คำพิพากษาที่อยู่ใน Tags
การแต่งตั้ง

พบผลลัพธ์ทั้งหมด 47 รายการ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1237/2535 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การสัตยาบันการบอกกล่าวบังคับจำนองของตัวแทน แม้การแต่งตั้งตัวแทนไม่เป็นหนังสือ ก็ถือว่าชอบแล้ว
โจทก์ตั้ง ส. ทนายความผู้รับมอบอำนาจเป็นตัวแทนบอกกล่าวบังคับจำนองไปยังจำเลยโดยไม่ได้ทำเป็นหนังสือ ส. มีหนังสือบอกกล่าวบังคับจำนองไปยังจำเลย จำเลยได้รับแล้วไม่ชำระหนี้แก่โจทก์ โจทก์จึงนำคดีมาฟ้อง แสดงว่าโจทก์ยอมรับเอาการบอกกล่าวบังคับจำนองของ ส. ถือได้ว่าโจทก์ซึ่งเป็นตัวการได้ให้สัตยาบันแก่การกระทำของ ส. ซึ่งเป็นตัวแทนที่บอกกล่าวบังคับจำนองตามป.พ.พ. มาตรา 823 ดังนี้ ถือว่าโจทก์บอกกล่าวบังคับจำนองแก่จำเลยโดยชอบแล้ว.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 962/2534 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ อำนาจทนายความและการลงลายมือชื่อในคำร้อง: การแต่งตั้งทนายความที่ถูกต้องตามกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง
คำร้องขัดทรัพย์ของผู้ร้องทั้งสองมี ฉ. ลงชื่อเป็นผู้ร้องและผู้เรียงพิมพ์แต่ในใบแต่งทนายความของผู้ร้องที่ 1 ที่ 2 ทั้งสองฉบับที่ระบุแต่งตั้งให้ น. เป็นทนายความของผู้ร้องที่ 1 ที่ 2กับมี ฉ. ทนายความผู้มีใบอนุญาต ลงลายมือชื่อในคำรับเป็นทนายความไม่ใช่ น. เมื่อผู้ร้องที่ 1 ที่ 2 มิได้มีเจตนาแต่งตั้งให้ ฉ.เป็นทนายความก็ต้องถือว่าฉ. ลงลายมือชื่อในคำรับเป็นทนายความโดยไม่มีสิทธิ ฉ. จึงมิใช่ทนายความของผู้ร้องทั้งสองและไม่มีอำนาจลงลายมือชื่อในคำร้องขัดทรัพย์แทนผู้ร้องทั้งสองได้ตาม ป.วิ.พ. มาตรา 62 อย่างไรก็ตามคำร้องขัดทรัพย์เป็นคำฟ้องอย่างหนึ่ง ตาม ป.วิ.พ.มาตรา 1(3) ต้องลงลายมือชื่อของผู้ร้องทั้งสองตาม มาตรา 67(5)หรือลายมือชื่อของทนายความที่ผู้ร้องทั้งสองแต่งตั้งตาม มาตรา 62เมื่อคำร้องขัดทรัพย์มี ฉ. ลงลายมือชื่อโดยผู้ร้องทั้งสองมิได้แต่งตั้งให้เป็นทนายความ มิใช่เป็นกรณีที่คำร้องไม่มีลายมือชื่อของผู้ร้องตาม มาตรา 67(5) อันจะสั่งให้แก้ไขได้ตามมาตรา 18วรรคหนึ่ง ศาลจึงมีคำสั่งไม่รับคำร้องขัดทรัพย์ของผู้ร้องทั้งสองโดยไม่ต้องส่งคืนคำร้องนั้นไปให้แก้ไขมาก่อน.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2621/2534

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การถอนและแต่งตั้งผู้จัดการมรดก, สิทธิหน้าที่ของผู้จัดการมรดก, และการส่งมอบเอกสารบัญชีทรัพย์มรดก
สิทธิในการดำเนินคดีทางศาลเป็นสิทธิโดยชอบของบุคคลตามกฎหมายในเมื่อสิทธิของตนถูกโต้แย้งหรือมีกรณีจะต้องใช้สิทธิทางศาลการที่พินัยกรรมมีข้อกำหนดห้ามทายาทผู้ได้รับทรัพย์ตามพินัยกรรมฟ้องคดีต่อศาลเกี่ยวกับทรัพย์ตามพินัยกรรม มิฉะนั้นให้ถือว่าผู้นั้นถูกตัดออกจากกองทรัพย์สินนั้น เช่นนี้ ข้อกำหนดในพินัยกรรมดังกล่าวจึงไม่มีผลบังคับ การที่โจทก์นำคดีมาฟ้องจึงไม่เป็นการกระทำที่ต้องถูกตัดมิให้รับมรดก การฟ้องขอถอนผู้จัดการมรดกและขอให้ตั้งผู้จัดการมรดกใหม่นั้นประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1727 มิได้กำหนดไว้โดยเฉพาะว่าจะต้องร้องเข้ามาในคดีเดิม ดังนั้น โจทก์จึงอาจฟ้องเป็นคดีใหม่หรือร้องเข้ามาในคดีเดิมก็ได้ จำเลยเป็นผู้จัดการมรดกตามคำสั่งศาล จึงมีหน้าที่จะต้องดำเนินการแบ่งปันทรัพย์มรดกแก่ทายาท แต่ข้อเท็จจริงปรากฏว่าจำเลยเป็นผู้จัดการมรดกมาเป็นเวลาเกือบ 3 ปี ยังไม่มีการแบ่งปันมรดกให้ทายาทเลย อีกทั้งยังได้จำหน่ายทรัพย์มรดกบางส่วนไปโดยมิได้ประชุมปรึกษาทายาท รวมทั้งไม่มีบัญชีแสดงให้ทายาททราบถึงการที่ได้จัดการไป และหลังจากที่ได้เป็นผู้จัดการมรดกแล้วถึง 4 ปีเศษจึงได้ยื่นบัญชีทรัพย์มรดก แสดงว่าจำเลยไม่นำพาต่อหน้าที่ของผู้จัดการมรดกตามที่บัญญัติไว้ในประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาตรา 1729 และ 1732 จึงมีเหตุสมควรที่จะเพิกถอนจำเลยจากการเป็นผู้จัดการมรดก จำเลยมิใช่ทายาทผู้มีสิทธิได้รับมรดกตามพินัยกรรม จึงมิใช่ผู้มีส่วนได้เสียข้อคัดค้านของจำเลยที่จะไม่ให้ผู้ใดเป็นผู้จัดการมรดกจึงไม่มีน้ำหนักให้รับฟัง เจ้ามรดกทำพินัยกรรมระบุให้โจทก์ทั้งสองและผู้ร้องสอดทั้งสองเป็นผู้จัดการมรดกร่วมกัน เมื่อโจทก์ที่ 1 ถอนฟ้อง ส่วนผู้ร้องสอดที่ 1 ถูกโต้แย้งว่า ได้นำทรัพย์มรดกส่วนหนึ่งไปจำหน่าย ถือได้ว่าผู้ร้องสอดที่ 1 มีข้อที่เป็นปฏิปักษ์ต่อกองมรดก กรณีเห็นได้ว่าผู้ร้องสอดที่ 1 ไม่อาจเข้าร่วมจัดการเพื่อประโยชน์ของกองมรดกโดยไม่มีข้อขัดแย้งได้ ตามพฤติการณ์จึงไม่อาจตั้งผู้ร้องสอดที่ 1ร่วมเป็นผู้จัดการมรดกกับโจทก์ที่ 2 และผู้ร้องสอดที่ 2 ได้ จำเลยเป็นผู้จัดการมรดกตามคำสั่งศาล ต่อมาศาลมีคำสั่งถอนจำเลยออกจากการเป็นผู้จัดการมรดกและตั้งโจทก์ที่ 2 เป็นผู้จัดการมรดกแทน ดังนี้ ศาลย่อมมีอำนาจบังคับให้จำเลยส่งมอบบัญชีทรัพย์มรดกที่จำเลยทำขึ้นในฐานะเป็นผู้จัดการมรดกให้ผู้จัดการมรดกคนใหม่ได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1356/2534

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การแต่งตั้งผู้จัดการมรดก: พิจารณาจากข้อเท็จจริง พยานหลักฐาน และประโยชน์ของกองมรดก
การขอให้ตั้งผู้จัดการมรดก เพียงแต่บรรยายถึงรายละเอียดแห่งข้อเท็จจริงและพฤติการณ์อันจำเป็นและสมควรจะต้องมีผู้จัดการมรดกเท่านั้น ส่วนการที่ศาลจะตั้งใครเป็นผู้จัดการมรดกนั้นแล้วแต่ศาลจะเห็นสมควรเพื่อประโยชน์แก่กองมรดก และภายใต้บังคับบทบัญญัติที่ชี้แนวทางให้ศาลปฏิบัติในการแต่งตั้งผู้จัดการมรดกตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาตรา 1718 ฉะนั้น แม้คำร้องขอเป็นผู้จัดการมรดกร่วมกับผู้ร้องของผู้ร้องคัดค้านที่ 2 จะมิได้บรรยายว่าผู้คัดค้านที่ 2 ไม่เป็นบุคคลต้องห้ามตามกฎหมายที่จะเป็นผู้จัดการมรดกได้ ก็เป็นคำร้องขอที่ชอบ เพราะคำร้องขอเช่นว่านี้ไม่จำต้องบรรยายบทบังคับให้ศาลต้องปฏิบัติไว้ด้วย

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 4012/2533

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การแต่งตั้งกรรมการมูลนิธิ: ความเห็นต่างและความถูกต้องในการปฏิบัติหน้าที่
การที่ผู้คัดค้านไม่เห็นพ้องด้วยกับการแต่งตั้งกรรมการใหม่8 คน ของมูลนิธินั้น มิได้แสดงว่าความเห็นของผู้คัดค้านจะถูกต้องเสมอไป การแต่งตั้งกรรมการในกรณีเช่นนี้ย่อมจะทำให้ผู้มีส่วนเกี่ยวข้องทุกคนพอใจได้ยาก การขัดแย้งกันในด้านความเห็นย่อมเกิดขึ้นได้เป็นธรรมดา การที่กรรมการใหม่ปฏิบัติศาสนกิจไม่ตรงกับผู้คัดค้านก็มิได้แสดงว่าผู้คัดค้านเป็นฝ่ายที่ปฏิบัติศาสนกิจถูกต้องกว่ากรรมการใหม่

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2563/2532 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การแต่งตั้งผู้ชำระบัญชีตามสัญญาประนีประนอมยอมความ ถือเป็นการแต่งตั้งตามตำแหน่งราชการ ไม่ใช่เป็นการเฉพาะตัว
ข้อความในสัญญาประนีประนอมยอมความซึ่งศาลได้มีคำพิพากษาตามยอมแล้ว ข้อ (1) ระบุว่าโจทก์และจำเลยทั้งสองยินยอมตั้งเจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์ สำนักงานบังคับคดีและวางทรัพย์ภูมิภาคที่ 6 (จังหวัด พิษณุโลก ) เป็นผู้ชำระบัญชี ซึ่งขณะนั้น ม.ดำรงตำแหน่งเจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์ สำนักงานบังคับคดีและวางทรัพย์ภูมิภาคที่ 6 ม. จึงเป็นผู้ชำระบัญชีโดยตำแหน่งราชการไม่ใช่เป็นการเฉพาะตัว เมื่อ ม. ย้ายไปรับราชการที่อื่นและ จ. ย้ายมาดำรงตำแหน่งเจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์สำนักงานบังคับคดีและวางทรัพย์ภูมิภาคที่ 6 แทน จ. ก็ย่อมเป็นผู้ชำระบัญชีในคดีนี้ต่อไปได้ การที่ศาลแต่งตั้ง จ. เป็นผู้ชำระบัญชีคนใหม่แทน ม. ผู้ชำระบัญชีคนเดิม จึงไม่เป็นการผิดวัตถุประสงค์เดิมของโจทก์และจำเลย ทั้งไม่เป็นการเปลี่ยนแปลงคำพิพากษาตามยอมของคู่ความ.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2563/2532

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การแต่งตั้งผู้ชำระบัญชีตามสัญญาประนีประนอมยอมความ การเปลี่ยนตัวผู้ชำระบัญชีเนื่องจากตำแหน่งไม่ใช่การเฉพาะตัว
ข้อความในสัญญาประนีประนอมยอมความซึ่งศาลได้มีคำพิพากษาตามยอมแล้ว ข้อ (1) ระบุว่าโจทก์และจำเลยทั้งสองยินยอมตั้งเจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์ สำนักงานบังคับคดีและวางทรัพย์ภูมิภาคที่ 6(จังหวัด พิษณุโลก ) เป็นผู้ชำระบัญชี ซึ่งขณะนั้น ม.ดำรงตำแหน่งเจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์ สำนักงานบังคับคดีและวางทรัพย์ภูมิภาคที่ 6 ม. จึงเป็นผู้ชำระบัญชีโดยตำแหน่งราชการไม่ใช่เป็นการเฉพาะตัว เมื่อ ม. ย้ายไปรับราชการที่อื่นและ จ. ย้ายมาดำรงตำแหน่งเจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์สำนักงานบังคับคดีและวางทรัพย์ภูมิภาคที่ 6 แทน จ. ก็ย่อมเป็นผู้ชำระบัญชีในคดีนี้ต่อไปได้ การที่ศาลแต่งตั้ง จ. เป็นผู้ชำระบัญชีคนใหม่แทน ม. ผู้ชำระบัญชีคนเดิม จึงไม่เป็นการผิดวัตถุประสงค์เดิมของโจทก์และจำเลย ทั้งไม่เป็นการเปลี่ยนแปลงคำพิพากษาตามยอมของคู่ความ.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2893/2531 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การแต่งตั้งผู้จัดการมรดก: ทรัพย์สินยังไม่ขาดจากกองมรดก แม้ผู้คัดค้านอ้างเป็นเจ้าของ
คำร้องคัดค้านของผู้คัดค้านมิได้คัดค้านว่า ผู้ร้องมิใช่ทายาทหรือผู้มีส่วนได้เสียที่จะมีสิทธิยื่นคำร้องขอเป็นผู้จัดการมรดก หรือผู้ร้องเป็นบุคคลต้องห้ามที่จะเป็นผู้จัดการมรดก แต่อ้างเป็นทำนองว่า ไม่มีทรัพย์มรดกของผู้ตายที่จะต้องจัดการ เนื่องจากทรัพย์มรดกทั้งหมดคือที่ดิน 4 แปลงตามคำร้องเป็นของผู้คัดค้านแต่ปรากฏตามหนังสือรับรองการทำประโยชน์ว่าผู้ตายเป็นเจ้าของผู้ครอบครองและทำประโยชน์ในที่ดินทั้ง 4 แปลงนั้นทั้งผู้คัดค้านเคยฟ้องบุตรของผู้ตายรวมทั้งผู้ร้องให้โอนที่ดินดังกล่าวให้ผู้คัดค้าน แต่ศาลพิพากษายกฟ้อง และมิได้วินิจฉัยว่าที่ดินดังกล่าวเป็นของผู้คัดค้านดังที่ผู้คัดค้านอ้าง หลักฐานในคำร้องคัดค้านของผู้คัดค้านกลับแสดงให้เห็นในเบื้องต้นว่า มีทรัพย์มรดกของผู้ตายที่จะต้องจัดการอันเป็นเหตุที่จะต้องแต่งตั้งผู้จัดการมรดกดังที่ผู้ร้องยื่นคำร้องขอ ถือไม่ได้ว่าผู้ร้องใช้สิทธิโดยไม่สุจริต ข้อพิพาทที่ว่าผู้คัดค้านหรือเจ้ามรดกเป็นเจ้าของผู้ครอบครองและทำประโยชน์ในที่ดินดังกล่าว เป็นเรื่องที่ผู้คัดค้านต้องไปว่ากล่าวเป็นอีกเรื่องหนึ่งต่างหาก จะขอให้ศาลพิพากษาแสดงสิทธิในคดีขอตั้งผู้จัดการมรดกหาได้ไม่

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2609/2528

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การจ้างงานและการจ่ายค่าจ้าง แม้การแต่งตั้งไม่ถูกต้องตามกฎหมาย และกรณีหนี้จากการประกอบกิจการที่ไม่ชอบด้วยกฎหมาย
จำเลยทำหนังสือแต่งตั้งโจทก์ให้เป็นผู้รักษาการ กรรมการผู้จัดการของจำเลยถือได้ว่าจำเลยจ้างโจทก์เป็นลูกจ้างของจำเลยเมื่อจำเลยจ้างโจทก์เป็นลูกจ้างและโจทก์ ได้ทำงานตามหน้าที่ให้แก่จำเลยแล้ว จำเลยจึงมีหน้าที่จ่าย ค่าจ้างให้แก่โจทก์
จำเลยมิได้ยกเรื่องนิติกรรมอำพรางเป็นข้อต่อสู้ในคำให้การเพียงแต่กล่าวอ้างว่าการที่จำเลยยินยอมแต่งตั้งโจทก์เป็น ผู้รักษาการกรรมการผู้จัดการของจำเลยนั้น เพราะถูกโจทก์กับพวกหลอกลวงและจำเลยหลงเชื่อซึ่งไม่ใช่กรณีที่เกี่ยวกับนิติกรรมอำพรางอุทธรณ์ข้อนี้ของจำเลยจึงเป็นข้อที่มิได้ยกขึ้นว่ากันมาแล้วในศาลแรงงานกลาง
โจทก์จ่ายเงินทดรองเป็นค่าใช้จ่ายในกิจการของจำเลยซึ่งเป็นการประกอบกิจการที่ไม่ชอบด้วยกฎหมาย เงินทดรองจึงเป็นหนี้ ที่เกิดขึ้นโดยมีวัตถุประสงค์ขัดขวางต่อ ความสงบเรียบร้อยของประชาชนย่อมเป็นโมฆะการที่โจทก์จ่ายเงิน ไปโดยรู้อยู่แล้ว จึงไม่มีสิทธิเรียกร้องให้จำเลยชำระคืน

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3905/2526 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การประวิงคดีและการรับผิดชอบต่อการกระทำของทนายความที่จำเลยแต่งตั้ง
จำเลยขอเลื่อนการสืบพยานจำเลยมาแล้ว 4 ครั้ง จนศาลมีคำสั่งกำชับว่านัดหน้าจะไม่ยอมให้เลื่อนคดีอีกไม่ว่าด้วยกรณีใด ๆ ครั้นถึงวันนัดตามที่เลื่อนมาทนายจำเลยกลับยื่นคำร้องขอถอนตัวจากการเป็นทนายจำเลยและจำเลยก็ไม่มาศาลตามพฤติการณ์เห็นได้ว่าจำเลยมีเจตนาประวิงคดีให้ชักช้า ศาลชั้นต้นสั่งงดสืบพยานจำเลยโดยถือว่าจำเลยไม่มีพยานมาสืบชอบแล้ว
ในวันนัดสืบพยานจำเลย. จำเลยและทนายจำเลยมิได้มาศาล เพียงแต่ทนายจำเลยมอบฉันทะให้เสมียนทนายนำคำร้องขอถอนตัวจากการเป็นทนายจำเลยมายื่นโดยมิได้ยื่นคำร้องขอเลื่อนคดีแต่ประการใด แม้คำร้องของทนายจำเลยที่ขอถอนตัวนั้นเท่ากับขอเลื่อนคดีอยู่ในตัว. แต่ตราบใดที่ศาลยังมิได้สั่งอนุญาตให้ถอนตัว ทนายจำเลยก็ยังมีฐานะเป็นคู่ความอยู่ ศาลย่อมมีอำนาจที่จะพิเคราะห์สั่งเกี่ยวกับการพิจารณาคดีได้ว่าสมควรจะให้เลื่อนไปหรือไม่
เมื่อจำเลยแต่งตั้งทนายความให้ว่าต่างและดำเนินกระบวนพิจารณาแทนตน ก็จะต้องรับผิดชอบในการกระทำของทนายความที่ตนแต่งตั้ง จำเลยจะอ้างว่าการที่ทนายจำเลยขอถอนตัวมิใช่ความผิดของจำเลยและจำเลยไม่ทราบล่วงหน้า ชอบที่ศาลจะให้สืบพยานจำเลยต่อไป หาได้ไม่
of 5