คำพิพากษาที่อยู่ใน Tags
การให้การ

พบผลลัพธ์ทั้งหมด 70 รายการ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3906/2536

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การฟ้องคดีอาญาและแพ่งเกี่ยวเนื่องกัน การให้การของจำเลย และค่าขึ้นศาล
โจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยฐานบุกรุกและขอให้ขับไล่จำเลยพร้อมให้ใช้ค่าเสียหาย เป็นคดีอาญาและคดีแพ่งที่เกี่ยวเนื่องกับคดีอาญา จำเลยมีสิทธิยื่นคำให้การในวันนัดสืบพยานโจทก์ได้โดยไม่ต้องยื่นคำให้การแก้คดีภายใน 15 วัน นับแต่ได้รับหมายเรียกและสำเนาฟ้อง ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 177วรรคหนึ่ง เมื่อจำเลยให้การปฏิเสธในวันนัดสืบพยานโจทก์ ถือได้ว่าจำเลยได้ยื่นคำให้การในคดีส่วนแพ่งในวันนั้นด้วยแล้ว โจทก์ไม่มีสิทธิยื่นคำร้องขอให้ศาลมีคำสั่งแสดงว่าจำเลยขาดนัดยื่นคำให้การ คดีที่โจทก์ฟ้องขับไล่จำเลยและบริวารออกไปจากที่ดินของโจทก์ห้ามมิให้เข้ามาเกี่ยวข้องอีกต่อไป และให้จำเลยใช้ค่าเสียหายแก่โจทก์ 6,000 บาท กับค่าเสียหายปีละ 6,000 บาท ทุกปีไปจนกว่าจำเลยจะออกไปจากที่ดินของโจทก์ เป็นคดีที่มีคำขอให้ปลดเปลื้องทุกข์อันอาจคำนวณเป็นเงินได้จำนวน 6,000 บาท และไม่อาจคำนวณเป็นเงินได้รวมอยู่ด้วย ทั้งยังมีคำขอให้ชำระค่าเสียหายในอนาคตรวมอยู่อีกด้วย เมื่อโจทก์ฎีกาขอให้จำเลยและบริวารออกไปจากที่ดินของโจทก์ ห้ามมิให้เข้ามาเกี่ยวข้องและให้ใช้ค่าเสียหาย จึงต้องเสียค่าขึ้นศาลชั้นฎีกาตามข้อ (3) และข้อ (4) ของตารางท้ายประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งเป็นจำนวนทั้งสิ้น 300 บาท

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2777/2536

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การครอบครองปรปักษ์ที่ดินพิพาท การให้การที่อ้างกรรมสิทธิ์โดยการครอบครองปรปักษ์ไม่ถือว่าขัดแย้ง
ที่ดินของโจทก์จำเลยมีเขตติดต่อกัน ที่ดินของจำเลยเป็นที่ดินโฉนดแบบเก่า ทำการปูโฉนดสอบเขตไม่ได้ขณะจำเลยให้การ จำเลยจึงยังอาจไม่ทราบแน่ชัดว่าที่ดินพิพาทอยู่ในเขตที่ดินของโจทก์หรือของจำเลยดังนั้นการที่โจทก์ฟ้องขับไล่จำเลยออกจากที่ดินพิพาทและจำเลยให้การว่าคันคูดินอยู่ในเขตที่ดินของจำเลยหากที่ดินบริเวณคันคูดินอยู่ในเขตที่ดินของโจทก์ที่ดินบริเวณดังกล่าวก็ตกเป็นกรรมสิทธิ์ของจำเลยโดยการครอบครองปรปักษ์นั้น นับว่ามีเหตุผลที่จำเลยจะให้การเช่นนั้นได้ ยังถือไม่ได้ว่าคำให้การของจำเลยขัดกันไม่ชอบด้วย ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 177 วรรคสอง

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3393/2535 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ อายุความฟ้องเรียกเงินคืน: ลาภมิควรได้ vs. ติดตามทรัพย์คืน การให้การชัดเจนของจำเลยมีผลต่อการวินิจฉัยอายุความ
โจทก์ฟ้องเรียกเงินคืนจากจำเลย เนื่องจากโจทก์จ่ายเงินค่าสมนาคุณตอบแทนให้แก่จำเลยรับไปโดยหลงผิด จำเลยให้การว่าไม่ต้องคืนเงินแก่โจทก์ ฟ้องโจทก์ขาดอายุความเพราะโจทก์ฟ้องคดีเกิน1 ปี นับแต่วันที่โจทก์ทราบถึงการเบิกเงินของจำเลย ดังนี้ คำให้การของจำเลยเป็นคำให้การชัดแจ้งและแสดงเหตุแห่งการขาดอายุความชอบด้วย ป.วิ.พ. มาตรา 177 วรรคสองแล้ว ส่วนอายุความที่จำเลยยกขึ้นต่อสู้นั้น ต้องด้วยบทกฎหมายลักษณะใดเป็นหน้าที่ของศาลที่จะยกขึ้นวินิจฉัยเอง โจทก์ฟ้องอ้างว่า โจทก์จ่ายเงินค่าสมนาคุณตอบแทนให้แก่จำเลยรับไปโดยหลงผิด โจทก์มีหนังสือแจ้งให้จำเลยนำเงินที่รับไปส่งคืนแต่จำเลยเพิกเฉย ขอให้บังคับจำเลยคืนเงินให้โจทก์โดยมิได้บรรยายในฟ้องว่า โจทก์มีสิทธิติดตามเอาเงินคืนจากจำเลยได้อันเป็นการใช้สิทธิตาม ป.พ.พ. 1336 กรณีจึงเป็นเรื่องฟ้องให้คืนเงินฐานลาภมิควรได้ มิใช่เป็นการใช้สิทธิติดตามเอาทรัพย์คืน เมื่อโจทก์ทำหนังสือทวงถามจำเลยฉบับลงวันที่ 16 กุมภาพันธ์ 2530ถือว่าโจทก์ทราบว่ามีสิทธิเรียกเงินคืนตั้งแต่วันดังกล่าว โจทก์ฟ้องคดีนี้วันที่ 4 มีนาคม 2531 จึงขาดอายุความตาม ป.พ.พ.มาตรา 419.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3393/2535

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ อายุความฟ้องเรียกเงินคืนฐานลาภมิควรได้: การให้การไม่ชัดเจนและการระบุฐานฟ้อง
คำให้การของจำเลยที่ว่า ฟ้องโจทก์ขาดอายุความแล้วเพราะโจทก์นำคดีมาฟ้องเรียกค่าสมนาคุณตอบแทนคืนเมื่อเกิน 1 ปีนับแต่วันที่โจทก์ทราบถึงการเบิกเงินของจำเลยนั้น เป็นคำให้การที่ชัดแจ้งและแสดงเหตุแห่งการขาดอายุความ ชอบด้วยประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 177 วรรคสองแล้ว คำฟ้องโจทก์อ้างว่า โจทก์จ่ายเงินค่าสมนาคุณตอบแทนให้แก่จำเลยรับไปโดย ผิดหลง โจทก์มีหนังสือแจ้งให้จำเลยนำเงินที่รับไปส่งคืนแก่โจทก์ แต่จำเลยเพิกเฉย ขอให้บังคับจำเลยคืนเงินให้โจทก์โดยมิได้บรรยายมาในฟ้องว่า โจทก์มีสิทธิติดตามเอาเงินคืนจากจำเลยได้อันเป็นการใช้สิทธิตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาตรา 1336 กรณีจึงเป็นเรื่องฟ้องให้คืนเงินฐานลาภมิควรได้ซึ่งมีอายุความ 1 ปี นับแต่เวลาที่โจทก์รู้ว่าตนมีสิทธิเรียกร้องตามมาตรา 419

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1249/2535 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การยิงทำร้ายผู้เสียหายโดยบันดาลโทสะจากเหตุข่มเหงน้ำใจ และพิรุธในการให้การของจำเลย
วันเวลาเกิดเหตุจำเลยนอนเฝ้าห้างนาเพียงคนเดียว ผู้เสียหายซึ่งเป็นสามีได้ไปดื่มสุรากับเพื่อน เพิ่งไปหาจำเลยเมื่อเวลาประมาณเที่ยงคืน ทั้งยังได้บอกให้จำเลยไปหาข้าวมาให้รับประทานจำเลยต้องเดินไปเอาข้าวที่บ้านซึ่งอยู่ห่างห้างนาประมาณ 3 เส้นเมื่อเอามาให้แล้ว ผู้เสียหายไม่ยอมรับประทาน กลับบ่นว่าจำเลยและยังพูดถึงภรรยาน้อยอีกด้วย การกระทำของผู้เสียหายถือเป็นการข่มเหงน้ำใจอย่างร้ายแรง ด้วยเหตุอันไม่เป็นธรรม การที่จำเลยได้ใช้ปืนยิงผู้เสียหายในขณะนั้น จึงเป็นการกระทำโดยบันดาลโทสะ.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 7/2534 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การนำสืบพยานหลักฐานนอกเหนือจากที่ให้การ และการรับรองสัญญากู้เงิน
จำเลยได้กู้เงินจากโจทก์ไปจำนวน 32,000 บาท ตามเอกสารหมายจ.2 จำเลยก็เบิกความยอมรับว่าได้ทำสัญญากู้เงินเอกสารหมาย จ.2จริง จำนวน 32,000 บาท สัญญากู้ตามฟ้องจึงไม่เป็นเอกสารที่โจทก์กรอกข้อความเองโดยจำเลยมิได้ยินยอม มิใช่เอกสารปลอมดัง ที่จำเลยให้การ ส่วนที่จำเลยนำสืบว่า จำเลยกู้เงินโจทก์เพียง20,000 บาท และชำระหนี้ให้โจทก์แล้วเป็นการนำสืบในข้อเท็จจริงที่จำเลยมิได้ให้การไว้และมิใช่เป็นการนำพยานหลักฐานมาสืบเพื่อสนับสนุนคำให้การของจำเลยจึงเป็นพยานหลักฐานที่ไม่เกี่ยวถึงข้อเท็จจริงที่คู่ความฝ่ายหนึ่งฝ่ายใดจะต้องนำสืบ ต้องห้ามมิให้ศาลรับฟังตาม ป.วิ.พ. มาตรา 87.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 4760/2534

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ สัญญาค้ำประกันเป็นเรื่องเดียวกับสัญญากู้ยืม ฟ้องได้ที่ภูมิลำเนาจำเลย การให้การไม่ชัดเจนเป็นเหตุให้ศาลไม่ต้องกำหนดประเด็น
ตาม ป.พ.พ. มาตรา 680 สัญญาค้ำประกันจะมีได้เมื่อมีสัญญาหรือหนี้อื่นที่ลูกหนี้จะต้องชำระ แล้วคู่กรณีมาตกลงกันให้มีการป้องกันอีกชั้นหนึ่งว่า หากลูกหนี้ไม่ชำระหนี้ ผู้ค้ำประกันจะชำระแทน เพื่อที่เจ้าหนี้จะได้มีความมั่นใจว่าจะได้รับชำระหนี้อย่างแน่นอน ดังนั้นมูลความแห่งคดีของหนี้ตามสัญญากู้ยืมและสัญญาค้ำประกันจึงเป็นเรื่องเดียวกัน ไม่อาจแบ่งแยกจากกันได้ โจทก์จึงมีสิทธิฟ้องลูกหนี้และผู้ค้ำประกันเป็นจำเลยต่อศาลที่จำเลยคนหนึ่งคนใดมีภูมิลำเนาอยู่ในเขตศาลตาม ป.วิ.พ. มาตรา 5 วรรคสองได้ จำเลยให้การแต่เพียงว่า โจทก์จะเป็นหญิงมีสามีโดยชอบด้วยกฎหมายหรือไม่จำเลยไม่รับรอง ส. ผู้ให้ความยินยอมจะเป็นสามีโจทก์หรือไม่ จำเลยไม่รับรอง คำให้การของจำเลยจึงไม่ชัดแจ้ง ขัดต่อป.วิ.พ. มาตรา 177 วรรคสอง ที่ศาลชั้นต้นไม่กำหนดประเด็นนี้ให้จึงชอบแล้ว.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3784/2534

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ อายุความคดีซื้อขาย: จำเลยให้การขาดอายุความชัดเจน ถือเป็นประเด็นที่ศาลต้องวินิจฉัย
ประเด็นข้อกฎหมายนั้นคู่ความเพียงแต่ยกขึ้นอ้างเป็นที่เข้าใจในข้อหาใดเรื่องใดก็เป็นการเพียงพอแล้ว แต่ถ้าข้อเท็จจริงที่นำไปสู่ข้อกฎหมายนั้นยังไม่เพียงพอ ก็จำเป็นต้องอ้างข้อเท็จจริงอันเป็นเหตุแห่งการนั้นโดยชัดแจ้ง จึงจะเป็นประเด็นที่ฝ่ายตนจะมีสิทธินำสืบต่อไปได้ คดีนี้โจทก์ฟ้องจำเลยเรื่องผิดสัญญาซื้อขายข้อหาเดียว จำเลยให้การว่าฟ้องโจทก์ขาดอายุความแล้ว เป็นคำให้การชัดแจ้งว่าข้อเท็จจริงเรื่องการซื้อขายทั้งหมดขาดอายุความแล้วชอบด้วยประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 177 วรรคสอง ข้อเท็จจริงได้ความว่าโจทก์เป็นพ่อค้า จำเลยประกอบอาชีพรับจ้างเคาะ พ่นสี ปะ ผุรถยนต์และรถจักรยานยนต์ สินค้าที่จำเลยซื้อจากโจทก์เป็นเครื่องอะไหล่ทั้งนั้น แม้จะนำมาใช้เปลี่ยนชิ้นส่วนของรถหรือขายก็ไม่ถือว่าเป็นการที่ได้ทำเพื่ออุตสาหกรรมของฝ่ายลูกหนี้ตามความหมายในประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 165(1)สิทธิเรียกร้องจึงมีกำหนดอายุความสองปี.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 267/2534

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การยกประเด็นใหม่ในชั้นฎีกาที่ต่างจากที่ให้การไว้ในชั้นต้นและอุทธรณ์ ศาลฎีกาไม่รับวินิจฉัย
ฎีกาของจำเลยทั้งสามในประเด็นที่ว่าคดีขาดอายุความแล้วปรากฏว่าในการชี้สองสถาน ศาลมิได้กำหนดเรื่องอายุความเป็นประเด็นข้อพิพาทไว้ และไม่ปรากฏว่าจำเลยโต้แย้งคำสั่งในการกำหนดประเด็นข้อพิพาท จึงไม่มีประเด็นที่จะวินิจฉัย ศาลฎีกาไม่วินิจฉัยให้ จำเลยทั้งสามให้การว่า โจทก์มิได้มอบอำนาจให้ อ. ฟ้องคดีแต่ยกขึ้นเป็นประเด็นในชั้นฎีกาว่าหนังสือมอบอำนาจไม่ชอบด้วยกฎหมายเพราะผู้รับมอบอำนาจมิได้ลงลายมือชื่อในฐานะผู้รับมอบอำนาจเหตุที่จำเลยทั้งสามยกขึ้นฎีกาจึงเป็นคนละเรื่องกับที่จำเลยทั้งสามให้การสู้คดีไว้ ศาลฎีกาไม่วินิจฉัยให้.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2390/2532 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การให้การของผู้ต้องหาที่เป็นการหมิ่นประมาท ไม่ได้รับความคุ้มครองตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา
ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 134 ให้สิทธิผู้ต้องหาที่จะให้การอย่างใด หรือไม่ให้การเลยก็ได้ แต่ถ้าคำให้การนั้นเป็นการหมิ่นประมาทผู้อื่น บทมาตรานี้ก็หาได้คุ้มครองการกระทำนั้นไม่
of 7