พบผลลัพธ์ทั้งหมด 32 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 552/2514 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การแจ้งข้อมูลเท็จเพื่อประโยชน์ผู้อื่น: ผู้เสียหายต้องได้รับการเสียหายโดยตรง
โจทก์ฟ้องว่าจำเลยเป็นผู้จัดการโรงเรียนและเป็นผู้กำกับนักศึกษาวิชาทหารพิเศษจำเลยได้แจ้งข้อความอันจำเลยรู้อยู่ว่าเป็นเท็จแก่เจ้าหน้าที่กรมการรักษาดินแดน โดยได้บันทึกรับรองในใบสมัครเข้ารับการฝึกวิชาทหารของผู้มีชื่อ 4 ราย ว่าผู้มีชื่อทั้งสี่กำลังศึกษาอยู่ที่โรงเรียนดังกล่าว ซึ่งไม่เป็นความจริงการกระทำของจำเลยอาจทำให้กรมการรักษาดินแดน ป. เจ้าของกรรมสิทธิ์โรงเรียนดังกล่าวร่วมกับจำเลยและประชาชนเสียหายขอให้ลงโทษตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 137 ดังนี้ การกระทำของจำเลยตามฟ้องมิได้พาดพิงถึงตัว ป. หรือกรรมสิทธิ์ในโรงเรียนซึ่ง ป. เป็น เจ้าของร่วม ในประการที่จะทำให้ ป. เสียหาย ป. จึงไม่ใช่ผู้เสียหาย และไม่มีสิทธิขอเข้าร่วมเป็นโจทก์กับผู้ว่าคดี
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1274/2513 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การฟ้องเท็จและให้ข้อมูลเท็จต่อศาลในคดีแพ่ง ไม่เป็นความผิดแจ้งความเท็จหรือจดข้อความเท็จ
การเอาความเท็จมาฟ้องในคดีแพ่งหรือการที่จำเลยในคดีแพ่งยื่นคำให้การเป็นเท็จ ไม่เป็นความผิดฐานแจ้งความเท็จต่อเจ้าพนักงานตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 137 เพราะมิได้เป็นการแจ้งความต่อเจ้าพนักงาน และการที่โจทก์หรือจำเลยในคดีแพ่งแถลงให้ศาลจดข้อความอันเป็นเท็จลงในสำนวนคดีแพ่งโดยมิได้มีวัตถุประสงค์จะใช้ข้อความนั้นเป็นพยานหลักฐานก็หาเป็นความผิดฐานแจ้งให้พนักงานจดข้อความอันเป็นเท็จตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 267 ไม่
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 225/2508
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การแจ้งความเท็จในฐานะผู้ต้องหา: การให้ข้อมูลเท็จระหว่างถูกสอบสวนไม่ใช่ความผิดฐานแจ้งความเท็จ
ร้อยตำรวจตรีกมลกับพวกจับกุมจำเลยในข้อหาเล่นการพนันสลากกินรวบ และค้นตัวจำเลยได้บัตรรับฝากรถจักรยานและกระดาษฟุลสแก๊ปมีเขียนเลข 2 ฉบับ จำเลยแจ้งว่าเป็นสลากกินรวบซื้อมาจากโจทก์ดังนี้ ถือว่าจำเลยกล่าวในฐานะผู้ต้องหาหรือเสมือนผู้ต้องหาจำเลยหามีความผิดฐานแจ้งความเท็จไม่
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 44/2506
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การเบิกความเท็จต่อศาลและการแจ้งข้อมูลเท็จต่อเจ้าพนักงานที่ดิน ไม่ถือว่าเป็นการกระทำความผิดตามกฎหมาย
โจทก์ฟ้องว่าจำเลยกระทำผิดในวันที่ 22 กุมภาพันธ์ 2500ทางพิจารณาได้ความว่าจำเลยกระทำผิดในวันที่ 23 กุมภาพันธ์2500 ถือว่าเป็นการแตกต่างในข้อสารสำคัญ เท่ากับจำเลยไม่ได้กระทำผิดตามวันที่โจทก์ฟ้อง ต้องยกฟ้อง.จำเลยจะหลงข้อต่อสู้หรือไม่ ไม่สำคัญ
จำเลยเบิกความเท็จ และนำสืบแสดงหลักฐานเท็จต่อศาลในคดีแพ่ง ว่าก่อนตายผู้ตายไม่ได้ทำพินัยกรรมไว้ โดยจำเลยรู้ดีอยู่แล้วว่าผู้ตายได้ทำพินัยกรรมยกทรัพย์ให้โจทก์และจำเลย ศาลหลงเชื่อจึงสั่งตั้งให้จำเลยเป็นผู้จัดการมรดกของผู้ตาย แล้วจำเลยได้นำสำเนาคำสั่งศาลนั้นไปแสดงต่อเจ้าพนักงานที่ดิน เจ้าพนักงานที่ดินก็บันทึกข้อความคำสั่งศาลไว้ว่าเป็นมรดกไม่มีพินัยกรรมและโอนโฉนดใส่ชื่อจำเลยในฐานะเป็นผู้จัดการมรดกดังนี้จะถือว่าจำเลยแจ้งให้เจ้าพนักงานผู้กระทำการตามหน้าที่จดข้อความอันเป็นเท็จลงในเอกสาร ตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 267 ไม่ได้
จำเลยเบิกความเท็จ และนำสืบแสดงหลักฐานเท็จต่อศาลในคดีแพ่ง ว่าก่อนตายผู้ตายไม่ได้ทำพินัยกรรมไว้ โดยจำเลยรู้ดีอยู่แล้วว่าผู้ตายได้ทำพินัยกรรมยกทรัพย์ให้โจทก์และจำเลย ศาลหลงเชื่อจึงสั่งตั้งให้จำเลยเป็นผู้จัดการมรดกของผู้ตาย แล้วจำเลยได้นำสำเนาคำสั่งศาลนั้นไปแสดงต่อเจ้าพนักงานที่ดิน เจ้าพนักงานที่ดินก็บันทึกข้อความคำสั่งศาลไว้ว่าเป็นมรดกไม่มีพินัยกรรมและโอนโฉนดใส่ชื่อจำเลยในฐานะเป็นผู้จัดการมรดกดังนี้จะถือว่าจำเลยแจ้งให้เจ้าพนักงานผู้กระทำการตามหน้าที่จดข้อความอันเป็นเท็จลงในเอกสาร ตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 267 ไม่ได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 440/2501
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การรับสารภาพโดยไม่ได้ถูกจูงใจ: พนักงานสอบสวนทราบข้อมูลเท็จของผู้ต้องหาแต่ไม่ทักท้วง ไม่ถือว่าเป็นการหลอกลวง
การที่พนักงานสอบสวนรู้ว่าผู้ต้องหาปิดบังอาชีพและยศไว้โดยพนักงานสอบสวนมิได้ท้วงติงนั้นไม่ถือว่าเป็นการจูงใจหรือหลอกลวงให้จำเลยรับสารภาพ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 509/2490
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
เจ้าพนักงานจดข้อมูลเท็จในเอกสารราชการ กรณีออกบัตรอนุญาตโดยไม่มีเหตุผล เป็นความผิดตามมาตรา 230
เจ้าพนักงานผู้มีอำนาจออกบัตรอนุญาตให้ผู้ถูกเกณฑ์กลับก่อนกำหนดเมื่อมีเหตุจำเป็น ได้ออกบัตรอนุญาตให้ผู้ถูกเกณฑ์กลับก่อนรับตัวผู้ถูกเกณฑ์โดยไม่มีเหตุจำเป็นและลงวันเท็จนั้นเป็นผิดตามมาตรา 230 ไม่ใช่มาตรา 229
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1052/2480
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ฉ้อโกงจากการให้ข้อมูลเท็จเกี่ยวกับสถานภาพสมรสเพื่อทำสัญญาจำนอง
พถตติการณ์ที่เป็นการหลอกลวงฐานฉ้อโกง
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1164/2473
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การฟ้องดำเนินคดีอาญาจากข้อมูลเท็จและการเพิ่มโทษโดยศาลอุทธรณ์
การที่ผู้ใดถูกกักขังโดยอำนาจของเจ้าพนักงานตำรวจนั้น ภายหลังจะมาฟ้องขอให้ลงโทษผู้ซึ่งบอกให้ตำรวจจับตัวไปตาม ม.270 ไม่ได้ วิธีพิจารณาอาชญา พ.ร.บ. วิธีพิจารณาอาชญาใช้ไปพลางก่อน ร.ศ.115 ม.35 ศาลอุทธรณ์มีอำนาจแก้กำหนดโทษที่ศาลล่างวางมาได้ พ.ร.บ. ฎีกาอุทธรณ์ ม.8 ความเปนคนในบังคับอังกฤษ ฎีกาได้แต่ในปัญหากฎหมาย
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 8426/2559
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สิทธิการเข้าร่วมเป็นโจทก์ของผู้ถือหุ้นเมื่อมีการเปลี่ยนแปลงข้อมูลผู้ถือหุ้นที่เป็นเท็จและการกระทำความผิดต่อบริษัท
แม้ข้อเท็จจริงจะได้ความว่าในการเปลี่ยนแปลงสัดส่วนผู้ถือหุ้นของผู้เสียหายที่ 1 ไม่กระทบต่อจำนวนหุ้นของโจทก์ร่วมที่ยังคงมีอยู่ 1 หุ้น เช่นเดิม แต่การเปลี่ยนแปลงสัดส่วนผู้ถือหุ้นดังกล่าวหากกระทำไปโดยไม่ชอบ เป็นความเท็จ และมีการนำสำเนาบัญชีรายชื่อผู้ถือหุ้นอันเป็นเท็จนั้นไปแสดงต่อนายทะเบียนหุ้นส่วนบริษัทเพื่อให้รับจดทะเบียนแก้ไขเปลี่ยนแปลงลงไว้ในสารบบรายการจดทะเบียนของบริษัทย่อมมีผลกระทบต่อการบริหารจัดการของผู้เสียหายที่ 1 ไม่มากก็น้อย เมื่อโจทก์ร่วมเป็นผู้ถือหุ้นคนหนึ่งในบริษัทผู้เสียหายที่ 1 ย่อมได้รับผลกระทบด้วย โจทก์ร่วมจึงเป็นผู้เสียหายในการกระทำดังกล่าว และมีสิทธิที่จะขอเข้าร่วมเป็นโจทก์ในความผิดนี้ได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 5764/2562
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
กฎหมายคอมพิวเตอร์แก้ไขใหม่ ยกเว้นความผิดนำเข้าข้อมูลเท็จหากไม่มีเจตนาทุจริตหรือหลอกลวง
ในระหว่างการพิจารณาของศาลอุทธรณ์ได้มี พ.ร.บ.ว่าด้วยการกระทำความผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ (ฉบับที่ 2) พ.ศ.2560 มาตรา 8 ให้ยกเลิกความในมาตรา 14 แห่ง พ.ร.บ.ว่าด้วยการกระทำความผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ พ.ศ.2550 และให้ใช้ความที่บัญญัติใหม่แทน โดยมาตรา 14 ที่บัญญัติใหม่ ได้ยกเลิกความในมาตรา 14 (1) จากเดิมที่บัญญัติว่า "(1) นำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ซึ่งข้อมูลคอมพิวเตอร์ปลอมไม่ว่าทั้งหมดหรือบางส่วน หรือข้อมูลคอมพิวเตอร์อันเป็นเท็จ โดยประการที่น่าจะเกิดความเสียหายแก่ผู้อื่นหรือประชาชน" โดยบัญญัติความใน (1) ใหม่เป็นว่า "(1) โดยทุจริต หรือโดยหลอกลวง นำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ซึ่งข้อมูลคอมพิวเตอร์ที่บิดเบือนหรือปลอมไม่ว่าทั้งหมดหรือบางส่วน หรือข้อมูลคอมพิวเตอร์อันเป็นเท็จ โดยประการที่น่าจะเกิดความเสียหายแก่ประชาชน อันมิใช่การกระทำความผิดฐานหมิ่นประมาทตามประมวลกฎหมายอาญา" กรณีเป็นเรื่องกฎหมายที่บัญญัติในภายหลังกำหนดองค์ประกอบความผิดฐานนำเข้าข้อมูลคอมพิวเตอร์อันเป็นเท็จว่าต้องเป็นการกระทำที่มีเจตนาพิเศษด้วย กล่าวคือ ต้องมีเจตนาพิเศษ "โดยทุจริตหรือโดยหลอกลวง" จึงจะเข้าเกณฑ์เป็นความผิด ดังนั้น เมื่อข้อเท็จจริงฟังเป็นยุติว่าจำเลยเป็นผู้นำข่าวอันเป็นเท็จลงในเว็บไซต์ที่จำเลยเป็นผู้ดูแล โดยไม่ปรากฏว่าจำเลยมีเจตนาพิเศษเรื่องการกระทำโดยทุจริตหรือหลอกลวง แม้การกระทำของจำเลยจะเป็นความผิดตาม พ.ร.บ.ว่าด้วยการกระทำความผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ พ.ศ.2550 มาตรา 14 (เดิม) แต่ไม่เป็นความผิดตาม พ.ร.บ.ว่าด้วยการกระทำความผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ พ.ศ.2550 มาตรา 14 (ที่แก้ไขใหม่) ตาม พ.ร.บ.ว่าด้วยการกระทำความผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ (ฉบับที่ 2) พ.ศ.2560 จึงเป็นกรณีที่บทบัญญัติของกฎหมายที่บัญญัติในภายหลังให้การกระทำเช่นนั้นไม่เป็นความผิดต่อไป จำเลยจึงพ้นจากการเป็นผู้กระทำความผิดตาม ป.อ. มาตรา 2 วรรคสอง