พบผลลัพธ์ทั้งหมด 648 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2347/2531 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
อำนาจจำหน่ายที่ดินจากการมอบอำนาจ สัญญาเช่าซื้อสมบูรณ์หากผู้รับมอบอำนาจทำสัญญาถูกต้อง
จำเลยได้รับมอบอำนาจจากเจ้าของที่ดินให้ดำเนินการจัดสรรจำหน่ายที่ดิน จำเลยจึงมีอำนาจนำที่ดินดังกล่าวออกให้เช่าซื้อและมีอำนาจลงนามในสัญญาเช่าซื้อได้ โจทก์ทำสัญญาเช่าซื้อที่ดินจากจำเลยสัญญาย่อมมีผลสมบูรณ์ตามกฎหมาย เมื่อไม่ปรากฏว่าจำเลยผิดสัญญาเช่าซื้อ โจทก์จะมาฟ้องขอเรียกเงินค่าเช่าซื้อที่ชำระไปแล้วคืนโดยอ้างเหตุว่าจำเลยมิใช่เจ้าของที่ดินตามสัญญาหาได้ไม่
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2346/2531 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
อำนาจฟ้องรับซื้อฝาก, การมอบอำนาจ, การซื้อขายฝาก, การไม่ไถ่ถอน, กรรมสิทธิ์ในที่ดิน
บริษัทโจทก์จดทะเบียนเป็นนิติบุคคล มีวัตถุประสงค์ในการรับซื้อฝากอสังหาริมทรัพย์อยู่ก่อนแล้ว ต่อมาเมื่อประกาศของคณะปฏิวัติ ฉบับที่ 58 ลงวันที่ 26 มกราคม 2515 ออกมาใช้บังคับก็ไม่ได้ระบุว่ากิจการรับซื้อฝากอสังหาริมทรัพย์เป็นกิจการที่ต้องได้รับอนุญาตจากรัฐมนตรี หลังจากนั้นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังได้ออกประกาศกำหนดให้กิจการรับซื้อฝากอสังหาริมทรัพย์เป็นกิจการที่ต้องขออนุญาตเพิ่มขึ้น และให้ถือว่าการประกอบกิจการดังกล่าวเป็นการประกอบธุรกิจเครดิตฟองซิเอร์อย่างหนึ่ง ดังนั้นเมื่อโจทก์ยื่นคำร้องขอรับอนุญาตต่อรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังเพื่อดำเนินกิจการดังกล่าวต่อไปภายในกำหนดตามประกาศของคณะปฏิวัติฉบับดังกล่าวข้อ 22 และกระทรวงการคลังได้แจ้งชื่อบริษัทโจทก์ไปยังกระทรวงมหาดไทยเพื่อแจ้งต่อกรมที่ดินทั้งนับแต่โจทก์ยื่นคำร้องขอรับอนุญาตแล้วรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังก็ไม่เคยแจ้งโจทก์หรือกรมที่ดินว่าไม่อนุญาตตามคำร้องขอดังกล่าวของโจทก์ โจทก์จึงมีสิทธิรับซื้อฝากที่ดินพิพาทได้โดยชอบ และมีอำนาจฟ้อง เมื่อโจทก์มอบอำนาจให้ อ. ฟ้องและดำเนินคดีแทนแล้วอ. ย่อมมีอำนาจทำคำให้การแก้ฟ้องแย้งของจำเลยได้โดยโจทก์ไม่ต้องทำหนังสือมอบอำนาจและแต่งทนายความให้กระทำการดังกล่าวอีก
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2203/2531 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
อำนาจฟ้องคดีล้มละลาย: การมอบอำนาจ การพิสูจน์หลักฐาน และการบรรยายฟ้องที่ชัดเจน
ศาลชั้นต้นพิพากษายกฟ้องโจทก์ที่ 1 ถึงที่ 6 โดยวินิจฉัยว่าโจทก์ที่ 1 ถึงที่ 6 มิได้มอบอำนาจให้โจทก์ที่ 7 ฟ้องคดีล้มละลาย โจทก์ที่ 7 ในฐานะตัวแทนโจทก์ที่ 1 ถึงที่ 6 จึงไม่มีอำนาจมอบให้โจทก์ที่ 10 ฟ้องคดีล้มละลายได้ โจทก์ที่ 1 ถึงที่ 6 มิได้อุทธรณ์ คดีระหว่างโจทก์ที่ 1 ถึงที่ 6 กับจำเลยเป็นอันยุติไปตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น
โจทก์บรรยายฟ้องว่าโจทก์เป็นผู้ทรงเช็คพิพาทโดยจำเลยผู้สั่งจ่ายนำไปแลกเงินสด เมื่อเช็คถึงกำหนด โจทก์นำเช็คไปขึ้นเงินแต่ธนาคารปฏิเสธการจ่ายเงิน โจทก์ทวงถามให้จำเลยชำระหนี้ตามเช็คหลายครั้ง จำเลยเพิกเฉย แจ้งว่าไม่สามารถชำระหนี้ให้แก่โจทก์ได้ เป็นการบรรยายฟ้องโดยแจ้งชัดและเข้าหลักเกณฑ์ข้อสันนิษฐานของกฎหมายว่า จำเลยเป็นผู้มีหนี้สินล้นพ้นตัวแล้วฟ้องโจทก์ไม่เคลือบคลุม
โจทก์บรรยายฟ้องว่าโจทก์เป็นผู้ทรงเช็คพิพาทโดยจำเลยผู้สั่งจ่ายนำไปแลกเงินสด เมื่อเช็คถึงกำหนด โจทก์นำเช็คไปขึ้นเงินแต่ธนาคารปฏิเสธการจ่ายเงิน โจทก์ทวงถามให้จำเลยชำระหนี้ตามเช็คหลายครั้ง จำเลยเพิกเฉย แจ้งว่าไม่สามารถชำระหนี้ให้แก่โจทก์ได้ เป็นการบรรยายฟ้องโดยแจ้งชัดและเข้าหลักเกณฑ์ข้อสันนิษฐานของกฎหมายว่า จำเลยเป็นผู้มีหนี้สินล้นพ้นตัวแล้วฟ้องโจทก์ไม่เคลือบคลุม
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2203/2531 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
อำนาจฟ้องคดีล้มละลาย, การมอบอำนาจ, การพิสูจน์หนี้สิน, ผู้ทรงเช็คพิพาท, ข้อสันนิษฐานหนี้สินล้นพ้นตัว
ศาลชั้นต้นพิพากษายกฟ้องโจทก์ที่ 1 ถึงที่ 6 โดยวินิจฉัยว่าโจทก์ที่ 1 ถึงที่ 6 มิได้มอบอำนาจให้โจทก์ที่ 7 ฟ้องคดีล้มละลายโจทก์ที่ 7 ในฐานะตัวแทนโจทก์ที่ 1 ถึงที่ 6 จึงไม่มีอำนาจมอบให้โจทก์ที่ 10 ฟ้องคดีล้มละลายได้ โจทก์ที่ 1 ถึงที่ 6 มิได้อุทธรณ์คดีระหว่างโจทก์ที่ 1 ถึงที่ 6 กับจำเลยเป็นอันยุติไปตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น โจทก์บรรยายฟ้องว่าโจทก์เป็นผู้ทรงเช็คพิพาทโดยจำเลยผู้สั่งจ่ายนำไปแลกเงินสด เมื่อเช็คถึงกำหนด โจทก์นำเช็คไปขึ้นเงินแต่ธนาคารปฏิเสธการจ่ายเงิน โจทก์ทวงถามให้จำเลยชำระหนี้ตามเช็คหลายครั้งจำเลยเพิกเฉย แจ้งว่าไม่สามารถชำระหนี้ให้แก่โจทก์ได้ เป็นการบรรยายฟ้องโดยแจ้งชัดและเข้าหลักเกณฑ์ข้อสันนิษฐานของกฎหมายว่าจำเลยเป็นผู้มีหนี้สินล้นพ้นตัวแล้วฟ้องโจทก์ไม่เคลือบคลุม
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2022/2531 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การลงลายมือชื่อสลักหลังเช็คโดยไม่ได้รับมอบอำนาจ ถือเป็นความผิดฐานปลอมเอกสารสิทธิ
จำเลยเป็นลูกจ้างของห้างโจทก์เมื่อรับเช็คที่บุคคลภายนอกจ่ายให้โจทก์ จำเลยต้องนำไปมอบให้หุ้นส่วนผู้จัดการห้างโจทก์แต่จำเลยกลับนำเช็คนั้นไปเรียกเก็บเงินจากธนาคารโดยจำเลยลงลายมือชื่อของจำเลยและประทับตราสำคัญของห้างโจทก์ ดังนี้แม้จะเป็นการลงลายมือชื่อของจำเลยเอง แต่ก็เป็นการกระทำเพื่อลวงให้ธนาคารหลงเชื่อว่าเป็นการลงลายมือชื่อโดยผู้มีอำนาจกระทำการแทนโจทก์ การกระทำของจำเลยจึงเป็นความผิดฐานปลอมเอกสารสิทธิ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1844-1845/2531
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การโอนที่ดินด้วยหนังสือมอบอำนาจที่ไม่ชอบด้วยกฎหมาย และสิทธิการรับมรดก
เจ้ามรดกยกที่นาพิพาทให้โจทก์โดยทำหนังสือมอบอำนาจให้ไปจดทะเบียนโอนที่อำเภอ หนังสือมอบอำนาจมีลายพิมพ์นิ้วมือของเจ้ามรดก แต่เจ้ามรดกผู้มอบอำนาจมิได้พิมพ์ลายนิ้วมือต่อหน้าพยาน การรับรองลายพิมพ์นิ้วมือจึงไม่ชอบด้วยกฎหมาย ทั้งเจ้ามรดกมิได้พิมพ์ลายนิ้วมือต่อหน้าพนักงานเจ้าหน้าที่ผู้ทำนิติกรรม การมอบอำนาจและการทำนิติกรรมโอนที่นาพิพาทให้แก่โจทก์จึงไม่ชอบ นาพิพาทเป็นทรัพย์ที่ยังไม่ได้แบ่ง โจทก์ฟ้องขับไล่จำเลยซึ่งเป็นทายาทด้วยคนหนึ่งไม่ได้ และจำเลยฟ้องขอให้เพิกถอนนิติกรรมการโอนดังกล่าวเสียได้.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 95/2530 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
อำนาจฟ้องที่ไม่ชอบด้วยวิธีพิจารณาตั้งแต่แรก แม้แก้ไขภายหลังก็ไม่สมบูรณ์
เมื่อโจทก์ที่ 2 ไม่ได้มอบอำนาจให้โจทก์ที่ 1 ฟ้องคดีแทนดังที่กล่าวในฟ้อง ฟ้องของโจทก์ที่ 2 จึงไม่ชอบด้วยวิธีพิจารณามาแต่แรก แม้ต่อมาโจทก์ที่ 2 จะได้ยื่นใบมอบอำนาจที่แท้จริงต่อศาล ก็หาทำให้ฟ้องที่เสียใช้ไม่ได้มาแต่ต้นกลับคืนดีขึ้นมาในภายหลังไม่
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 698/2530
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
อำนาจกรรมการบริษัทในการมอบอำนาจฟ้องคดี และอายุความสัญญาขายลดเช็ค
ป.พ.พ. มาตรา 1144 ถึงมาตรา 1170 บัญญัติให้กรรมการบริษัทมีอำนาจหน้าที่เกี่ยวกับบริษัทไว้หลายประการ เช่น ให้กรรมการใช้ความเอื้อเฟื้อสอดส่องในอันที่จะประกอบกิจการของบริษัทอย่างผู้ค้าขายด้วยความระมัดระวัง ให้มีอำนาจเรียกประชุมกรรมการและออกเสียงชี้ขาดปัญหาในที่ประชุม ให้มีอำนาจมอบอำนาจของตนให้ผู้จัดการ ฯลฯ ซึ่งกรณีดังกล่าวถือได้ว่าผู้เป็นกรรมการของบริษัททุกคนต้องมีหน้าที่บริหารกิจการของบริษัท ฉะนั้นกรรมการบริษัทคนหนึ่งจึงมีอำนาจลงลายมือชื่อร่วมกับกรรมการผู้จัดการและประทับตราของบริษัท แต่งตั้งให้ผู้อื่นฟ้องคดีแทนโจทก์ได้
การใช้สิทธิเรียกร้องตามสัญญาขายลดเช็คไม่มีกฎหมายกำหนดอายุความไว้ จึงมีอายุความฟ้องร้อง 10 ปี ตาม ป.พ.พ. มาตรา 164ส่วนการฟ้องผู้สั่งจ่ายซึ่งมิได้ทำสัญญาขายลดเช็คด้วย ต้องฟ้องคดีภายใน 1 ปี เมื่อโจทก์ยื่นฟ้องวันที่ 24 กันยายน 2525เช็คสั่งจ่ายลงวันที่ 1 ตุลาคม 2524 ไม่เกิน 1 ปี ฟ้องโจทก์จึงไม่ขาดอายุความ
จำเลยที่ 2 กล่าวอ้างเป็นประเด็นในคำให้การว่า โจทก์เคยนำหนังสือค้ำประกันตามเอกสารท้ายฟ้องไปฟ้องจำเลยที่ 2 ในคดีอื่นแล้วจึงนำมาฟ้องคดีนี้อีกไม่ได้เพราะเป็นฟ้องซ้อน แต่จำเลยที่ 2 มิได้นำสืบให้ได้ข้อเท็จจริงดังที่อ้าง ข้ออ้างของจำเลยที่ 2 จึงฟังไม่ขึ้น.(ที่มา-ส่งเสริม)
การใช้สิทธิเรียกร้องตามสัญญาขายลดเช็คไม่มีกฎหมายกำหนดอายุความไว้ จึงมีอายุความฟ้องร้อง 10 ปี ตาม ป.พ.พ. มาตรา 164ส่วนการฟ้องผู้สั่งจ่ายซึ่งมิได้ทำสัญญาขายลดเช็คด้วย ต้องฟ้องคดีภายใน 1 ปี เมื่อโจทก์ยื่นฟ้องวันที่ 24 กันยายน 2525เช็คสั่งจ่ายลงวันที่ 1 ตุลาคม 2524 ไม่เกิน 1 ปี ฟ้องโจทก์จึงไม่ขาดอายุความ
จำเลยที่ 2 กล่าวอ้างเป็นประเด็นในคำให้การว่า โจทก์เคยนำหนังสือค้ำประกันตามเอกสารท้ายฟ้องไปฟ้องจำเลยที่ 2 ในคดีอื่นแล้วจึงนำมาฟ้องคดีนี้อีกไม่ได้เพราะเป็นฟ้องซ้อน แต่จำเลยที่ 2 มิได้นำสืบให้ได้ข้อเท็จจริงดังที่อ้าง ข้ออ้างของจำเลยที่ 2 จึงฟังไม่ขึ้น.(ที่มา-ส่งเสริม)
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 693/2530
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
อำนาจฟ้องของเจ้าพนักงานท้องถิ่น, การมอบอำนาจ, การรื้อถอนอาคารผิดกฎหมาย, การเว้นทางเดินหลังอาคาร
ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานครโจทก์มอบอำนาจให้หัวหน้าเขตปฏิบัติราชการแทนซึ่งตาม พ.ร.บ.ควบคุมอาคาร พ.ศ.2522 โจทก์เป็นเจ้าพนักงานท้องถิ่นมีฐานะเป็นบุคคลและเอกสารที่มอบอำนาจดังกล่าวก็ปรากฏว่าโจทก์มอบอำนาจของโจทก์ในฐานะเจ้าพนักงานท้องถิ่นให้หัวหน้าเขตปฏิบัติราชการแทน โดยอาศัยอำนาจตามความในมาตรา 35แห่งพ.ร.บ.ระเบียบบริหารราชการกรุงเทพมหานคร พ.ศ. 2518 ดังนี้อำนาจของหัวหน้าเขตที่ได้กระทำแก่จำเลยตาม พ.ร.บ.ควบคุมอาคารพ.ศ. 2522 ย่อมมีผลเท่ากับเป็นการกระทำของโจทก์เองโจทก์จึงมีอำนาจฟ้อง
ตามพ.ร.บ.ระเบียบบริหารราชการกรุงเทพมหานคร พ.ศ. 2518 มาตรา 33กำหนดให้ปลัดกรุงเทพมหานครเป็นผู้ปฏิบัติหน้าที่ในตำแหน่งผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร ในกรณีที่ผู้ว่าฯและรองผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานครได้พ้นจากตำแหน่งด้วยเหตุอื่นใดนอกจากการออกตามวาระ การที่ปลัดกรุงเทพมหานครลงนามในคำสั่งมอบอำนาจให้หัวหน้าเขตปฏิบัติราชการแทนผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานครในฐานะเป็นผู้ปฏิบัติราชการในตำแหน่งผู้ว่า ฯ ย่อมเป็นการกระทำตามบทบัญญัติแห่งกฎหมายดังกล่าวเมื่อจำเลยไม่สืบหักล้างว่าการกระทำดังกล่าวไม่ถูกต้องตามกฎหมายอย่างไรจึงต้องถือว่าคำสั่งมอบอำนาจนั้นชอบด้วยกฎหมาย โจทก์มีอำนาจฟ้อง
การฟ้องขอบังคับให้จำเลยรื้อถอนอาคารที่ก่อสร้างไม่ถูกต้องตามข้อบัญญัติกรุงเทพมหานคร มิได้สืบเนื่องมาจากมูลความผิดทางอาญาในความผิดต่อ พ.ร.บ.ควบคุมอาคาร พ.ศ.2522 จึงมิใช่คดีแพ่งที่เกี่ยวเนื่องกับคดีอาญา จะนำข้อเท็จจริงในคดีอาญามารับฟังเป็นยุติในคดีแพ่งหาได้ไม่
ข้อบัญญัติกรุงเทพมหานคร เรื่อง ควบคุมการก่อสร้างอาคารพ.ศ. 2522ข้อ 76(4) กำหนดให้ต้องมีที่ว่างโดยปราศจากสิ่งปกคลุมเป็นทางเดินหลังอาคารได้ถึงกัน กว้างไม่น้อยกว่า 2 เมตร และมีกฎกระทรวง (พ.ศ.2498) ออกตามความใน พ.ร.บ.ควบคุมการก่อสร้างอาคารพุทธศักราช 2479 ข้อ 21 บังคับมาแต่เดิมแล้วว่า ห้องแถว ตึกแถวให้ทำกว้างไม่น้อยกว่า 350 เซนติเมตรระหว่างผนัง และต้องมีทางคนเข้าออกได้ทั้งข้างหน้ากับข้างหลัง เช่นนี้ หากปรากฏว่าเดิมมีสิ่งปลูกสร้างอยู่ด้านหลังอาคารพิพาทเต็มเนื้อที่จริง ก็เป็นเรื่องที่ผู้อาศัยแต่เดิมทำผิดกฎหมายมาแต่แรกจำเลยจะอาศัยการกระทำของผู้อื่นที่ผิดกฎหมายมาสวมรอยเพื่อซ่อมแซมหรือดัดแปลงให้เหมือนของเดิมหรือผิดแผกแตกต่างไปบ้างหาได้ไม่ การกระทำของจำเลยจึงขัดต่อข้อบัญญัติกรุงเทพมหานครดังกล่าว จำเลยต้องรื้อถอนอาคารส่วนที่ต่อเติมนั้นออกไป.(ที่มา-ส่งเสริม)
ตามพ.ร.บ.ระเบียบบริหารราชการกรุงเทพมหานคร พ.ศ. 2518 มาตรา 33กำหนดให้ปลัดกรุงเทพมหานครเป็นผู้ปฏิบัติหน้าที่ในตำแหน่งผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร ในกรณีที่ผู้ว่าฯและรองผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานครได้พ้นจากตำแหน่งด้วยเหตุอื่นใดนอกจากการออกตามวาระ การที่ปลัดกรุงเทพมหานครลงนามในคำสั่งมอบอำนาจให้หัวหน้าเขตปฏิบัติราชการแทนผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานครในฐานะเป็นผู้ปฏิบัติราชการในตำแหน่งผู้ว่า ฯ ย่อมเป็นการกระทำตามบทบัญญัติแห่งกฎหมายดังกล่าวเมื่อจำเลยไม่สืบหักล้างว่าการกระทำดังกล่าวไม่ถูกต้องตามกฎหมายอย่างไรจึงต้องถือว่าคำสั่งมอบอำนาจนั้นชอบด้วยกฎหมาย โจทก์มีอำนาจฟ้อง
การฟ้องขอบังคับให้จำเลยรื้อถอนอาคารที่ก่อสร้างไม่ถูกต้องตามข้อบัญญัติกรุงเทพมหานคร มิได้สืบเนื่องมาจากมูลความผิดทางอาญาในความผิดต่อ พ.ร.บ.ควบคุมอาคาร พ.ศ.2522 จึงมิใช่คดีแพ่งที่เกี่ยวเนื่องกับคดีอาญา จะนำข้อเท็จจริงในคดีอาญามารับฟังเป็นยุติในคดีแพ่งหาได้ไม่
ข้อบัญญัติกรุงเทพมหานคร เรื่อง ควบคุมการก่อสร้างอาคารพ.ศ. 2522ข้อ 76(4) กำหนดให้ต้องมีที่ว่างโดยปราศจากสิ่งปกคลุมเป็นทางเดินหลังอาคารได้ถึงกัน กว้างไม่น้อยกว่า 2 เมตร และมีกฎกระทรวง (พ.ศ.2498) ออกตามความใน พ.ร.บ.ควบคุมการก่อสร้างอาคารพุทธศักราช 2479 ข้อ 21 บังคับมาแต่เดิมแล้วว่า ห้องแถว ตึกแถวให้ทำกว้างไม่น้อยกว่า 350 เซนติเมตรระหว่างผนัง และต้องมีทางคนเข้าออกได้ทั้งข้างหน้ากับข้างหลัง เช่นนี้ หากปรากฏว่าเดิมมีสิ่งปลูกสร้างอยู่ด้านหลังอาคารพิพาทเต็มเนื้อที่จริง ก็เป็นเรื่องที่ผู้อาศัยแต่เดิมทำผิดกฎหมายมาแต่แรกจำเลยจะอาศัยการกระทำของผู้อื่นที่ผิดกฎหมายมาสวมรอยเพื่อซ่อมแซมหรือดัดแปลงให้เหมือนของเดิมหรือผิดแผกแตกต่างไปบ้างหาได้ไม่ การกระทำของจำเลยจึงขัดต่อข้อบัญญัติกรุงเทพมหานครดังกล่าว จำเลยต้องรื้อถอนอาคารส่วนที่ต่อเติมนั้นออกไป.(ที่มา-ส่งเสริม)
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 5485/2530
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
หนังสือมอบอำนาจ, อากรแสตมป์, และข้อจำกัดการอุทธรณ์คดีแรงงาน
หนังสือมอบอำนาจแผ่นแรกระบุผู้มอบอำนาจไว้ว่า "ข้าพเจ้า ก.กับพวก รวม 4 คน" ขอมอบอำนาจให้ ส.เป็นผู้มีอำนาจฟ้องบริษัทท.เรื่อง ค่าจ้าง และในช่องผู้มอบอำนาจได้มีลายมือชื่อ ก. โจทก์ที่ 1 ลงไว้แต่ผู้เดียว แต่ในแผ่นที่ 2 ได้มีบัญชีรายชื่อลายมือชื่อ อายุ ที่อยู่ ผู้มอบอำนาจท้ายใบมอบอำนาจ และมีช่องแสดงลำดับที่รายชื่อ ผู้มอบอำนาจลายมือชื่อผู้มอบอำนาจ อายุและที่อยู่ไว้โดยโจทก์ทั้งสี่มีรายชื่อ ในช่องรายชื่อ ผู้มอบอำนาจและลงลายมือชื่อในช่องลายมือชื่อผู้มอบอำนาจไว้ทุกคน และใช้เป็นเอกสารแนบท้ายหนังสือมอบอำนาจฉบับแรก ดังนี้ ถือได้ว่าโจทก์ทั้งสี่ได้ลงลายมือชื่อมอบอำนาจให้ ส. ฟ้องคดีนี้แล้ว โจทก์ทั้งสี่มอบอำนาจให้ ส.ฟ้องบริษัทท. เรื่องค่าจ้างซึ่งเป็นเรื่องเดียวโดยเฉพาะ จึงเป็นการมอบอำนาจให้บุคคลคนเดียวกระทำการครั้งเดียวตามข้อ 7(ก) ของบัญชีอัตราอากรแสตมป์ท้ายหมวด 6เรื่อง อากรแสตมป์ แห่งประมวลรัษฎากร แม้ในหนังสือมอบอำนาจจะมีข้อความว่า โดยให้มีอำนาจดำเนินคดีแทนโจทก์ทั้งสี่ทุกประการรวมทั้งกระบวนพิจารณาที่เป็นไปในทางจำหน่ายสิทธิของคู่ความ เช่นการยอมรับตามที่คู่ความอีกฝ่ายหนึ่งเรียกร้อง การถอน ฟ้องการประนีประนอมยอมความการสละสิทธิหรือใช้สิทธิในการอุทธรณ์หรือฎีกาหรือในการขอให้พิจารณาคดีใหม่ไว้ด้วยก็ตาม ก็เป็นเรื่องกระบวนพิจารณาที่ผู้รับมอบอำนาจจำต้องกระทำในการพิจารณาของศาลอันสืบเนื่องมาจากการฟ้องคดีตามที่ได้รับมอบอำนาจ หาใช่เป็นเรื่องอื่นต่างหากจากการมอบอำนาจให้ฟ้องคดีไม่ ดังนั้น ผู้มอบอำนาจจึงชอบที่จะเสียอากรโดยปิดแสตมป์เพียง 10 บาท อุทธรณ์ของจำเลยซึ่งเป็นเรื่องขอให้ศาลฎีการับฟังว่า จำเลยไม่ต้องจ่ายค่าจ้างสำหรับวันที่โจทก์ลาป่วย โดยจำเลยให้การต่อสู้ว่าโจทก์มิได้ป่วยจริง เป็นอุทธรณ์ในข้อเท็จจริง ต้องห้ามมิให้อุทธรณ์ตาม พ.ร.บ. จัดตั้งศาลแรงงานและวิธีพิจารณาคดีแรงงานพ.ศ. 2522 มาตรา 54 ศาลฎีกาไม่รับวินิจฉัย.