พบผลลัพธ์ทั้งหมด 77 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2357/2522
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การจับกุมและการแจ้งข้อหาที่ถูกต้องตามกฎหมาย โดยไม่จำเป็นต้องใช้กำลังหรือเครื่องพันธนาการหากผู้ต้องหายอมไป
ตำรวจจับผู้กระทำความผิดตาม ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 83 ผู้ถูกจับยอม ไปกับตำรวจ ก็ไม่จำเป็นต้องจับตัวไปและไม่ต้องใช้เครื่องพันธนาการ เพียงแต่แจ้งข้อหาและบอกให้ไปสถานีตำรวจก็เป็นการจับแล้ว บันทึกการจับจะทำตรงที่จับหรือทำที่ใดก็ได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 333/2521
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ความผิดฐานกระทำอนาจารโดยใช้กำลัง: ศาลตัดสินว่าการอุ้มกอดเพื่ออนาจารเป็นกรรมเดียว ไม่ต้องปรับบทลงโทษซ้ำ
อุ้มกอดพาหญิงไปเพื่ออนาจารเป็นกรรมเดียวผิดประมวลกฎหมายอาญามาตรา284อันเป็นบทเฉพาะไม่ต้องยกมาตรา 278ขึ้นปรับบทลงโทษอีก
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2098/2518 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การคุ้มครองประกันภัยโจรกรรมที่เกิดจากการบุกรุกโดยใช้กำลังและวิธีการรุนแรง
ผู้เอาประกันได้ปิดร้านที่เก็บทรัพย์สินที่เอาประกันไว้ มีประตูเหล็กปิดกั้นใส่กุญแจแล้วเอาโซ่ล่ามใส่กุญแจอีกชั้นหนึ่ง คนร้ายได้เปิดประตูเหล็กเข้าไปลักทรัพย์ดังกล่าวในร้านโดยโซ่และกุญแจหายไปด้วย ดังนี้ถือได้ว่าคนร้ายเข้าไปโดยใช้กำลังและวิธีการรุนแรงตามกรมธรรม์ประกันภัยซึ่งระบุให้ความคุ้มครองทรัพย์สินของผู้เอาประกันภัยในกรณีที่คนร้ายบุกรุกเข้าไปลักทรัพย์สถานที่โดยใช้กำลังและวิธีการรุนแรงแล้ว ผู้รับประกันภัยจึงต้องรับผิดตามกรมธรรม์ดังกล่าว
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2098/2518
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การคุ้มครองประกันภัยโจรกรรม: การใช้กำลังและความรุนแรงในการบุกรุก
ผู้เอาประกันภัยได้ปิดร้านค้าที่เก็บทรัพย์สินที่เอาประกันภัยไว้ มีประตูเหล็กปิดกั้นใส่กุญแจแล้วเอาโซ่ล่ามใส่กุญแจอีกชั้นหนึ่ง คนร้ายได้เปิดประตูเหล็กเข้าไปลักทรัพย์ดังกล่าวในร้านโดยโซ่และกุญแจหายไปด้วย ดังนี้ถือได้ว่าคนร้ายเข้าไปโดยใช้กำลังและวิธีการรุนแรงตามกรมธรรม์ประกันภัย ซึ่งระบุให้ความคุ้มครองทรัพย์สินของผู้เอาประกันภัยในกรณีที่คนร้ายบุกรุกเข้าไปลักทรัพย์ในสถานที่โดยใช้กำลังและวิธีการรุนแรงแล้ว ผู้รับประกันภัยจึงต้องรับผิดตามกรมธรรม์ดังกล่าว
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 131/2515 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การสมคบร่วมกันใช้กำลังทำร้ายผู้อื่น: จำเลยต้องรับผิดเมื่อรู้เห็นการกระทำของพวกหรือไม่
จำเลยพาพวกหลายคนไปรับบุตรสาวผู้เสียหายซึ่งเป็นคู่รักของจำเลย ระหว่างพาหนีผู้เสียหายตามไปขัดขวาง พวกของจำเลยใช้ปืนยิงเอาได้รับบาดเจ็บ จำเลยมิได้รู้เห็นในการกระทำของพวกของจำเลย จะถือว่าจำเลยมีเจตนาสมคบกับพวกใช้อาวุธปืนยิ่งผู้เสียยังไม่ได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1153/2515
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ปล้นทรัพย์โดยข่มขู่ใช้กำลังและความผิดตามประกาศคณะปฏิวัติฉบับที่ 11
ผู้เสียหายซื้อเนื้อกระบือไว้จากจำเลยคนหนึ่ง ต่อมา จำเลยทั้งสองกับพวกได้สมคบกันไปแกล้งกล่าวหาว่าผู้เสียหายได้ซื้อเนื้อกระบือของพรรคพวกจำเลยซึ่งถูกคนร้ายลักมาฆ่า และได้ร่วมกันขู่เข็ญบังคับให้ผู้เสียหายใช้เงินให้โดยอ้างว่าเป็นค่าเสียหาย โดยจำเลยที่ 1 ใช้กำลังเข้าชกต่อยผู้เสียหาย และยิงปืนขู่ให้ผู้เสียหายเกรงกลัวจนผู้เสียหายยอมส่งเงินให้ ดังนี้ จำเลยทั้งสองมีความผิดฐานปล้นทรัพย์
เมื่อคดีอยู่ระหว่างพิจารณาของศาลฎีกา ได้มีประกาศของคณะปฏิวัติ ฉบับที่ 11 ออกใช้บังคับข้อ 14 ของประกาศดังกล่าวได้แก้โทษตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 340 วรรค 4 ให้เบาลง เป็นกฎหมายที่ใช้ในภายหลังการกระทำผิด อันเป็นคุณแก่จำเลยตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 3 ศาลฎีกาต้องนำประกาศของคณะปฏิวัติมาปรับบท
เมื่อคดีอยู่ระหว่างพิจารณาของศาลฎีกา ได้มีประกาศของคณะปฏิวัติ ฉบับที่ 11 ออกใช้บังคับข้อ 14 ของประกาศดังกล่าวได้แก้โทษตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 340 วรรค 4 ให้เบาลง เป็นกฎหมายที่ใช้ในภายหลังการกระทำผิด อันเป็นคุณแก่จำเลยตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 3 ศาลฎีกาต้องนำประกาศของคณะปฏิวัติมาปรับบท
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 434/2514 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การป้องกันตนเกินสมควรแก่เหตุ กรณีถูกทำร้ายก่อน และใช้กำลังเกินความจำเป็น
จำเลยเพียงไปต่อว่าผู้ตายด้วยเรื่องที่ผู้ตายกระทำลวนลามภริยาของจำเลย ผู้ตายกลับใช้มือค้ำคอและบีบคอจำเลยล้มลงจำเลยจึงหยิบมีดโต้ฟันส่ง ๆ ไปหลายทีถูกผู้ตายเกิดบาดแผล 9 แผลถึงแก่ความตายในเวลาต่อมา ดังนี้ การกระทำของจำเลยเป็นการกระทำป้องกันเกินสมควรแก่เหตุ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1479/2513 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การป้องกันตัวโดยชอบด้วยกฎหมาย: กรณีผู้ถูกทำร้ายก่อนมีสิทธิใช้กำลังป้องกันตนเองได้
ผู้ตายมีปืนและมีดปลายแหลมเป็นอาวุธไปแอบคอยดักทำร้ายจำเลย พอจำเลยมาถึงผู้ตายใช้ปืนยิงจำเลยถูกเฉียดศีรษะมีบาดแผล จำเลยจึงใช้พร้าฟันผู้ตาย ผู้ตายชักมีดแทงจำเลยแล้วเข้ากอดปล้ำแย่งมีดกัน แล้วจำเลยได้ใช้มีดพร้าฟันผู้ตายไปหลายที เช่นนี้ เป็นกรณีที่ผู้ตายเป็นฝ่ายก่อเหตุขึ้นก่อน โดยใช้ปืนยิงจำเลย จำเลยจึงใช้พร้าฟัน แม้ผู้ตายจะล้มลงไปก็จริง กรณีที่กำลังพัวพันกันอยู่เช่นนั้น จำเลยอาจเกรงว่าผู้ตายจะใช้ปืนหรือใช้มีดแทงอีกก็เป็นได้ จึงจำเป็นต้องใช้พร้าฟันไปอีกหลายที ดังนี้ การกระทำของจำเลยจึงเป็นการกระทำเพื่อป้องกันสิทธิของตนให้พ้นอันตรายซึ่งเกิดจากการประทุษร้ายอันละเมิดต่อกฎหมายที่ใกล้จะถึง การกระทำของจำเลยพอสมควรแก่เหตุ เป็นการป้องกันโดยชอบด้วยกฎหมาย จำเลยไม่มีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 68
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1036/2513 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การป้องกันตัวเกินสมควรแก่เหตุจากการถูกทำร้ายด้วยอาวุธปืนและการใช้กำลังตอบโต้
ผู้ตายกับพวกลักโคของนายแดงพ่อตาจำเลย แล้วพาไปในเวลากลางคืน พอติดตามทันผู้ตายได้ใช้ปืนยิงจำเลยก่อน 1 นัด กระสุนปืนไม่ถูกจำเลย ดังนี้ การที่จำเลยได้ใช้มีดพร้าบ้องฟันผู้ตายในเวลาเดียวซ้ำถึง 4 ปี เป็นบาดแผลถึง 5 แห่ง บาดแผลบางแห่งถูกอวัยวะสำคัญ ทำให้ผู้ตายถึงแก่ความตายทันที จึงเป็นการกระทำเพื่อป้องกันเกิดสมควรแก่เหตุ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 99/2512
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การจับกุมและการป้องกันตัว: อำนาจการค้นและการใช้กำลังเกินขอบเขต
ร้อยตำรวจตรี มีตำแหน่งเป็นผู้บังคับหมวดสถานีตำรวจภูธรอำเภอแห่งท้องที่นั้น แต่มิได้รักษาการณ์แทนผู้บังคับกอง.จึงไม่มีฐานะเป็นนายตำรวจชั้นผู้ใหญ่. ไม่มีอำนาจออกหมายค้นได้. จึงไม่อาจค้น. หรือสั่งให้จำเลยค้นได้โดยลำพังตนเอง. การที่จำเลยขึ้นและเข้าไปจับกุมผู้กระทำผิดบนบ้านเรือนที่ในห้องนอนของผู้กระทำผิด. แม้จะมีหมายจับแต่ไม่มีหมายค้นนั้น. เป็นการไม่ชอบด้วยประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 81,92. เป็นการกระทำโดยไม่มีอำนาจย่อมไม่อาจอ้างได้ว่าเป็นการกระทำโดยชอบด้วยกฎหมาย. อันจะทำให้เกิดสิทธิป้องกันตัวได้ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 68.