พบผลลัพธ์ทั้งหมด 385 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2509/2524
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
อำนาจฟ้องข้ามประเทศ: การมีภูมิลำเนาเฉพาะการของบริษัทต่างชาติในไทย
จำเลยเป็นบริษัทจำกัดจดทะเบียนไว้ ณ ประเทศญี่ปุ่น ไม่มีสำนักงานสาขาในประเทศไทย ฟ. เป็นเพียงตัวแทนยื่นคำคัดค้านการขอจดทะเบียนเครื่องหมายการค้าของโจทก์คดีก่อนเท่านั้น จำเลยจึงไม่มีภูมิลำเนาในเขตศาลตาม ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา4(2) โจทก์ไม่มีอำนาจฟ้องจำเลย
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 244/2524 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การส่งหมายเรียกโดยมิชอบและการพิจารณาคำขอพิจารณาคดีใหม่ การส่งหมายโดยวิธีประกาศหนังสือพิมพ์ไม่ชอบหากส่งถึงภูมิลำเนาได้
คำขอให้พิจารณาคดีใหม่ซึ่งจะต้องยื่นภายในไม่เกินหกเดือนตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 208 นั้น จะต้องเป็นกรณีที่มีการส่งคำบังคับโดยชอบแล้ว ถ้าการส่งคำบังคับได้กระทำโดยมิชอบจะถือว่ามีคำขอให้พิจารณาคดีใหม่เมื่อพ้นเวลากำหนดไม่ได้
การส่งหมายโดยใช้วิธีประกาศหนังสือพิมพ์และปิดประกาศหน้าศาลโดยไม่ปรากฏเหตุที่ไม่สามารถจะส่ง ณ ภูมิลำเนาหรือสำนักงานทำการงานที่แน่นอนของจำเลยนั้น ย่อมไม่ชอบ
การส่งหมายโดยใช้วิธีประกาศหนังสือพิมพ์และปิดประกาศหน้าศาลโดยไม่ปรากฏเหตุที่ไม่สามารถจะส่ง ณ ภูมิลำเนาหรือสำนักงานทำการงานที่แน่นอนของจำเลยนั้น ย่อมไม่ชอบ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 500/2523
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การส่งหนังสือทวงหนี้ไปยังภูมิลำเนาที่เปลี่ยนแปลง และผลของการไม่ปฏิเสธหนี้ตาม พ.ร.บ.ล้มละลาย
ผู้ร้องมีถิ่นที่อยู่หลายแห่งสับเปลี่ยนกันไป ถือได้ว่าบ้านแห่งใดแห่งหนึ่งเป็นภูมิลำเนาของผู้ร้องตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 45 การที่เจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์ส่งหนังสือทวงหนี้และหนังสือเตือนให้ผู้ร้องชำระหนี้ไปที่บ้านแห่งใดแห่งหนึ่งเป็นการชอบด้วย ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 74,79 แล้ว
ผู้ร้องได้รับหนังสือทวงหนี้จากเจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์โดยชอบแล้วแต่มิได้ปฏิเสธหนี้ดังกล่าวภายในกำหนด ถือว่าผู้ร้องเป็นหนี้กองทรัพย์สินของลูกหนี้อยู่ตามจำนวนที่แจ้งไปเป็นการเด็ดขาดตามพระราชบัญญัติล้มละลาย พ.ศ.2483 มาตรา 119 วรรคแรก
ผู้ร้องได้รับหนังสือทวงหนี้จากเจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์โดยชอบแล้วแต่มิได้ปฏิเสธหนี้ดังกล่าวภายในกำหนด ถือว่าผู้ร้องเป็นหนี้กองทรัพย์สินของลูกหนี้อยู่ตามจำนวนที่แจ้งไปเป็นการเด็ดขาดตามพระราชบัญญัติล้มละลาย พ.ศ.2483 มาตรา 119 วรรคแรก
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1251/2523
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ภูมิลำเนาของจำเลยและการฟ้องคดี ณ ศาลที่มีเขตอำนาจ
จำเลยเป็นกรรมการผู้จัดการบริษัทซึ่งตั้งอยู่ที่จังหวัดลำพูนเป็นที่ทำงานสำคัญของจำเลย จึงถือได้ว่าที่ทำการบริษัทเป็นภูมิลำเนาของจำเลยแม้จำเลยจะมีบ้านอยู่ที่กรุงเทพมหานครเป็นภูมิลำเนาอีกแห่งหนึ่งก็ตามการที่โจทก์ฟ้องจำเลยที่ศาลจังหวัดลำพูนและนำส่งหมายเรียกสำเนาฟ้องตลอดจนหมายนัดสืบพยานให้จำเลยที่จังหวัดลำพูน จึงชอบด้วยกฎหมายแล้ว
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3336/2522
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การส่งหนังสือแจ้งยึดทรัพย์และการขายทอดตลาดเมื่อจำเลยไม่อยู่ที่ภูมิลำเนา ศาลอนุญาตให้ส่งโดยวิธีประกาศหนังสือพิมพ์ได้
หลังจากเจ้าพนักงานบังคับคดีไปยึดทรัพย์ของจำเลยที่ 4 ไว้แล้ว ได้มีหนังสือแจ้งความยึดทรัพย์ให้จำเลยที่ 4 เพื่อทราบโดยไปส่งที่บ้านเรือนของจำเลยที่ 4 แต่ส่งหนังสือดังกล่าวให้จำเลยที่ 4 ไม่ได้เพราะไม่พบตัวและไม่มีผู้ใดรับแทน ศาลชั้นต้นมีคำสั่งให้ส่งให้ถ้าไม่มีผู้ใดรับโดยชอบให้ปิดหมายได้ ปรากฏว่าพบผู้มีชื่อที่บ้านเรือนของจำเลยที่ 4 แจ้งว่าจำเลยที่ 4 ไม่อยู่โดยได้ย้ายออกไปจากบ้านเรือนไปนานแล้ว โจทก์จึงยื่นคำแถลงขอให้ศาลชั้นต้นสั่งอนุญาตให้ส่งโดยวิธีประกาศหนังสือพิมพ์ ดังนี้ ถือได้ว่าการส่งหนังสือแจ้งการยึดทรัพย์และประกาศขายทอดตลาดทรัพย์ให้จำเลยที่ 4 ไม่สามารถจะทำได้โดยวิธีส่งธรรมดา จึงต้องส่งโดยวิธีอื่นแทนดังระบุไว้ในประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 79 วรรคแรก เมื่อศาลชั้นต้นสั่งอนุญาตให้ส่งหนังสือดังกล่าวให้จำเลยที่ 4 ทราบโดยวิธีประกาศหนังสือพิมพ์ จึงเป็นการใช้ดุลพินิจสั่งตามที่เห็นสมควรชอบด้วยกฎหมายแล้ว และประกาศโฆษณาทางหนังสือพิมพ์ดังกล่าวย่อมมีผลใช้ได้ เมื่อกำหนด 15 วันได้ล่วงพ้นไปแล้ว ดังบัญญัติไว้ในมาตรา 79 วรรคสอง ทนายจำเลยที่ 4 จะคัดค้านว่าจำเลยที่ 4 มิได้อยู่ในประเทศไทยเพราะเดินทางไปต่างประเทศแล้วจะถือว่าได้มีการส่งคำคู่ความหรือเอกสารถูกต้องตามกฎหมายแล้วไม่ได้หาได้ไม่
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1813/2522
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การส่งหมายเรียกผิดที่อยู่ การขาดนัดยื่นคำให้การ และผลกระทบต่อการพิจารณาคดี
แม้สัญญาประกันผู้ต้องหาที่จำเลยทำไว้กับโจทก์ระบุว่าจำเลยมีภูมิลำเนาอยู่บ้านเลขที่ 172 ซอยสุวรรณสวัสดิ์ฯลฯ ก็ตาม แต่ต่อมาจำเลยได้ย้ายจากภูมิลำเนาเดิมไปอยู่บ้านเลขที่ 633 ถนนสุขุมวิท ฯลฯ แล้ว และปรากฏจากการติดต่อนัดส่งตัวผู้ต้องหาระหว่างโจทก์ที่ 2 กับจำเลย แสดงว่าโจทก์ที่ 2 ได้ทราบถึงภูมิลำเนาใหม่ของจำเลยแล้วด้วยเช่นนี้ การที่โจทก์ฟ้องโดยระบุว่าจำเลยมีภูมิลำเนาอยู่บ้านเลขที่ 172 ซึ่งเป็นภูมิลำเนาเดิม จึงมิใช่ภูมิลำเนาจำเลย ครั้นส่งหมายเรียกและสำเนาคำฟ้องให้จำเลยไม่ได้ โจทก์ก็แถลงศาลว่า ไม่ทราบว่าจำเลยมีภูมิลำเนาอยู่ที่ใด เป็นเหตุให้ศาลเชื่อสั่งให้โฆษณาทางหนังสือพิมพ์แทน จึงขัดต่อประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 79 จะถือว่าจำเลยทราบการส่งหมายเรียกและสำเนาคำฟ้องแล้วไม่ได้ จำเลยไม่จงใจขาดนัดยื่นคำให้การขอให้พิจารณาใหม่ได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1479/2522 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การบอกกล่าวเลิกสัญญาเช่าที่ชอบด้วยกฎหมาย แม้จำเลยมีภูมิลำเนาหลายแห่ง
ขณะที่โจทก์ส่งบอกกล่าวเลิกสัญญาเช่าไปยังจำเลยที่บ้านเลขที่ 140/2 นั้น จำเลยย้ายไปอยู่ที่บ้านเลขที่ 42 แล้ว แต่ปรากฏในสัญญาเช่า ซึ่งจำเลยทำไว้กับเจ้าของเดิมระบุว่าอยู่บ้านเลขที่ 140/2 และจำเลยยังมีชื่ออยู่ในทะเบียนบ้านเลยที่ดังกล่าว ทั้งในชั้นพิจารณาจำเลยเบิกความรับว่าจำเลยยังคงมีภูมิลำเนาอยู่ที่บ้านเลขที่ 140/2 แต่หลังจากให้ผู้อื่นเช่าไปแล้วไม่เคยกลับไปอยู่อีก ดังนี้ แสดงว่าจำเลยมีถิ่นที่อยู่หลายแห่งสับเปลี่ยนกันไป ถือได้ว่าทั้งบ้านเลขที่ 42 และ 140/2 เป็นภูมิลำเนาของจำเลยตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 45 การที่โจทก์บอกกล่าวเลิกสัญญาเช่าไปที่บ้านเลขที่ 140/2 จึงชอบด้วยกฎหมาย
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1479/2522
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การส่งคำบอกกล่าวเลิกสัญญาเช่าไปยังภูมิลำเนาเดิมของผู้เช่าที่ย้ายออกไปแล้วชอบด้วยกฎหมาย
ขณะที่โจทก์ส่งคำบอกกล่าวเลิกสัญญาเช่าไปยังจำเลยที่บ้านเลขที่ 140/2 นั้น จำเลยย้ายไปอยู่ที่บ้านเลขที่ 42 แล้ว แต่ปรากฏในสัญญาเช่าซึ่งจำเลยทำไว้กับเจ้าของเดิมระบุว่าอยู่บ้านเลขที่ 140/2. และจำเลยยังมีชื่ออยู่ในทะเบียนบ้านเลขที่ดังกล่าว ทั้งในชั้นพิจารณาจำเลยเบิกความรับว่าจำเลยยังคงมีภูมิลำเนาอยู่ที่บ้านเลขที่ 140/2 แต่หลังจากให้ผู้อื่นเช่าไปแล้ว ไม่เคยกลับไปอยู่อีกดังนี้ แสดงว่าจำเลยมีถิ่นที่อยู่หลายแห่งสับเปลี่ยนกันไป ถือได้ว่าทั้งบ้านเลขที่ 42 และ 140/2 เป็นภูมิลำเนาของจำเลยตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 45 การที่โจทก์บอกกล่าวเลิกสัญญาเช่าไปที่บ้านเลขที่ 140/2 จึงชอบด้วยกฎหมาย
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2229/2521 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การกำหนดภูมิลำเนาเจ้าหนี้เพื่อขอรับชำระหนี้ในคดีล้มละลาย: สำนักงานใหญ่เป็นหลัก
กำหนดเวลาที่เจ้าหนี้จะขอรับชำระหนี้ในคดีล้มละลายตามพระราชบัญญัติล้มละลาย พ.ศ.2483 มาตรา 91 นั้น ต้องถือเอาที่อยู่ของเจ้าหนี้เป็นสำคัญว่าอยู่นอกหรือในราชอาณาจักร ถ้าอยู่ในราชอาณาจักรต้องยื่นคำขอต่อเจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์ภายในกำหนดเวลาสองเดือนนับแต่วันโฆษณาคำสั่งพิทักษ์ทรัพย์เด็ดขาด ถ้าอยู่นอกราชอาณาจักรเจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์จะขยายกำหนดเวลาให้อีกได้ไม่เกินสองเดือน ส่วนสัญชาติของเจ้าหนี้หรือสถานที่ที่หนี้เกิดขึ้นไม่เป็นข้อสำคัญ
เจ้าหนี้ผู้ขอรับชำระหนี้เป็นนิติบุคคลซึ่งมีสำนักงานใหญ่อยู่ที่กรุงเทพมหานคร ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 71 ให้ถือเอาที่ตั้งสำนักงานแห่งใหญ่เป็นภูมิลำเนาของนิติบุคคลนั้น ส่วนที่ตั้งของสำนักงานสาขาจะถือว่าเป็นภูมิลำเนาได้มีเฉพาะแต่กิจการซึ่งจะต้องทำ ณ ที่ตั้งสำนักงานสาขาเท่านั้น เมื่อการขอรับชำระหนี้รายนี้จะต้องทำ ณ ที่สำนักงานใหญ่ เจ้าหนี้ก็ไม่อาจยกภูมิลำเนาของสาขาต่างประเทศขึ้นมากล่าวอ้างเพื่อใช้สิทธิในฐานะเป็นเจ้าหนี้ที่อยู่นอกราชอาณาจักรได้
เจ้าหนี้ผู้ขอรับชำระหนี้เป็นนิติบุคคลซึ่งมีสำนักงานใหญ่อยู่ที่กรุงเทพมหานคร ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 71 ให้ถือเอาที่ตั้งสำนักงานแห่งใหญ่เป็นภูมิลำเนาของนิติบุคคลนั้น ส่วนที่ตั้งของสำนักงานสาขาจะถือว่าเป็นภูมิลำเนาได้มีเฉพาะแต่กิจการซึ่งจะต้องทำ ณ ที่ตั้งสำนักงานสาขาเท่านั้น เมื่อการขอรับชำระหนี้รายนี้จะต้องทำ ณ ที่สำนักงานใหญ่ เจ้าหนี้ก็ไม่อาจยกภูมิลำเนาของสาขาต่างประเทศขึ้นมากล่าวอ้างเพื่อใช้สิทธิในฐานะเป็นเจ้าหนี้ที่อยู่นอกราชอาณาจักรได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2229/2521
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การกำหนดภูมิลำเนาเจ้าหนี้ในคดีล้มละลาย: สำนักงานใหญ่ vs. สาขาต่างประเทศ
กำหนดเวลาที่เจ้าหนี้จะขอรับชำระหนี้ในคดีล้มละลายตามพระราชบัญญัติล้มละลาย พ.ศ.2483 มาตรา 91 นั้น ต้องถือเอาที่อยู่ของเจ้าหนี้เป็นสำคัญว่าอยู่นอกหรือในราชอาณาจักร ถ้าอยู่ในราชอาณาจักรต้องยื่นคำขอต่อเจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์ภายในกำหนดเวลาสองเดือนนับแต่วันโฆษณาคำสั่งพิทักษ์ทรัพย์เด็ดขาด ถ้าอยู่นอกราชอาณาจักรเจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์จะขยายกำหนดเวลาให้อีกได้ไม่เกินสองเดือน ส่วนสัญชาติของเจ้าหนี้หรือสถานที่ที่หนี้เกิดขึ้นไม่เป็นข้อสำคัญ
เจ้าหนี้ผู้ขอรับชำระหนี้เป็นนิติบุคคลซึ่งมีสำนักงานใหญ่อยู่ที่กรุงเทพมหานครประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 71 ให้ถือเอาที่ตั้งสำนักงานแห่งใหญ่เป็นภูมิลำเนาของนิติบุคคลนั้น ส่วนที่ตั้งของสำนักงานสาขาจะถือว่าเป็นภูมิลำเนาได้ก็เฉพาะแต่กิจการซึ่งจะต้องทำ ณ ที่ตั้งสำนักงานสาขาเท่านั้น เมื่อการขอรับชำระหนี้รายนี้จะต้องทำ ณ ที่ตั้งสำนักงานใหญ่ เจ้าหนี้ก็ไม่อาจยกภูมิลำเนาของสาขาต่างประเทศขึ้นมากล่าวอ้างเพื่อใช้สิทธิในฐานะเป็นเจ้าหนี้ที่อยู่นอกราชอาณาจักรได้
เจ้าหนี้ผู้ขอรับชำระหนี้เป็นนิติบุคคลซึ่งมีสำนักงานใหญ่อยู่ที่กรุงเทพมหานครประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 71 ให้ถือเอาที่ตั้งสำนักงานแห่งใหญ่เป็นภูมิลำเนาของนิติบุคคลนั้น ส่วนที่ตั้งของสำนักงานสาขาจะถือว่าเป็นภูมิลำเนาได้ก็เฉพาะแต่กิจการซึ่งจะต้องทำ ณ ที่ตั้งสำนักงานสาขาเท่านั้น เมื่อการขอรับชำระหนี้รายนี้จะต้องทำ ณ ที่ตั้งสำนักงานใหญ่ เจ้าหนี้ก็ไม่อาจยกภูมิลำเนาของสาขาต่างประเทศขึ้นมากล่าวอ้างเพื่อใช้สิทธิในฐานะเป็นเจ้าหนี้ที่อยู่นอกราชอาณาจักรได้