พบผลลัพธ์ทั้งหมด 408 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1134/2512 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การร่วมกระทำผิดและสนับสนุนการกระทำผิด: การพิพากษาจำเลยที่ 2
จำเลยทั้ง 2 กับพวกได้มาที่บ้านผู้เสียหายด้วยกัน แต่เมื่อจำเลยที่ 1 มาห่างผู้เสียหาย 4 เมตร จำเลยที่ 1 ก็หยุดอยู่ตรงนั้น ส่วนจำเลยที่ 2 กับพวกได้หยุดไม่ คงเดินเลยบ้านผู้เสียหายไป 10 วาจึงหยุด เมื่อเป็นดังนี้การที่จำเลยที่ 1 ยิงผู้เสียหายโดยลำพังตนเอง จึงไม่แน่ว่าจำเลยที่2 จะได้ร่วมกันเพื่อทำร้ายผู้เสียหาย เพราะอาจฟังว่าจำเลยที่ 1 มาพบผู้เสียหาย และด้วยเคยมีเรื่องกันมาก่อน ส่วนการที่จำเลยที่ 2 ได้ร้องบอกให้จำเลยที่ 1 ยิงซ้ำ จำเลยที่ 1 ก็หาได้กระทำตามที่จำเลยที่ 2 กับพวกก็พากันหนีไปการกระทำของจำเลยที่ 2 ร้องบอกไม่ กลับวิ่งไปแล้วจำเลยทั้ง 2 ก็ยังไม่พอฟังว่าเป็นผู้สนับสนุน ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 86
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1134/2512 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
เจตนาและขอบเขตการกระทำผิดร่วม: การสนับสนุนความผิดอาญาต้องมีเจตนาและพฤติการณ์สนับสนุน
จำเลยทั้ง 2 กับพวกได้มาที่บ้านผู้เสียหายด้วยกัน แต่จำเลยที่ 1 มาห่างผู้เสียหาย 4 เมตร จำเลยที่ 1 ก็หยุดอยู่ตรงนั้น ส่วนจำเลยที่ 2 กับพวกหาได้หยุดไม่ คงเดินเลยบ้านผู้เสียหายไป 10 วาจึงหยุดเมื่อเป็นดังนี้ การที่จำเลยที่ 1 ยิงผู้เสียหายโดยลำพังตนเองจึงไม่แน่ว่าจำเลยที่ 2 จะได้ร่วมกันเพื่อมาทำร้ายผู้เสียหาย เพราะอาจฟังว่าจำเลยที่ 1 มาพบผู้เสียหายและด้วยเคยมีเรื่องกันมาก่อน ส่วนการที่จำเลยที่ 2 ได้ร้องบอกให้จำเลยที่ 1 ยิงซ้ำ จำเลยที่ 1 ก็หาได้กระทำตามที่จำเลยที่ 2 ร้องบอกไม่ กลับวิ่งไปแล้วจำเลยทั้ง 2 กับพวกก็พากันหนีไป การกระทำของจำเลยที่ 2 ก็ยังไม่พอฟังว่าเป็นผู้สนับสนุนตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 86
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1134/2512
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
เจตนาในการกระทำความผิดร่วมกัน: การสนับสนุนความผิดอาญาต้องมีเจตนาและพฤติการณ์ที่ชัดเจน
จำเลยทั้ง 2 กับพวกได้มาที่บ้านผู้เสียหายด้วยกัน แต่จำเลยที่ 1 มาห่างผู้เสียหาย 4 เมตร จำเลยที่ 1 ก็หยุดอยู่ตรงนั้น. ส่วนจำเลยที่ 2 กับพวกหาได้หยุดไม่. คงเดินเลยบ้านผู้เสียหายไป 10 วาจึงหยุดเมื่อเป็นดังนี้ การที่จำเลยที่ 1 ยิงผู้เสียหายโดยลำพังตนเอง.จึงไม่แน่ว่าจำเลยที่ 2 จะได้ร่วมกันเพื่อมาทำร้ายผู้เสียหาย. เพราะอาจฟังว่าจำเลยที่ 1 มาพบผู้เสียหายและด้วยเคยมีเรื่องกันมาก่อน. ส่วนการที่จำเลยที่ 2ได้ร้องบอกให้จำเลยที่ 1 ยิงซ้ำ. จำเลยที่ 1 ก็หาได้กระทำตามที่จำเลยที่ 2 ร้องบอกไม่. กลับวิ่งไปแล้วจำเลยทั้ง 2 กับพวกก็พากันหนีไป การกระทำของจำเลยที่ 2. ก็ยังไม่พอฟังว่าเป็นผู้สนับสนุนตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 86.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 50/2511 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การสนับสนุนการกระทำความผิดฐานลักทรัพย์: การรับของที่รู้ว่าเป็นของผิดกฎหมาย
จำเลยคอยรับถุงแป้งมันสำปะหลังจากคนร้ายที่ลักมาลงบรรทุกเรือของจำเลยซึ่งจอดคอยรับบรรทุกอยู่ที่ท่าน้ำริมตลิ่งห่างจากโกดังที่คนร้ายไปเอาแป้งมา 30 วา อันมิใช่รับส่งกันในที่เกิดเหตุ จึงถือว่าเป็นการช่วยเหลือหรือให้ความสะดวกในการที่ผู้อื่นกระทำความผิด ดังนี้ จำเลยย่อมมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 335 ประกอบด้วยมาตรา 86
ศาลชั้นต้นพิพากษาว่า จำเลยผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 335, 83 จำคุก 9 เดือน ศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้ว่า จำเลยผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 335, 86 จำคุก 6 เดือน ต้องห้ามมิให้ฎีกาข้อเท็จจริงตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 220
ศาลชั้นต้นพิพากษาว่า จำเลยผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 335, 83 จำคุก 9 เดือน ศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้ว่า จำเลยผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 335, 86 จำคุก 6 เดือน ต้องห้ามมิให้ฎีกาข้อเท็จจริงตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 220
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 50/2511 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การสนับสนุนการกระทำความผิดฐานลักทรัพย์: การรับของที่ได้จากการลักทรัพย์และการให้ความสะดวก
จำเลยคอยรับถุงแป้งมันสำปะหลังจากคนร้ายที่ลักมาลงบรรทุกเรือของจำเลยซึ่งจอดคอยรับบรรทุกอยู่ที่ท่าน้ำริมตลิ่งห่างจากโกดังที่คนร้ายไปเอาแป้งมา 30 วา อันมิใช่รับส่งกันในที่เกิดเหตุ จึงถือว่าเป็นการช่วยเหลือหรือให้ความสะดวกในการที่ผู้อื่นกระทำความผิด ดังนี้จำเลยย่อมมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 335 ประกอบด้วยมาตรา 86
ศาลชั้นต้นพิพากษาว่า จำเลยผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา335,83 จำคุก9 เดือน ศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้ว่า จำเลยผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 335,86 จำคุก 6 เดือน ต้องห้ามมิให้ฎีกาข้อเท็จจริงตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 220
ศาลชั้นต้นพิพากษาว่า จำเลยผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา335,83 จำคุก9 เดือน ศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้ว่า จำเลยผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 335,86 จำคุก 6 เดือน ต้องห้ามมิให้ฎีกาข้อเท็จจริงตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 220
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 50/2511
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การสนับสนุนการกระทำความผิดฐานลักทรัพย์: การรับของที่รู้ว่าเป็นของผิดกฎหมาย
จำเลยคอยรับถุงแป้งมันสำปะหลังจากคนร้ายที่ลักมาลงบรรทุกเรือของจำเลยซึ่งจอดคอยรับบรรทุกอยู่ที่ท่าน้ำริมตลิ่งห่างจากโกดังที่คนร้ายไปเอาแป้งมา 30 วา. อันมิใช่รับส่งกันในที่เกิดเหตุ. จึงถือว่าเป็นการช่วยเหลือหรือให้ความสะดวกในการที่ผู้อื่นกระทำความผิด. ดังนี้จำเลยย่อมมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 335 ประกอบด้วยมาตรา 86.
ศาลชั้นต้นพิพากษาว่า จำเลยผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา335,83 จำคุก 9 เดือน. ศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้ว่า จำเลยผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 335,86 จำคุก 6 เดือน. ต้องห้ามมิให้ฎีกาข้อเท็จจริงตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 220.
ศาลชั้นต้นพิพากษาว่า จำเลยผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา335,83 จำคุก 9 เดือน. ศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้ว่า จำเลยผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 335,86 จำคุก 6 เดือน. ต้องห้ามมิให้ฎีกาข้อเท็จจริงตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 220.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1600/2511 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ความร่วมมือในการชิงทรัพย์และการมีส่วนร่วมในฐานะผู้สนับสนุน การกระทำจึงเข้าข่ายความผิดฐานปล้นทรัพย์
เมื่อจำเลยที่ 1 และจำเลยที่ 2 ชิงทรัพย์ผู้เสียหายได้แล้ว ได้วิ่งขึ้นสามล้อเครื่องของจำเลยที่ 3 ซึ่งติดเครื่องรออยู่หนีไป จึงเห็นได้ว่าจำเลยทั้งสามได้ร่วมคบคิดวางแผนกันมากระทำผิด โดยจำเลยที่ 3 ซึ่งเป็นคนขับรถสามล้อเครื่อง มีหน้าที่ติดเครื่องรถไว้ในบริเวณที่เกิดเหตุ คอยรับจำเลยที่ 1 ที่ 2 พาทรัพย์มาขึ้นรถขับพาหนีไปเป็นส่วนหนึ่งของการแย่งชิงทรัพย์ การกระทำของจำเลยทั้งสามจึงเป็นความผิดฐานปล้นทรัพย์
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1552/2511
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ร่วมปล้นทรัพย์โดยมีส่วนร่วมในการขับรถและสนับสนุนการกระทำผิด
เมื่อฟังว่า จำเลยเป็นคนพาพวกปล้นไปว่าเช่ารถจากผู้หนึ่ง โดยออกอุบายว่าจะจ้างไปบรรทุกหวาย. หลังจากที่ได้หยุดรถรับพรรคพวกจนครบแล้วจำเลยก็เข้าทำหน้าที่ขับเอง. และยังได้หยุดรถแจกอาวุธกัน. ต่อจากนั้นจำเลยก็ขับไปยังบ้านที่เกิดเหตุ.เมื่อเสียงปืนดังขึ้นเจ้าของรถเห็นท่าไม่ดีจะขับรถกลับ. จำเลยเองกลับเป็นผู้ใช้กรรไกรขู่ไม่ให้เจ้าของรถลงจากรถ. แล้วจำเลยเลื่อนรถเข้าไปคอยพรรคพวก และพาหนีกลับจนกระทั่งรถน้ำมันหมด.จำเลยจึงทิ้งรถไปกับพวกคนร้าย. ต้องถือว่าตามพฤติการณ์จำเลยได้ร่วมกระทำความผิดด้วยโดยแบ่งหน้าที่รับเป็นผู้ขับรถให้.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 280/2510 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
เจตนาสนับสนุนการกระทำความผิดฐานปล้นทรัพย์และฆ่าโดยเจตนา ต้องพิสูจน์ว่าผู้สนับสนุนรู้เจตนาฆ่า
โจทก์นำสืบว่า คนร้ายเข้าปล้นและยิงเจ้าทรัพย์ตาย พยานโจทก์ที่วิ่งไปสกัดคนร้ายเห็นจำเลยวิ่งมาในพวกคนร้าย 6 คน จำเลยจ้องปืนพูดว่า อย่าเข้ามา พยานจึงไม่กล้าไล่ตามต่อไป พยานอีกคนหนึ่งเห็นจำเลยนั่งอยู่ชายป่า เมื่อเกิดเสียงปืนดังแล้ว คนร้ายวิ่งจากบ้านเกิดเหตุมายังที่ที่จำเลยนั่งอยู่ ส่งปืนให้จำเลยแล้ววิ่งเข้าป่าไป เช่นนี้ยังไม่พอฟังว่าจำเลยสนับสนุนในการที่คนร้ายฆ่าเจ้าทรัพย์โดยเจตนาด้วย เพราะไม่ได้ความว่าจำเลยรู้ว่าคนร้ายอื่นเจตนาฆ่าเจ้าทรัพย์มาตั้งแต่ต้น และแม้ว่าการมีปืนไปปล้นน่าจะเป็นเหตุให้ผู้อื่นถึงแก่ความตายได้เป็นธรรมดา แต่ก็ยังไม่พอจะฟังว่าจำเลยได้เล็งเห็นว่าคนร้ายอื่นจะถึงกับฆ่าเจ้าทรัพย์โดยเจตนาอีกด้วย จำเลยจึงมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 340 วรรคท้าย ประกอบด้วยมาตรา 86 ภายในขอบเขตของเจตนาในการสนับสนุนตามมาตรา 87 เท่านั้น
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 280/2510
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การสนับสนุนการกระทำความผิดฐานปล้นทรัพย์และการฆ่าโดยเจตนา ศาลฎีกาพิจารณาถึงเจตนาของผู้สนับสนุน
โจทก์นำสืบว่า คนร้ายเข้าปล้นและยิงเจ้าทรัพย์ตาย พยานโจทก์ที่วิ่งไปสกัดคนร้ายเห็นจำเลยวิ่งมาในพวกคนร้าย 6 คน จำเลยจ้องปืนพูดว่า อย่าเข้ามาพยานจึงไม่กล้าไล่ตามต่อไป พยานอีกคนหนึ่งเห็นจำเลยนั่งอยู่ชายป่า เมื่อเกิดเสียงปืนดังแล้วคนร้ายวิ่งจากบ้านเกิดเหตุมายังที่ที่จำเลยนั่งอยู่ ส่งปืนให้จำเลยแล้ววิ่งเข้าป่าไป เช่นนี้ยังไม่พอฟังว่าจำเลยสนับสนุนในการที่คนร้ายฆ่าเจ้าทรัพย์โดยเจตนาด้วย เพราะไม่ได้ความว่าจำเลยรู้ว่าคนร้ายอื่นเจตนาฆ่าเจ้าทรัพย์มาตั้งแต่ต้น และแม้ว่าการมีปืนไปปล้นน่าจะเป็นเหตุให้ผู้อื่นถึงแก่ความตายได้เป็นธรรมดาแต่ก็ยังไม่พอจะฟังว่าจำเลยได้เล็งเห็นว่าคนร้ายอื่นจะถึงกับฆ่าเจ้าทรัพย์โดยเจตนาอีกด้วย จำเลยจึงมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 340 วรรคท้าย ประกอบด้วยมาตรา 86 ภายในขอบเขตของเจตนาในการสนับสนุนตามมาตรา 87 เท่านั้น