คำพิพากษาที่อยู่ใน Tags
กำลังประทุษร้าย

พบผลลัพธ์ทั้งหมด 70 รายการ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3708/2537

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ชิงทรัพย์บนรถโดยสาร: การใช้กำลังประทุษร้ายเพื่อลักทรัพย์ ถือเป็นความผิดฐานชิงทรัพย์ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 339 วรรคสอง
ขณะที่ผู้เสียหายขึ้นรถโดยสารประจำทางก็ถูกจำเลยซึ่งเข้ามาทางด้านหลังกระแทกตรงหัวไหล่และจำเลยได้ล้วงเอากระเป๋าสตางค์ของผู้เสียหาย ซึ่งมีเงินบรรจุอยู่ แล้วหลบหนีไป ดังนี้ เป็นการที่จำเลยใช้กำลังประทุษร้ายผู้เสียหายเพื่อสะดวกแก่การลักทรัพย์ของผู้เสียหายบนยวดยานสาธารณะซึ่งประชาชนใช้โดยสารจำเลยจึงมีความผิดฐานชิงทรัพย์ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา339 วรรคสอง

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2547/2537 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ปล้นทรัพย์โดยขู่เข็ญด้วยกำลังประทุษร้าย: การกระทำที่เข้าข่ายความผิดฐานปล้นทรัพย์
จำเลยกับพวกประมาณ 6 - 7 คน นั่งเรือแล่นมาเทียบเรือผู้เสียหาย ซึ่งมีผู้เสียหายกับ น. นั่งอยู่แล้วพวกจำเลยคนหนึ่งคว้าโคมไฟเรือของผู้เสียหายทิ้งลงน้ำ ผู้เสียหายตกใจกระโดดหนีลงน้ำ แล้วคนร้ายอีกคนหนึ่งชักมีด-ปลายแหลมออกมาและพูดว่า อย่าหนีนะ หนีแล้วตาย น.จึงกระโดดลงน้ำหนีไปด้วยจากนั้นจำเลยกับพวกใช้เรือลากจูงเรือผู้เสียหายไป ดังนี้ ถือได้ว่าจำเลยกับพวกได้ร่วมกันลักทรัพย์ โดยขู่เข็ญว่าจะใช้กำลังประทุษร้าย เป็นความผิดฐานปล้น-ทรัพย์ ตาม ป.อ. มาตรา 340 วรรคสอง, 340 ตรี แล้ว

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3501/2536

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ บุกรุกทำอนาจารโดยใช้กำลังประทุษร้ายในเวลากลางคืน ถือเป็นความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา
จำเลยบุกรุกเข้าไปจับแขน ขา หน้าอก และกอดจูบผู้เสียหายซึ่งนอนอยู่ในมุ้งภายในบ้าน ถือได้ว่าเป็นการใช้กำลังประทุษร้ายแล้วการกระทำของจำเลยดังกล่าวจึงเป็นความผิดฐานบุกรุกเข้าไปกระทำอนาจารผู้เสียหายโดยใช้กำลังประทุษร้ายตาม ประมวลกฎหมายอาญามาตรา 279 วรรคสอง,364,365 เป็นกรรมเดียวผิดต่อกฎหมายหลายบทลงโทษตามมาตรา 279 วรรคสอง ซึ่งเป็นบทที่มีโทษหนักที่สุดตามมาตรา 90

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2909/2536

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การบุกรุกและกระทำอนาจารโดยใช้กำลังประทุษร้าย ถือเป็นความผิดทางอาญา
จำเลยบุกรุกขึ้นไปบนบ้านของผู้เสียหายและกระทำอนาจารแก่ผู้เสียหาย โดยจำเลยใช้มือถลกผ้าถุงของผู้เสียหายขึ้นไปถึงสะโพกโดยผู้เสียหายมิได้ยินยอม ถือว่าเป็นการใช้กำลังประทุษร้ายต่อผู้เสียหาย

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1844/2536

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การข่มขืนใจเรียกทรัพย์สินด้วยกำลังประทุษร้ายเป็นการกรรโชกทรัพย์ ไม่ใช่ชิงทรัพย์
จำเลยกับพวกมีปากกาติดตัวเป็นอาวุธ ร่วมกันข่มขืนใจผู้เสียหายโดยทำร้ายร่างกายผู้เสียหายจนผู้เสียหายยอมให้เงินแก่จำเลยกับพวกจำนวน 20 บาท การกระทำดังกล่าวเป็นการข่มขืนใจผู้อื่นให้ยอมให้หรือยอมจะให้จำเลยได้รับประโยชน์เป็นทรัพย์สินโดยใช้กำลังประทุษร้ายจนผู้ถูกข่มขืนใจยอมเช่นว่านั้น จึงเป็นความผิดฐานกรรโชกทรัพย์ไม่ใช่ความผิดฐานชิงทรัพย์

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1620/2536

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การกระทำอนาจารโดยใช้กำลังประทุษร้าย แม้ผู้เสียหายต่อสู้แต่จำเลยสามารถกระทำสำเร็จ ถือเป็นความผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 278
จำเลยถอดกางเกงนอกและกางเกงในผู้เสียหายแล้วจับอวัยวะเพศของผู้เสียหาย โดยผู้เสียหายพยายามต่อสู้ เป็นการใช้แรงกายกระทำต่อผู้เสียหายถือได้ว่าจำเลยกระทำอนาจารแก่ผู้เสียหายโดยใช้กำลังประทุษร้าย

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1570/2535 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ชิงทรัพย์โดยใช้กำลังประทุษร้ายเป็นเหตุให้ผู้เสียหายได้รับอันตรายแก่กาย การกระทำต่อเนื่องแสดงเจตนาชิงทรัพย์
จำเลยทำร้ายและค้นเอาทรัพย์ของผู้เสียหายโดยได้กระทำต่อเนื่องกันทั้งหลังจากได้ทรัพย์แล้วยังมีการข่มขู่ผู้เสียหายอีกย่อมเห็นได้ว่าจำเลยมีเจตนากระทำการทั้งหมดเป็นอันเดียวกันมาแต่ต้นหาใช่เจตนาเพียงทำร้ายร่างกายผู้เสียหายแต่แรกแล้วเกิดเจตนาลักทรัพย์ของผู้เสียหายขึ้นภายหลังจากที่ได้ทำร้ายผู้เสียหายไปแล้วไม่ ดังนั้น การกระทำของจำเลยจึงเป็นการใช้กำลังประทุษร้ายผู้เสียหายเพื่อความสะดวกในการลักทรัพย์ มีความผิดฐานชิงทรัพย์เป็นเหตุให้ผู้เสียหายรับอันตรายแก่กาย ตาม ป.อ. มาตรา 339 วรรคสาม ฎีกาของจำเลยกล่าวอ้างข้อเท็จจริงซึ่งไม่มีปรากฏในคำพิพากษาของศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์ เพื่อจะให้ศาลฎีกาวินิจฉัยในข้อกฎหมายเกี่ยวกับอำนาจฟ้องว่า ผู้เสียหายไม่มีอำนาจร้องทุกข์ จึงเป็นข้อกฎหมายที่ไร้สาระเพราะเมื่อไม่มีข้อเท็จจริงตามที่จำเลยกล่าวอ้างย่อมไม่เกิดข้อกฎหมายอันจะเป็นสาระแก่คดีขึ้นได้ ศาลฎีกาจึงไม่รับวินิจฉัย.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1213/2534

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ข่มขืนกระทำชำเราผู้เยาว์โดยใช้กำลังประทุษร้าย แม้ผู้เสียหายหมดสติก็มี罪
ผู้เสียหายซึ่งเป็นหญิงอายุยังไม่เกิน 18 ปี เข้าไปนั่งรวมอยู่ในกลุ่มจำเลยเพราะถูกชายในกลุ่มจำเลยหลอก ผู้เสียหายไม่ได้มีความสมัครใจที่จะเข้าไปนั่งรวมกลุ่มและไม่สมัครใจที่จะไปกับพวกของจำเลยเมื่อผู้เสียหายเดินกลับบ้าน พวกจำเลยเอายาสลบโปะ จมูกจนหมดสติไปผู้เสียหายรู้สึกตัวอีกครั้งพบว่านอนอยู่บนเตียง เสื้อผ้าถูกถอดออกหมด รู้สึกเจ็บที่อวัยวะเพศ มีน้ำไหลออกมาจากอวัยวะเพศเลอะ ตามช่วงขาจำเลยกับพวกอยู่ในห้องด้วย จำเลยนั่งอยู่ปลายเตียง ขณะนั้นทุกคนรวมทั้งจำเลยไม่สวมเสื้อ สวมแต่กางเกงในตัวเดียว ตามพฤติการณ์ดังกล่าวฟังได้ว่าผู้เสียหายได้ถูกข่มขืนกระทำชำเราโดยชายในกลุ่มนั้นซึ่งมีจำเลยรวมอยู่ด้วยแล้ว จำเลยจึงมีความผิดฐานร่วมกันกับพวกฉุดคร่าพรากผู้เสียหายซึ่งเป็นผู้เยาว์อายุยังไม่เกิน 18 ปี ไปเสียจากบิดามารดาเพื่อการอนาจารโดยผู้เสียหายไม่เต็มใจไปด้วย ฐานหน่วงเหนี่ยวกักขังและข่มขืนกระทำชำเราซึ่งเป็นความผิดหลายกรรมต่างกัน อย่างไรก็ดีผู้เสียหายไม่อาจยืนยันได้ว่ามีใครในพวกจำเลยบ้างจำนวนกี่คนที่ได้ข่มขืนกระทำชำเราผู้เสียหาย เพราะขณะนั้นผู้เสียหายหมดสติไป จึงยังไม่พอให้ฟังว่าพวกของจำเลยอย่างน้อยตั้งแต่ 2 คนขึ้นไปได้ข่มขืนกระทำชำเราผู้เสียหายแล้ว อันจะถือว่าเป็นการข่มขืนกระทำชำเราอันมีลักษณะเป็นการโทรมหญิงได้ จำเลยจึงยังไม่มีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 276 วรรคสอง.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 96/2532

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การบรรยายฟ้องความผิดฐานปล้นทรัพย์โดยใช้กำลังประทุษร้ายและอาวุธปืน
โจทก์บรรยายฟ้องแต่เพียงว่าจำเลยกับพวกร่วมกันใช้ กำลังประทุษร้ายโดย ใช้ มือรัดคอผู้เสียหายแล้วใช้ อาวุธปืนขู่เข็ญจ่อจี้ บังคับผู้เสียหายว่าในทันใดนั้นจะใช้ อาวุธปืนยิงประทุษร้ายผู้เสียหาย โดย มิได้บรรยายว่าในการปล้นทรัพย์ได้กระทำโดย ใช้ ปืนยิง ดังนั้นแม้ทางพิจารณาจะได้ความว่าในการปล้นทรัพย์นั้นพวกจำเลยได้ ใช้ อาวุธปืนยิงผู้เสียหายด้วย จำเลยก็คงมีความผิดตาม ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 340 วรรคสอง เท่านั้น.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2674/2532 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การกระทำความผิดฐานชิงทรัพย์: การลักทรัพย์สำเร็จแล้วตามด้วยการใช้กำลังทำร้ายผู้จับกุมถือเป็นความผิดต่อเนื่อง
จำเลยลักทรัพย์สำเร็จแล้ว ขณะหลบหนี ญ. ผู้ดูแลรักษาทรัพย์นั้นได้วิ่งไล่จับจำเลย จำเลยสะบัดหลุดแล้วใช้มีดแทง ญ. ถือได้ว่าเป็นการกระทำที่ต่อเนื่องกันยังไม่ขาดตอนจากการกระทำความผิดฐานลักทรัพย์ การที่จำเลยใช้มีดแทง ญ. เป็นการใช้กำลังประทุษร้ายเพื่อให้พ้นจากการจับกุม การกระทำของจำเลยจึงเป็นความผิดฐานชิงทรัพย์.
of 7