คำพิพากษาที่อยู่ใน Tags
ข้อกล่าวหา

พบผลลัพธ์ทั้งหมด 111 รายการ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 494/2526 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ฟ้องแจ้งความเท็จต้องระบุรายละเอียดความจริง เพื่อให้จำเลยเข้าใจข้อกล่าวหา
โจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยฐานแจ้งข้อความอันเป็นเท็จเกี่ยวกับความผิดอาญา โดยบรรยายฟ้องว่า จำเลยแจ้งความร้องทุกข์ต่อพนักงานสอบสวนด้วยข้อความอันเป็นเท็จว่า โจทก์ได้ยักยอกปูนซีเมนต์ของจำเลยที่ 1 แต่มิได้บรรยายฟ้องว่าความจริงเกี่ยวกับปูนซีเมนต์นั้นเป็นอย่างไร แม้จะกล่าวอ้างในตอนท้ายว่า โจทก์ได้ไปพบพนักงานสอบสวนแก้ข้อกล่าวหาและแสดงพยานหลักฐานว่าโจทก์มิได้ยักยอกทรัพย์ของจำเลยที่ 1 ก็เป็นเรื่องการแก้ข้อกล่าวหาต่อพนักงานสอบสวน มิใช่เป็นการบรรยายฟ้องถึงข้อเท็จจริงและรายละเอียดเกี่ยวกับการกระทำตามที่โจทก์ฟ้อง ฟ้องของโจทก์ย่อมขาดข้อเท็จจริงและรายละเอียดที่จะแสดงให้เห็นว่าการแจ้งความของจำเลยเป็นการแจ้งความเท็จ จึงเป็นฟ้องที่ไม่สมบูรณ์ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญามาตรา 158(5)

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3077/2526 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ คำร้องคัดค้านการเลือกตั้ง: ข้อกล่าวหาต้องชัดเจนและมีรายละเอียด ผู้ร้องต้องระบุข้อเท็จจริงที่ผู้คัดค้านสามารถต่อสู้ได้
กระบวนพิจารณาคดีการคัดค้านการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรนั้นได้มีพระราชบัญญัติการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร พ.ศ. 2522 บัญญัติไว้เป็นพิเศษในมาตรา 78 และ 79 ว่า ให้ผู้เลือกตั้งหรือพรรคการเมืองซึ่งมีสมาชิกสมัครรับเลือกตั้งในเขตเลือกตั้งนั้นยื่นคำร้องคัดค้านต่อศาลจังหวัดที่เขตเลือกตั้งนั้นตั้งอยู่หรือต่อศาลแพ่งสำหรับกรุงเทพมหานคร เมื่อได้รับคำร้องคัดค้านแล้ว ให้ศาลจังหวัดหรือศาลแพ่งดำเนินการพิจารณาโดยไม่ชักช้า และให้นำประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาใช้บังคับโดยอนุโลม และให้ทำความเห็นและส่งสำนวนไปยังศาลฎีกาเพื่อวินิจฉัยและให้ศาลฎีกามีอำนาจสั่งให้มีการเลือกตั้งใหม่ หรือมีคำสั่งยกคำร้องคัดค้านเสียแล้วแต่กรณี จากบทบัญญัติแห่งกฎหมายดังกล่าวจึงเป็นที่เห็นได้ว่ากฎหมายมุ่งประสงค์ให้ศาลฎีกาเท่านั้นเป็นผู้มีอำนาจพิจารณาและวินิจฉัยชี้ขาดการคัดค้านการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร ส่วนการที่กฎหมายให้ศาลจังหวัดหรือศาลแพ่งมีหน้าที่ดำเนินการพิจารณาในเบื้องต้นแล้วทำความเห็นส่งสำนวนไปยังศาลฎีกานั้นก็มีเหตุผลในเรื่องการอำนวยความสะดวกแก่ผู้มีส่วนได้เสียในทำนองเดียวกันและยังมุ่งหมายจะลดภาระของศาลฎีกาในอันที่จะต้องออกนั่งพิจารณาคดีเองอีกประการหนึ่งด้วย ด้วยเหตุผลดังกล่าวการดำเนินกระบวนพิจารณาของศาลจังหวัดหรือศาลแพ่งในคดีคัดค้านการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรจึงเป็นการดำเนินกระบวนพิจารณาที่กฎหมายให้ศาลจังหวัดหรือศาลแพ่งกระทำการแทนศาลฎีกา ส่วนความเห็นของศาลหนึ่งศาลใดดังกล่าวที่ได้ส่งมายังศาลฎีกาพร้อมสำนวนนั้นก็เป็นเพียงข้อเสนอแนะต่อศาลฎีกาโดยตรง ไม่มีลักษณะเป็นคำพิพากษาหรือคำวินิจฉัยชี้ขาดคดีที่คู่ความหรือผู้มีส่วนได้เสียจะโต้แย้งคัดค้านได้ และในการวินิจฉัยชี้ขาดคดีศาลฎีกาก็มิได้ถูกผูกมัดโดยความเห็นของศาลหนึ่งศาลใดดังกล่าวนั้นด้วย เมื่อเป็นเช่นนี้ในกรณีที่เห็นสมควรศาลฎีกาอาจจะมีคำวินิจฉัยคัดค้านการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรไปได้โดยไม่จำต้องรอฟังความเห็นของศาลจังหวัดหรือศาลแพ่งก็ได้.
คำร้องบรรยายว่า การเลือกตั้งทุกหน่วยในอำเภอเมืองสระบุรี อำเภอหนองแค อำเภอแก่งคอยและอำเภอวิหารแดง เจ้าหน้าที่กรรมการเลือกตั้งประจำหน่วยจงใจปล่อยปละละเลยให้มีการหมุนเวียนไปลงคะแนนซ้ำบุคคลกัน ด้วยการไปลงคะแนนแทนบุคคลที่ไม่ใช้สิทธิ ซึ่งบางคนบวชเป็นภิกษุ บางคนถึงแก่กรรมไปแล้ว และบางคนก็ไปทำงานชั่วคราวในต่างประเทศ ซึ่งหลักฐานการลงคะแนนส่วนมากไม่มีการลงชื่อผู้ใช้สิทธิหรือหมายเหตุเลขที่บัตรประจำตัวไว้ในช่องผู้ใช้สิทธิแล้ว ผู้ร้องมิได้บรรยายให้เห็นเลยว่าผู้มีสิทธิเลือกตั้งคนใดบ้างที่ไปลงคะแนนให้ผู้ถูกคัดค้านซ้ำอีก การลงคะแนนซ้ำเป็นการลงคะแนนแทนผู้มีสิทธิเลือกตั้งคนใด ที่หน่วยเลือกตั้งใด เป็นการยากที่ผู้คัดค้านจะเข้าใจข้อหาและต่อสู้คดีได้ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 172 คำร้องข้อนี้จึงเป็นคำร้องที่เคลือบคลุม (อ้างคำพิพากษาฎีกาที่ 127/2489)
คำร้องบรรยายว่า คณะกรรมการตรวจนับบัตรวินิจฉัยและขานคะแนนบัตรด้วยการเข้าข้างผู้คัดค้านที่ 2 ที่ 3 และที่ 4 ด้วยการอ่านบัตรเสียว่าเป็นบัตรดีอันมีอยู่ทุกหน่วยในเขต และบัตรดีซึ่งเป็นของผู้ร้อง กรรมการตรวจนับบัตรกลับวินิจฉัยว่าเป็นบัตรเสีย ซึ่งมีจำนวนไม่น้อยกว่า 3,000 บัตร ในทุกหน่วยเขตเลือกตั้งในเขตอำเภอเมืองสระบุรี อำเภอหนองแค อำเภอแก่งคอยและอำเภอวิหารแดง ผู้ร้องมิได้บรรยายให้เห็นเลยว่าบัตรชนิดใดที่เป็นบัตรเสีย แต่คณะกรรมการตรวจนับบัตรถือว่าเป็นบัตรดี และบัตรชนิดใดที่เป็นบัตรดีแต่คณะกรรมการตรวจนับบัตรถือว่าเป็นบัตรเสีย ทั้งนี้เพราะบัตรเลือกตั้งนั้นได้กำหนดลักษณะเอาไว้แล้วตามกฎกระทรวง (พ.ศ. 2522) ออกตามความในพระราชบัญญัติการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร พ.ศ. 2522 ข้อ 9 ตามที่บัญญัติไว้ในมาตรา 53 และมาตรา 73 ก็บัญญัติถึงบัตรเสียไว้รวม 6 ชนิดด้วยกัน คำร้องข้อนี้ จึงไม่ชัดแจ้งพอที่ผู้คัดค้านจะเข้าใจและต่อสู้คดีได้ จึงเป็นคำร้องที่เคลือบคลุม (อ้างคำพิพากษาฎีกาที่ 623/2514)
คำร้องบรรยายว่า ผู้คัดค้านที่ 2 และที่ 3 ได้ละเมิดกฎหมายด้วยการนำดนตรีไปแสดงให้ประชาชนในเขตเลือกตั้งในทุกเขตของจังหวัดสระบุรี อันเป็นการโฆษณาหาเสียง ด้วยการจัดให้มีมหรสพและการรื่นเริงต่าง ๆ และในการเลือกตั้งดังกล่าวผู้คัดค้านที่ 2 ที่ 3 และที่ 4 ยังได้จ่ายเงินในการหาเสียงเลือกตั้งเกินจำนวนที่กฎหมายกำหนดไว้มากอันเป็นการขัดต่อพระราชบัญญัติการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร นั้นสำหรับข้อกล่าวอ้างที่ว่าผู้คัดค้านที่ 2 และที่ 3 ทำการหาเสียงเลือกตั้งด้วยการจัดให้มีมหรสพและการรื่นเริงต่าง ๆ นั้นถึงหากจะทำการพิจารณาต่อไปและฟังได้ว่าเป็นความจริงการกระทำดังกล่าวก็เป็นการฝ่าฝืนมาตรา 35(3) และมีโทษตามมาตรา 84 เท่านั้นหาเป็นกรณีที่ผู้ร้องจะร้องคัดค้านเพื่อให้มีการเลือกตั้งใหม่ได้ตามมาตรา 78 ไม่ ประเด็นข้อนี้จึงไม่จำต้องยกขึ้นวินิจฉัย ส่วนข้อที่กล่าวอ้างว่าผู้คัดค้านที่ 2 ที่ 3 และที่ 4 ได้ใช้จ่ายเงินในการหาเสียงเลือกตั้งเกินจำนวนที่กฎหมายกำหนดไว้มาก อันเป็นการฝ่าฝืนมาตรา 32 วรรคแรก ที่บัญญัติว่า เมื่อได้ประกาศพระราชกฤษฎีกาให้มีการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรในเขตเลือกตั้งใด ผู้สมัครแต่ละคนจะใช้จ่ายเกี่ยวกับการเลือกตั้งทั้งหมดเกินสามแสนห้าหมื่นบาทไม่ได้ ทั้งนี้ไม่รวมค่าธรรมเนียมการสมัคร คำร้องของผู้ร้องเฉพาะส่วนนี้นอกจากผู้ร้องจะมิได้กล่าวอ้างว่าผู้คัดค้านที่ 2 ที่ 3 และที่ 4 ได้ใช้จ่ายไปในการหาเสียงเลือกตั้งทั้งหมดเกินจำนวน 350,000 บาท ตามที่กฎหมายบัญญัติไว้แล้ว ผู้ร้องก็ยังมิได้กล่าวข้อเท็จจริงโดยแจ้งชัดว่าผู้คัดค้านทั้งสามได้ใช้จ่ายเงินไปในกิจการใดบ้าง อันพอสมควรที่ผู้คัดค้านทั้งสามจะเข้าใจข้อหาและต่อสู้คดีได้ถูกต้องคำร้องของผู้ร้องส่วนนี้จึงเคลือบคลุมเช่นเดียวกัน(อ้างคำพิพากษาฎีกาที่ 2964/2522)

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2985/2525

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การหย่าเนื่องจากจำเลยนำตำรวจจับกุมโจทก์ตามข้อกล่าวหาของบิดามารดา ถือเป็นการหมิ่นประมาทและทำให้โจทก์ยากจนลง
การที่บิดามารดาจำเลยไปแจ้งความต่อตำรวจกล่าวหาว่าโจทก์ลักทรัพย์แม้จะมิใช่เหตุที่โจทก์จะยกขึ้นอ้างเพื่อฟ้องขอหย่าขาดจากการเป็นสามีภริยากับจำเลยก็ตามแต่การที่จำเลยนำตำรวจไปจับกุมโจทก์ตามข้อกล่าวหาของบิดามารดานั้น การกระทำของจำเลยย่อมถือได้ว่าเป็นการลบหลู่ดูหมิ่นต่อเกียรติยศและชื่อเสียงของโจทก์ อันเป็นการหมิ่นประมาทหรือเหยียดหยามโจทก์อย่างร้ายแรง เป็นเหตุให้โจทก์ฟ้องหย่าจำเลยได้ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา1516(3)
โจทก์เพิ่งจะหางานทำได้หลังจากที่แยกกันอยู่กับจำเลยจึงติดใจขอค่าเลี้ยงชีพจากจำเลย จำเลยมิได้นำสืบโต้แย้งเป็นอย่างอื่น กรณีถือได้ว่าการหย่าทำให้โจทก์ยากจนลง เพราะไม่มีรายได้จากการงานตามที่เคยทำอยู่ในระหว่างสมรส เมื่อเหตุแห่งการหย่าเป็นความผิดของจำเลยจำเลยจึงต้องจ่ายค่าเลี้ยงชีพให้โจทก์ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1526

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1835/2520

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การฟ้องเบิกความเท็จ: จำเลยไม่เข้าใจข้อกล่าวหาเพราะขาดรายละเอียดความสำคัญ
ฟ้องว่าเบิกความเท็จ บรรยายข้อความที่เบิกความกับความจริงเป็นอย่างไร และว่าเป็นข้อสำคัญในคดี แต่ไม่บรรยายว่าสำคัญอย่างไร ไม่อาจทราบได้ว่าคดีก่อนมีข้อกล่าวหากันอย่างไร ไม่พอทำให้จำเลยเข้าใจข้อกล่าวหาได้ดี

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 16/2519

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การบังคับคดีและการเรียกดอกเบี้ยเกินอัตรา: ศาลยืนยันการบังคับคดีแม้มีข้อกล่าวหาอื่น
ศาลบังคับคดีตามยอม ให้จำเลยผ่อนชำระเงินกู้เดือนละ 3,000 บาทโจทก์ถูกฟ้องในข้อหาเรียกดอกเบี้ยเกินอัตรา ทำหลักฐานเท็จหลีกเลี่ยงภาษีอากรไม่เป็นเหตุที่จะงดการบังคับคดีตาม มาตรา 293

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 86/2518 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ฟ้องซ้ำ – การพิจารณาความเชื่อมโยงของข้อกล่าวหา – จำเป็นต้องสืบพยานก่อนวินิจฉัย
คดีก่อนโจทก์ฟ้องจำเลยกล่าวหาว่าเป็นเจ้าพนักงานปฏิบัติหน้าที่มิชอบทุจริตต่อหน้าที่เบียดบังยักยอกเงินศาสนสมบัติจากอำเภอไชยา และอำเภอพระแสงหลายครั้งรวมเป็นเงิน 52,922 บาท 55 สตางค์ ศาลพิพากษาลงโทษจำคุกจำเลยคดีถึงที่สุดไปแล้วส่วนคดีนี้โจทก์ฟ้องกล่าวหาจำเลยว่าทุจริตเบียดบังเงินศาสนสมบัติสำหรับซ่อมแซมพระอุโบสถวัดน้ำหัก อำเภอคีรีรัฐนิคม จังหวัดเดียวกันไปเป็นจำนวน 30,000 บาท แม้ว่าเหตุในคดีนี้จะเกิดอยู่ในช่วงระยะเวลาของคดีก่อน สถานที่เกิดเหตุอยู่ที่เดียวกันและเงินที่จำเลยทุจริตเบียดบังเอาไปนั้นเป็นเงินประเภทเดียวกันก็ตาม แต่ตามคำบรรยายฟ้องยังไม่ชี้ชัดลงไปว่าเงินจำนวน 30,000 บาท ที่โจทก์หาว่าจำเลยเบียดบังในคดีนี้เป็นจำนวนเดียวกันรวมอยู่ในคดีก่อนหรือไม่และโจทก์สามารถจะฟ้องรวมมา ในคดีก่อนได้อยู่แล้วหรือไม่ จึงชอบที่จะฟังจากการนำสืบพยานหลักฐานของโจทก์จำเลยเสียก่อน ไม่ควรสั่งงดสืบพยานโจทก์จำเลยแล้วพิพากษายกฟ้องโดยอ้างว่าเป็นฟ้องซ้ำ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1181/2518 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ คำร้องคัดค้านการเลือกตั้งต้องแสดงข้อกล่าวหาที่ชัดเจนและครบถ้วนตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง
พระราชบัญญัติการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร พ.ศ. 2511 ได้นำประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาใช้บังคับโดยอนุโลม ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 172 วรรคสอง บัญญัติว่า "คำฟ้องต้องแสดงโดยแจ้งชัดซึ่งสภาพแห่งข้อหาของโจทก์และคำขอบังคับทั้งข้ออ้างที่อาศัยเป็นหลักแห่งข้อหาเช่นว่านั้น " มาตรา 1(3) ได้บัญญัติคำว่า "คำฟ้อง" ให้หมายถึงกระบวนพิจารณาใด ๆ ที่โจทก์ได้เสนอข้อหาต่อศาล ฯลฯ ไม่ว่าจะได้เสนอในขณะเริ่มคดีโดยคำฟ้องหรือคำร้องขอ ฯลฯ ดังนี้ คำร้องคัดค้านการเลือกตั้งจึงต้องอยู่ในบังคับของประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 172 ด้วย
คำร้องคัดค้านการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรซึ่งกล่าวอ้างแต่ว่า คณะกรรมการตรวจคะแนนหลายหน่วยเลือกตั้งปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ โดยไม่กล่าวให้แจ้งชัดว่าคณะกรรมการฯ หน่วยใดบ้างที่ปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ - อ้างว่าคณะกรรมการฯ นับบัตรดีของหมายเลข 10 เป็นบัตรเสีย นับบัตรเสียของหมายเลขอื่นเป็นบัตรดี โดยไม่แสดงโดยแจ้งชัดว่าเป็นบัตรเสียเพราะเหตุใด - กล่าวอ้างว่ามีบุคคลผู้ไม่มีสัญชาติไทยและบุคคลอื่น ๆ ได้กระทำการเพื่อประโยชน์แห่งการรับเลือกตั้งโดยประการที่เป็นคุณแก่ ข. ผู้สมัครรับเลือกตั้งหมายเลข 2 ด้วยการช่วยเหลือในด้านการเงินและทรัพย์สินอื่น ๆ โดยมิได้กล่าวให้ชัดเจนว่าบุคคลนั้น ๆ คือใคร ช่วยเหลือในด้านการเงินทรัพย์สินอื่น โดยกระทำอย่างใดอันจะถือได้ว่าเป็นการกระทำที่เป็นคุณ - กล่าวอ้างว่า ช. ผู้สมัครหมายเลข 2 และตัวแทนได้ให้เงินและทรัพย์สินและสัญญาว่าจะให้เงินแก่ผู้เลือกตั้งเพื่อจูงใจให้ผู้เลือกตั้งลงคะแนนให้แก่ตน และไม่ให้ลงคะแนนแก่ ล.กับผู้สมัครฯ หมายเลขอื่น โดยมิได้กล่าวให้แจ้งชัดว่าผู้เลือกตั้งที่ได้เงินและทรัพย์สินกับที่ได้รับสัญญาว่าจะรับเงินนั้นมีจำนวนเท่าใด เป็นผู้มีสิทธิเลือกตั้งในหน่วยเลือกตั้งใด ซึ่งถ้ามีจำนวนน้อยก็ไม่เป็นเหตุที่จะให้มีการเลือกตั้งใหม่ - อ้างว่า ช.จัดยานพาหนะนำผู้เลือกตั้งไปกลับจากที่เลือกตั้งโดยไม่ต้องเสียค่าพาหนะโดยไม่กล่าวให้ชัดแจ้งว่าเป็นหน่วยเลือกตั้งใด และเป็นเหตุให้การลงคะแนนเปลี่ยนแปลงไปอย่างใด - กล่าวอ้างว่าคณะกรรมการตรวจคะแนนบางหน่วยนับคะแนนโดยมิชอบ คือไม่ยอมอ่านบัตรที่มีผู้กาเครื่องหมายหมายเลข 10 และหมายเลขอื่น ทำให้คะแนนของ ล.หมายเลข 10 และหมายเลขอื่นน้อยกว่าความเป็นจริง โดยไม่ระบุให้แจ้งชัดว่าเป็นคณะกรรมการฯ หน่วยใด ไม่อ่านบัตรที่กาเครื่องหมายหมายเลข 10 เป็นจำนวนประมาณเท่าใด หมายเลขอื่น ๆ คือหมายเลขใด มีจำนวนประมาณเท่าใด และการไม่อ่านเช่นนี้เป็นเหตุให้คะแนนของ ล. และหมายเลขอื่นน้อยกว่าความเป็นจริงประมาณเท่าใด ซึ่งถ้าน้อยกว่าความเป็นจริงเพียงเล็กน้อยก็จะไม่เป็นเหตุที่จะให้มีการเลือกตั้งใหม่ - และกล่าวอ้างว่า กรรมการตรวจคะแนนบางคนมิได้ไปปฏิบัติหน้าที่ เป็นเหตุให้ต้องตั้งบุคคลอื่นแทน การตั้งแทนก็กระทำโดยมิชอบ โดยมิได้กล่าวให้แจ้งชัดว่ากรรมการที่มิได้มานั้นคือใคร หรือประจำหน่วยใด การตั้งบุคคลอื่นแทนนั้นฝ่าฝืนไม่ปฏิบัติตามมาตรา 40 แต่อย่างใด เหล่านี้ ย่อมถือว่าไม่แสดงโดยแจ้งชัดซึ่งสภาพแห่งข้อหา จึงเป็นคำร้องที่เคลือบคลุม
ผู้ร้องได้ขอแก้ไขคำร้องให้แจ้งชัดขึ้นหลังจากที่ผู้คัดค้านได้คัดค้านไว้แล้วว่าคำร้องของผู้ร้องเคลือบคลุม ยิ่งกว่านั้นผู้คัดค้านก็ได้ยื่นคำร้องขอให้วินิจฉัยชี้ขาดเบื้องต้นในปัญหาข้อนี้ไว้ก่อนแล้ว ย่อมไม่มีเหตุที่จะอนุญาตให้ผู้ร้องแก้ไขคำร้องได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1881/2517

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ฟ้องฉ้อโกงและรับของโจร: ฟ้องเคลือบคลุมเมื่อบรรยายขัดแย้งกัน จำเลยไม่เข้าใจข้อกล่าวหา
ความผิดฐานฉ้อโกงเป็นเรื่องที่ผู้กระทำผิดได้ทรัพย์ด้วยการหลอกลวง แต่ความผิดฐานรับของโจร ทรัพย์ที่ได้มาด้วยการฉ้อโกงนั้น ผู้รับของโจรไม่ได้ไปหลอกลวงด้วย เมื่อโจทก์บรรยายฟ้องในข้อ (ข) สำหรับความผิดฐานฉ้อโกงว่า จำเลยที่ 2 ได้ปุ๋ยมาด้วยการร่วมกับจำเลยที่ 1 นำใบอินวอยซ์ปลอมไปหลอกลวงเจ้าหน้าที่บริษัท ส. แต่กลับบรรยายฟ้องข้อ(ค) ในความผิดฐานรับของโจรว่า จำเลยที่ 2 รับปุ๋ยรายเดียวกันนี้ไว้โดยรู้อยู่แล้วว่า เป็นปุ๋ยที่ได้มาจากการฉ้อโกงซึ่งแสดงว่าจำเลยที่ 2 ไม่ได้ไปหลอกลวงด้วยจึงขัดแย้งกัน การที่โจทก์ฟ้องรวมกันมาเพื่อให้ศาลวินิจฉัยไปตามข้อเท็จจริงแห่งคดีว่าจะเป็นความผิดฐานใดเช่นนี้ จำเลยที่ 2 ไม่อาจเข้าใจได้ว่าโจทก์กล่าวหาว่ากระทำการอย่างใดแน่ ย่อมต่อสู้คดีไม่ถูก ฟ้องของโจทก์เกี่ยวกับจำเลยที่ 2 ในความผิดสองฐานนี้จึงเป็นฟ้องที่เคลือบคลุม แต่สำหรับจำเลยที่ 1 โจทก์มิได้กล่าวหาว่ากระทำผิดฐานรับของโจรด้วย ฟ้องโจทก์เกี่ยวกับจำเลยที่ 1 ในความผิดฐานฉ้อโกงจึงไม่เคลือบคลุม

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 623/2514 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ คำร้องคัดค้านการเลือกตั้ง: ข้อกล่าวหาคลุมเครือและขาดหลักฐานสนับสนุน
คำร้องคัดค้านการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนที่กล่าวหาว่ากรรมการตรวจคะแนนวินิจฉัยบัตรดีเป็นบัตรเสีย วินิจฉัยบัตรเสียเป็นบัตรดี โดยมิได้กล่าวบรรยายมาด้วยว่าบัตรชนิดใดที่เป็นบัตรดีแต่กรรมการตรวจคะแนนถือว่าเป็นบัตรเสีย และบัตรชนิดใดที่เป็นบัตรเสียกรรมการตรวจคะแนนถือว่าเป็นบัตรดี
กล่าวหาว่า มีบุคคลบางคนใช้อิทธิพลบีบบังคับผู้เลือกตั้งให้ลงคะแนนเลือกตั้งให้แก่ผู้สมัครรับเลือกตั้งบางนายและผู้สมัครรับเลือกตั้งบางนายหรือพรรคพวก ให้หรือขอให้หรือรับว่าจะให้ทรัพย์สินหรือผลประโยชน์แก่ผู้เลือกตั้ง เพื่อจูงใจผู้เลือกตั้งลงคะแนนให้แก่ตนเองหรือผู้สมัครที่เป็นพรรคพวกของตนโดยไม่ระบุว่า ใครเป็นผู้ใช้อิทธิพลบีบบังคับผู้เลือกตั้งให้ลงคะแนนให้แก่ผู้สมัครคนใด และผู้สมัครคนใดหรือพรรคพวกของผู้สมัครคนใด ให้หรือรับว่าจะให้ทรัพย์สินแก่ผู้เลือกตั้ง และผู้ร้องมิได้ยืนยันว่าผู้ได้รับเลือกตั้งคนที่ตนร้องคัดค้านกระทำการดังกล่าว
กล่าวหาว่า ได้มีการแก้ไขประกาศผลการนับคะแนนและรายงานการนับคะแนนให้ผิดพลาดไปจากความจริง โดยมิได้บรรยายว่า การแก้ไขนั้นได้กระทำในหน่วยเลือกตั้งใด เป็นคำร้องที่เคลือบคลุม

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1055/2514

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การกล่าวถึงชู้ในฟ้องหย่า ไม่ถือเป็นหมิ่นประมาท หากเป็นส่วนหนึ่งของกระบวนการทางศาล
จำเลยฟ้องขอหย่าขาดกับภรรยาโดยอ้างว่าภรรยาเป็นชู้กับโจทก์ถือว่าเป็นกรณีที่จำเลยใช้สิทธิทางศาลและเป็นความจำเป็นต้องระบุชายชู้เพื่อให้ฟ้องชัดเจนไม่เคลือบคลุม อันเป็นการแสดงข้อความในกระบวนพิจารณาคดีในศาลเพื่อประโยชน์แก่คดีของตน จำเลยจึงไม่มีความผิดฐานหมิ่นประมาท
of 12