พบผลลัพธ์ทั้งหมด 47 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 5928/2531 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ความรับผิดของไปรษณีย์ในการขนส่งสินค้าสูญหาย: การชดใช้ค่าเสียหายตามประเภทพัสดุ
การสื่อสารแห่งประเทศไทย จำเลยที่ 1 รับฝากสินค้าอัญมณีจำพวกทับทิมและไพลินเจียระไนจาก ส. ซึ่งส่งเป็นพัสดุไปรษณีย์อากาศประเภทพัสดุไปรษณีย์ธรรมดา ไปยังผู้รับปลายทางที่สหรัฐอเมริกา เป็นกรณีตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 609 วรรคแรก ที่บัญญัติให้ต้องบังคับตามพระราชบัญญัติการสื่อสารแห่งประเทศไทย พ.ศ.2519 พระราชบัญญัติไปรษณีย์ พุทธศักราช 2477 และไปรษณีย์นิเทศ พ.ศ.2524 ซึ่งเป็นกฎหมายและข้อบังคับที่ใช้อยู่ในขณะที่มีการฝากส่งไปรษณีย์ดังกล่าว ดังนั้น เมื่อ ส.มิได้จัดส่งพัสดุภัณฑ์ในประเภทพัสดุไปรษณีย์รับประกันและต่อมาพัสดุไปรษณีย์ดังกล่าวสูญหายไป ส.จึงมีสิทธิเพียงได้รับชดใช้ค่าเสียหายตามอัตราการชดใช้ค่าเสียหายในประเภทพัสดุไปรษณีย์ธรรมดาตามที่ กำหนดไว้ในภาคผนวกของไปรษณีย์นิเทศ พ.ศ.2514 จำเลยที่ 1 จึงต้องรับผิดชดใช้ค่าเสียหายเป็นเงิน 522 บาท จำเลยที่ 1 จะอ้างไม่ต้องรับผิดเนื่องจากมีข้อตกลงพัสดุไปรษณีย์ระหว่างการไปรษณีย์สหรัฐอเมริกาและการไปรษณีย์แห่ง ประเทศไทยตามไปรษณีย์นิเทศข้อ 393.6 และคำสั่งการสื่อสารแห่งประเทศไทยที่ 175/2525 เช่นนั้นไม่ได้ เพราะข้อตกลงดังกล่าวแม้จะทำขึ้นโดยอาศัยอำนาจจากบทบัญญัติของกฎหมายแต่ก็หามีผลเช่นเดียวกันกับ กฎหมายไม่ เมื่อไม่ปรากฏข้อเท็จจริงว่าจำเลยที่ 1 ได้แจ้งให้ ส.ทราบว่าพัสดุไปรษณีย์ถึงสหรัฐอเมริกาชิ้นนี้หากสูญหายจะไม่ได้รับชดใช้ค่าเสียหาย จำเลยที่ 1 จะยกเอาเหตุดังกล่าวมาเป็นข้อยกเว้นความรับผิดหาได้ไม่
การขนไปรษณีย์ภัณฑ์ในหน้าที่ของจำเลยที่ 1 มีกฎหมายบัญญัติไว้เป็นพิเศษแล้ว จะนำบทบัญญัติเรื่องรับขนตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ บรรพ 3 ลักษณะ 8 หมวด 1 มาใช้บังคับแก่จำเลยที่ 1 ไม่ได้
การขนไปรษณีย์ภัณฑ์ในหน้าที่ของจำเลยที่ 1 มีกฎหมายบัญญัติไว้เป็นพิเศษแล้ว จะนำบทบัญญัติเรื่องรับขนตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ บรรพ 3 ลักษณะ 8 หมวด 1 มาใช้บังคับแก่จำเลยที่ 1 ไม่ได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3776/2531
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ผู้ขนส่งมีหน้าที่รับผิดชอบความเสียหายของสินค้า เว้นแต่พิสูจน์ได้ว่าเกิดจากเหตุสุดวิสัย
จำเลยมิได้ให้การโดยชัดแจ้งว่า การกระทำต่าง ๆ ของจำเลยเป็นการกระทำในฐานะตัวแทนของบริษัท ฟ. ซึ่งอยู่ต่างประเทศไม่มีประเด็นที่ศาลชั้นต้นจะต้องวินิจฉัยว่าจำเลยกระทำการต่าง ๆในประเทศไทยในฐานะตัวแทนของบริษัทฟ. หรือไม่ จึงมิใช่เป็นข้อที่ได้ยกขึ้นว่ากล่าวกันมาแล้วในศาลชั้นต้น ศาลอุทธรณ์ชอบที่จะไม่รับวินิจฉัยให้ จำเลยมีวัตถุประสงค์ประกอบกิจการขนส่ง บริษัทฟ.ซึ่งเป็นผู้ขนส่งไม่มีสำนักงานสาขาในประเทศไทย แต่ได้มอบหมายให้จำเลยเป็นผู้ดำเนินการติดต่อกับหน่วยราชการต่าง ๆ ในประเทศไทยเพื่อนำเรือบรรทุกสินค้าของบริษัทฟ. เข้าออกท่าเรือกรุงเทพ ขนสินค้าลงจากเรือและแจ้งการมาถึงของเรือให้เจ้าของสินค้าหรือผู้รับตราส่งทราบ ตลอดจนออกใบปล่อยสินค้าให้แก่ผู้รับตราส่งไปรับสินค้าออกจากท่าเรือ เมื่อปรากฏว่า จำเลยได้แจ้งวันที่เรือสินค้าจะมาถึงท่าเรือกรุงเทพให้ผู้รับตราส่งทราบ เป็นผู้ขออนุมัตินำเรือเข้าเทียบท่าและแจ้งหน่วยราชการต่าง ๆ เกี่ยวกับการขออนุญาตเปิดระวางเรือและขนถ่ายสินค้า ขอเช่าเครื่องมืออุปกรณ์การขนถ่ายสินค้า รับคืนใบตราส่งแลกกับใบปล่อยสินค้า และเพื่อให้ผู้รับตราส่งนำไปขอรับสินค้าจากการท่าเรือแห่งประเทศไทยมิฉะนั้นจะรับสินค้าไม่ได้ การดำเนินงานของจำเลยในช่วงนี้เป็นขั้นตอนสำคัญของการขนส่งอันจะทำให้สินค้าที่ขนส่งมาถึงผู้รับตราส่ง และจะขาดช่วยนี้เสียมิได้ มิฉะนั้นการขนส่งจะชะงักนอกจากนี้เมื่อผู้ส่งยังไม่ได้ชำระค่าระวางในการขนส่งโดยให้มาเก็บค่าระวางปลายทาง จำเลยก็มีสิทธิเก็บค่าระวางขนส่งเสียก่อนที่จะออกใบปล่อยสินค้าให้ผู้รับตราส่ง ส่วนบุคคลผู้ที่ขนถ่ายสินค้าลงจากเรือไม่ว่าจำเลยจะใช้พนักงานของจำเลยหรือผู้อื่นทำการขนถ่ายก็ต้องอยู่ในความรับผิดชอบของจำเลยซึ่งเป็นเรื่องวิธีดำเนินการค้าระหว่างบริษัทฟ. กับจำเลยโดยจำเลยได้รับบำเหน็จจากทางการค้าตามปกติของตน จึงถือว่าจำเลยเป็นผู้ทำการขนส่ง นอกจากจำเลยจะดำเนินการดังกล่าวแก่สินค้าขาเข้าแล้ว จำเลยยังดำเนินการเกี่ยวกับการขนสินค้าขาออกจากประเทศไทยให้แก่บริษัทฟ. ด้วย พฤติการณ์ที่จำเลยเข้าเกี่ยวข้องดำเนินงานดังกล่าวเป็นลักษณะร่วมประกอบธุรกิจขนส่งด้วยกันอันเป็นการขนส่งหลายทอดตามวิธีการขนส่งทางทะเลโดยจำเลยเป็นผู้ขนส่งทอดสุดท้าย จำเลยจึงต้องร่วมรับผิดในการสูญหายหรือบุบสลายของสินค้าที่ขนส่งตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 618 จำเลยให้การว่า ผู้ส่งทำการบรรจุหีบห่อสินค้าไม่ดี เมื่อสินค้าสูญหายไปในระหว่างขนส่ง ผู้ส่งจึงต้องเป็นผู้รับผิดชอบบริษัทฟ. ผู้ขนส่งหรือจำเลยไม่ต้องรับผิด แต่จำเลยอุทธรณ์ว่าการซื้อขายสินค้าพิพาทเป็นการซื้อขายระบบซีแอนด์เอฟซึ่งสิทธิทั้งหลายจะตกแก่ผู้รับตราส่งเมื่อของหรือสินค้าได้ถึงตำบลที่กำหนดให้ส่งและผู้รับตราส่งได้เรียกให้ส่งมอบของหรือสินค้าแล้ว แต่ปรากฏว่าสินค้าพิพาทสูญหายก่อนส่งมอบให้แก่ผู้รับตราส่งจึงเป็นเรื่องที่ผู้ส่งจะต้องไปว่ากล่าวกับผู้ขนส่งผู้รับตราส่งยังไม่มีสิทธิเรียกร้องค่าเสียหายจากผู้ขนส่ง เช่นนี้เห็นได้ชัดว่าข้ออุทธรณ์ของจำเลยไม่ตรงกับที่จำเลยให้การไว้ จึงมิใช่ข้อที่ได้ยกขึ้นว่ากล่าวมาแล้วในศาลชั้นต้น ศาลอุทธรณ์ชอบที่จะไม่รับวินิจฉัยให้ ภาระการพิสูจน์ว่าสินค้าที่ขนส่งสูญหายไปเพราะสุดวิสัยตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 616 ตกแก่ผู้ขนส่งแม้จะปรากฏว่าขณะเรือบรรทุกสินค้ารายพิพาทมาได้ถูกมุรสมอย่างรุนแรงระหว่างทางก็ตาม แต่ผู้ขนส่งไม่มีพยานหลักฐานอื่นมาแสดงให้เห็นว่า หีบที่บรรจุสินค้ารายพิพาทได้แตกและสินค้าได้สูญหายไปเพราะเรือโดนมรสุมดังกล่าว และไม่มีพยานยืนยันแน่ชัดว่าหีบที่บรรจุสินค้าพิพาทแตกชำรุดขณะใด จึงยังถือไม่ได้ว่าสินค้าพิพาทได้สูญหายไปเนื่องจากเหตุสุดวิสัย ผู้ขนส่งต้องรับผิดเพื่อความสูญหายนั้น
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1519/2531 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การขนส่งประจำทางโดยไม่ได้รับอนุญาต และความผิดฐานสนับสนุนการกระทำผิด
จำเลยได้ประกอบการขนส่งประจำทาง โดยใช้รถยนต์นั่งซึ่งได้จดทะเบียนเข้าร่วมกิจการประกอบการขนส่งไม่ประจำทางกับห้างหุ้นส่วนจำกัด บ. ซึ่งได้รับใบอนุญาตประกอบการขนส่งไม่ประจำทาง ขนส่งคนและสิ่งของเพื่อสินจ้างในเส้นทางที่ผู้ได้รับใบอนุญาตประกอบการขนส่งประจำทางได้รับอนุญาต โดยจำเลยไม่ได้รับใบอนุญาตประกอบการขนส่งประจำทางตามกฎหมาย การกระทำของจำเลยเป็นความผิดตามพระราชบัญญัติการขนส่งทางบก พ.ศ. 2522มาตรา 23,126 การที่จำเลยนำรถเข้าร่วมกิจการขนส่งไม่ประจำทางกับห้างหุ้นส่วนจำกัด บ. จะถือว่าจำเลยเป็นผู้ได้รับใบอนุญาตให้ประกอบการขนส่งไม่ประจำทางหาได้ไม่ การกระทำของจำเลยจึงไม่เป็นความผิดตามบทบัญญัติมาตรา 40,138 แห่งพระราชบัญญัติดังกล่าว ทั้งข้อเท็จจริงไม่ปรากฏว่าห้างหุ้นส่วนจำกัด บ.ผู้ได้รับใบอนุญาตให้ประกอบการขนส่งไม่ประจำทางเป็นตัวการผู้กระทำผิด จึงไม่อาจลงโทษจำเลยในฐานเป็นผู้สนับสนุนได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3480/2530 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ความรับผิดของผู้ประกอบการขนส่งเมื่อยินยอมให้ผู้อื่นใช้รถในการขนส่ง และการเป็นลูกจ้างในทางการที่จ้าง
จำเลยที่ 3 ได้รับอนุญาตให้ประกอบการขนส่งรถยนต์บรรทุกคันเกิดเหตุ จึงต้องใช้รถสำหรับทำการขนส่งเพื่อการค้าหรือธุรกิจของจำเลยที่ 3 เท่านั้น เพราะเป็นสิทธิเฉพาะตัว ดังนั้นแม้จำเลยที่ 3 จะได้โอนสิทธิการเช่าซื้อรถยนต์บรรทุกคันเกิดเหตุให้จำเลยที่ 2 ไปแล้ว ก็เป็นเรื่องกรรมสิทธิ์ของรถเมื่อจำเลยที่ 3 ไม่ได้บอกเลิกประกอบการขนส่ง แต่กลับยินยอมให้จำเลยที่ 2 นำรถไปประกอบการขนส่งตามใบอนุญาตให้ประกอบการขนส่งของจำเลยที่ 3 ได้อีกต่อไป พฤติการณ์ดังกล่าวถือได้ว่าจำเลยที่ 3 และจำเลยที่ 2 ร่วมกันประกอบการขนส่ง และถือว่าจำเลยที่ 1 ผู้ขับรถซึ่งเป็นลูกจ้างของจำเลยที่ 2 เป็นลูกจ้างของจำเลยที่ 3 ด้วย จำเลยที่ 3 จึงต้องร่วมรับผิดในผลแห่งละเมิดที่จำเลยที่ 1 ได้กระทำไปในทางการที่จ้าง.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 563/2529
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ข้อยกเว้น พ.ร.บ.ขนส่งทางบก: รถยนต์ส่วนบุคคลบรรทุกเกิน 7 คน ไม่ผิดตามกฎหมาย
จำเลยขับรถยนต์แล่นรับคนโดยสาร 10 คนเพื่อสินจ้างตามเส้นทางที่คณะกรรมการควบคุมการขนส่งกำหนดให้บริษัท ข.ประกอบการขนส่งประจำทาง เมื่อรถยนต์คันเกิดเหตุเป็นรถยนต์นั่งส่วนบุคคลไม่เกิน 7 คน ซึ่งพระราชบัญญัติการขนส่งทางบกพ.ศ. 2522 มาตรา 5(2) ยกเว้นมิให้ใช้บังคับจำเลยย่อมไม่มีความผิดตามพระราชบัญญัติการขนส่งทางบกฯมาตรา 23,126 และมาตรา 93,151
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2501/2526 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
อำนาจฟ้องของผู้รับประกันภัยเมื่อเกิดความเสียหายจากการขนส่ง และขอบเขตความรับผิดตามกรมธรรม์ประกันภัย
โจทก์ฟ้องให้จำเลยร่วมกันรับผิดในความเสียหายอันเนื่องจากการขนส่งสินค้าของบริษัท ท. ที่ได้เอาประกันภัยไว้แก่โจทก์ โดยโจทก์อ้างว่าได้ชดใช้ค่าเสียหายให้แก่บริษัท ท. แล้ว จึงได้รับช่วงสิทธิของเจ้าหนี้เรียกร้องให้จำเลยร่วมกันรับผิดต่อโจทก์ จำเลยให้การต่อสู้คดีตอนหนึ่งว่าจำเลยรับจ้าง ต. ขนสินค้าไปส่งให้แก่บริษัท ท. จำเลยไม่มีความผิดต่อบริษัทดังกล่าว แม้โจทก์จะรับช่วงสิทธิมาก็ไม่มีอำนาจฟ้องจำเลย ดังนี้ คดีจึงมีประเด็นข้อโต้เถียงเกี่ยวกับอำนาจฟ้องของโจทก์ว่าจำเลยรับจ้างขนสินค้าให้แก่บริษัท ท. หรือ ต.
ฟ้องของโจทก์มีข้ออ้างที่อาศัยเป็นหลักแห่งข้อหาคือให้จำเลยทั้งหกในฐานะผู้ขนส่งร่วมกันรับผิดในความเสียหายอันเนื่องมาจากการขนส่งสินค้า กับระบุว่าจำเลยทั้งหกเป็นผู้ว่าจ้างและรับจ้างทำการในหน้าที่รับขนส่งสินค้าและดำเนินงานร่วมกันในทางการที่ว่าจ้างให้ลุประสงค์ในการนำส่งสินค้าให้แก่บริษัท ท. โดยจำเลยทั้งหกมีหน้าที่ร่วมกันในการจัดการและการรับขนส่งอันเป็นการที่จะให้จำเลยทั้งหกรับผิดตามสัญญารับขนส่ง แม้จะระบุด้วยว่าจำเลยที่ 3 เป็นลูกจ้างและกระทำในทางการที่จ้างของจำเลยที่ 1 ก็มิได้หมายความว่าจะให้จำเลยที่ 3 ร่วมรับผิดต่อโจทก์ในฐานะนายจ้างกับลูกจ้าง. และการที่โจทก์อ้างถึงความประมาทเลินเล่อของจำเลยมาด้วยก็เพื่อจะให้จำเลยทั้งหกรับผิดตามสัญญารับขนส่ง มิใช่ให้รับผิดในฐานะละเมิด. ดังนั้น การที่ศาลชั้นต้นหยิบยกประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 616 ขึ้นมาปรับแก่คดีของจำเลยที่ 3 จึงหาใช่เป็นการวินิจฉัยนอกฟ้องนอกประเด็นไม่
การรับประกันภัยสินค้ารายนี้แม้ตามกรมธรรม์ประกันภัยจะระบุว่าเป็นการรับประกันจากเมืองแชมเปอริโก ประเทศกัวเตมาลา ถึงกรุงเทพมหานคร แต่ก็มีเงื่อนไขให้ถือตามข้อกำหนดที่ระบุไว้ด้านหลังของสัญญาหรือกรมธรรม์ประกันภัยด้วย เมื่อข้อกำหนดดังกล่าวระบุว่าการประกันภัยนี้ใช้บังคับเริ่มจากเวลาที่สินค้าออกจากคลังสินค้าหรือสถานที่เก็บสินค้าเพื่อเริ่มการขนส่ง และสืบเนื่องต่อไประหว่างสายการขนส่งตามปกติ และสิ้นสุดลงเมื่อได้ส่งมอบถึงคลังสินค้าของผู้รับ ณ ปลายทางที่ระบุไว้ในกรมธรรม์เช่นนี้ความรับผิดของโจทก์ในฐานะผู้รับประกันภัยจะสิ้นสุดลงก็ต่อเมื่อได้ส่งมอบสินค้าถึงคลังสินค้าของบริษัท ท. ซึ่งเป็นผู้รับแล้ว
แม้บริษัท น.จะมิใช่ผู้เชี่ยวชาญของศาล แต่ก็ได้ประกอบวิชาชีพเกี่ยวกับการตรวจสอบสินค้าทั่วไปที่ได้รับความเสียหายอันเนื่องจากภัยทางทะเล ป.เจ้าหน้าที่ของบริษัทดังกล่าวซึ่งเป็นผู้สำรวจความเสียหายและทำรายงานโดยให้กรรมการผู้จัดการของบริษัทลงลายมือชื่อกำกับไว้ได้ปฏิบัติหน้าที่ตรวจสอบความเสียหายมาเป็นเวลา 11 ปีแล้ว ศาลรับฟังรายงานดังกล่าวประกอบคำเบิกความของ ป.เพื่อคำนวณความเสียหายได้
ฟ้องของโจทก์มีข้ออ้างที่อาศัยเป็นหลักแห่งข้อหาคือให้จำเลยทั้งหกในฐานะผู้ขนส่งร่วมกันรับผิดในความเสียหายอันเนื่องมาจากการขนส่งสินค้า กับระบุว่าจำเลยทั้งหกเป็นผู้ว่าจ้างและรับจ้างทำการในหน้าที่รับขนส่งสินค้าและดำเนินงานร่วมกันในทางการที่ว่าจ้างให้ลุประสงค์ในการนำส่งสินค้าให้แก่บริษัท ท. โดยจำเลยทั้งหกมีหน้าที่ร่วมกันในการจัดการและการรับขนส่งอันเป็นการที่จะให้จำเลยทั้งหกรับผิดตามสัญญารับขนส่ง แม้จะระบุด้วยว่าจำเลยที่ 3 เป็นลูกจ้างและกระทำในทางการที่จ้างของจำเลยที่ 1 ก็มิได้หมายความว่าจะให้จำเลยที่ 3 ร่วมรับผิดต่อโจทก์ในฐานะนายจ้างกับลูกจ้าง. และการที่โจทก์อ้างถึงความประมาทเลินเล่อของจำเลยมาด้วยก็เพื่อจะให้จำเลยทั้งหกรับผิดตามสัญญารับขนส่ง มิใช่ให้รับผิดในฐานะละเมิด. ดังนั้น การที่ศาลชั้นต้นหยิบยกประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 616 ขึ้นมาปรับแก่คดีของจำเลยที่ 3 จึงหาใช่เป็นการวินิจฉัยนอกฟ้องนอกประเด็นไม่
การรับประกันภัยสินค้ารายนี้แม้ตามกรมธรรม์ประกันภัยจะระบุว่าเป็นการรับประกันจากเมืองแชมเปอริโก ประเทศกัวเตมาลา ถึงกรุงเทพมหานคร แต่ก็มีเงื่อนไขให้ถือตามข้อกำหนดที่ระบุไว้ด้านหลังของสัญญาหรือกรมธรรม์ประกันภัยด้วย เมื่อข้อกำหนดดังกล่าวระบุว่าการประกันภัยนี้ใช้บังคับเริ่มจากเวลาที่สินค้าออกจากคลังสินค้าหรือสถานที่เก็บสินค้าเพื่อเริ่มการขนส่ง และสืบเนื่องต่อไประหว่างสายการขนส่งตามปกติ และสิ้นสุดลงเมื่อได้ส่งมอบถึงคลังสินค้าของผู้รับ ณ ปลายทางที่ระบุไว้ในกรมธรรม์เช่นนี้ความรับผิดของโจทก์ในฐานะผู้รับประกันภัยจะสิ้นสุดลงก็ต่อเมื่อได้ส่งมอบสินค้าถึงคลังสินค้าของบริษัท ท. ซึ่งเป็นผู้รับแล้ว
แม้บริษัท น.จะมิใช่ผู้เชี่ยวชาญของศาล แต่ก็ได้ประกอบวิชาชีพเกี่ยวกับการตรวจสอบสินค้าทั่วไปที่ได้รับความเสียหายอันเนื่องจากภัยทางทะเล ป.เจ้าหน้าที่ของบริษัทดังกล่าวซึ่งเป็นผู้สำรวจความเสียหายและทำรายงานโดยให้กรรมการผู้จัดการของบริษัทลงลายมือชื่อกำกับไว้ได้ปฏิบัติหน้าที่ตรวจสอบความเสียหายมาเป็นเวลา 11 ปีแล้ว ศาลรับฟังรายงานดังกล่าวประกอบคำเบิกความของ ป.เพื่อคำนวณความเสียหายได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3879/2525 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การจำกัดความรับผิดของผู้ขนส่งตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์: ผู้ขนส่ง vs ผู้ขนสินค้า
คำว่า "ผู้ขนส่ง" ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 610 หมายถึงผู้มีหน้าที่รับผิดชอบในการขนส่งของหรือสินค้า ซึ่งผู้ส่งหรือผู้ตราส่งตกลงให้ผู้ขนส่งนำของหรือสินค้าไปส่งมอบให้แก่ผู้รับตราส่ง และมีหน้าที่จะต้องเป็นผู้ทำหรือออกใบตราส่งให้ในกรณีที่ผู้ส่งเรียกเอาใบตราส่ง เมื่อข้อเท็จจริงฟังได้ว่าจำเลยเป็นผู้มีหน้าที่รับผิดชอบดังกล่าว จำเลยจึงเป็นผู้ขนส่ง ซึ่งต่างกับผู้ทำหน้าที่ขนหรือแบกหามสินค้าจากเรือขึ้นท่าเรือและจากท่าเรือลงบรรทุกในเรือ
หมายเหตุ ตามแนวฎีกาที่ 1665/2525 และฎีกาที่ 3630/2525
หมายเหตุ ตามแนวฎีกาที่ 1665/2525 และฎีกาที่ 3630/2525
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2941-2942/2522
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การริบแร่ที่ขนส่งโดยไม่ปฏิบัติตามเงื่อนไขใบอนุญาต: แร่ที่ได้รับอนุญาตถูกต้องตามกฎหมายไม่เข้าข่ายต้องริบ
แร่ของกลางเป็นแร่ที่ได้รับอนุญาตโดยถูกต้องตามกฎหมายทั้งทรัพยากรธรณีจังหวัดได้ออกใบอนุญาตขนแร่ให้จำเลยแล้วการกระทำของจำเลยเป็นความผิดเพราะไม่ปฏิบัติตามเงื่อนไขในใบอนุญาตขนแร่ที่ให้บันทึกการขนแร่พร้อมกับลงลายมือชื่อกำกับในใบอนุญาตขนแร่ทันทีที่ขนแร่ออกจากต้นทาง แร่ของกลางจึงหาใช่แร่ที่บุคคลได้มาได้ใช้ในการกระทำความผิด หรือได้ใช้เป็นอุปกรณ์ให้ได้รับผลในการกระทำความผิดตามมาตรา 148 อันต้องริบตามมาตรา 154ไม่
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2554/2521
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การประกอบการขนส่งโดยไม่ได้รับอนุญาตตาม พ.ร.บ.การขนส่ง พ.ศ.2497
จำเลยจัดให้มีการเดินรถยนต์โดยสารที่เรียกว่ารถทัวร์โดยไม่ได้รับอนุญาตให้ประกอบการขนส่ง วิ่งรับส่งผู้โดยสารโดยเก็บค่าโดยสารจากต้นทางถึงปลายทางเป็นรายบุคคล มีกำหนดเวลาออกรถแน่นอนทุกวันเป็นประจำ ผู้โดยสารที่มากับรถยนต์จำเลยต่างมาธุรกิจส่วนตัว มิใช่มาท่องเที่ยว และมิได้มีการนำเที่ยวแต่อย่างใด พฤติการณ์แสดงชัดว่าจำเลยดำเนินกิจการรับขนส่งผู้โดยสารเพื่อสินจ้างธรรมดา หาใช่เป็นการจัดให้มีการทัศนาจรโดยจ้างเหมาเป็นเที่ยวๆ การกระทำของจำเลยจึงเป็นการประกอบการขนส่งเพื่อสินจ้างอันเป็นกิจการที่จะต้องได้รับอนุญาตจากนายทะเบียน ตามพระราชบัญญัติการขนส่ง พ.ศ.2497 มาตรา 10 เมื่อจำเลยไม่ได้รับอนุญาต ต้องมีความผิดตามมาตรา 59 ไม่ว่ารถยนต์ที่จำเลยนำมาใช้เพื่อกิจการของจำเลยดังกล่าวจะเป็นของจำเลยหรือของผู้อื่น
บทบัญญัติมาตรา 10 ว่าด้วยการประกอบการขนส่งโดยไม่ได้รับอนุญาตกับมาตรา 14 ว่าด้วยผู้ได้รับอนุญาตขนส่งสาธารณะทำการขนส่งแข่งขันในเส้นทางของผู้ได้รับใบอนุญาตการขนส่งประจำทางในเส้นทางนั้น เป็นกรรมความผิดแยกต่างหากจากกันเมื่อจำเลยเข้าใจข้อหาตามฟ้องและมิได้หลงข้อต่อสู้ แม้โจทก์จะฟ้องรวมกันมา ก็ไม่เป็นฟ้องเคลือบคลุม
โจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษตามพระราชบัญญัติการขนส่งพ.ศ.2497มาตรา 10,14,59,60 ศาลชั้นต้นพิพากษายกฟ้อง โจทก์อุทธรณ์โต้แย้งเฉพาะข้อประกอบการขนส่งโดยมิได้รับอนุญาต และระบุเจาะจงขอให้ศาลอุทธรณ์ลงโทษจำเลยตามมาตรา 10,59 แสดงว่าโจทก์ไม่ติดใจอุทธรณ์โต้แย้งในข้อหาความผิดตามมาตรา 14,60 ศาลอุทธรณ์พิพากษาลงโทษจำเลยตามมาตรา 14,60 ไม่ได้ เป็นการเกินคำขอ
บทบัญญัติมาตรา 10 ว่าด้วยการประกอบการขนส่งโดยไม่ได้รับอนุญาตกับมาตรา 14 ว่าด้วยผู้ได้รับอนุญาตขนส่งสาธารณะทำการขนส่งแข่งขันในเส้นทางของผู้ได้รับใบอนุญาตการขนส่งประจำทางในเส้นทางนั้น เป็นกรรมความผิดแยกต่างหากจากกันเมื่อจำเลยเข้าใจข้อหาตามฟ้องและมิได้หลงข้อต่อสู้ แม้โจทก์จะฟ้องรวมกันมา ก็ไม่เป็นฟ้องเคลือบคลุม
โจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษตามพระราชบัญญัติการขนส่งพ.ศ.2497มาตรา 10,14,59,60 ศาลชั้นต้นพิพากษายกฟ้อง โจทก์อุทธรณ์โต้แย้งเฉพาะข้อประกอบการขนส่งโดยมิได้รับอนุญาต และระบุเจาะจงขอให้ศาลอุทธรณ์ลงโทษจำเลยตามมาตรา 10,59 แสดงว่าโจทก์ไม่ติดใจอุทธรณ์โต้แย้งในข้อหาความผิดตามมาตรา 14,60 ศาลอุทธรณ์พิพากษาลงโทษจำเลยตามมาตรา 14,60 ไม่ได้ เป็นการเกินคำขอ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 887/2520
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ความรับผิดของนายจ้างต่อการกระทำของลูกจ้าง และการคำนวณค่าขาดไร้อุปการะที่เหมาะสม
จำเลยที่ 3 เป็นเจ้าของรถบรรทุกนำมาร่วมกิจการขนส่งกับห้างจำเลยที่ 4 ลูกจ้างผู้ขับรถคันนี้ย่อมถือได้ว่าเป็นลูกจ้างของจำเลยที่ 3 และที่ 4
เมื่อได้ความว่าห้างจำเลยที่ 4 ยังประกอบการขนส่งสาธารณะอยู่ แม้ใบอนุญาตขนส่งจะหมดอายุแล้ว ห้างจำเลยที่ 4 ก็ยังไม่พ้นความรับผิดในผลแห่งการละเมิดที่ลูกจ้างกระทำลงในการขนส่งนั้น
แม้ผู้ตายจะมีอายุ 64 ปี แต่ร่างกายยังแข็งแรงไม่เจ็บป่วยยังสามารถประกอบอาชีพได้ ถ้าหากผู้ตายไม่ประสบอุบัติเหตุถึงแก่ความตายเสียก่อนย่อมเป็นที่คาดหมายได้ว่าผู้ตายจะมีชีวิตต่อไปอีกมากกว่า 2 ปี โจทก์ซึ่งเป็นภริยาไม่มีรายได้อย่างอื่นนอกจากเงินเดือนที่ผู้ตายมอบให้เดือนละ 5,000 บาทตามพฤติการณ์ดังกล่าวที่ศาลล่างกำหนดค่าขาดไร้อุปการะเดือนละ 2,000 บาทเป็นเวลา 4 ปี เป็นเงิน 96,000 บาท จึงเป็นการเหมาะสมแล้ว
โจทก์ฟ้องจำเลยที่ 1 ว่าทำละเมิดและฟ้องจำเลยที่ 3 ที่ 4 ในฐานะนายจ้างให้ร่วมรับผิดด้วยกรณีเป็นเรื่องเกี่ยวกับการชำระหนี้อันไม่อาจแบ่งแยกได้ เมื่อศาลฎีกาเห็นสมควรลดค่าสินไหมทดแทนที่จำเลยที่ 3 ที่ 4 จะพึงชดใช้แก่โจทก์ลง แม้จำเลยที่ 1 จะมิได้ฎีกาศาลฎีกาย่อมพิพากษาให้มีผลถึงจำเลยที่ 1 ด้วย
เมื่อได้ความว่าห้างจำเลยที่ 4 ยังประกอบการขนส่งสาธารณะอยู่ แม้ใบอนุญาตขนส่งจะหมดอายุแล้ว ห้างจำเลยที่ 4 ก็ยังไม่พ้นความรับผิดในผลแห่งการละเมิดที่ลูกจ้างกระทำลงในการขนส่งนั้น
แม้ผู้ตายจะมีอายุ 64 ปี แต่ร่างกายยังแข็งแรงไม่เจ็บป่วยยังสามารถประกอบอาชีพได้ ถ้าหากผู้ตายไม่ประสบอุบัติเหตุถึงแก่ความตายเสียก่อนย่อมเป็นที่คาดหมายได้ว่าผู้ตายจะมีชีวิตต่อไปอีกมากกว่า 2 ปี โจทก์ซึ่งเป็นภริยาไม่มีรายได้อย่างอื่นนอกจากเงินเดือนที่ผู้ตายมอบให้เดือนละ 5,000 บาทตามพฤติการณ์ดังกล่าวที่ศาลล่างกำหนดค่าขาดไร้อุปการะเดือนละ 2,000 บาทเป็นเวลา 4 ปี เป็นเงิน 96,000 บาท จึงเป็นการเหมาะสมแล้ว
โจทก์ฟ้องจำเลยที่ 1 ว่าทำละเมิดและฟ้องจำเลยที่ 3 ที่ 4 ในฐานะนายจ้างให้ร่วมรับผิดด้วยกรณีเป็นเรื่องเกี่ยวกับการชำระหนี้อันไม่อาจแบ่งแยกได้ เมื่อศาลฎีกาเห็นสมควรลดค่าสินไหมทดแทนที่จำเลยที่ 3 ที่ 4 จะพึงชดใช้แก่โจทก์ลง แม้จำเลยที่ 1 จะมิได้ฎีกาศาลฎีกาย่อมพิพากษาให้มีผลถึงจำเลยที่ 1 ด้วย