พบผลลัพธ์ทั้งหมด 4,077 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 700/2498
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
เจตนาจดทะเบียนสมรสแล้วไม่จดได้ มีสิทธิเรียกสินสอดคืนได้
ตกลงแต่งงานโดยมีเจตนามาแต่แรกว่าจะจดทะเบียนสมรสกันแต่แล้วต่อมาฝ่ายหญิงไม่ยอมไปจดทะเบียนชายย่อมมีสิทธิเรียกสินสอดของหมั้นคืนได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 690/2498 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การลงมือกระทำความผิดฐานพยายามลักทรัพย์: การงัดประตูบ้านเพื่อเจตนาลักทรัพย์ถือเป็นการลงมือแล้ว ไม่ใช่ขั้นเตรียมการ
ใช้เหล็กงัดประตูห้องผู้อื่นในเวลาวิกาลจนประตูแตกแต่ยังถอดสลักประตูไม่ได้ ก็ถูกจับเสียก่อน นับว่าเป็นการลงมือกระทำเพื่อประกอบลักทรัพย์พ้น จากขั้นตระเตรียมการแล้ว
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 627/2498 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การตีความ 'เคหะ' ตาม พ.ร.บ.ควบคุมค่าเช่าฯ พิจารณาจากเจตนา,สภาพ,ทำเลที่ตั้ง และการใช้ประโยชน์
ความหมายของคำว่า "เคหะ" ตามมาตรา 3 ก็คือ "สิ่งปลูกสร้างที่ใช้เป็นที่อยู่อาศัย" ส่วนบทบัญญัติต่อไปที่ว่า"โดยไม่คำนึงว่าจะใช้เป็นที่ประกอบธุระกิจการค้าหรืออุตสาหกรรมด้วยเป็นส่วนประธานหรืออุปกรณ์" นั้น เป็นแต่ขยายความแห่งบทบัญญัติตอนต้นเท่านั้น แต่ส่วนสำคัญอยู่ที่ว่า "สิ่งปลูกสร้างที่ใช้เป็นที่อยู่อาศัย" และโดยที่พระราชบัญญัตินี้เกี่ยวกับเรื่องการเช่า ฉะนั้นการที่จะวินิจฉัยสิ่งปลูกสร้างใดที่มีการเช่าจะเข้าอยู่ในความคุ้มครองของพระราชบัญญัติหรือไม่ จึงจำเป็นจะต้องพิจารณาถึงเจตนาของคู่สัญญาด้วย ว่าจะใช้ประโยชน์ในทรัพย์สินที่เช่าเพื่อการอยู่อาศัยหรือเพื่อการอื่นใดจึงวางหลักไว้ว่า การที่จะวินิจฉัยว่าสิ่งปลูกสร้างใดเป็น "เคหะ" ตามความหมายแห่ง พ.ร.บ.ควบคุมค่าเช่าหรือไม่นั้น จำต้องคำนึงถึงเจตนาในเวลาเช่า สภาพและทำเลที่ตั้งของสถานที่เช่า และเหตุผลแวดล้อมอย่างอื่นเป็นข้อประกอบด้วย
ม.13 นั้น เป็นเรื่องกฎหมายกำหนด เกณฑ์ที่จะขึ้นค่าเช่าสำหรับเคหะที่ใช้อย่างใดเท่านั้น
เมื่อสัญญาใดไม่มีข้อความระบุถึงผู้ใด ผู้นั้นก็ไม่มีทางจะถือเอาประโยชน์แห่งสัญญานั้นได้
ม.13 นั้น เป็นเรื่องกฎหมายกำหนด เกณฑ์ที่จะขึ้นค่าเช่าสำหรับเคหะที่ใช้อย่างใดเท่านั้น
เมื่อสัญญาใดไม่มีข้อความระบุถึงผู้ใด ผู้นั้นก็ไม่มีทางจะถือเอาประโยชน์แห่งสัญญานั้นได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 627/2498
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การตีความ 'เคหะ' ใน พ.ร.บ.ควบคุมค่าเช่า: พิจารณาเจตนา,สภาพ,ทำเลที่ตั้ง และการใช้ประโยชน์
ความหมายของคำว่า 'เคหะ'ตามมาตรา 3 ก็คือ'สิ่งปลูกสร้างที่ใช้เป็นที่อยู่อาศัย' ส่วนบทบัญญัติต่อไปที่ว่า 'โดยไม่คำนึงว่าจะใช้เป็นที่ที่ประกอบธุรกิจการค้าหรืออุตสาหกรรมด้วยเป็นส่วนประธานหรืออุปกรณ์' นั้นเป็นแต่ขยายความแห่งบทบัญญัติตอนต้นเท่านั้นแต่ส่วนสำคัญอยู่ที่ว่า 'สิ่งปลูกสร้างที่ใช้เป็นที่อยู่อาศัย' และโดยที่พระราชบัญญัติที่เกี่ยวกับเรื่องการเช่าฉะนั้นการที่จะวินิจฉัยสิ่งปลูกสร้างใดที่มีการเช่าจะเข้าอยู่ในความคุ้มครองของพระราชบัญญัติหรือไม่จึงจำเป็นจะต้องพิจารณาถึงเจตนาของคู่สัญญาด้วยว่าจะใช้ประโยชน์ในทรัพย์สินที่เช่าเพื่อการอยู่อาศัยหรือเพื่อการอื่นใดจึงวางหลักไว้ว่าการที่จะวินิจฉัยว่าสิ่งปลูกสร้างใดเป็น 'เคหะ'ตามความหมายแห่ง พระราชบัญญัติควบคุมค่าเช่าหรือไม่นั้น จำต้องคำนึงถึงเจตนาในเวลาเช่า สภาพและทำเลที่ตั้งของสถานที่เช่าและเหตุผลแวดล้อมอย่างที่เป็นข้อประกอบด้วย
มาตรา13นั้นเป็นเรื่องกฎหมายกำหนดเกณฑ์ที่จะขึ้นค่าเช่าสำหรับเคหะที่ใช้อย่างใดเท่านั้น
เมื่อสัญญาใดไม่มีข้อความระบุถึงผู้ใด ผู้นั้นก็ไม่มีทางจะถือเอาประโยชน์แห่งสัญญานั้นได้
เช่าห้องไว้เป็นที่เก็บสัมภาระและเป็นห้องนอนของเด็กที่คอยเติมน้ำมันในร้านขายน้ำมันของผู้เช่า ซึ่งอยู่หน้าห้องเช่าและเปิดเข้าออกถึงกันได้ ดังนี้ถือได้ว่าเช่าห้องไว้ก็เพื่อเป็นอุปกรณ์สำหรับการค้าของผู้เช่าจึงไม่เป็นเคหะ
มาตรา13นั้นเป็นเรื่องกฎหมายกำหนดเกณฑ์ที่จะขึ้นค่าเช่าสำหรับเคหะที่ใช้อย่างใดเท่านั้น
เมื่อสัญญาใดไม่มีข้อความระบุถึงผู้ใด ผู้นั้นก็ไม่มีทางจะถือเอาประโยชน์แห่งสัญญานั้นได้
เช่าห้องไว้เป็นที่เก็บสัมภาระและเป็นห้องนอนของเด็กที่คอยเติมน้ำมันในร้านขายน้ำมันของผู้เช่า ซึ่งอยู่หน้าห้องเช่าและเปิดเข้าออกถึงกันได้ ดังนี้ถือได้ว่าเช่าห้องไว้ก็เพื่อเป็นอุปกรณ์สำหรับการค้าของผู้เช่าจึงไม่เป็นเคหะ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 580/2498 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การสมคบทำผิดอาญา: หลักการพิจารณาความร่วมมือในการกระทำความผิด และการพิสูจน์เจตนา
มาด้วยกัน 3 คน จำเลยที่ 1 ผู้เดียวฟันผู้เสียหาย แล้วคนทั้งสามก็วิ่งหนีไปด้วยกัน เป็นเรื่องฉะเพาะตัวจำเลยที่ 1 คนเดียวเท่านั้น เพราะอีก 2 คนไม่ทราบด้วย ไม่ใช่เป็นเรื่องสมคบกันมากระทำความผิด
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 580/2498
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การสมคบทำผิดอาญา: การกระทำของบุคคลอื่นย่อมไม่ถือว่าเป็นการสมคบ หากไม่มีเจตนาหรือการตกลงร่วมกันตั้งแต่แรก
มาด้วยกัน 3 คน จำเลยที่ 1 ผู้เดียวฟันผู้เสียหายแล้วคนทั้งสามก็วิ่งหนีไปด้วยกัน เป็นเรื่องเฉพาะตัวจำเลยที่ 1 คนเดียวเท่านั้น เพราะอีก 2 คน ไม่ทราบด้วยไม่ใช่เป็นเรื่องสมคบกันมากระทำความผิด
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 578/2498 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
เจตนาพยายามฆ่าจากการใช้ปืนยิง แม้ไม่ถูกอวัยวะสำคัญ ศาลฎีกาตัดสินว่ามีความผิดฐานพยายามฆ่า
จำเลยใช้ปืนซึ่งเป็นอาวุธร้ายแรงยิงอีกฝ่ายหนึ่งในขณะวิวาทกัน ถูกข้อมือกระดูกแตก และยังมีบาดแผลที่หางคิ้ว และเหนือใบหูขวาอีกด้วยดังนี้แสดงว่าจำเลยมีเจตนาจะฆ่าให้ตายหากกระสุนไม่ถูกอวัยวะที่สำคัญ จำเลยต้องมีความผิด ตาม ม.249-60
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 441/2498 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การทำร้ายร่างกายจนถึงแก่ความตายระหว่างเมาสุรา ศาลพิจารณาเจตนาผู้กระทำ
เหตุเกิดเพราะเมาสุราแล้วโต้เถียงกัน จำเลยและผู้ตายอายุรุ่นราวคราวเดียวกัน จำเลยใช้มือเปล่าทำร้ายผู้ตายจนลูกอัณทะแตกตาย จำเลยมีความผิดฐานฆ่าคนตายโดยไม่เจตนา
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 441/2498
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การทำร้ายร่างกายจนถึงแก่ความตายระหว่างเมาสุรา ศาลพิจารณาเจตนาและลดโทษ
เหตุเกิดเพราะเมาสุราแล้วโต้เถียงกันจำเลยและผู้ตายอายุรุ่นราวคราวเดียวกันจำเลยใช้มือเปล่าทำร้ายผู้ตายจนลูกอัณฑะแตกตายจำเลยมีความผิดฐานฆ่าคนตายโดยไม่เจตนา
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 369/2498
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
เจ้าพนักงานยักยอกทรัพย์: การกระทำความผิดสำเร็จเมื่อมีเจตนายักยอก แม้จะมีการส่งมอบทรัพย์ต่อ
โจทก์ฟ้องว่าจำเลยใช้อำนาจตำแหน่งหน้าที่ในทางทุจริตสมคบกันยักยอกทองคำแท่งที่หนีภาษีได้แล้วปล่อยผู้ต้องหาไปดังนี้แม้ทางพิจารณาจะปรากฏว่ามิใช่ทองคำแท่งที่หนีภาษีมาก็ดีก็ยังไม่เรียกว่าข้อเท็จจริงตามทางพิจารณาต่างกับฟ้องเพราะทองคำของกลางจะเป็นของหนีภาษีหรือไม่ไม่สำคัญและคดีนี้เป็นคดีอาญาแผ่นดินอัยการโจทก์มีอำนาจฟ้องและเมื่อจำเลยรับทองของกลางจากผู้ต้องหาแล้ว เจตนาทุจริตยักยอกไปเป็นประโยชน์ของตนเสียก็เป็นความผิดฐานเจ้าพนักงานยักยอกทรัพย์แล้ว จำเลยจะส่งจำหน่ายทองของกลางนั้นต่อไปอย่างไรไม่สำคัญ