คำพิพากษาที่อยู่ใน Tags
คดีมีทุนทรัพย์

พบผลลัพธ์ทั้งหมด 86 รายการ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 121/2542

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ คดีมีทุนทรัพย์หรือไม่: ศาลพิจารณาจากราคาที่ดินพิพาท หากไม่เกิน 50,000 บาท ห้ามอุทธรณ์ข้อเท็จจริง
นายอำเภอเป็นโจทก์ฟ้องขับไล่จำเลยและบริวารออกจาก ที่พิพาทซึ่งโจทก์อ้างว่าจำเลยยกให้เป็นสาธารณสมบัติของ แผ่นดิน จำเลยให้การต่อสู้ว่าจำเลยไม่ได้ยกที่พิพาทให้ เป็นสาธารณสมบัติของแผ่นดิน ประเด็นที่โต้เถียงกันจึงมีว่า ที่พิพาทเป็นสาธารณสมบัติของแผ่นดินหรือเป็นของจำเลย หากที่พิพาทเป็นสาธารณสมบัติของแผ่นดิน โจทก์ย่อมมีอำนาจ หน้าที่ครอบครองปกปักรักษาตามกฎหมาย ถ้าจำเลยชนะคดีย่อมมี ผลให้จำเลยได้กรรมสิทธิ์ในที่พิพาท ประโยชน์ที่โจทก์หรือ จำเลยจะได้รับย่อมเป็นการปลดเปลื้องทุกข์ที่อาจคำนวณเป็น ราคาเงินได้เป็นการพิพาทด้วยเรื่องความเป็นเจ้าของแห่ง ที่พิพาท จึงเป็นคดีมีทุนทรัพย์ เมื่อที่พิพาทมีราคา 6,800 บาทราคาทรัพย์สินหรือจำนวนทุนทรัพย์ที่พิพาทกันในชั้นอุทธรณ์จึงไม่เกิน 50,000 บาท คดีจึงต้องห้ามมิให้คู่ความอุทธรณ์ในข้อเท็จจริง

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 114/2541

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ คดีมีทุนทรัพย์หรือไม่พิจารณาจากคำให้การ หากจำเลยต่อสู้เรื่องกรรมสิทธิ์ ฟ้องไม่เคลือบคลุมเมื่อบรรยายรายละเอียดได้
การที่จะถือว่าเป็นคดีที่มีทุนทรัพย์หรือไม่นั้นจะต้องพิเคราะห์คำให้การประกอบด้วย มิใช่พิเคราะห์แต่คำฟ้องเพียงอย่างเดียว เพราะแม้คำฟ้องจะเป็นคดีขอให้ปลดเปลื้อง ทุกข์อันไม่อาจคำนวณเป็นราคาเงินได้ก็ตาม แต่ถ้าจำเลยให้การต่อสู้ในเรื่องกรรมสิทธิ์แล้ว ก็ต้องกลายเป็นคดีมีทุนทรัพย์ โจทก์บรรยายฟ้องว่า จำเลยได้ปลูกสร้างโรงเรือนที่จอดรถในที่ดินของโจทก์ทางด้านทิศตะวันตกซึ่งเป็นทางเข้าในที่ดินของโจทก์เป็นเนื้อที่ประมาณ 15 ตารางวา ทั้งได้แสดงภาพถ่ายโรงเรือนที่จอดรถของจำเลยมาด้วย ซึ่งทำให้จำเลยสามารถเข้าใจได้แล้ว ส่วนในเรื่องที่ดินที่เสียหายอยู่ในส่วนไหน กว้างยาวเท่าใดและวัน เดือน ปีที่จำเลยทำการปลูกสร้างโรงเรือนที่จอดรถนั้น เป็นรายละเอียดที่สามารถนำสืบในชั้นพิจารณาได้ ตลอดจนปรากฎจากคำให้การว่าจำเลยสามารถต่อสู้คดีได้อย่างถูกต้องด้วย ฟ้องโจทก์จึงไม่เคลือบคลุม

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2699/2540

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ค่าขึ้นศาลในคดีล้มละลาย: การพิจารณาประเภทคดีมีทุนทรัพย์ การทิ้งฟ้อง และคำสั่งระหว่างพิจารณา
แม้ตามพระราชบัญญัติล้มละลายฯมาตรา119วรรคสองและวรรคสามจะกำหนดให้การร้องคัดค้านหนังสือแจ้งยืนยันหนี้ของผู้คัดค้านให้ทำเป็นคำร้องก็ตามแต่เมื่อศาลชั้นต้นมีคำสั่งให้ผู้ร้องชำระเงินพร้อมดอกเบี้ยแก่ผู้คัดค้านผู้ร้องอุทธรณ์ขอให้ศาลอุทธรณ์กลับคำสั่งศาลชั้นต้นโดยขอให้เพิกถอนคำสั่งของผู้คัดค้านที่มีหนังสือแจ้งยืนยันให้ผู้ร้องชำระหนี้และให้จำหน่ายชื่อผู้ร้องออกจากบัญชีลูกหนี้ซึ่งแม้ผู้ร้องจะอ้างว่าหนี้จะระงับสิ้นไปแล้วโดยการหักกลบลบหนี้ก็ตามแต่ผลก็คือขอให้ศาลอุทธรณ์วินิจฉัยว่าผู้ร้องไม่มีหนี้ที่จะต้องชำระตามที่ผู้คัดค้านมีหนังสือแจ้งยืนยันไปและหากศาลอุทธรณ์ให้ผู้ร้องชนะคดีทุกข์ของผู้ร้องย่อมปลดเปลื้องไปตามจำนวนเงินที่ผู้ร้องไม่ต้องชำระคดีของผู้ร้องจึงเป็นคดีที่มีคำขอให้ปลดเปลื้องทุกข์อันอาจคำนวณเป็นราคาเงินได้ต้องเสียค่าขึ้นศาลชั้นอุทธรณ์อย่างคดีมีทุนทรัพย์ตามตาราง1ข้อ(1)ท้ายประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งประกอบด้วยพระราชบัญญัติล้มละลายฯมาตรา179วรรคท้ายซึ่งกำหนดให้ค่าธรรมเนียมนอกจากที่บัญญัติไว้ให้คิดอัตราเดียวกันกับค่าธรรมเนียมตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งดังนั้นเมื่อศาลอุทธรณ์มีคำสั่งให้ศาลชั้นต้นสั่งให้ผู้ร้องเสียค่าขึ้นศาลชั้นอุทธรณ์ให้ถูกต้องซึ่งศาลชั้นต้นแจ้งให้ผู้ร้องทราบคำสั่งนั้นแล้วผู้ร้องเพิกเฉยจึงเป็นการทิ้งฟ้องอุทธรณ์ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา174(2),246ประกอบด้วยพระราชบัญญัติล้มละลายฯมาตรา153ต้องจำหน่ายคดีของผู้ร้องออกจากสารบบความ คำสั่งของศาลอุทธรณ์ที่ให้ผู้ร้องเสียค่าขึ้นศาลชั้นอุทธรณ์ให้ถูกต้องเป็นคำสั่งระหว่างพิจารณาแม้ผู้ร้องจะเห็นว่าคำสั่งดังกล่าวไม่ชอบหรือไม่ถูกต้องก็มีสิทธิเพียงโต้แย้งคำสั่งนั้นเพื่อใช้สิทธิฎีกาต่อไปเท่านั้นหามีสิทธิที่จะไม่ปฏิบัติตามคำสั่งนั้นไม่การที่ผู้ร้องฎีกาคำสั่งศาลอุทธรณ์ดังกล่าวอันเป็นคำสั่งระหว่างพิจารณาจึงต้องห้ามมิให้ฎีกาตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา226(1)ประกอบมาตรา247

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 5133/2539 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ อุทธรณ์ข้อเท็จจริงในคดีมีทุนทรัพย์ต้องห้าม และการที่ศาลอุทธรณ์วินิจฉัยคดีผิดประเภท
โจทก์ฟ้องว่า จำเลยกระทำละเมิด ทำลายและปิดกั้นทางสาธารณประโยชน์ ทำให้โจทก์ไม่สามารถใช้ทางสาธารณะดังกล่าวเข้าไปทำไร่อ้อยในที่ดินของโจทก์ได้ ทำให้โจทก์ได้รับความเสียหายเป็นเงินจำนวน50,000 บาท ท้ายฟ้องโจทก์ขอให้จำเลยชดใช้ค่าเสียหายแก่โจทก์เป็นเงินจำนวน 50,000 บาท จึงเป็นคดีมีทุนทรัพย์
การที่ศาลชั้นต้นพิจารณาประเด็นข้อพิพาทว่า จำเลยปิดกั้นและทำลายทางสาธารณประโยชน์เป็นเหตุให้โจทก์ได้รับความเสียหายหรือไม่การพิจารณาว่ามีทางสาธารณประโยชน์อยู่ตามฟ้องหรือไม่ ก็เพื่อวินิจฉัยข้ออ้างอันจะนำไปสู่ข้อหาของโจทก์ที่ว่า จำเลยกระทำการละเมิดต่อโจทก์หรือไม่เท่านั้นดังนี้ โจทก์หาได้ฟ้องขอให้มีการปลดเปลื้องทุกข์ของโจทก์ในการใช้ทางพิพาทไม่เมื่อศาลชั้นต้นพิพากษาให้จำเลยใช้เงินจำนวน 20,000 บาท แก่โจทก์ จำเลยอุทธรณ์ว่า ไม่มีทางสาธารณประโยชน์ตามที่โจทก์กล่าวอ้าง อันเป็นการอุทธรณ์ปัญหาข้อเท็จจริง จึงต้องห้ามอุทธรณ์ตาม ป.วิ.พ.มาตรา 224 วรรคหนึ่ง
คดีนี้เป็นคดีมีทุนทรัพย์ ซึ่งต้องห้ามมิให้คู่ความอุทธรณ์ในข้อเท็จจริงการที่ศาลอุทธรณ์วินิจฉัยว่าเป็นคดีที่ฟ้องขอให้ปลดเปลื้องทุกข์อันไม่อาจคำนวนเป็นราคาเงินได้ แล้วพิจารณาพิพากษาคดีไปตามอุทธรณ์ของจำเลยไปเป็นการไม่ชอบและเมื่ออุทธรณ์ของจำเลยเป็นอุทธรณ์ที่ต้องห้ามตามกฎหมายแล้ว ต้องถือว่าข้อเท็จจริงเป็นอันยุติไปตามคำพิพากษาศาลชั้นต้นแล้ว จำเลยจึงไม่มีสิทธิฎีกา การที่ศาลชั้นต้นสั่งรับฎีกาของจำเลยมานั้น จึงไม่ชอบเช่นกัน ศาลฎีกาไม่รับวินิจฉัยให้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 5133/2539 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ฎีกาไม่อุทธรณ์ข้อเท็จจริงคดีมีทุนทรัพย์ ศาลอุทธรณ์รับอุทธรณ์ผิดพลาด
โจทก์ฟ้องว่า จำเลยกระทำละเมิด ทำลายและปิดกั้นทางสาธารณประโยชน์ ทำให้โจทก์ไม่สามารถใช้ ทางสาธารณะดังกล่าวเข้าไปทำไร่อ้อยในที่ดินของโจทก์ได้ ทำให้โจทก์ได้รับความเสียหายเป็นเงินจำนวน 50,000 บาท ท้ายฟ้องโจทก์ขอให้จำเลยชดใช้ค่าเสียหาย แก่โจทก์เป็นเงินจำนวน 50,000 บาท จึงเป็นคดี มีทุนทรัพย์ การที่ศาลชั้นต้นพิจารณาประเด็นข้อพิพาทว่า จำเลยปิดกั้นและทำลายทางสาธารณประโยชน์ เป็นเหตุให้โจทก์ได้รับความเสียหายหรือไม่ การพิจารณาว่ามีทางสาธารณประโยชน์อยู่ตามฟ้อง หรือไม่ ก็เพื่อวินิจฉัยข้ออ้างอันจะนำไปสู่ข้อหาของโจทก์ ที่ว่า จำเลยกระทำการละเมิดต่อโจทก์หรือไม่เท่านั้น ดังนี้ โจทก์หาได้ฟ้องขอให้มีการปลดเปลื้องทุกข์ของโจทก์ในการใช้ทางพิพาทไม่เมื่อศาลชั้นต้นพิพากษาให้จำเลยใช้เงินจำนวน 20,000 บาทแก่โจทก์ จำเลยอุทธรณ์ว่า ไม่มีทางสาธารณประโยชน์ตามที่โจทก์ กล่าวอ้าง อันเป็นการอุทธรณ์ปัญหาข้อเท็จจริง จึงต้องห้ามอุทธรณ์ตาม ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 224 วรรคหนึ่ง คดีนี้เป็นคดีมีทุนทรัพย์ ซึ่งต้องห้ามมิให้คู่ความอุทธรณ์ในข้อเท็จจริงการที่ศาลอุทธรณ์วินิจฉัยว่า เป็นคดีที่ฟ้องขอให้ปลดเปลื้องทุกข์อันไม่อาจคำนวน เป็นราคาเงินได้ แล้วพิจารณาพิพากษาคดีไปตามอุทธรณ์ ของจำเลยไปเป็นการไม่ชอบและเมื่ออุทธรณ์ของจำเลย เป็นอุทธรณ์ที่ต้องห้ามตามกฎหมายแล้ว ต้องถือว่า ข้อเท็จจริงเป็นอันยุติไปตามคำพิพากษาศาลชั้นต้นแล้ว จำเลยจึงไม่มีสิทธิฎีกา การที่ศาลชั้นต้นสั่งรับฎีกา ของจำเลยมานั้น จึงไม่ชอบเช่นกัน ศาลฎีกาไม่รับ วินิจฉัยให้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 37/2539

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ คดีมีทุนทรัพย์ไม่เกินสองแสนบาท ฎีกาในข้อเท็จจริงไม่ได้ ศาลฎีกาไม่รับวินิจฉัย
โจทก์ฟ้องว่าจำเลยที่1และที่2บุกรุกเข้าไปในที่ดินของโจทก์แล้วล้อมรั้วไม้ไผ่และได้โต้แย้งคัดค้านการรังวัดที่ดินของโจทก์เพื่อออกโฉนดที่ดินขอเรียกค่าเสียหายและให้รื้อถอนรั้วส่วนที่รุกล้ำออกไปจำเลยที่1และที่2ให้การว่าที่ดินพิพาทเป็นของ ค.กับ ห. ครอบครองมาแล้วยกให้แก่จำเลยที่1และที่2ครอบครองต่อมาเป็นเวลากว่า20ปีแล้วเป็นการฟ้องเรียกกรรมสิทธิ์ที่ดินอันเป็นคดีมีทุนทรัพย์เมื่อราคาทรัพย์สินที่พิพาทกันในชั้นฎีกาไม่เกินสองแสนบาทจึงฎีกาในข้อเท็จจริงไม่ได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 833/2538

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ คดีมีทุนทรัพย์เกิน 2 แสนบาทฎีกาขัดแย้งข้อเท็จจริง ศาลไม่รับวินิจฉัย
โจทก์ฟ้องว่าโจทก์ทั้งสองเป็นเจ้าของที่ดินมีโฉนดโจทก์ขุดร่องน้ำพิพาทซึ่งอยู่ในเขตโฉนดเพื่อรับน้ำจากคลองสาธารณมาใช้ประโยชน์ต่อมาจำเลยทั้งสองทำทำนบกั้นร่องน้ำดังกล่าวขอให้ศาลพิพากษาให้จำเลยรื้อถอนทำนบออกไปจำเลยทั้งสองให้การว่าจำเลยทั้งสองใช้ร่องน้ำพิพาทติดต่อกันไม่น้อยกว่า40ปีจึงได้กรรมสิทธิ์โดยการครอบครองปรปักษ์ดังนี้แม้ คำขอท้ายฟ้องจะขอให้จำเลยทั้งสองรื้อถอนทำนบที่ปิดกั้นร่องน้ำซึ่งเป็นคำขอให้ปลดเปลื้องทุกข์ที่ไม่อาจคำนวณเป็นราคาเงินได้แต่เมื่อจำเลยให้การต่อสู้อ้างกรรมสิทธิ์จึงเป็น คดีมีทุนทรัพย์ คำขอบังคับของโจทก์ดังกล่าวจึงเป็นผลต่อเนื่องมาจากประเด็นข้อพิพาทว่าคูน้ำพิพาทเป็นของโจทก์หรือไม่เมื่อทุนทรัพย์ที่พิพาทกันในชั้นฎีกาไม่เกินสองแสนบาทจึงต้องห้ามมิให้คู่ความฎีกาในข้อเท็จจริงตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา248วรรคหนึ่ง

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 7558/2538

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ คดีมีทุนทรัพย์จากการรังวัดที่ดินพิพาท การอุทธรณ์ข้อเท็จจริงต้องพิจารณาจำนวนทุนทรัพย์
โจทก์ฟ้องขอให้เพิกถอนหนังสือคำคัดค้านของข.สามีจำเลยที่คัดค้านการรังวัดที่ดินของโจทก์จำเลยให้การว่าเหตุที่ข. ยื่นหนังสือคัดค้านการรังวัดที่ดินของโจทก์เพราะโจทก์นำช่างรังวัดปักหลักรุกล้ำเข้ามาในที่ดินของข. ประเด็นโต้เถียงจึงมีว่าที่ดินพิพาทเป็นของโจทก์หรือข. อันเป็นคดีที่มีคำขอให้ปลดเปลื้องทุกข์อันอาจคำนวณเป็นราคาเงินได้จึงเป็นคดีมีทุนทรัพย์

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 5223/2538 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ คดีมีทุนทรัพย์ตามราคาที่ดิน แม้มีคำขอปลดเปลื้องทุกข์ ศาลอุทธรณ์ไม่รับวินิจฉัยข้อเท็จจริงหากราคาที่ดินต่ำกว่าเกณฑ์
โจทก์ฟ้องว่า ที่ดินพิพาทเป็นของโจทก์ จำเลยปักหลักหินบุกรุกเข้าไปในที่ดินของโจทก์ ขอให้ศาลพิพากษาว่าที่ดินพิพาทเนื้อที่ 1 ไร่ 2 งาน เป็นของโจทก์ ห้ามจำเลยเข้าเกี่ยวข้องและให้จำเลยรื้อถอนหลักหินออกไปจากที่ดินพิพาทจำเลยให้การว่า จำเลยไม่เคยปักหลักหินบุกรุกเข้าไปในที่ดินของโจทก์ ที่ดินพิพาทเป็นของจำเลยครอบครองมาเกิน 10 ปีแล้วขอให้ยกฟ้อง เป็นการฟ้องเรียกร้องให้ได้ที่ดินพิพาทกลับคืนมาเป็นของโจทก์ ส่วนที่โจทก์ห้ามมิให้จำเลยเข้ามาเกี่ยวข้องและให้รื้อถอนหลักหินออกไปจากที่ดินพิพาทนั้นเป็นเพียงคำขอเกี่ยวเนื่อง คดีของโจทก์จึงเป็นคดีที่มีคำขอปลดเปลื้องทุกข์อันอาจคำนวณเป็นราคาเงินได้ เป็นคดีมีทุนทรัพย์ตามจำนวนราคาของที่ดินพิพาทนั้น เมื่อที่ดินพิพาทมีราคาเพียง 50,000 บาทจึงต้องห้ามอุทธรณ์ในข้อเท็จจริง

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 5223/2538

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ คดีมีทุนทรัพย์ตามราคาที่ดิน แม้มีคำขอปลดเปลื้องทุกข์ ศาลอุทธรณ์ไม่รับวินิจฉัยข้อเท็จจริงหากเกินทุนทรัพย์
โจทก์ฟ้องว่าที่ดินพิพาทเป็นของโจทก์จำเลยปักหลักหินบุกรุกเข้าไปในที่ดินของโจทก์ขอให้ศาลพิพากษาว่าที่ดินพิพาทเนื้อที่1ไร่2งานเป็นของโจทก์ห้ามจำเลยเข้ามาเกี่ยวข้องและให้จำเลยรื้อถอนหลักหินออกไปจากที่ดินพิพาทจำเลยให้การว่าจำเลยไม่เคยปักหลักหินบุกรุกเข้าไปในที่ดินของโจทก์ที่ดินพิพาทเป็นของจำเลยครอบครองมาเกิน10ปีแล้วขอให้ยกฟ้องเป็นการฟ้องเรียกร้องให้ได้ที่ดินพิพาทกลับคืนมาเป็นของโจทก์ส่วนที่โจทก์ห้ามมิให้จำเลยเข้ามาเกี่ยวข้องและให้รื้อถอนหลักหินออกไปจากที่ดินพิพาทนั้นเป็นเพียงคำขอเกี่ยวเนื่องคดีของโจทก์จึงเป็นคดีที่มีคำขอปลดเปลื้องทุกข์อันเป็นอาจคำนวณเป็นราคาเงินได้เป็นคดีมีทุนทรัพย์ตามจำนวนราคาของที่ดินพิพาทนั้นเมื่อที่ดินพิพาทมีราคาเพียง50,000บาทจึงต้องห้ามอุทธรณ์ในข้อเท็จจริง
of 9