ซื้อที่ไม่สุจริต
ลำรางน้ำในนาแปลงหนึ่งตกเป็นภาระจำยอมแก่นาข้างเคียงอยู่ก่อนแล้ว เมื่อมีผู้ซื้อนาที่มีลำรางน้ำนั้นในภายหลังผู้ซื้อถมลำรางนั้นเสียเมื่อรับโอนนาแปลงนั้น ย่อมแสดงว่า ผู้ซื้อมิได้กระทำโดยสุจริต ฉะนั้นจะอ้างประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1299 หรือ 1300 มาใช้เป็นคุณแก่ผู้ซื้อไม่ได้ เจ้าของนาข้างเคียงย่อมฟ้องผู้ซื้อให้ขุดเปิดให้เป็นทางน้ำคงคืนตามสภาพเดิมได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 797/2493 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
กรรมสิทธิ์ร่วมในคูหรือลำกะโดง: ศาลวินิจฉัยตามข้อเท็จจริงที่บรรยายถึงการใช้ประโยชน์ร่วมกันได้ แม้ฟ้องอ้างภาระจำยอม
โจทก์บรรยายว่าคูหรือลำกระโดงรายพิพาทอยู่ระหว่างที่ดินของโจทก์จำเลย ถือตรงกึ่งกลางเป็นแนวเขต และต่างได้ใช้เป็นทางเรือสัญจรไปมาเข้าอกได้ด้วยกัน แม้ในตอนท้ายฟ้องจะมีว่าคูหรือกะโดงนี้ตกเป็นภาระจำยอมแล้ว ศาลก็วินิจฉัยว่าโจทก์จำเลยมีกรรมสิทธิ์ร่วมกันได้ในคูเรือลำกะโดงรายนนี้ได้ ไม่ถือว่าเป็นการวินิจฉัยนอกประเด็น
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 579/2493 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ภาระจำยอม: การใช้ทางโดยอาศัยหรือไม่ การเกิดภาระจำยอมต้องพิจารณาการขออาศัยใช้ทางก่อน
โจทก์ฟ้องขอให้จำเลยเปิดทางโดยอ้างว่า โจทก์ได้ใช้มาไม่น้อยกว่า 10 ปี เกิดภาระจำยอม จำเลยต่อสู้ว่า โจทก์ใช้ทางก็โดยอาศัย ดังนี้ ศาลจำต้องวินิจฉัยประเด็นว่า โจทก์ขออาศัยเดินหรือไม่ เพราะโจทก์อาศัยเดิน ภาระจำยอมก็ไม่เกิด
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 291/2492
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ภาระจำยอมไม่ใช่การอาศัยสิทธิ ผู้ขายต้องรื้อสิ่งปลูกสร้างรุกล้ำทาง
ทางภาระจำยอมที่ก่อให้เกิดมีขึ้นระหว่างผู้ซื้อที่ดินและผู้ขายที่ดินนั้นไม่ใช่ลักษณะของการให้อาศัยสิทธิอันเป็นการให้เปล่าฝ่ายเดียวโดยไม่มีสินจ้างหรือข้อผูกพัน แม้โจทก์จะแถลงรับโดยใช้คำว่า'อาศัยใช้'ก็มิใช่ลักษณะแห่งการอาศัยตามนัยแห่งกฎหมาย
เมื่อผู้ขายที่ดินปลูกเรือนบนทางภาระจำยอมเป็นเหตุให้ผู้ซื้อที่ดินใช้ทางภาระจำยอมนั้นไม่สะดวกเหมือนเช่นเดิม ผู้ขายที่ดินต้องรื้อเรือนนั้นออกไปให้พ้นทางและเกลี่ยที่ดินให้เสมอทางตามเดิม
เมื่อผู้ขายที่ดินปลูกเรือนบนทางภาระจำยอมเป็นเหตุให้ผู้ซื้อที่ดินใช้ทางภาระจำยอมนั้นไม่สะดวกเหมือนเช่นเดิม ผู้ขายที่ดินต้องรื้อเรือนนั้นออกไปให้พ้นทางและเกลี่ยที่ดินให้เสมอทางตามเดิม
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 50/2491 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ภาระจำยอม: การลดความสะดวกในการใช้ทางเดิมเป็นเหตุฟ้องได้
ฟ้องขอให้แสดงว่าทางพิพาทเป็นทางสาธราณะอันจำเลยมีภาระจำยอมตามกฎหมายและขอให้เปิดทางนั้นตามเดิม เมื่อได้ความว่าทางพิพาทมิใช่ทางหลวง แต่ตกอยู่ในภาระจำยอมแก่ที่ดินของโจทก์ ศาลก็๋ย่อมพิพากษาให้จำเลยเปิดทางเดิมนั้นได้
ทางเดินอันมีภาระจำยอมนั้น แม้เจ้าของที่ดินภาระทรัพย์จะเปิดทางเดินให้ใหม่ แต่ทำให้ความสดวกของผู้เป็นเจ้าของสามยทรัพย์ลดน้อยลง เจ้าของสามยทรัพย์ก็มีอำนาจฟ้องขอให้เปิดทางตามเดิมได้ เพราะไม่ใช่ทางจำเป็นและขัดด้วยมาตรา 1392.
ทางเดินอันมีภาระจำยอมนั้น แม้เจ้าของที่ดินภาระทรัพย์จะเปิดทางเดินให้ใหม่ แต่ทำให้ความสดวกของผู้เป็นเจ้าของสามยทรัพย์ลดน้อยลง เจ้าของสามยทรัพย์ก็มีอำนาจฟ้องขอให้เปิดทางตามเดิมได้ เพราะไม่ใช่ทางจำเป็นและขัดด้วยมาตรา 1392.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1241/2491 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ทางจำเป็น-ภาระจำยอม: การฟ้องร้องขอเปิดทางผ่านที่ดิน และประเด็นค่าทดแทน
จำเลยให้การว่า โจทก์เป็นหญิงมีสามี ไม่อาจดำเนินคดีฟ้องร้องโดยลำพังตนเองได้เท่านั้น จำเลยไม่ได้คัดค้านว่า ไม่ได้รับอนุญาตจากสามี หรือหนังสืออนุญาตใช้ไม่ได้เพราะเหตุใด เมื่อศาลพอใจในความสามารถของโจทก์ตามหนังสืออนุญาตของสามีโจทก์ที่ติดมาท้ายฟ้องแล้ว เป็นอันฟังได้ว่า โจทก์มีสิทธิฟ้องคดี ไม่จำเป็นต้องนำสืบอีก
โจทก์บรรยายฟ้องเรื่องทางจำเป็นและมีคำขอเรื่องภาระจำยอมอยู่ท้ายฟ้อง แต่โจทก์มิได้บรรยายในฟ้องว่า เป็นภาระจำยอมเพราะเหตุใด ย่อมต้องถือว่าโจทก์ฟ้องคดีในเรื่องทางจำเป็นอย่างเดียว
แม้เจ้าของที่ดิน ซึ่งตกอยู่ในที่ล้อมจะมีทั้งสิทธิที่จะผ่านที่ดินของผู้อื่นและทำหน้าที่ชดใช้ค่าทดแทนให้แก่เขาก็ดี มาตรา 1349 ไม่ได้บังคับให้บังคับให้ปฏิบัติหน้าที่เสียก่อนแล้วจึงใช้สิทธิได้ ฉะนั้นเมื่อ
จำเลยซึ่งเป็นเจ้าของสิทธิเรียกค่าทดแทนยังไม่เรียกร้องเอาค่าทดแทนขึ้นมาในคดีนี้ คดีก็ไม่มีประเด็นที่จะให้ศาลวินิจฉัยถึง.
( อ้างฎีกา 311/89 )
โจทก์บรรยายฟ้องเรื่องทางจำเป็นและมีคำขอเรื่องภาระจำยอมอยู่ท้ายฟ้อง แต่โจทก์มิได้บรรยายในฟ้องว่า เป็นภาระจำยอมเพราะเหตุใด ย่อมต้องถือว่าโจทก์ฟ้องคดีในเรื่องทางจำเป็นอย่างเดียว
แม้เจ้าของที่ดิน ซึ่งตกอยู่ในที่ล้อมจะมีทั้งสิทธิที่จะผ่านที่ดินของผู้อื่นและทำหน้าที่ชดใช้ค่าทดแทนให้แก่เขาก็ดี มาตรา 1349 ไม่ได้บังคับให้บังคับให้ปฏิบัติหน้าที่เสียก่อนแล้วจึงใช้สิทธิได้ ฉะนั้นเมื่อ
จำเลยซึ่งเป็นเจ้าของสิทธิเรียกค่าทดแทนยังไม่เรียกร้องเอาค่าทดแทนขึ้นมาในคดีนี้ คดีก็ไม่มีประเด็นที่จะให้ศาลวินิจฉัยถึง.
( อ้างฎีกา 311/89 )
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1241/2491
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ทางจำเป็น vs. ภาระจำยอม: ศาลพิจารณาจากข้อเท็จจริงและหนังสืออนุญาตของสามี แม้มีคำขอภาระจำยอมแต่ไม่ได้บรรยายเหตุ
จำเลยให้การว่า โจทก์เป็นหญิงมีสามี ไม่อาจดำเนินคดีฟ้องร้องโดยลำพังตนเองได้เท่านั้น จำเลยไม่ได้คัดค้านว่า ไม่ได้รับอนุญาตจากสามี หรือหนังสืออนุญาตใช้ไม่ได้ เพราะเหตุใด เมื่อศาลพอใจในความสามารถของโจทก์ตามหนังสืออนุญาตของสามีโจทก์ที่ติดมาท้ายฟ้องแล้วเป็นอันฟังได้ว่า โจทก์มีสิทธิฟ้องคดี ไม่จำต้องนำสืบอีก
โจทก์บรรยายฟ้องเรื่องทางจำเป็นและมีคำขอเรื่องภารจำยอมอยู่ท้ายฟ้อง แต่โจทก์มิได้บรรยายในฟ้องว่าเป็นทางภารจำยอมเพราะเหตุใด ย่อมต้องถือว่าโจทก์ฟ้องคดีในเรื่องทางจำเป็นอย่างเดียว
แม้เจ้าของที่ดิน ซึ่งตกอยู่ในที่ล้อมจะมีทั้งสิทธิที่จะผ่านที่ดินของผู้อื่นและหน้าที่ชดใช้ค่าทดแทนให้แก่เขาก็ดี มาตรา 1349 ไม่ได้บังคับให้ปฏิบัติหน้าที่เสียก่อนแล้วจึงใช้สิทธิได้ ฉะนั้นเมื่อจำเลย ซึ่งเป็นเจ้าของสิทธิเรียกค่าทดแทนยังไม่เรียกร้องเอาค่าทดแทนขึ้นมาในคดีนี้ คดีก็ไม่มีประเด็นจะให้ศาลวินิจฉัยถึง (อ้างฎีกา 311/2489)
พิพาทกันเรื่องทางเดินวิวาทซึ่งรับกันว่าที่ดินของโจทก์ตกอยู่ในที่ล้อม ที่ดินของจำเลยได้ล้อมอยู่ แม้โจทก์จะระบุเลขโฉนดผิด ก็ไม่เป็นการเสียหายแก่รูปคดีอย่างไร
โจทก์ฟ้องขอให้เปิดทางจำเป็น ศาลชั้นต้นฟังว่าเป็นทางภารจำยอมศาลอุทธรณ์ฟังว่าเป็นทางภารจำยอมและทางจำเป็นพิพากษาให้เปิดทางจำเป็นคู่ความฎีกาในข้อเท็จจริงได้
โจทก์บรรยายฟ้องเรื่องทางจำเป็นและมีคำขอเรื่องภารจำยอมอยู่ท้ายฟ้อง แต่โจทก์มิได้บรรยายในฟ้องว่าเป็นทางภารจำยอมเพราะเหตุใด ย่อมต้องถือว่าโจทก์ฟ้องคดีในเรื่องทางจำเป็นอย่างเดียว
แม้เจ้าของที่ดิน ซึ่งตกอยู่ในที่ล้อมจะมีทั้งสิทธิที่จะผ่านที่ดินของผู้อื่นและหน้าที่ชดใช้ค่าทดแทนให้แก่เขาก็ดี มาตรา 1349 ไม่ได้บังคับให้ปฏิบัติหน้าที่เสียก่อนแล้วจึงใช้สิทธิได้ ฉะนั้นเมื่อจำเลย ซึ่งเป็นเจ้าของสิทธิเรียกค่าทดแทนยังไม่เรียกร้องเอาค่าทดแทนขึ้นมาในคดีนี้ คดีก็ไม่มีประเด็นจะให้ศาลวินิจฉัยถึง (อ้างฎีกา 311/2489)
พิพาทกันเรื่องทางเดินวิวาทซึ่งรับกันว่าที่ดินของโจทก์ตกอยู่ในที่ล้อม ที่ดินของจำเลยได้ล้อมอยู่ แม้โจทก์จะระบุเลขโฉนดผิด ก็ไม่เป็นการเสียหายแก่รูปคดีอย่างไร
โจทก์ฟ้องขอให้เปิดทางจำเป็น ศาลชั้นต้นฟังว่าเป็นทางภารจำยอมศาลอุทธรณ์ฟังว่าเป็นทางภารจำยอมและทางจำเป็นพิพากษาให้เปิดทางจำเป็นคู่ความฎีกาในข้อเท็จจริงได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1059/2491 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ภาระจำยอมโดยนิติกรรมต้องจดทะเบียนเพื่อให้บริบูรณ์ แม้ได้สัญญาแบ่งมฤดกก็ไม่ผูกพันจำเลยในการรื้อถอนจนกว่าจะจดทะเบียน
โจทก์ฟ้องอ้างว่า ได้ภาระจำยอมทั้งโดยอายุความ 10 ปี และโดยนิติกรรมด้วย เมื่อปรากฏว่าโจทก์ได้โดยนิติกรรมก็ใช้ได้
โจทก์เป็นทายาท จำเลยเป็นทายาทและเป็นผู้จัดการมฤดก ทำสัญญาแบ่งปันมฤดกกัน ซึ่งตามสัญญานี้ผูกพันทางเดินรายพิพาทซึ่งอยู่ในโฉนดของจำเลยให้ตกเป็นภาระจำยอมแก่ที่ดินของโจทก์ ดังนี้โจทก์ย่อมฟ้องจำเลยในฐานะที่เป็นเช้าของภารยะทรัพย์ และเป็นคู่สัญญา ในสัญญาแบ่งปันมฤดกให้ไปจดทะเบียนทางรายพิพาทเป็นภาระจำยอมได้
ภาระจำยอมซึ่งเกี่ยวกับอสังหาริมทรัพย์ซึ่งได้มาโดยทางนิติกรรมทำเป็นหนังสือ เมื่อไม่ได้จดทะเบียนก็ยังไม่บริบูรณ์ตาม ม.1299 โจทก์จะฟ้องขอให้บังคับจำเลยรื้อถอนปลูกสร้างจากทางเดินซึ่งตกอยู่ในภาระจำยอมนั้นยังไม่ได้
โจทก์เป็นทายาท จำเลยเป็นทายาทและเป็นผู้จัดการมฤดก ทำสัญญาแบ่งปันมฤดกกัน ซึ่งตามสัญญานี้ผูกพันทางเดินรายพิพาทซึ่งอยู่ในโฉนดของจำเลยให้ตกเป็นภาระจำยอมแก่ที่ดินของโจทก์ ดังนี้โจทก์ย่อมฟ้องจำเลยในฐานะที่เป็นเช้าของภารยะทรัพย์ และเป็นคู่สัญญา ในสัญญาแบ่งปันมฤดกให้ไปจดทะเบียนทางรายพิพาทเป็นภาระจำยอมได้
ภาระจำยอมซึ่งเกี่ยวกับอสังหาริมทรัพย์ซึ่งได้มาโดยทางนิติกรรมทำเป็นหนังสือ เมื่อไม่ได้จดทะเบียนก็ยังไม่บริบูรณ์ตาม ม.1299 โจทก์จะฟ้องขอให้บังคับจำเลยรื้อถอนปลูกสร้างจากทางเดินซึ่งตกอยู่ในภาระจำยอมนั้นยังไม่ได้