คำพิพากษาที่อยู่ใน Tags
เจ้าพนักงาน

พบผลลัพธ์ทั้งหมด 1,471 รายการ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3602/2533

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การแจ้งความเท็จต่อเจ้าพนักงานบังคับคดีถือเป็นความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 137 แม้เจ้าพนักงานนั้นไม่ได้เป็นเจ้าพนักงานตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา
การที่จำเลยซึ่งทราบดีอยู่แล้วว่าบ้านพิพาทเป็นของโจทก์ ได้นำยึดบ้านดังกล่าวโดยแจ้งแก่เจ้าพนักงานบังคับคดีว่าบ้านนั้นเป็นของ ก. เช่นนี้ถือได้ว่าจำเลยได้แจ้งข้อความอันเป็นเท็จแก่เจ้าพนักงานตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 137 แล้ว เพราะคำว่าเจ้าพนักงานตามบทกฎหมายดังกล่าวหาได้มีความหมายจำกัดเฉพาะว่าจะต้องเป็นเจ้าพนักงานตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญาไม่ แต่ยังมีความหมายรวมถึงเจ้าพนักงานอื่นโดยทั่วไปด้วย

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3029/2533 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การรังวัดที่ดินแนวเขตบึงสาธารณะ การยึดหลักเขตเดิม และการปฏิบัติหน้าที่โดยชอบของเจ้าพนักงาน
จำเลยมีหน้าที่ดูแลที่สาธารณะภายในเขตรับผิดชอบ และการระวังแนวเขตบึงทรายกองดินด้านที่ติดกับที่ดินของโจทก์ จำเลยได้ปฏิบัติตามคำสั่งกระทรวงมหาดไทยที่วางระเบียบปฏิบัติไว้ เป็นการปฏิบัติหน้าที่โดยชอบและถูกต้องแล้วการคัดค้านแนวเขตที่ดินพิพาทเป็นไปโดยชอบด้วยกฎหมายและสุจริต จำเลยทั้งสี่มิได้ทำละเมิดสิทธิของโจทก์
เมื่อไม่มีกฎหมายบังคับให้ต้องมีพยานเอกสารมาแสดงเท่านั้นฉะนั้น นอกจากเอกสารดังกล่าวแล้ว จำเลยนำพยานบุคคลเข้าสืบได้ว่ากระทรวงมหาดไทยออกระเบียบปฏิบัติในการระวังแนวเขตที่สาธารณะไว้อย่างไร แม้เอกสารเกี่ยวกับเรื่องดังกล่าวที่อ้างเป็นพยานจะฟังไม่ได้เพราะไม่ใช่ต้นฉบับ และผู้รับรองสำเนาก็มิใช่ผู้มีอำนาจ แต่พยานบุคคลที่จำเลยนำเข้าสืบรับฟังได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2358/2533 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การใช้เอกสารราชการปลอมและแจ้งข้อความเท็จต่อเจ้าพนักงาน ไม่ขัดต่อข้อห้ามอุทธรณ์ตาม ป.วิ.อ.มาตรา 193 ทวิ
การที่โจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยตาม ป.อ. มาตรา 267,268นั้น เป็นเรื่องที่โจทก์ประสงค์จะให้ลงโทษจำเลยตาม ป.อ. มาตรา 267และมาตรา 268 ซึ่งเกิดจากการกระทำผิดฐานใช้หรืออ้างเอกสารราชการปลอม แต่เนื่องจากมาตรา 268 มิได้ระวางอัตราโทษไว้โดยเฉพาะว่าจะให้ลงโทษแก่ผู้กระทำผิดอย่างไร คงให้นำอัตราโทษตามที่ระบุไว้ในมาตรา 264 มาตรา 265 มาตรา 266 หรือมาตรา 267 ซึ่งแล้วแต่ว่าเอกสารที่ได้ใช้หรืออ้างนั้นเกิดขึ้นจากการกระทำผิดของมาตราหนึ่งมาตราใดดังที่กล่าวแล้วมาใช้ ในกรณีเช่นนี้หากจะมีการลงโทษตามมาตรา 268 ก็จะต้องนำเอาอัตราโทษตามที่กำหนดไว้ในมาตรา 265มาใช้เป็นโทษของมาตรา 268 เพราะโจทก์ได้กล่าวอ้างมาในฟ้องด้วยว่าจำเลยได้ใช้หรืออ้างเอกสารอันเป็นเอกสารราชการที่พวกของจำเลยได้ปลอมขึ้น เมื่อมาตรา 265 ระวางโทษจำคุกตั้งแต่หกเดือนถึงห้าปีและปรับตั้งแต่หนึ่งพันบาทถึงหนึ่งหมื่นบาท คดีโจทก์ในข้อหานี้จึงไม่ต้องห้ามมิให้อุทธรณ์ในปัญหาข้อเท็จจริงตาม ป.วิ.อ.มาตรา 193 ทวิ.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2219/2533 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ความผิดหลายกรรมต่างกัน: ต่อสู้ขัดขวางเจ้าพนักงาน, พยายามฆ่า, มีอาวุธปืน, พาอาวุธปืน
ความผิดฐานต่อสู้ขัดขวางเจ้าพนักงานในการปฏิบัติการตามหน้าที่ ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 140 วรรคสาม กับความผิดฐานพยายามฆ่าเจ้าพนักงานซึ่งกระทำการตามหน้าที่ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 289 (2) ประกอบมาตรา 80 เป็นความผิดต่างกรรมกับความผิดฐานมีอาวุธปืน เครื่องกระสุนปืน นอกจากที่กำหนดในกฎกระทรวงที่นายทะเบียนออกใบอนุญาตให้ไม่ได้ตาม พ.ร.บ.อาวุธปืน ฯ มาตรา 55 78 วรรคหนึ่ง และต่างกรรมกับความผิดฐานพาอาวุธปืนไปในหมู่บ้านและทางสาธารณะ ตาม พ.ร.บ.อาวุธปืน มาตรา 8 ทวิ วรรคหนึ่ง, 72 ทวิ วรรคสอง เพราะการกระทำตามความผิดดังกล่าวมีการกระทำที่แยกจากกันเป็นแต่ละฐานความผิดได้ชัดเจน ไม่เกี่ยวเนื่องกัน
ความผิดฐานมีอาวุธปืน เครื่องกระสุนปืนนอกจากที่กำหนดในกฎกระทรวงที่นายทะเบียนออกใบอนุญาตให้ไม่ได้ เป็นความผิดต่างกรรมกับความผิดฐานพาอาวุธปืนไปในหมู่บ้านและทางสาธารณะ เพราะความผิดทั้งสองฐานมีเจตนาในการกระทำผิดเป็นคนละอันแตกต่างกันและเป็นความผิดต่างฐานกัน

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2219/2533 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ความผิดหลายกรรมต่างกัน: ต่อสู้ขัดขวางเจ้าพนักงาน, พยายามฆ่า, มีอาวุธปืน, พาอาวุธปืน
ความผิดฐานต่อสู้ขัดขวางเจ้าพนักงานในการปฏิบัติการตามหน้าที่ตาม ป.อ. มาตรา 140 วรรคสาม กับความผิดฐานพยายามฆ่าเจ้าพนักงานซึ่งกระทำการตามหน้าที่ตามมาตรา 289(2) ประกอบมาตรา 80 เป็นความผิดต่างกรรมกับความผิดฐานมีอาวุธปืน เครื่องกระสุนปืนนอกจากที่กำหนดในกฎกระทรวงที่ นายทะเบียนออกใบอนุญาตให้ไม่ได้ตาม พ.ร.บ.อาวุธปืนฯ มาตรา 55,78 วรรคหนึ่ง และต่างกรรมกับความผิดฐานพาอาวุธปืนไปในหมู่บ้าน ทางสาธารณะตาม พ.ร.บ. อาวุธปืนฯ มาตรา8 ทวิ วรรคหนึ่ง 72 วรรคสอง เพราะการกระทำที่แยกจากกันเป็นแต่ละฐานความผิดได้ชัดเจนไม่เกี่ยวเนื่องกัน ความผิดฐานมีอาวุธปืน เครื่องกระสุนปืนนอกจากที่กำหนดในกฎกระทรวงที่ นายทะเบียนออกใบอนุญาตให้ไม่ได้ เป็นความผิดต่างกรรมกับความผิดฐานพาอาวุธปืนไปในหมู่บ้าน ทางสาธารณะ เพราะความผิดทั้งสองฐานมีเจตนาในการกระทำผิดเป็นคนละอันแตกต่างกัน และเป็นความผิดต่างฐานกัน.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2128/2533

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ฉายภาพยนตร์ลามกและขัดขวางการตรวจค้นของเจ้าพนักงาน
การที่จำเลยทั้งสามร่วมกันเพื่อความประสงค์แห่งการค้าหรือโดยการค้าทำให้แพร่หลายด้วยการฉายภาพยนตร์ที่แสดงความสัมพันธ์ทางเพศ อันเป็นภาพลามกอนาจาร เป็นความผิดตาม ป.อ. มาตรา 287(1) และการที่จำเลยทั้งสามขัดขวางมิให้เจ้าพนักงานตำรวจงัดกุญแจเข้าไปตรวจค้นภายในห้องซึ่งจำเลยนำเอาเครื่องฉายภาพยนตร์และฟิล์มไปเก็บไว้การกระทำของจำเลยทั้งสามดังกล่าวแสดงให้เห็นเจตนาว่าประสงค์มิให้การปฏิบัติหน้าที่ของเจ้าพนักงานในการตรวจค้นจับกุมลุล่วงไปโดยสะดวก ถือได้ว่าเป็นการขัดขวางเจ้าพนักงานในการปฏิบัติตามหน้าที่ตาม ป.อ. มาตรา 138.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1822/2533 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การประเมินภาษีต้องอาศัยเอกสารหลักฐานที่ถูกต้อง หากเจ้าพนักงานไม่สามารถแสดงเอกสารต้นฉบับหรือเหตุผลที่สมควร ศาลไม่อาจรับฟังได้
ศาลมีคำสั่งเรียกเอกสารของโจทก์ซึ่งอยู่ในความครอบครองของจำเลยที่ 1 และเอกสารเหล่านั้นเป็นที่มาของรายการรายได้ที่เจ้าพนักงานของจำเลยที่ 1 อ้างว่ามีจำนวนสูงกว่ารายได้ที่โจทก์แสดงไว้ในแบบแสดงรายการเพื่อเสียภาษี แต่จำเลยมิได้ส่งเอกสารดังกล่าวต่อศาลเพื่อให้ศาลพิจารณาถึงความถูกต้องโอย อ้างว่าหาไม่พบโดยไม่มีเหตุผล ทั้ง ๆ ที่เอกสารเหล่านั้นไม่ใช่จำนวนเล็กน้อย ผู้ทำรายการรายได้ที่อ้างว่ารวบรวมจากเอกสารดังกล่าวก็ไม่ได้มาเบิกความรับรองว่าถูกต้องตรงกับต้นเรื่อง จึงไม่อาจรับฟังได้ว่ารายการรายได้ดังกล่าวเป็นความจริงและถูกต้อง และโจทก์ยื่นรายการเสียภาษีต่ำกว่ารายได้ เจ้าพนักงานประเมินจึงไม่มีอำนาจที่จะประเมินให้โจทก์เสียภาษีเพิ่มขึ้นตามที่แจ้งการประเมิน

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1822/2533

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การประเมินภาษีต้องอาศัยเอกสารหลักฐานที่ถูกต้อง หากเจ้าพนักงานไม่สามารถแสดงเอกสารที่ใช้ในการประเมินได้ การประเมินนั้นไม่ชอบด้วยกฎหมาย
ศาลมีคำสั่งเรียกเอกสารของโจทก์ซึ่งอยู่ในความครอบครองของจำเลยที่ 1 และเอกสารเหล่านั้นเป็นที่มาของรายการรายได้ที่เจ้าพนักงานของจำเลยที่ 1 อ้างว่ามีจำนวนสูงกว่ารายได้ที่โจทก์แสดงไว้ในแบบแสดงรายการเพื่อเสียภาษี แต่จำเลยมิได้ส่งเอกสารดังกล่าวต่อศาลเพื่อให้ศาลพิจารณาถึงความถูกต้องโอย อ้างว่าหาไม่พบโดยไม่มีเหตุผล ทั้ง ๆ ที่เอกสารเหล่านั้นไม่ใช่จำนวนเล็กน้อยผู้ทำรายการรายได้ที่อ้างว่ารวบรวมจากเอกสารดังกล่าวก็ไม่ได้มาเบิกความรับรองว่าถูกต้องตรงกับต้นเรื่อง จึงไม่อาจรับฟังได้ว่ารายการรายได้ดังกล่าวเป็นความจริงและถูกต้อง และโจทก์ยื่นรายการเสียภาษีต่ำกว่ารายได้ เจ้าพนักงานประเมินจึงไม่มีอำนาจที่จะประเมินให้โจทก์เสียภาษีเพิ่มขึ้นตามที่แจ้งการประเมิน.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1354/2533

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ฉ้อโกงจากการหลอกลวงให้ช่วยเหลือฝากงาน – ผู้เสียหายไม่ได้จูงใจเจ้าพนักงาน
ผู้เสียหายมอบเงินให้จำเลยกับพวกโดย มีเจตนาเพียงให้จำเลยกับพวกช่วย ฝากบุตรและบุตรสะใภ้ของตน เข้าทำงานที่การไฟฟ้าส่วนภูมิภาคตาม ที่จำเลยกับพวกได้ รับรองไว้เท่านั้นไม่ปรากฏว่าผู้เสียหายประสงค์ให้บุตรและบุตรสะใภ้เข้าทำงานโดย ไม่ต้องสอบและให้กรรมการช่วย ให้สอบได้ แต่ อย่างใด การกระทำของผู้เสียหายไม่เข้าลักษณะเป็นการจูงใจให้เจ้าพนักงานในองค์การหรือหน่วยงานของรัฐกระทำการอันมิชอบด้วย หน้าที่ ถือ ไม่ได้ว่าผู้เสียหายเป็นผู้ใช้ ให้จำเลยกับพวกกระทำผิด เมื่อผู้เสียหายมอบเงินให้เพราะหลงเชื่อคำหลอกลวงของจำเลยกับพวก อันเป็นความเท็จความจริงจำเลยกับพวกไม่สามารถช่วยเหลือฝากบุตรและบุตรสะใภ้ของผู้เสียหายเข้าทำงานตาม ที่รับรองได้ การกระทำของจำเลยกับพวกเป็นการฉ้อโกงผู้เสียหาย ผู้เสียหายจึงมีอำนาจร้องทุกข์ให้ดำเนิน คดีกับจำเลยได้.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1299/2533 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ความรับผิดทางละเมิดของเจ้าพนักงานจากการมอบหมายให้ผู้อื่นดูแลของกลาง และความประมาทเลินเล่อของผู้รับซื้อ
จำเลยที่ 1 ยึดรถยนต์ ของโจทก์ซึ่ง ได้ ให้ ท. เช่าซื้อ ไปแล้วถูก บ. กับพวกนำไปใช้ กระทำความผิดไว้เป็นของกลาง เพื่อจะทำการสอบสวนดำเนิน คดีระหว่างสอบสวน ท. กับพวกอ้างว่าเป็นเจ้าของรถยนต์ ขอคืน จำเลยที่ 1 คืนรถยนต์ ให้ ท. ไปโดย มีประกันต่อมา ท. ผิดนัดไม่ชำระค่าเช่าซื้อรถยนต์ พิพาทให้โจทก์โจทก์บอกเลิกสัญญา และติดตาม ยึดรถยนต์ คันดังกล่าวคืน นำไปขายต่อให้แก่ผู้อื่น ต่อมาศาลมีคำพิพากษาถึงที่สุดให้ริบรถยนต์ พิพาทจำเลยที่ 1 ยึดเอารถยนต์ พิพาทนั้นมาเป็นเหตุให้โจทก์ถูกห้างหุ้นส่วนจำกัด บญ. ผู้ซื้อรถยนต์ ฟ้อง โจทก์และโจทก์ต้อง ชำระค่าเสียหายให้เพราะเหตุรอนสิทธิ เช่นนี้ การกระทำของจำเลยที่ 1ยังห่างไกลต่อ ผลที่เกิดความเสียหายแก่โจทก์ เพราะจำเลยที่ 1ไม่อาจคาดหมายล่วงหน้าได้ ว่า ท. จะนำรถยนต์ ดังกล่าวไปใช้ไม่เก็บรักษาไว้แล้ว โจทก์จะพบและยึดคืนนำไปขายต่อ ให้แก่ผู้อื่นเนื่องจาก ท. ผิดนัดชำระค่าเช่าซื้อ ทำให้ผู้ซื้อได้ รับความเสียหาย และผู้ซื้อนั้นจะฟ้องโจทก์ให้รับผิด ยังถือ ไม่ ได้ว่าจำเลยที่ 1 กระทำละเมิดต่อ โจทก์.
of 148