คำพิพากษาที่อยู่ใน Tags
ขยายอายุความ

พบผลลัพธ์ทั้งหมด 28 รายการ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 276/2504 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ อายุความฎีกา: การอ่านคำพิพากษาศาลอุทธรณ์โดยชอบด้วยกฎหมาย แม้จำเลยไม่ทราบ ย่อมไม่เป็นการขยายอายุความฎีกา
ออกหมายจับจำเลยเพื่อให้มาฟังคำพิพากษาศาลอุทธรณ์เกินเดือนแล้วไม่ได้ตัวจำเลยมา ศาลจึงอ่านคำพิพากษานั้นให้โจทก์ฟัง ถือว่าได้อ่านคำพิพากษาโดยชอบด้วยกฎหมายแล้ว เมื่อไม่ปรากฎว่าได้มีการขอขยายเวลาก่อนสิ้นอายุฎีกาหรือมีเหตุสุดวิสัยและจำเลยยื่นฎีกาเกิน 1 เดือน นับแต่วันศาลอ่านดังกล่าว ฎีกาของจำเลยย่อมขาดอายุฎีกา แม้ว่าศาลจะได้อ่านคำพิพากษานั้นให้จำเลยฟังอีกเมื่อได้ตัวจำเลยมาแล้วหลังจากวันอ่านดังกล่าวข้างต้น 5 เดือนเศษ ก็เป็นแต่เพียงให้จำเลยได้ทราบคำพิพากษาตามที่จำเลยต้องการเท่านั้น หามีผลทำให้ยึดอายุฎีกาไม่
ประชุมใหญ่ ครั้ง 29/2503

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 30/2481

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ อายุความฟ้องเรียกทรัพย์มรดก, คำรับรองด้วยวาจาไม่มีผลผูกพัน, การขยายอายุความเฉพาะผู้แทน
ฟ้องเรียกทรัพย์มฤดกเมื่อเกิน 1 ปีนับแต่เจ้ามฤดกตาย ย่อมขาดอายุความ,พูดรับรองจะแบ่งมฤดกให้ด้วยวาจามิได้ทำเป็นหนังสือ ย่อมไม่มีผลในกฎหมายแต่ประการใดเลย,การขยายอายุความตามประมวลแพ่ง ฯ ม.184 จะใช้ได้แต่ฉะเพาะในกรณีที่ผู้เยาว์หรืผู้วิกลจริตจะว่ากล่าวเป็นคดีแก่ผู้แทนโดยชอบธรรมของตนเองเท่านั้น

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 968/2477

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ อายุความสิทธิเรียกร้องจากสัญญาแบ่งมฤดกและการขยายอายุความแก่ผู้เยาว์
สัญญาแบ่งมฤดกซึ่งตกลงให้ผู้รับมฤดกคน 1 รักษาทรัพย์ไว้ให้แก่เด็กซึ่งเป็นผู้รับมฤดกอีกคน 1 จนกว่าจะบรรลุนิติภาวะหรือมีสามีนั้น อายุความเริ่มนับแต่ขณะเด็กบรรลุนิติภาวะหรือมีสามี อายุความเรื่องรักษาทรัพย์ไว้ให้เด็กนั้นมีกำหนด 10 ปี การขยายกำหนดอายุความให้แก่ผู้เยาว์หรือผู้วิกลจริตนั้นตาม ม.183 ขยายอายุความเรียกร้องเอาแก่คนอื่น และ ม.184 ขยายการเรียกร้องเอาแก่ผู้แทนโดยชอบธรรม การขยายกำหนดอายุความให้แก่ผู้เยาว์หรือผู้วิกลจริตนั้นจะมิได้ต่อเมื่ออายุความครบกำหนดแล้ว วิธีพิจารณาความแพ่ง การแปลสัญญาค้ำประกัน

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 9955/2558

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ อายุความคดีทุจริต: การตีความบทบัญญัติขยายอายุความโดยเคร่งครัด และผลกระทบต่อคดีที่เกิดขึ้นก่อนมีผลบังคับใช้
ขณะเกิดเหตุ พ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต (ฉบับที่ 2) พ.ศ.2554 ที่ให้เพิ่มความตามมาตรา 98 แห่ง พ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ.2542 ซึ่งให้นำมาตรา 74/1 มาใช้บังคับโดยอนุโลมยังไม่มีผลใช้บังคับ เมื่อมาตรา 98 ประกอบมาตรา 74/1 เป็นบทบัญญัติที่มิให้นับระยะเวลาที่ผู้ถูกกล่าวหาหลบหนีรวมเป็นส่วนหนึ่งของอายุความด้วย ประกอบกับ พ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต (ฉบับที่ 2) พ.ศ.2554 มิได้มีบทเฉพาะกาลให้นำมาตรา 98 ประกอบมาตรา 74/1 มาใช้บังคับแก่คดีที่เกิดขึ้นก่อน พ.ร.บ.ดังกล่าวมีผลใช้บังคับ การตีความกฎหมายจึงต้องตีความโดยเคร่งครัด จะขยายความไปถึงคดีที่เกิดขึ้นก่อนวันที่ พ.ร.บ.ดังกล่าวใช้บังคับโดยที่ไม่มีกฎหมายบัญญัติไว้โดยแจ้งชัดอันจะเป็นผลร้ายแก่จำเลยหาได้ไม่ เพราะจะขัดต่อความรับผิดของบุคคลในการรับโทษทางอาญา ตาม ป.อ. มาตรา 2 วรรคหนึ่ง กรณีจึงนำมาตรา 98 ประกอบมาตรา 74/1 มาใช้ย้อนหลังเป็นผลร้ายแก่จำเลยมิได้ อายุความการฟ้องคดีอาญาแก่จำเลยที่คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติไต่สวนแล้วมีมติแจ้งข้อกล่าวหาแก่จำเลย จึงต้องพิจารณาตามความใน ป.อ. มาตรา 95 เมื่อความผิดตาม ป.อ. มาตรา 148 ประกอบมาตรา 83 และ 86 ที่โจทก์ฟ้องมีอายุความยี่สิบปีนับแต่วันกระทำความผิดตาม ป.อ. มาตรา 95 (1) การที่โจทก์ฟ้องและได้ตัวจำเลยมาดำเนินคดีนี้เมื่อวันที่ 12 พฤศจิกายน 2556 เกินกว่ายี่สิบปีนับแต่วันกระทำความผิดแล้ว คดีโจทก์จึงขาดอายุความ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2678/2558

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ อายุความฟ้องคดีแพ่ง: การฟ้องผิดตัวบุคคลและการขยายอายุความตามมาตรา 193/17 วรรคสอง
เจ้าหนี้มีสิทธิฟ้องคดีเพื่อให้ลูกหนี้ชำระหนี้ภายในหกสิบวันนับแต่วันที่คำสั่งศาลเป็นที่สุดตาม ป.พ.พ. มาตรา 193/17 วรรคสอง ต้องเป็นคดีที่เจ้าหนี้ฟ้องลูกหนี้ต่อศาลที่ไม่มีเขตอำนาจพิจารณา และไม่รวมถึงการฟ้องบุคคลที่ไม่ใช่ลูกหนี้อันเป็นการฟ้องผิดตัวด้วย เพราะมีผลเป็นการเปลี่ยนตัวลูกหนี้ที่ถูกฟ้องเป็นจำเลย

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 11161/2558 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ อายุความฟ้องละเมิด: ผลของการไม่รับฟ้องแย้งและการขยายอายุความตาม ป.พ.พ. มาตรา 193/17
โจทก์บรรยายฟ้องว่า จำเลยกระทำละเมิดในช่วงระหว่างต้นปี 2552 ถึงเดือนกรกฎาคม 2553 แสดงว่าโจทก์รู้ถึงการละเมิดและรู้ตัวผู้จะพึงต้องใช้ค่าสินไหมทดแทนนับแต่วันทำละเมิด โจทก์จึงต้องฟ้องคดีอย่างช้าภายในวันที่ 31 กรกฎาคม 2554 โจทก์ฟ้องคดีเพื่อตั้งหลักฐานสิทธิเรียกร้องโดยการฟ้องแย้งในคดีแพ่งของศาลชั้นต้น เมื่อวันที่ 19 กรกฎาคม 2553 ภายในกำหนดอายุความ ศาลชั้นต้นในคดีดังกล่าวรับฟ้องแย้งของโจทก์ แต่ต่อมาวันที่ 23 มิถุนายน 2554 ศาลชั้นต้นเพิกถอนคำสั่งเดิมและสั่งไม่รับฟ้องแย้งโดยเห็นว่าฟ้องแย้งนั้นเป็นเรื่องอื่นที่ไม่เกี่ยวกับฟ้องเดิม จึงเป็นกรณีตาม ป.วิ.พ. มาตรา 177 วรรคสาม แม้ศาลชั้นต้นในคดีดังกล่าว จะสั่งไม่รับฟ้องแย้งโดยมิได้สั่งให้จำเลย (โจทก์ในคดีนี้) ฟ้องเป็นคดีต่างหาก แต่บทบัญญัติแห่งกฎหมายดังกล่าวมีผลเป็นการให้สิทธิแก่จำเลย (โจทก์ในคดีนี้) ที่จะฟ้องเป็นคดีต่างหากแล้ว
ป.พ.พ. มาตรา 193/17 วรรคสอง มิได้หมายความถึงกรณีที่ศาลไม่รับหรือคืนหรือให้ยกคำฟ้องเพราะเหตุคดีไม่อยู่ในอำนาจศาลเท่านั้น แต่หากยังหมายถึงกรณีที่ศาลให้ยกคำฟ้องโดยไม่ตัดสิทธิโจทก์ที่จะฟ้องใหม่ด้วย ซึ่งฟ้องแย้งถือเป็นคำฟ้องอย่างหนึ่งตาม ป.วิ.พ. มาตรา 1 (3) การที่ศาลชั้นต้นในคดีแพ่ง มีคำสั่งไม่รับฟ้องแย้งของจำเลย (โจทก์ในคดีนี้) มีผลตาม ป.วิ.พ. มาตรา 177 วรรคสาม คือ เป็นการไม่รับหรือยกฟ้องแย้งโดยจำเลย (โจทก์ในคดีนี้) มีสิทธิตามกฎหมายที่จะฟ้องเป็นคดีต่างหากอยู่แล้ว โดยเหตุนี้ศาลชั้นต้นหาจำต้องระบุว่าไม่ตัดสิทธิโจทก์ที่จะฟ้องอีกไม่ เพราะเป็นเรื่องที่โจทก์ก็มีสิทธิตามกฎหมายที่จะฟ้องเป็นคดีต่างหากอยู่แล้ว ดังนั้น หากปรากฏว่าอายุความครบกำหนดไปแล้วในระหว่างการพิจารณา หรือจะครบกำหนดภายในหกสิบวันนับแต่วันที่คำสั่งนั้นถึงที่สุด โจทก์ย่อมมีสิทธิฟ้องคดีเพื่อตั้งหลักฐานสิทธิเรียกร้องหรือเพื่อให้ชำระหนี้ภายในหกสิบวันนับแต่วันที่คำสั่งนั้นถึงที่สุด ตามบทบัญญัติแห่งกฎหมายดังกล่าวข้างต้น ศาลชั้นต้นในคดีดังกล่าวมีคำสั่งไม่รับฟ้องแย้งวันที่ 23 มิถุนายน 2554 คำสั่งดังกล่าว ถึงที่สุดวันที่ 23 กรกฎาคม 2554 เมื่อโจทก์รู้ถึงการละเมิดและรู้ตัวผู้จะพึงต้องใช้ค่าทดแทนนับแต่วันทำละเมิดในช่วงระหว่างต้นปี 2552 ซึ่งหมายความว่า โจทก์รู้ถึงการละเมิดและรู้ตัวผู้จะพึงต้องใช้ค่าทดแทนระหว่างตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม 2552 ถึงวันที่ 31 กรกฎาคม 2553 ดังนั้นอายุความ 1 ปี ตาม ป.พ.พ. มาตรา 448 วรรคหนึ่ง จึงสิ้นสุดลงอย่างช้าในวันที่ 31 กรกฎาคม 2554 เมื่อนับอายุความนับแต่วันคำสั่งศาลชั้นต้นไม่รับฟ้องแย้งของโจทก์ถึงที่สุดในวันที่ 23 กรกฎาคม 2554 ถึงวันอายุความสิ้นสุดในวันที่ 31 กรกฎาคม 2554 คงเหลือกำหนดอายุความเพียง 9 วัน ซึ่งน้อยกว่าหกสิบวันนับแต่วันคำสั่งศาลชั้นต้นไม่รับฟ้องแย้งของโจทก์ถึงที่สุด จึงต้องขยายอายุความให้อีกหกสิบวันตาม ป.พ.พ. มาตรา 193/17 วรรคสอง โจทก์ฟ้องคดีนี้วันที่ 19 สิงหาคม 2554 จึงเป็นกรณีที่โจทก์ฟ้องคดีภายในอายุความครบกำหนดภายในหกสิบวันนับแต่วันที่คำสั่งนั้นถึงที่สุด
โจทก์ฎีกาโดยขอให้ศาลฎีกาพิพากษาให้โจทก์ชนะคดีตามฟ้อง และชำระค่าขึ้นศาลชั้นฎีกามาอย่างคดีมีทุนทรัพย์ เมื่อศาลฎีกาวินิจฉัยว่าคดีโจทก์ไม่ขาดอายุความแล้วมิได้วินิจฉัยประเด็นปัญหาอื่นต่อไป แต่ส่งสำนวนคืนไปให้ศาลอุทธรณ์ภาค 1 พิจารณาพิพากษาใหม่ ฎีกาของโจทก์เช่นนี้ชอบที่จะเรียกเก็บค่าขึ้นศาลชั้นฎีกาอย่างคดีไม่มีทุนทรัพย์เป็นเงิน 200 บาท

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 11161/2558

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ อายุความฟ้องคดีและการขยายอายุความตาม ป.พ.พ. มาตรา 193/17 กรณีศาลไม่รับฟ้องแย้ง
ป.พ.พ. มาตรา 193/17 วรรคสอง บัญญัติว่า "ในกรณีที่คดีนั้นศาลไม่รับหรือคืนหรือให้ยกคำฟ้องเพราะเหตุคดีไม่อยู่ในอำนาจศาล หรือศาลให้ยกคำฟ้องโดยไม่ตัดสิทธิโจทก์ที่จะฟ้องใหม่ และปรากฏว่าอายุความครบกำหนดไปแล้วในระหว่างการพิจารณา หรือจะครบกำหนดภายในหกสิบวันนับแต่วันที่คำพิพากษาหรือคำสั่งนั้นถึงที่สุด ให้เจ้าหนี้มีสิทธิฟ้องคดีเพื่อตั้งหลักฐานสิทธิเรียกร้องหรือเพื่อให้ชำระหนี้ภายในหกสิบวันนับแต่วันที่คำพิพากษาหรือคำสั่งนั้นถึงที่สุด" มิได้หมายความถึงกรณีที่ศาลไม่รับหรือคืนหรือให้ยกคำฟ้องเพราะเหตุคดีไม่อยู่ในอำนาจศาลเท่านั้น แต่หากยังหมายถึงกรณีที่ศาลให้ยกคำฟ้องโดยไม่ตัดสิทธิโจทก์ที่จะฟ้องใหม่ด้วย ซึ่งฟ้องแย้งถือเป็นคำฟ้องอย่างหนึ่งตาม ป.วิ.พ. มาตรา 1 (3) การที่ศาลชั้นต้นในคดีแพ่งหมายเลขดำที่ 525/2553 มีคำสั่งไม่รับฟ้องแย้งของจำเลย (โจทก์ในคดีนี้) มีผลตาม ป.วิ.พ.มาตรา 177 วรรคสาม คือ เป็นการไม่รับหรือยกฟ้องแย้งโดยจำเลย (โจทก์ในคดีนี้) มีสิทธิตามกฎหมายที่จะฟ้องเป็นคดีต่างหากอยู่แล้ว โดยเหตุนี้ศาลชั้นต้นหาจำต้องระบุว่าไม่ตัดสิทธิโจทก์ที่จะฟ้องอีกไม่ เพราะเป็นเรื่องที่โจทก์ก็มีสิทธิตามกฎหมายที่จะฟ้องเป็นคดีต่างหากอยู่แล้ว ดังนั้น หากปรากฏว่าอายุความครบกำหนดไปแล้วในระหว่างการพิจารณา หรือจะครบกำหนดภายในหกสิบวันนับแต่วันที่คำสั่งนั้นถึงที่สุด โจทก์ย่อมมีสิทธิฟ้องคดีเพื่อตั้งหลักฐานสิทธิเรียกร้องหรือเพื่อให้ชำระหนี้ภายในหกสิบวันนับแต่วันที่คำสั่งนั้นถึงที่สุด

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 19744/2555

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ อายุความหนี้จากการซื้อขายปูนซีเมนต์: พิจารณาวัตถุประสงค์การใช้สินค้าเพื่อขยายอายุความตามกฎหมาย
จำเลยที่ 1 เป็นนิติบุคคลประเภทบริษัทจำกัด มีวัตถุประสงค์ซื้อ จัดหา รับเช่า เช่าซื้อ ถือกรรมสิทธิ์ ครอบครอง ปรับปรุง ใช้ จัดการโดยประการอื่นซึ่งทรัพย์สินใด ๆ ตลอดจนดอกผลของทรัพย์สินนั้นรวมทั้งประกอบกิจการรับเหมาก่อสร้างอาคาร อาคารพาณิชย์ อาคารที่พักอาศัย ฯลฯ การที่จำเลยที่ 1 สั่งซื้อปูนซีเมนต์จากโจทก์เป็นระยะเวลาติดต่อกันนานและเป็นจำนวนมากประกอบกับมีการชำระค่าสินค้าเป็นราคาตามกำหนด แสดงว่าจำเลยที่ 1 นำสินค้าที่ซื้อมานั้นไปจำหน่ายแก่บุคคลอื่น รวมทั้งรับเหมาก่อสร้างอาคารตามวัตถุประสงค์ของจำเลยที่ 1 และที่จำเลยที่ 1 สั่งซื้อปูนซีเมนต์ในช่วงเดือนมีนาคมถึงเดือนพฤศจิกายน 2540 นำไปก่อสร้างอาคารพาณิชย์ ซึ่งอาคารดังกล่าวจำเลยที่ 1 ใช้เป็นสำนักงานในการบริหารงานการค้าขายที่ค้าขายในต่างประเทศ จึงเป็นการกระทำเพื่อกิจการของจำเลยที่ 1 ฝ่ายลูกหนี้เอง อันเข้าข้อยกเว้นตอนท้ายของมาตรา 193/34 (1) ฉะนั้น สิทธิเรียกร้องของโจทก์ในการเรียกค่าสินค้าจากจำเลยที่ 1 จึงมีกำหนดอายุความ 5 ปี ตาม ป.พ.พ. มาตรา 193/33 (5) หาใช่มีอายุความเพียง 2 ปี
of 3