พบผลลัพธ์ทั้งหมด 1,083 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2661/2538
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สัญญาจะซื้อขายสิทธิครอบครองที่ดิน: สัญญาเลิกกันเมื่อเงื่อนไขไม่เป็นไปตามกำหนด
โจทก์จำเลยทำหนังสือสัญญาจะซื้อขายสิทธิการครอบครองที่ดินโดยจำเลยผู้จะขายจะไปดำเนินการขอออกโฉนดที่ดินและจะจดทะเบียนโอนกรรมสิทธิ์ให้แก่โจทก์ผู้จะซื้อโดยกำหนดวันที่ไว้แน่นอน ปรากฏว่าที่ดินพิพาทยังไม่มีระวางแผนที่จึงไม่สามารถออกโฉนดที่ดินได้ เมื่อกรณียังมิได้เป็นไปตามเงื่อนไขของสัญญา และครบกำหนดเวลาในสัญญาแล้ว ถือได้ว่าสัญญาเป็นอันเลิกกันโดยไม่มีฝ่ายใดเป็นฝ่ายผิดสัญญา โจทก์จึงฟ้องบังคับให้จำเลยที่ 1 โอนส่งมอบสิทธิครอบครองแก่โจทก์ไม่ได้เมื่อสัญญาเป็นอันเลิกกัน คู่กรณีต้องกลับคืนสู่ฐานะเดิม โดยโจทก์ต้องคืนที่พิพาทให้แก่จำเลย และจำเลยที่ 1 ต้องคืนมัดจำแก่โจทก์พร้อมดอกเบี้ยในอัตราร้อยละเจ็ดครึ่งต่อปี นับแต่วันที่สัญญาเลิกกัน
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2660/2538 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การคุ้มครองสิทธิครอบครองที่ดินพิพาทระหว่างการพิจารณาคดี
โจทก์ฟ้องว่า ที่ดินพิพาทเป็นของโจทก์ ขอให้ห้ามจำเลยเข้าเกี่ยวข้องและรบกวนการครอบครอง จำเลยให้การต่อสู้ว่าจำเลยเป็นผู้มีสิทธิครอบครองเหนือที่ดินพิพาท จึงมีประเด็นพิพาทกันว่าฝ่ายใดเป็นผู้มีสิทธิครอบครองในที่ดินพิพาท คดีอยู่ในระหว่างการพิจารณา จึงไม่มีเหตุสมควรที่จะให้จำเลยและบริวารเข้าไปปลูกสร้างอาคารในที่ดินพิพาทก่อนคดีถึงที่สุด กรณีมีเหตุสมควรและเพียงพอที่จะนำวิธีการคุ้มครองตาม ป.วิ.พ. มาตรา 254 (2) มาใช้ โดยห้ามจำเลยและบริวารเข้าไปดำเนินการใด ๆ ในที่ดินพิพาทจนกว่าคดีถึงที่สุด
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2660/2538 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การคุ้มครองชั่วคราวเพื่อห้ามการก่อสร้างบนที่ดินพิพาทที่มีข้อโต้แย้งเรื่องสิทธิครอบครอง
แม้คำฟ้องอ้างเพียงว่าจำเลยเข้าเกี่ยวข้องกับที่ดินพิพาทของโจทก์ทั้งหกกับพวกด้วยการยื่นคำคัดค้านขอรังวัดออกโฉนดที่ดินขอให้ห้ามจำเลยเข้าเกี่ยวข้องและรบกวนการครอบครองแต่เมื่อจำเลยให้การต่อสู้ว่าจำเลยเป็นผู้มีสิทธิครอบครองจึงมีประเด็นพิพาทว่าฝ่ายใดมีสิทธิครอบครองที่ดินพิพาทการที่จำเลยยินยอมให้ผู้อื่นเช่าที่ดินพิพาทส่วนหนึ่งปลูกสร้างอาคารร้านค้าในเวลาต่อมาอันเป็นการกระทำขึ้นใหม่ซึ่งอาจเกิดความเสียหายแก่โจทก์ทั้งหกได้หากศาลพิพากษาให้โจทก์ทั้งหกเป็นฝ่ายชนะคดีจึงมีเหตุสมควรและเพียงพอที่จะนำวิธีคุ้มครองตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา254(2)มาใช้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2578/2538 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ฟ้องซ้ำ: ประเด็นสิทธิครอบครองที่ดินพิพาทที่เคยวินิจฉัยแล้วในคดีก่อน
แม้คดีก่อนเป็นคดีที่จำเลยฟ้องขอให้โจทก์ถอนคำคัดค้านการรังวัดที่ดินพิพาท แต่การวินิจฉัยคดีก่อนนั้นศาลต้องวินิจฉัยด้วยว่า โจทก์หรือจำเลยมีสิทธิครอบครองที่ดินพิพาท เมื่อศาลได้วินิจฉัยโดยปริยายแล้วว่า จำเลยมีสิทธิครอบครอง การที่โจทก์มาฟ้องขอให้บังคับจำเลยและบริวารออกไปจากที่ดินพิพาทโดยอ้างว่าเป็นของโจทก์ และจำเลยให้การต่อสู้ว่าที่ดินพิพาทเป็นของจำเลยจึงมีประเด็นที่ต้องวินิจฉัยโดยอาศัยเหตุอย่างเดียวกันกับคดีก่อน เมื่อเป็นคู่ความรายเดียวกันและคดีก่อนถึงที่สุดแล้ว ฟ้องของโจทก์จึงเป็นฟ้องซ้ำ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2578/2538 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ฟ้องซ้ำ: ประเด็นสิทธิครอบครองที่ดินพิพาทที่เคยมีคำพิพากษาถึงที่สุดแล้ว
แม้คดีก่อนเป็นคดีที่จำเลยฟ้องขอให้โจทก์ถอนคำคัดค้านการรังวัดที่ดินพิพาทแต่การวินิจฉัยคดีนั้นศาลต้องวินิจฉัยด้วยว่าโจทก์หรือจำเลยมีสิทธิครอบครองที่ดินพิพาทเมื่อศาลได้วินิจฉัยโดยปริยายว่าจำเลยมีสิทธิครอบครองการที่โจทก์มาฟ้องขอให้บังคับจำเลยและบริวารออกไปจากที่ดินพิพาทโดยอ้างว่าเป็นของโจทก์และจำเลยให้การต่อสู้ว่าที่ดินพิพาทเป็นของจำเลยจึงมีประเด็นที่ต้องวินิจฉัยโดยอาศัยเหตุอย่างเดียวกันกับคดีก่อนเป็นฟ้องซ้ำ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2578/2538
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ฟ้องซ้ำ: ศาลวินิจฉัยสิทธิครอบครองที่ดินแล้ว คดีใหม่จึงเป็นฟ้องซ้ำ
แม้คดีก่อนเป็นคดีที่จำเลยฟ้องขอให้โจทก์ถอนคำคัดค้านการรังวัดที่ดินพิพาทแต่การวินิจฉัยคดีก่อนนั้นศาลต้องวินิจฉัยด้วยว่าโจทก์หรือจำเลยมีสิทธิครอบครองที่ดินพิพาทเมื่อศาลได้วินิจฉัยโดยปริยายแล้วว่าจำเลยมีสิทธิครอบครองการที่โจทก์มาฟ้องขอให้บังคับจำเลยและบริวารออกไปจากที่ดินพิพาทโดยอ้างว่าเป็นของโจทก์และจำเลยให้การต่อสู้ว่าที่ดินพิพาทเป็นของจำเลยจึงมีประเด็นที่ต้องวินิจฉัยโดยอาศัยเหตุอย่างเดียวกันกับคดีก่อนเมื่อเป็นคู่ความรายเดียวกันและคดีก่อนถึงที่สุดแล้วฟ้องของโจทก์จึงเป็นฟ้องซ้ำ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2543/2538 เวอร์ชัน 4 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ฟ้องซ้อน: การฟ้องเรียกค่าเสียหายจากเดิมที่ปฏิเสธการจดทะเบียนสิทธิครอบครองที่ดิน
คดีเดิมโจทก์ฟ้องจำเลยอ้างว่าโจทก์มีสิทธิครอบครองที่ดินพิพาทอันเป็นสวนยางพารา จำเลยในฐานะผู้จัดการมรดกของ จ. ได้รับโอนที่ดินดังกล่าวแล้วนำไปจดทะเบียนจำนอง ขอให้บังคับให้จำเลยจดทะเบียนไถ่ถอนจำนองที่ดิน-พิพาท และจดทะเบียนใส่ชื่อโจทก์เป็นผู้มีสิทธิครอบครองร่วมกับจำเลย คดีอยู่ระหว่างการพิจารณาของศาลฎีกา โจทก์ฟ้องจำเลยเป็นคดีนี้อ้างว่าจำเลยเข้าแย่งทำสวนยางพาราในที่ดินพิพาทระหว่างคดีและเก็บดอกผลรายได้เป็นของจำเลยแต่เพียงผู้เดียว ขอให้บังคับให้จำเลยส่งมอบรายได้ให้โจทก์ ดังนี้ ดอกผลรายได้จากการทำสวนยางพาราในที่ดินพิพาทก็คือค่าเสียหายอันเป็นผลเนื่องมาจากการที่จำเลยไม่ยอมจดทะเบียนใส่ชื่อโจทก์เป็นผู้มีสิทธิครอบครองที่ดินพิพาทในคดีเดิมนั้นเอง ซึ่งค่าเสียหายดังกล่าวตามฟ้องคดีนี้ย่อมเกิดขึ้นทันทีที่จำเลยปฏิเสธไม่ยอมจดทะเบียนใส่ชื่อโจทก์เป็นผู้มีสิทธิครอบครองที่ดินพิพาท สิทธิการฟ้องคดีนี้เกิดจากมูลกรณีเดียวกับข้ออ้างในคดีเดิมจึงเป็นเรื่องเดียวกัน ฟ้องคดีนี้จึงเป็นฟ้องซ้อนตามป.วิ.พ. มาตรา 173 (1)
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2543/2538 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ฟ้องซ้อน: การฟ้องเรียกค่าเสียหายจากผลของการไม่จดทะเบียนโอนสิทธิครอบครองที่ดิน ซึ่งเป็นประเด็นเดียวกันกับคดีเดิมที่อยู่ระหว่างพิจารณา
คดีเดิมโจทก์ฟ้องจำเลยอ้างว่าโจทก์มีสิทธิครอบครองที่ดินพิพาทอันเป็นสวนยางพารา จำเลยในฐานะเป็นผู้จัดการมรดกของ จ. ได้รับโอนที่ดินดังกล่าวแล้วนำไปจดทะเบียนจำนอง ขอให้บังคับให้จำเลยจดทะเบียนไถ่ถอนจำนองที่ดินพิพาท และจดทะเบียนใส่ชื่อโจทก์เป็นผู้มีสิทธิครอบครองร่วมกับจำเลย คดีอยู่ระหว่างการพิจารณาของศาลฎีกาโจทก์ฟ้องจำเลยเป็นคดีนี้อ้างว่าจำเลยเข้าแย่งทำสวนยางพาราในที่ดินพิพาทระหว่างคดีและเก็บดอกผลรายได้เป็นของจำเลยแต่เพียงผู้เดียว ขอให้บังคับให้จำเลยส่งมอบรายได้ให้โจทก์ ดังนี้ ดอกผลรายได้จากการทำสวนยางพาราในที่ดินพิพาทก็คือค่าเสียหายอันเป็นผลเนื่องมาจากการที่จำเลยไม่ยอมจดทะเบียนใส่ชื่อโจทก์เป็นผู้มีสิทธิครอบครองที่ดินพิพาทในคดีเดิมนั้นเอง ซึ่งค่าเสียหายดังกล่าวตามฟ้องคดีนี้ย่อมเกิดขึ้นทันทีที่จำเลยปฏิเสธไม่ยอมจดทะเบียนใส่ชื่อโจทก์เป็นผู้มีสิทธิครอบครองที่ดินพิพาท สิทธิการฟ้องคดีนี้เกิดจากมูลกรณีเดียวกับข้ออ้างในคดีเดิมจึงเป็นเรื่องเดียวกันฟ้องคดีนี้จึงเป็นฟ้องซ้อนตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา 173(1)
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2543/2538 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ฟ้องซ้อน: การฟ้องเรียกค่าเสียหายจากผลของการไม่จดทะเบียนสิทธิครอบครอง ซึ่งเป็นประเด็นเดียวกันกับคดีเดิมที่ยังไม่ถึงที่สุด
คดีเดิมโจทก์ฟ้องจำเลยอ้างว่าโจทก์มีสิทธิครอบครองที่ดินพิพาทอันเป็นสวนยางพาราจำเลยในฐานะเป็นผู้จัดการมรดกของ จ. ได้รับโอนที่ดินดังกล่าวแล้วนำไปจดทะเบียนจำนองขอให้บังคับให้จำเลยจดทะเบียนไถ่ถอนจำนองที่ดินพิพาทและจดทะเบียนใส่ชื่อโจทก์เป็นผู้มีสิทธิครอบครองร่วมกับจำเลยคดีอยู่ระหว่างการพิจารณาของศาลฎีกาโจทก์ฟ้องจำเลยเป็นคดีนี้อ้างว่าจำเลยเข้าแย่งทำสวนยางพาราในที่ดินพิพาทระหว่างคดีและเก็บดอกผลรายได้เป็นของจำเลยแต่เพียงผู้เดียวขอให้บังคับให้จำเลยส่งมอบรายได้ให้โจทก์ดังนี้ดอกผลรายได้จากการทำสวนยางพาราในที่ดินพิพาทก็คือค่าเสียหายอันเป็นผลเนื่องมาจากการที่จำเลยไม่ยอมจดทะเบียนใส่ชื่อโจทก์เป็นผู้มีสิทธิครอบครองที่ดินพิพาทในคดีเดิมนั้นเองซึ่งค่าเสียหายดังกล่าวตามฟ้องคดีนี้ย่อมเกิดขึ้นทันทีที่จำเลยปฏิเสธไม่ยอมจดทะเบียนใส่ชื่อโจทก์เป็นผู้มีสิทธิครอบครองที่ดินพิพาทสิทธิการฟ้องคดีนี้เกิดจากมูลกรณีเดียวกับข้ออ้างในคดีเดิมจึงเป็นเรื่องเดียวกันฟ้องคดีนี้จึงเป็นฟ้องซ้อนตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา173(1)
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2543/2538
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ฟ้องซ้อน: การฟ้องเรียกค่าเสียหายจากผลของการไม่จดทะเบียนสิทธิครอบครองที่ดิน ซึ่งเป็นประเด็นเดียวกันกับคดีเดิมที่ยังไม่ถึงที่สุด
คดีเดิมโจทก์ฟ้องจำเลยอ้างว่าโจทก์มีสิทธิครอบครองที่ดินพิพาทอันเป็นสวนยางพาราจำเลยในฐานะเป็นผู้จัดการมรดกของ จ. ได้รับโอนที่ดินดังกล่าวแล้วนำไปจดทะเบียนจำนองขอให้บังคับให้จำเลยจดทะเบียนไถ่ถอนจำนองที่ดินพิพาทและจดทะเบียนใส่ชื่อโจทก์เป็นผู้มีสิทธิครอบครองร่วมกับจำเลยคดีอยู่ระหว่างการพิจารณาของศาลฎีกาโจทก์ฟ้องจำเลยเป็นคดีนี้อ้างว่าจำเลยเข้าแย่งทำสวนยางพาราในที่ดินพิพาทระหว่างคดีและเก็บดอกผลรายได้เป็นของจำเลยแต่เพียงผู้เดียวขอให้บังคับให้จำเลยส่งมอบรายได้ให้โจทก์ดังนี้ดอกผลรายได้จากการทำสวนยางพาราในที่ดินพิพาทก็คือค่าเสียหายอันเป็นผลเนื่องมาจากการที่จำเลยไม่ยอมจดทะเบียนใส่ชื่อโจทก์เป็นผู้มีสิทธิครอบครองที่ดินพิพาทในคดีเดิมนั้นเองซึ่งค่าเสียหายดังกล่าวตามฟ้องคดีนี้ย่อมเกิดขึ้นทันทีที่จำเลยปฏิเสธไม่ยอมจดทะเบียนใส่ชื่อโจทก์เป็นผู้มีสิทธิครอบครองที่ดินพิพาทสิทธิการฟ้องคดีนี้เกิดจากมูลกรณีเดียวกับข้ออ้างในคดีเดิมจึงเป็นเรื่องเดียวกันฟ้องคดีนี้จึงเป็นฟ้องซ้อนตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา173(1)